“จับข้อหาอะไร” ท่านหญิงอายาโกะถามสีหน้าเคร่งเครียด

“คนใช้ของท่านหญิงอ้างว่าแหวนขโมยของที่นำเอามาถวายศาลเจ้า ตอนนี้พวกเขากำลังทุบตีแหวนให้รับสารภาพ”

“แล้วอีแหวนมันขโมยจริงๆ รึเปล่า” ช่วงซักอย่างไม่พอใจ

“ข้าไม่รู้ ข้ากำลังคุยกับซายูริอยู่เลยไม่ทันสังเกต หันมาอีกทีคนของท่านหญิงนั่นก็เข้ามาล้อมจับแหวนแล้ว” อาติสั่นศีรษะ “ข้าประท้วงอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ผล ท่านหญิงยืนยันจะลงโทษแหวน”

“นำทางข้าไป” ท่านหญิงอายาโกะเอ่ย

“ขอรับ ทางนี้ขอรับ” อาติรีบนำทางทันที

พวกเขารีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วไปที่ลานหินตรงกลางศาลเจ้า ที่นั่นมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุงกันอยู่จนมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

“หลีกทาง” สาวใช้สั่ง ชาวบ้านรีบหลีกทางให้เมื่อท่านหญิงอายาโกะเดินผ่าน

เบื้องหน้าพวกเขานั่น สาวใช้คนหนึ่งกำลังเฆี่ยนตีแหวนที่นั่งหมอบอยู่ที่พื้นโดยมีสาวใช้อีกสี่คนจับแขนจับขาไว้แน่นไม่ให้หลบหนี

“หยุดนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ซานาเอะ” ท่านหญิงอายาโกะเอ่ยขึ้นทันทีที่เดินมาถึงบริเวณที่แหวนถูกจับไว้ “เจ้ามีเหตุอันใดมาทำร้ายแขกของข้า”

“แขกของเจ้า” ท่านหญิงซานาเอะหัวเราะขบขัน “กิริยาต่ำทรามแบบนี้รึ แขกของเจ้า”

“นางทำอะไรเจ้า” ท่านหญิงตัดบททันที

“นางขโมยไหสาเกที่ข้านำมาถวายศาลเจ้านะสิ” ท่านหญิงซานาเอะพูดทันที “มีพยานยืนยันด้วยนะ สาวใช้ของข้าเห็นนางกำลังขโมย”

“ข้าไม่ได้ขโมย” แหวนตะโกนทันที “ข้าถูกคนผลักล้มไปโดนไหนั้น”

“แค่โดนคนผลักล้ม แล้วไหสาเกของข้าจะหายไปได้อย่างไร” ท่านหญิงซานาเอะขึ้นเสียงใส่นาง “เจ้าล้มอยู่กลางไหสาเก แล้วสาวใช้ข้าไปนับ ไหสาเกก็หายไป จะให้ข้าว่าอย่างไรไหสาเกจะอันตรธานหายไปเองได้รึ”

“ข้าไม่ได้เอาไป ข้าไม่ได้ขโมย” แหวนยังเถียงไม่หยุด “ถ้าของหาย ทำไมไม่ถามคนใช้ของท่านล่ะ”

“อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ เจ้าแน่ใจนะว่านับไหครบแล้ว” ท่านหญิงมองไปที่กองไหเบื้องหลัง

“ข้านับเองกับมือ อายาโกะ มันหายไปจริงๆ” นางพูดเสียงต่ำ “หลักฐานเห็นอยู่คาตา คนทำผิดถูกจับได้ตอนที่กำลังจะขโมย ข้ามีสิทธิ์ที่จะลงโทษนางไม่ใช่รึ หวังว่าเจ้าคงไม่เข้ามาขัดนะ อายาโกะ”

“เออ…” ท่านหญิงอายาโกะเองก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร

“ข้าไม่ได้ขโมย” แหวนพูดประโยคนั้นซ้ำๆ เริ่มร้องไห้ไปด้วย

“นางไม่ได้ขโมยหรอก นางจะขโมยไปทำไม” กัณหาพูดแทรกขึ้นมา เธอขยับมายืนตรงหน้าของท่านหญิงซานาเอะ “พวกเราเป็นชาวอยุธยา กินสาเกไม่เป็น แล้วมีเหตุผลใดที่จะขโมยมันไป”

