ตอนที่ 16 : เมืองหลวง

 

ข่ายฝานนั่งจุมปุ๊กอิงกำแพงถ้ำอย่างน่าสงสาร ใบหน้าเลื่อนลอยเหม่อมองความมืดในถ้ำ โดยมีชายหนุ่มในชุดจีนคอเต่านั่งชันเข่าข้างหนึ่งบนแท่นหิน ใบหน้าหล่อเหลามีความเอ็นดูเด็กหนุ่มที่ช็อกกับการที่เผลอไปจับส่วนล่างของเขาด้วยความไม่ได้ตั้งใจ 

"เจ้าจะเสียใจไปไย ข้าสิเสียหาย"

ข่ายฝานรีบยกมือปิดหูทันที ปิงเกือบหลุดหัวเราะออกมา 

"เอาละ ข้ารู้ว่าเจ้าได้ยิน ข้าชื่อปิงเป็นจิตในกระบี่ที่เจ้าเผลอแตะไปเมื่อสักครู่ เจ้ามีปราณอะไร"

ชายหนุ่มหันมามองคนที่ทำให้มือตัวเองปนเปื้อนเสียบริสุทธิ์ 

"ฮึก.. ปราณน้ำแข็ง"

ชายหนุ่มตาโต ยิ้มกว้างอย่างดีใจ

"ว้าว พอดีเลยข้าเป็นกระบี่น้ำแข็ง เจ้าใช้กระบี่หรือดาบอื่นไม่ได้เลยล่ะสิ หากเจ้าผูกจิตกับข้าทำให้เจ้ามีอาวุธที่แข็งแกร่งนะ"

ปิงเอ่ยออกมาอย่างใจดี พลางยื่นมือไปช่วยพยุงเด็กหนุ่ม

"ท่านแข็งแกร่งเหรอ"

ข่ายฝานถามด้วยความไม่ไว้ใจ แต่อีกคนพยักหน้าขึ้นลงแรงๆแล้วชูนิ้วชี้ขึ้นข้างบน 

ครืน!!!!

เสียงฟ้าร้องดังจนช่ายฝานวิ่งออกจากถ้ำไปดู พบว่ารอบถ้ำมีน้ำแข็งปกคลุมทั่ว ชายหนุ่มอ้าปากเหวอ 

"ท่านทำได้อย่างไร!"

ปิงเดินกอดอกอย่างถือดี แล้วเชิดหน้าขึ้น 

"ข้าเก่งไง"

....

ข่ายฝานทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วพยักหน้าให้ส่งๆ

"อย่างทำท่าเหมือนอาจารย์เจ้านะ ให้ตายเถอะเหมือนท่านฮุ่ยหมินจริงๆ"

"ท่านรู้จักอาจารย์ด้วยเหรอ"

"แน่นอน ข้าอายุกี่ปี 560 ปีเชียวนะ เอาละรีบผูกจิตกับข้าที ข้าง่วงอยากนอน"

ข่ายฝานหรี่ตาเบาๆแล้วกัดนิ้วตัวเองจนเลือดซิบแล้วป้ายที่กลางมือ ปิงก็ทำแบบเดียวกันทั้งสองเอาฝ่ามือมาประกบกันทำให้มีวงแหวนเวทย์ปรากฏบนพื้นแล้วหลังคอข่ายฝานมีชื่อของปิง 

ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดคอเต่ากลายเป็นกระบี่สีดำ ชายหนุ่มที่ได้อาวุธมาแบบงงๆเงยหน้ามองท้องฟ้า ฉิบหาย ตะวันเอนจนไม่รู้จะเอนยังไง เกือบตกดินข่ายฝานใช้ปราณกระโดดไปถึงยอดเขา เห็นศิษย์พี่นั่งหอบ นอนหอบกันอย่างหมดแรง และอาจารย์ตัวเองในชุดสีดำคอเต่า

ข่ายฝานรู้สึกคิ้วกระตุก เมื่อเห็นว่าชุดช่างคุ้นตาเหลือเกิน ยิ่งเห็นท่าทางที่กำลังจิบน้ำชาจากอาจารย์หลินอวิ๋นยิ่งคิ้วกระตุกไม่หยุด ฮุ่ยหมินเห็นศิษย์รักตัวเองแล้วก็ส่งยิ้มไปให้ 

"เป็นไงบ้างศิษย์'รัก' เจออะไรหรือไม่"

ข่ายฝานก็รู้ทันทีว่าโดนอาจารย์ตัวเองเล่นเข้าให้เสียแล้ว 

 

 

...

