17 ตอน อาคม(1)
โดย นกเป็ดน้ำ
ร่างผอมบางของท่านอาจารย์ขยับตัว มองไปรอบบริเวณภายในถ้ำ สายตาของท่านหยุดที่ร่างของเด็กน้อยที่ยังคงนั่งทำสมาธิส่งกระแสจิตมาหาท่านโดยไม่หยุด
“เจ้าสองตัว เลี้ยงเสียข้าวสุกยิ่งนัก” ท่านเอ่ยด้วยเสียงเบาแต่เสียงนั้นกลับดูกังวานในถ้ำที่เงียบสงบ “ปล่อยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเข้ามาได้ โดยไม่มีแม้ริ้วรอย”
“เด็กเป็นจุดอ่อนของเจ้าใบตองเสมอ” ผีพรายว่า ยิ้มเยาะๆ “เจอเด็กแล้วใจอ่อนทุกครา”
“เจ้าก็เสนอให้นำทางมนุษย์เด็กน้อยเข้ามาเหมือนกันละน่า” เจ้างูหรี่ตาสีเหลืองมองอีกฝ่าย “เดินนำมาคนแรกเลย”
“พอกันทั้งสองตัวนั่นแหละ” ท่านอาจารย์สรุป ขยับกายเพียงครู่เดียวท่านก็ลงมายืนบนพื้นถ้ำอย่างสง่างาม และเพ่งพินิจเด็กน้อยที่ยังนั่งทำสมาธิอย่างมั่นคง
“นางผ่านด่านอาคมของท่านเข้ามาได้ โดยไม่มีแม้รอยแผล ไม่เสียสติ” เจ้างูใบตองพูดช้าๆ “แถมยังลากมนุษย์สี่คนที่ตามมาด้วยเข้ามาถึงฝั่งได้ ไม่ธรรมดาเลย”
“และที่สำคัญเดินผ่านตะเกียงพันดวงโดยไม่เจ็บปวดใดๆ” ผีพรายเสริม “เด็กนี่ต้องมีอาคมแน่นอน”
ท่านอาจารย์มองเด็กหญิงอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “จิตอันตั้งมั้น นำทางนางมาที่นี่”
เจ้างูกับผีพรายมองสบตากันอย่างมีความนัย
“มนุษย์สี่คนนั่นเล่า” ท่านอาจารย์ละสายตาจากเด็กไปมองทั้งสอง “พวกเจ้าจัดการอย่างไร”
“อำพัน นำพวกเขาไปพักฟื้นแล้ว หนึ่งในนั้นคือ พ่อช่วง ชายอีกคนเป็นคนที่มักมาส่งเขาประจำที่ชื่อ เที่ยง อีกสองคนเป็นหญิงแปลกหน้า” ผีพรายรายงาน
“เจ้าช่วงรึ” ท่านเลิกคิ้วสูง “มันมาทำไม และมันก็ไม่ส่งสารแจ้งมาก่อนว่ามันจะมา ไร้มารยาทจริง”
“ข้าได้ยินเขาเล่าลือกันว่า เขาถูกขับไล่จากราชสำนักอยุธยา” เจ้างูบอก “อาจจะมาขอปรึกษาท่านอาจารย์”
“ข่าวเจ้าไวเสมอนะ ใบตอง” ผีพรายยิ้มล้อเลียน “จนข้าสงสัยว่าเจ้าเอาเวลาใดไปหาข่าว”
“ข้าก็มีพวกพ้องของข้าเหมือนกัน” เจ้างูเขียวใบตองตอบอย่างวางมาด
“แล้วเราจะเอาไงกับเด็กนี่ดีละท่านอาจารย์” ผีพรายรีบตัดบทก่อนจะเถียงกันยาวกว่านี้
“พรุ่งนี้เช้าให้นางขึ้นไปหาข้าที่หน้าผา” ท่านอาจารย์ตอบ ยิ้มอย่างมีความนัย
กัณหานั่งกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ที่พื้นถ้ำที่นั่งทำสมาธิทั้งคืน นึกเจ็บใจเล็กน้อยที่เจ้างูกับผีพรายกว่าจะมาบอกเธอว่าท่านอาจารย์ยอมให้เข้าพบแล้วก็รุ่งเช้า ในขณะที่เธอนั่งทำสมาธิทั้งคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ก็แปลกที่ถึงแม้จะนั่งทำสมาธิอยู่นานกัณหาก็ไม่เมื่อยหรือหิวเลยสักนิด มิหนำซ้ำอาการอ่อนเพลียจากการเดินทางนั่งเรือมาหลายวันและการลุยน้ำทะเลอาคมก็หายเป็นปลิดทิ้ง เธอกลับมาสดชื่นกระฉับกระเฉงระหว่างรับอาหารเช้าที่เป็นพืชผักผลไม้สด ซึ่งเจ้างูเขียวตัวใหญ่ขนใส่ถาดเอามาให้ ผลไม้ที่มีเปลือกหนาเกินไป มันก็ใช้หางปลายม้วนมีดมาปอกเปลือกออกให้อย่างชำนาญ เมื่อปอกผลไม้เสร็จ มันค่อยๆบรรจงจัดเรียงผลไม้ใส่จานของเธออย่างสวยงาม