“เหตุผลของขโมยข้าจำเป็นต้องรู้ด้วยรึ” อีกฝ่ายมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยัน “สาเกของข้าเป็นสาเกชั้นดี ขายได้ราคางามมาก นางอาจจะแอบขโมยเอาไปขายก็ได้” 

“พวกเราเพิ่งเดินทางมาที่เกาะโอสึกิได้เพียงสองวัน จะรู้ได้อย่างไรว่าสาเกมีค่าแค่ไหน จะเอาไปขายที่ใด” กัณหาซักต่อไม่หยุด อีกฝ่ายหันมาสบตาเธออย่างไม่พอใจ

“ข้าไม่รู้ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”

“คนจะขโมยของก็ต้องมีแรงจูงใจ หากไม่มีจะขโมยไปทำไม ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าอาจจะจับคนผิด” กัณหายังไม่ยอมแพ้ คนรอบข้างพากันส่งเสียงอือออเหมือนเห็นด้วย “อีกอย่างหนึ่งสาเกนี่ท่านได้ถวายให้ศาลเจ้าแล้วไม่ใช่รึ แปลว่ามันเป็นของเทพเจ้าแล้ว ที่ศาลเจ้าของพวกท่านจะแจกสาเกให้ดื่มกันอยู่เป็นปกติ จะเรียกว่าขโมยได้อย่างไร”

“เจ้า!!!” ท่านหญิงซานาเอะรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ดูเหมือนน้ำเสียงจะขาดหายไปสักระยะหนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกๆ และพูดขึ้นว่า “ก็ได้ นางไม่มีความผิดที่ขโมยสาเก แต่นางก็เหยียบย่ำเจตนาอันบริสุทธิ์ของข้าในการถวายสาเกนี้แด่ศาลเจ้า ก็เท่ากับการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของข้าด้วย”

“อะไรนะ” กัณหาชะงักไปคิดไม่ถึงว่าจะมีข้อหานี้ด้วย

“เจ้าจะเรียกค่าเสียหายเท่าไรก็ว่ามา ซานาเอะ” ท่านหญิงอายาโกะขัดขึ้น “ข้าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แล้วก็ปล่อยนางซะ”

“ท่านหญิง” แหวนร้อง “แต่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ขโมย ข้าขอยืนยัน”

“นางเป็นคนใช้ของเจ้ารึไง อายาโกะ” ท่านหญิงซานาเอะไม่สนใจแหวน แต่หันไปตอกหน้าท่านหญิงอายาโกะ “แค่คนใช้ชั้นต่ำของแขกของเจ้า จะมาเทียบกับท่านหญิงอย่างข้าได้อย่างไร”

“แต่ตอนนี้นางเป็นแขกของท่านพ่อของข้า” ท่านหญิงอายาโกะจ้องอีกฝ่ายเขม็ง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ “ข้ามีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้นาง”

“นางไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า ไม่ใช่กงการของเจ้า อายาโกะ” อีกฝ่ายเชิดหน้าขึ้น

“เธอเป็นเพื่อนของฉัน” กัณหาตอบเสียงเรียบ ดูสงบนิ่งแม้ภายในใจจะร้อนเหมือนดั่งไฟ “ปล่อยเธอซะ หากท่านต้องการสิ่งใด จงบอกมา”

“เพื่อน” ท่านหญิงซานาเอะหัวเราะ มองไปยังหญิงสาวบนพื้นกับเด็กน้อยเบื้องหน้า ดูแค่กิริยามารยาทก็พอบอกได้ว่าหญิงสาวบนพื้นนั้นเป็นได้อย่างมากก็แค่คนใช้ไร้สกุล หากแต่เด็กน้อยเบื้องหน้านั้น บอกยากนัก ทั้งท่าทาง ทั้งคำพูดและกิริยามารยาทที่บ่งชัดว่านางเป็นลูกผู้ดี แม้ไม่ทราบแน่ชัดว่าบิดาของนางใหญ่โตมากแค่ไหน แต่ถ้านางได้เป็นแขกคนสำคัญของท่านฮิเทคาวะ ขนาดที่อายาโกะจะต้องออกหน้าปกป้องเองละก็ ตำแหน่งของบิดาของนางอาจจะใหญ่โตไม่ใช่น้อยเหมือนกัน หลังจากคิดชั่งใจถึงผลดีผลเสียในการหาเรื่องอีกฝ่ายแล้ว สุดท้ายท่านหญิงซานาเอะก็เอ่ยขึ้นว่า

