3 ตอน ตอนที่ 3
โดย คุณฉลาม
ตอนที่ 3
พอกินเกือบหมดพ่อลูก(คนสุดท้อง)ที่แสดงความรักกันเสร็จก็หันไปถามลูกคนอื่นบ้างด้วยความรัก
"ทำไมเจ้ายังสอบขุนนางไม่ได้อีก"
"เรียนได้คะแนนเท่านี้จะสู้คนอื่นได้ยังไง"
"อ่อนแอแล้วยังไปสมัครทหาร สมองเจ้าเท่าเมล็ดงารึ"
รักจริงๆ
พอถึงตาเขาบ้าง เฮียแกมองหรี่ตาเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร มีอะไรให้พูดบ้างละฮุ่ยหมินคนเก่าฮีแกเรียนก็เกือบที่หนึ่ง พลังกายก็ไม่ด้อย แถมกำลังสอบขุนนาง
"จะสอบขุนนางแล้ว เจ้าจะเข้าที่กรมใด"
"ไม่เข้าสักกรมขอรับ"
เขาเอ่ยนิ่งๆ
"ว่าอย่างไรนะ!"
เสนาบดีวัยกลางคนตวาดเสียงดังลั่น
"ก็ข้าไม่อยากไปสอบแล้ว ข้าจะออกไปข้างนอก"
ฮุ่ยหมินกล่าวเจตนาแล้วดื่มน้ำชาล้างปาก
"หึ! น้ำหน้าอย่างเจ้าจะมีปัญญาที่ไหนได้ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าไอ้บุตรเนรคุณ!!!!"
ร่างสูงโปร่งรีบลุกขึ้นยืนย่อตัวก้มหน้าต่ำแล้วเดินออกจากห้องอาหารได้ยินเสียงแว่วๆตะโกนไล่ว่าให้ตัดเบี้ยหวัดและอดอาหารสามวัน
..
ฮุ่ยหมินเดินมาถึงเรือนตัวเองแล้วนั่งไกว่ขาตรงชานเรือนก่อนจะตั้งจิตไปที่กำไลอีกครั้ง
พอลืมตาก็เจอนกเค้าแมวกระพือปีกบินไปเกาะตรงนู้นทีตรงนี้ที
"ท่านเค้าแมว"
"ขอรับ"
นกตัวเขื่องบินมาหาฮุ่ยหมินทันที
"ข้าอยากเรียนภาษา"
ตึง!!
"ได้ขอรับ นี่คือหนังสือที่รวบรวมภาษาทุกมุมยุทธภพทั้งหมด 583 เล่ม 78 ภาษา"
หนังสือเย็บขอบด้วยด้ายผ้าหลายเล่มกระจายเต็มโต๊ะตรงกลางหอสมุดแห่งนี้ เขาถูมือสองสามที
"ขอกระดาษกับหมึกด้วยอยากฝึกอักษรแต่ละภาษา"
นกเค้าแมวตีปีกกระพือสองรอบแล้วก็มีกระดาษ พู่กัน หมึกโผล่ที่โต๊ะตัวเดิม ฮุ่ยหมินรีบเดินเข้าไปทันที ไม่อยากบอกว่า เขาเป็นคนชอบเรียนรู้สุดโต่งมาก ชอบเรียน อยากรู้ เต็มไปหมด ยิ่งเจออะไรแบบนี้ยิ่งชอบ
"ส่วนนี้ยาความจำดีที่ข้าได้ไปขอจากเจ้างูเซาแมวมา โปรดกินแล้วก็อ่านเถอะขอรับ"
"ขอบคุณมาก"
ฮุ่ยหมินให้รางวัลคือการลูบหัวลูบปีกนกเค้าแมวเบาๆแล้วก็จมอยู่กับตำราหนังสือภาษาต่างๆที่ได้มาทันที
..
อ้วก ความรู้ทำให้คนอ้วกได้
ผมเคยเรียนฟิสิกติดกันทั้งวันทั้งคืนเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยที่ดีที่สุดผลคือ อ้วกแตกตอนนี้รู้สึกอยากอ้วกอี 78 ภาษามาก แต่ยังดียังมีนกเค้าแมว เอ๊ย ท่านเค้าแมวที่ไปเอาขนมหวานและน้ำหวานมาให้เขาตลอด เวลาหลายวันและยาความจำดีทำให้การเรียนที่เรียนไปไม่สูญเปล่า ตอนนี้เขาสามารถพูดอ่านเขียน แต่งกลอน สร้างบทกวี ตีความข้อความต่างๆ ได้ถึง 78 ภาษาเป็นภาษาที่ใหม่มากสำหรับเขา ที่โผล่มาบนโลกยุทธภพแห่งนี้ ปกติเขาก็พูดได้ 4 ภาษา ภาษาไทย อังกฤษ จีน คำเมือง[๓]
เอาละเขาควรเรียนต่อ
"ท่านเค้าแมว ข้าจะเรียนให้หมดทุกตำรา ตอนนี้ข้าไปกินข้าวก่อนนะ"
...