“ท่านเป็นงูมังสวิรัติหรือ” เด็กน้อยถามอย่างสงสัย ขณะมองเจ้างูใช้หางตวัดเอาผลไม้เข้าปากไม่ห่างจากตัวเธอนักเธอ “ฉันไม่เคยเห็นงูกินผลไม้”
“ข้าบำเพ็ญศีล จึงละเว้นการกินเนื้อ” เจ้างูบอก เมื่อมันเห็นว่าผลไม้ในจานของกัณหาหมดแล้ว ก็เอาหางม้วนหยิบผลไม้อีกสองสามลูกมาใส่จานให้เด็กน้อย “มีอีกเยอะนะ เจ้าเติมได้”
“ตอนแรกที่ฉันเห็นท่าน ท่านดูน่ากลัวมากมาย แต่จริงๆแล้วท่านเป็นงูใหญ่ใจดีมาก” เด็กน้อยยิ้มให้กับผลไม้ที่เจ้างูส่งให้ “ขอบคุณมากค่ะ” ว่าแล้วหล่อนก็ผละจากผลไม้มากอดลำตัวเจ้างูเขียวอย่างตื้นตัน
เจ้างูเขียวชะงักที่จู่ๆก็ถูกเด็กกอดเอาดื้อๆ มันอึ้งไปทำอะไรไม่ถูก
ไม่ว่าลูกคน ลูกสัตว์ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
ความไร้เดียงสา… สิ่งที่อาจนำพาหายนะมาสู่ชีวิตได้
แต่ก็เพราะความไร้เดียงสาเนี่ยแหละ ที่เป็นกับดักให้เจ้างูเขียวใจอ่อนอยู่ทุกที
เสียงหัวเราะดังขึ้นด้านหลังเจ้างูเขียว ทั้งงูทั้งคนสะดุ้งพร้อมกัน เจ้างูไม่ชอบใจเสียงนี้มากนัก โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของเสียงยักคิ้วยั่วโมโหแถมมาให้ด้วย
“พวกเพื่อนๆเจ้าตอนนี้เริ่มตื่นแล้วนะ แต่น่าจะยังลุกไม่ได้” ผีพรายยิ้มหวานให้เด็กน้อย “ข้าไปดูมาเมื่อเช้า อำพันคอยดูแลพวกเขาให้อยู่ น่าจะใช้เวลาอีกพอสมควรทีเดียวละถึงจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม”
“แล้วนกการเวก” กัณหาถามอย่างกังวล “ตอนฉันลุกมาตอนเช้า ไม่เห็นมัน ฉันจำได้ว่าถือกรงมันขึ้นมาที่นี่ด้วย แล้วพอออกจากสมาธิมาไม่เห็นมี”
“ท่านอาจารย์ให้เอาไปรักษาแล้ว ไปอยู่รวมกับเพื่อนคนอื่นของเจ้านั่นแหละ” ผีพรายบอกให้เธอสบายใจ “มันอาการดีกว่าคนอื่นๆ เพราะไม่ได้โดนอาคมด้วย”
กัณหานิ่งไป ตลอดเวลาหลายวันที่เดินทางมานี่ เธอเห็นเจ้านกน้อยนอนฟุบอยู่ตลอด ถ้าบอกว่าสภาพมันแบบนี้ยังอาการดีกว่าคนอื่นๆ เธอก็ไม่อยากจะคิดว่าอาการคนอื่นๆจะแย่แค่ไหน
“การบาดเจ็บจากอาคม แม้ดูภายนอกจะไม่รุนแรงมาก แต่จะฟื้นตัวยากกว่าบาดเจ็บจากอาวุธธรรมดา และทิ้งร่องรอยได้นานกว่า” เจ้างูเขียวอธิบาย “ข้าว่าพวกเพื่อนเจ้าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะฟื้นฟูกำลังกลับมาเหมือนเดิมได้”
“จริงๆแค่รอดจากทะเลอาคมได้ก็ถือว่า โชคช่วยมากแล้ว” ผีพรายหัวเราะเบาๆ
“แล้วทำไมฉันถึงไม่เป็นอะไรเลยละ” กัณหาถาม
ผีพรายกับงูเขียวมองสบตากัน ก่อนผีพรายเอ่ยขึ้นช้าๆว่า “เจ้ารอดเพราะเจ้าไม่ได้ตอบโต้ด้วยมนต์อันใด เจ้าใช้เพียงจิตนำทาง”