 

กระบี่ปิงเข้ากับปราณข่ายฝานราวกับเกิดมาเผื่อเป็นอาวุธของข่ายฝานโดยเฉพาะ ทำให้สามารถใช้ปราณควบคู่กับอาวุธได้จนทะลุด่านพลรบปราณขั้นสิบมาได้ ปิงวันๆก็เอาแต่นอนจะตื่นมาเฉพาะตอนที่ฝึกวิชากับอาจารย์ฮุ่ยหมินเท่านั้น จนกระทั่งวันสอบมีใบประกาศให้ไปป่าทมิฬที่ 100 ปี จะเปิดป่าเสียทีเพราะข้างในป่ามีอันตรายมากมายและที่สำคัญมีเซียนปกครองป่านี้ทำให้ร้อยปีเปิดที คนที่ไปหลังสอบมีรายชื่อคนที่ไปถึงยอดเขาตอนนั้น ข่ายฝานก็เป็นหนึ่งในนั้น ทำให้ข่ายฝานได้แต่ฝึกซ้อมให้หนักขึ้น 

ฮุ่ยหมินเองก็เตรียมตัวเก็บของเตรียมไปป่าทมิฬด้วย ข้างกายมีปิงที่นอนเอกเขนกข้างๆ 

"ไม่ไปอยู่กับข่ายฝานรึไง"

ปิงส่ายหน้า แล้วหลับตาลง

"ไม่ละ เด็กนั้นเรียนอยู่จะให้ใครรู้เรื่องตัวข้ามากไม่ได้ข้าบอกข่ายฝานแล้ว"

ใช่แล้ว ตามเนื้อเรื่องไม่ใช่เวลาเปิดตัวกระบี่เท่าไหร่ ต้องเปิดตัวตอนที่ผูกพันธสัญญากับพยัคฆ์ขาวแล้ว ฮุ่ยหมินพยักหน้าให้ แล้วพับชุดสุดท้ายใส่ถุงผ้าเสร็จ แม้ปิงจะสงสัยว่าจะพับไปทำไมในเมื่อมีกำไลอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องของเจ้านาย ไม่เกี่ยวกับเขา 

"ที่เมืองหลวงมีวัดระดับก่อนเข้าป่าใช่มั้ย"

เจียในชุดสีม่วงออกมาจากหลืบมุมห้อง

"ขอรับ มีวัดระดับ มีองค์ชายเข้าร่วมมากมายรวมทั้งลูกขุนนางรวมถึงลูกชาวบ้านธรรมดาไม่มีค่าเก็บเข้าป่าขอรับ"

ฮุ่ยหมินพยักหน้า

 

...

 

เมืองหลวง 

 

ข่ายฝานในชุดของโรงศึกษารั้วดำเดินเข้ามาในเมืองหลวงพร้อมศิษย์พี่หลายคน ผู้คนต่างเมียงมองศิษย์จากโรงรั้วดำ โดยเฉพาะข่ายฝานที่มีใบหน้าหล่อเหลา กระบี่สีดำถูกห่อด้วยผ้าเก่าทำให้ดูลึกลับ 

"ผ้าเช็ดหน้าเกลื่อนพื้นเจ้าไม่คิดจะเก็บเสีย ผืนสองผืนหรือ ข่ายฝาน"

ศิษย์พี่คนหนึ่งเอ่ยเหย้า ทำให้ข่ายฝานทำหน้างงงวยและมองที่พื้นก็พบว่ามีผ้าเกลื่อนพื้นจริงๆ แต่คนที่ถูกเหย้าไม่ได้สนใจ กลับมองรอบเมืองหลวงแทนและเดินจับชายผ้าของอาจารย์หลินอวิ๋นตามต้อยๆราวกับลูกเป็ด ทำเอาฮุ่ยหมินแอบลอบกุมขมับในใจ

เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมฮุ่ยหมินปล่อยให้ศิษย์แต่ละคนออกไปเที่ยวเพราะเมืองหลวงจัดงานและตกแต่งเมืองต้อนรับคนเข้ามา ศิษย์พี่หลายคนต่างพากันจับกลุ่มไปยกเว้นข่ายฝานแม้ว่าจะพูดคุยได้แต่ไม่ได้สนิทกับศิษย์พี่ขนาดนั้น ทั้งยังต้องเกรงใจหลายส่วนเลยบอกว่าจะออกไปคนเดียว โดยไม่รู้ว่าถูกตาม

 

ข่ายฝานเดินดูรอบๆด้วยความสนใจ แต่ก็ไม่ได้แวะอะไร เงินทุนที่ได้จากการเป็นศิษย์ทุนก็ไม่ได้ใช้มาหลายปี ร่างสูงไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นจุดเด่นเพราะมัวแต่คุยกับกระบี่ตนเองในจิต

'ข้ารู้สึกถึงของวิเศษข้างหน้าจริงๆ'

'ข้าเดินจนจะรอบเมืองหลวงอยู่แล้ว ท่านปิงหลอกลวงข้าหรือ'

'ไอ้เด็กเวรนี่ อีกสามก้าว เร็ว'

ข่ายฝานถอนหายใจเบาๆแล้วเดินสามก้าวหยุดตรงหน้าร้านขายของเก่าที่ไม่มีใครเข้า ชายหนุ่มเดินเข้าไปตามเสียงของคนแก่ที่บ่นตั้งแต่เข้ามาในเมืองหลวงทั้งที่ปกติจะเอาแต่นอน ดวงตาคมไล้มองของในร้าน 