ฟึ่บ
เขามาโผล่ที่มิติของท่านเสือ จริงๆในมิติมันไม่ได้หิวเท่าไหร่หรอก เพราะเขาเล่นกินขนมตลอดเวลา แต่เพื่อสุขภาพที่ดี
"ท่านเสือ ขอข้าวขาหมูติดมัน 1 จาน เอาซุปด้วย"
ข้าวขาหมูจานใหญ่ก็โผล่ตรงหน้าพร้อมกับโต๊ะและเก้าอี้ อเมซิ่งจนน้ำตาจะไหล เขาปรบมือให้ท่านเสือที่แกว่งหางตีกับน้ำที่เจิงอยู่ แล้วลงมือกินข้าวขาหมูด้วยความรวดเร็วเมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว
"ท่านเสือ"
"ว่าอย่างไร ท่านฮุ่ยหมิน"
"เจ้าของคนก่อนเขาทำอะไรมาเหรอ ถึงได้มีข้าวของเยอะแยะมากมายขนาดนี้"
จริงๆ เขาพึ่งสงสัยหลังกินข้าวเสร็จ ว่าตอนที่ท่านเสือเสกทอง เสกของกินมันเยอะมากจนนับแทบไม่ถ้วน
"เขาเป็นยอดยุทธภพ เป็นปรมจารย์ และเป็นบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่"
"แล้วทำไมเขาถึงตายละ"
หางที่แกว่งตีน้ำหยุดลง พร้อมกับดวงตากลมโตสีดำที่เหม่อทะลุตัวเขาไป
"ท่านผู้นั้นตัดสินใจลาจากเอง"
ความเศร้าแฝงออกมาตามน้ำเสียงที่แสดงถึงความเสียใจและน้อยใจ
"เขาอายุเยอะมั้ย"
"8583 ปี"
...
อะไรนะ
"แปดพันกว่าปีเลยเหรอ ไม่แก่เหรอนั้น"
หางยาวฟาดลงน้ำเจิงถี่ๆจนน้ำกระจายตัวเป็นวงกว้าง
"ข้าขอชี้แนะให้ท่านไปศึกษาตำราให้ครบทุกเล่มในมิติหนังสือนั้นแล้วค่อยมาคุยกับข้าอีกครั้ง"
ร่างบางยิ้มแหย แล้วก็พยักหน้าให้
"ได้ๆ ข้าขอเงินด้วยนะ ขอเยอะๆเลย"
...
เวลาในมิติผ่านไปอย่างยาวนาน แต่ตัวของฮุ่ยหมินในเวลาจริงแค่นั่งหลับตานิ่งๆตรงชานเรือน ผ่านไปแค่ 1 ก้านธูป ดวงตากลมก็เปิดขึ้นมา พร้อมกับสภาพที่ดูตาลอยๆ
ไม่ลอยก็แปลกแล้วไอ้ควาย
นั่งเรียนภาษา ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ ลำดับในวัง ยศในพรรค ไหนจะวัฒนธรรมในแต่ละแคว้น แต่ละเมือง รู้สึกเหมือนตีนกาจะขึ้น ร่างผอมโปร่งลุกขึ้นและเข้าไปในเรือนอีกครั้ง ค้นตำรา หนังสือ สมุดของเจ้าของร่างเดิมที่เขียนไว้
แด่ท่านผู้ที่มาไกล
ตัวข้านามว่าฮุ่นหมิน เป็นเพียงจิตดวงน้อยที่อาศัยร่างนี้ เพื่อรอผู้ที่เหมาะสม
อันตัวข้าขอบคุณสำหรับร่างดีๆนี้ ขอลา
ฮุ่ยหมิน
บอกตามตรง กูงงตั้งแต่บรรทัดแรกของกลอน แต่พอเข้าใจว่าโดนยกร่างให้ เลยขอบคุณพึมพำสวดบทแผ่เมตตา นะโม 3 จบให้ เอาจริงๆตั้งแต่ทะลุมิติ เกิดใหม่ ก็เฟลเหมือนกันนะ คือชีวิตเก่ายังใช้ไม่คุ้มเลย แต่โชคดีที่ไม่มีห่วง ไม่อย่างนั้นคงคิดถึงครอบครัวมาก /เหยียดตามองพ่อชาติใหม่ แต่ในเมื่อมันช่วยอะไรไม่ได้ก็ไม่รู้จะหาทางกลับยังไง กลับไปอาจจะเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่เส้นประสาทโดนไม้เสียบแทงจนพรุนก็รู้สึกไม่อยากกลับเหนือยๆ ตอนที่เรียนจนหมดวิชา ยังไม่ได้เรียนยิบย่อยนั้นเขาก็หยิบหนังสือที่เจ้าของกำไลคนเก่าบอก(สั่ง)ให้อ่านมาก็รู้สึกเหมือนอ่านนิยายกำลังภายในจีน วังหลังจีน ย้อนอดีตจีน นิยายจีนย้อนยุค มีปล.ทุกเล่มว่า