กัณหาฟังคำอธิบายแสนสั้นนั้นอย่างงงๆ ผีพรายเหมือนจะรู้ความคิดของเธอจึงเอ่ยปากว่า “ไว้เช้านี้เจ้าขึ้นไปหาท่านอาจารย์ที่หน้าผา เจ้าก็ลองถามท่านเองเถิด อาจได้คำอธิบายที่ดีกว่า”
เจ้างูเขียวและผีพรายบอกแก่กัณหาว่าให้เดินไปตามเส้นทางที่ออกหลังถ้ำเพื่อขึ้นไปสู่หน้าผา ท่านอาจารย์จะรอพบเธออยู่บนหน้าผานั้น พร้อมทั้งกระซิบว่าทางขึ้นหน้าผาชันมาก ให้ระวังตัวให้มากๆด้วย กัณหานึกสงสัยว่าทำไมต้องขึ้นไปคุยกันบนหน้าผาที่ทั้งสูงทั้งชัน หรือมันเป็นวิธีการต้อนรับของอาจารย์ที่ต้องการให้เธอประทับใจ หรือทำให้ดูลึกลับน่ากลัวรึเปล่า อย่างไรก็ตามกัณหาก็เดินไปตามเส้นทางที่ทั้งสองบอก เพื่อออกจากถ้ำที่นั่งสมาธิทั้งคืน
ทางเดินออกทางด้านหลังถ้ำเป็นทางเดินแคบๆชันขึ้นไปด้านบน ทางเดินส่วนนี้ไม่ได้มีโคมไฟประดับประดาไว้เหมือนตอนขาขึ้นมา แต่ทางเดินก็ดูสว่างเพราะเห็นแสงรำไรมาจากทางออก เมื่อกัณหาก้าวพ้นออกมาจากปากถ้ำ เธอก็พบว่าเธออยู่บนยอดเขาที่โล่งกว้าง ไม่มีต้นไม้ มีเพียงหญ้าต้นเล็กๆปกคลุมทั่วบริเวณ จากบริเวณปากถ้ำมองเห็นสุดปลายหน้าผาอยู่ลิบๆ มีทางเดินเล็กๆที่ไม่มีหญ้าปกคลุมออกจากบริเวณปากถ้ำไป กัณหาเดินไปตามทางเดินเล็กๆนั่น สายลมเย็นพัดผ่านตัวเธอไป ท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีฟ้าสดใส ไม่มีเมฆแม้แต่ก้อนเดียว เมื่อกัณหาเดินไปตามทางมากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็พบว่าทางเดินเริ่มชันมากขึ้นเรื่อยๆ บริเวณที่โล่งเริ่มแคบลง จนสุดท้ายเธอเดินมาจนถึงสุดปลายหน้าผา ชายคนผอมบางในชุดนุ่งขาวห่มขาวนั่งสมาธิอยู่ที่จุดสิ้นสุดของหน้าผานั้น
กัณหาเดินมาใกล้เขาไม่แน่ใจว่าเธอต้องปลุกเขาอีกรอบหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเธอทรุดตัวนั่วลงตรงหน้าเขา ชายคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมามองเธอ
“เจ้าเป็นใคร” ท่านอาจารย์เอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่งพอๆกับดวงตา
“อิฉัน ชื่อ กัณหา เจ้าคะ” เด็กน้อยตอบในทันที “เป็นธิดาคนเล็กของพระอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยา”
“ธิดาพระอุปราช” ท่านอาจารย์ทวนช้าๆ “มีเหตุอันใดถึงได้เดินทางมาไกลถึงเพียงนี้”
“อิฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนท่านอาจารย์เจ้าค่ะ คือแม่นมที่เลี้ยงอิฉันมาเพิ่งเสียไปไม่นานนัก ท่านอายุยังน้อย ป่วยไม่กี่วันก็เสียกะทันหัน ทั้งๆที่ไม่เคยเจ็บป่วยใดๆมาก่อน อิฉันรักและผูกพันกับท่านมาก อิฉันได้ยินว่า มีน้ำอมฤตอยู่ในเทือกเขาอันไกลโพ้น เลยอยากได้มันมาชุบชีวิตให้ท่านกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
ท่านอาจารย์นิ่งอยู่สักพักจึงเอ่ยขึ้นว่า “แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม ข้าไม่มีน้ำอมฤตให้เจ้าหรอกนะ”
Comments (0)