'กล่องสีขาวฟ้าตรงนั้น'

มือหนาเอื้อมหยิบกล่องหินสีขาวฟ้าลงมาพลิกดู ไม่ทันจะทำอะไรมีชายแก่มายืนข้างๆพร้อมทำมือประกบกันถูไปมาคล้ายเถ้าแก่หน้าเลือดที่เคยเจอ

"สนใจกล่องหินนี้หรือขอรับ ข้าขายให้ในราคาถูกเลยนะขอรับ ห้าเหรียญทองขอรับ"

ข่ายฝานเลิกคิ้ว 

"ล้อข้าเล่นแล้ว เถ้าแก่ 125,000 เหรียญทองแดงเลยเนี่ยนะ"

เถ้าแก่ขยับตัวเข้าใกล้

"ท่านไม่รู้หรือว่าเมืองหลวงขายราคานี้กัน"

ใบหน้าคมขมวดคิ้วเตรียมจะอ้าปากแต่ว่ามีคนมาขัดแทน

"เช่นนั้นหรือเถ้าแก่ ข้าที่เป็นรัชทายาทไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย สงสัยข้าต้องถามเสด็จพ่อ"

ชายแก่หน้าซีดตัวสั่นเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดรัชทายาทเดินมาคล้องไหล่คนที่ตนโกงเงิน 

"เอ่อ..องค์รัชทายาท ข้าน้อยมิทราบ เอ่อ.. ขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

ชายแก่รีบคุกเข่าโขกศีรษะสามที 

"งั้นหากให้กล่องนี้แก่สหายข้าโดยไม่เสียสักเหรียญ ข้าคงไม่มีเรื่องไปเล่าให้เสด็จพ่อฟัง"

"เอาไปเลยขอรับ หยิบได้ตามพระทัย ข้าน้อยไม่คิดสักเหรียญ"

 

 

...

 

ข่ายฝานเดินออกมาจากร้านพร้อมองค์รัชทายาทที่ยังคงคล้องไหล่อยู่ องค์รัชทายาทเมืองหลวงมีรูปร่างสมส่วนแต่เตี้ยกว่าเขาเท่าดวงตา ชายหนุ่มรีบโค้งตัวทำท่าจะคุกเข่าแต่ถูกอีกคนดึงไว้ก่อน

"อย่าทำเช่นนี้ ข้าถือว่าเจ้าเป็นสหาย"

"แต่พระองค์.."

องค์รัชทายาทปัดมือไปมา 

"ข้าถูกชะตากับเจ้า เราถือเป็นสหายกันเจ้ามาจากโรงรั้วดำหรือ"

ข่ายฝานเดินตามอีกคนที่ถามไปด้วยเดินไปด้วย ดวงตาคมมองร้านค้าไปทั่ว

"พ่ะย่ะค่ะ ข้าพเจ้ามาจากโรงศึกษารั้วดำ"

"หากเสด็จพ่อเราไม่วุ่นวายที่นั่นคงได้ร่ำเรียนด้วยกัน เจ้ากินถังหูลู่หรือไม่"

ข่ายฝานทำหน้ามึนๆแล้วบอกปฏิเสธ 

"ถังหูลู่สองไม้"

 

ข่ายฝานรู้สึกเข้าไม่ถึงองค์รัชทายาท

 

 

...

 

ฮุ่ยหมินที่เดินตามข่ายฝานตั้งแต่ออกจากโรงเตี๊ยมก็รู้สึกโล่งใจที่เป็นไปตามเนื้อเรื่องในนิยาย แม้ว่าจะต้องพลักองค์รัชทายาทให้เข้าร้านซอมซ่อนั้นก็ตาม เมื่อหมดบทคนชุดดำก็ทำท่าจะเดินไปดูเมืองหลวง

ตุบ

"โอ๊ย หลินอวิ๋น ข้าเจ็บ"

"ภรรยา สามีขออภัย"

มือหนาลูบจมูกที่ชนแผงอกตัวเองเมื่อครู่ แล้วลามไปจับมือบาง

"ภรรยาดูศิษย์จนพอใจแล้ว ก็มาดูสามีต่อเถอะ"

ฮุ่ยหมินทำหน้าคล้ายแมวเหม็นกลิ่นเท้า แล้วเดินหนีแทนทำให้คนตัวสูงต้องรีบเดินตามพร้อมกางร่มทั้งๆที่ไม่แดด 

"ภรรยา รอสามีด้วย"

 

สามีบ้านมึงสิ กลางเมือง!

 

 

_________________________________________________________

 

พึ่งมาชั่งน้ำหนัก เราน้ำหนักขึ้น 7 โลค่ะทุกคน 555555555555555555555555 กักตัวอร่อยไปหน่อย