เจ้าต้องเป็นไกด์ไลน์(ขีดฆ่า)คนที่ช่วยเหลือตัวเอก
อ่านตอนแรกก็เอ๋อแดกเลยไปถามท่านเสือก็ได้เรื่องมาว่า ให้เขาช่วยเหลือตัวเอกไม่ให้ตายห่าไปก่อนนั้นเอง ตัวเอกพวกเนี่ยแม่งไม่มาในเวลาเดียวกันหรอก คนหนึ่งสร้างชื่อเสร็จ อีกคนสร้างต่อกับอีกเมืองงี้ โดยที่ไลน์เรื่องไม่ทับกัน ไม่มีภาคสองต่อด้วย กูก็ว่าทำไมเจ้าของคนเก่าแม่งอายุยืน เพราะต้องช่วยตัวเอกตามหนังสือในชั้นหนังสือจนเกือบครบละ เหลือแค่ไม่กี่เล่ม ไอ้ส่วนเรื่องอายุก็ตามวรยุทธ์หรือปราณที่มี โดยปราณจะสร้างจากจินตันซึ่งอาศัยอยู่กลางอกใกล้หัวใจ เป็นที่อยู่ของรากปราณพอเราเพ่งสมาธิหรือเพ่งจิตเข้าไปในจินตันก็จะมีปราณแผ่ออกมาเรื่อยๆ จนพัฒนาและสามารถเอามาใช้ได้นั้นเอง เหมือนว่าการทำสมาธิจะเป็นการรดน้ำเติมปุ๋ยจนมีผลผลิตงี้
ซึ่งปราณเนี่ยก็สามารถพัฒนาได้ไปตามลำดับขั้นขึ้นสูง 4 ด่าน 10 ขั้น 4 ด่านคือวัดว่าเป็นคนสามัญ หรือ คนใช้พลังปราณ ด่านแรกคือ สามัญปราณ ใช้หกเหินเดินอากาศแต่ไม่รวดเร็วและใช้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยจะมีด่านให้ทะลุไป เป็นขั้นๆ เช่น ขั้น 1 เมื่อทะลุแล้วจะหูดีขึ้น ประมาณนี้ คือเบสิกพื้นฐาน
ส่วนของด่าน 2 คือด่านพลรบปราณ ด่าน 2 สามารถใช้ควบคู่กับอาวุธมีวิชาต่อสู้ ไม่ก็มีปราณพิเศษบ้าง เช่นควบคุม ดินน้ำ ลม ไฟ แต่จะมากหรือน้อยก็ตามขั้นที่สูงมากขึ้น
ด่าน 3 นี่ส่วนใหญ่จะมีแต่ราชวงศ์ แม่ทัพ คนเก่งๆ เท่านั้น คือ ด่านราชัน ไอ้ด่านเนี่ยจะเร็วขึ้น พลังเยอะขึ้น ก็มีส่วนน้อยที่จะข้ามจากด่าน 2 มาด่าน 3 เป็นจำนวน 1/10 คนได้ ก็ถือว่าไม่เยอะมากแต่พบได้ทั่วไปตามวัง ลำดับขั้นก็จะแสดงพลังเยอะขึ้นเอาปราณทำรูปร่างได้
ด่าน 4 ด่านเซียน ก็ง่ายๆ เซียน ด่านนี้ทะลุแล้วไม่มีขั้น พัฒนาต่อได้อายุยืนนานมาก ไม่มีใครทะลุได้เท่าไหร่ทั้งทวีปมีอยู่ 1 คนไรงี้ เรื่องพลังก็ทำได้เกือบหมด ทำของลอย เหาะเหินเดินอากาศ ตบกับพวกราชันคือชนะลอย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ฮุ่ยหมินคนเก่งอย่างกู อยู่พลรบปราณขั้น 2 จ้าาาาา
อีควายยยย พากูมาก็หาความ marrysoo[๔] ให้กูหน่อยก็ไม่ได้!!!!!!
_______________________________
[๓] คำเมือง = คำเหนือ
[๔] marrysoo = ตัวเอกเก่ง ไม่ก็เวลาลำบากก็ต้องมีคนช่วยตลอดดดดดด แทบไม่ซวย
Comments (1)
แค่คิดว่าตัวเองต้องเรียนตั้ง78ภาษา ก็แทบจะอ้วกเหมือนยัยน้องเลยค่ะ555