“เอาล่ะ เห็นแก่ว่าเจ้ามาขอร้องแทนนาง ข้าจะปล่อยนางไปก็ได้ แต่ข้ามีข้อแม้นะ”

“ข้อแม้อะไร” กัณหาหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตึงเครียด

“เรามาตัดสินกันด้วยการประลอง ให้เจ้าประลองดาบกับข้า หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะปล่อยคนใช้ของเจ้าพร้อมคำขอโทษครบถ้วนและชดใช้ค่าเสียหายให้ด้วย แต่หากข้าชนะ ข้าจะลงโทษนางตามวิธีที่ข้าเห็นว่าเหมาะสม รวมทั้งเจ้าต้องชดใช้ค่าสาเกให้ข้าด้วย อย่างนี้ก็ถือว่าถูกต้องชอบธรรมดีไหมล่ะ”

“ตัดสินด้วยการประลอง” กัณหาทวนคำ “มันจะเรียกถูกต้องชอบธรรมได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่เกี่ยวอันใดกับเรื่องนี้ สิ่งที่ท่านควรจะสอบสวนคือ การขโมยนั้นเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ประลองแข่งขัน!!”

“ใช่ ข้าเห็นด้วย หากเจ้าเสียไหสาเกไป ข้าก็พร้อมจ่ายให้ เหตุใดต้องประลอง” ท่านหญิงอายาโกะก็ดูขุ่นเคือง

“แต่ค่าเสียหายของเจ้าเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของข้าที่อุตส่าห์เอาสาเกมาถวายเทพเจ้า แล้วถูกนางขโมยไป” ท่านหญิงซานาเอะพูดทันที “ข้าตั้งใจนำมาถวายเพียงไรทุกคนรู้กันดี การที่นางมาขโมยสาเกของศาลเจ้าแห่งนี้เท่ากับเหยียบย่ำความเชื่อและเจตนาบริสุทธิ์ของข้าด้วย เหตุนั้นถ้าข้าจะลงโทษนางก็ไม่ผิด หากข้าเสนอแนวทางนี้ให้แล้วหากเจ้าไม่ตอบรับงั้นก็” หล่อนดีดนิ้วพวกคนรับใช้ผู้ชายกันพากันเดินเข้ามาดึงแขนแหวนให้ลุกขึ้น

“อย่า” กัณหากับคนอื่นๆ อีกหลายคนตะโกนพร้อมกัน “ตกลง ฉันจะประลองดาบอะไรนั่น”

ทุกคนพากันหันมามองกัณหา

“คุณหนู” แหวนคราง

“งั้นก็ดี ข้าจะรอที่วังของข้าหลังวันเทศกาลหิมะ” ท่านหญิงซานาเอะยิ้มมีเล่ศนัย “หวังว่าเจ้าจะมาตามสัญญานะ” ว่าแล้วนางก็พยักพเยิดให้คนมาเอาตัวแหวนไป

“คุณหนู คุณหนู” แหวนร้องอย่างตกใจ พยายามดิ้นรนหนีจากการจับกุม

“ก็ฉันตอบรับจะประลองแล้ว คืนตัวนางมาได้แล้ว” กัณหาประท้วงเสียงดัง

“ข้าต้องขอตัวนางไว้เป็นตัวประกันก่อน เพื่อไม่ให้เจ้าคิดหลบหนี แต่รับรองว่านางจะไม่ถูกลงโทษใดๆ จนกว่าการประลองของเราจะสิ้นสุด” อีกฝ่ายตอบเรียบๆ

“แล้วฉันก็เชื่อถือคำพูดของท่านได้อย่างไร” กัณหามองอีกฝ่ายตาเขียว

“ด้วยเกียรติของซามูไร ข้าขอรับรอง” ท่านหญิงซานาเอะตอบ

“หากเจ้าตระบัดสัตย์แล้วก็เจ้าต้องทำฮาราคีรีนะ เมื่อเจ้ารับรองด้วยเกียรติของซามูไร” ท่านหญิงอายาโกะเอ่ย

“แน่นอน” อีกฝ่ายยิ้มเย้ยหยันก่อนเดินจากไป เหล่าคนใช้ลากร่างของแหวนไปด้วย แหวนยังคงพยายามดิ้นรนแต่ไม่อาจหลบพ้นจากการจับกุม ท่านหญิงอายาโกะมองตามไปอย่างไม่พอใจ

“อย่ากังวลไปเลย ข้าจะให้ท่านพ่อไปรับตัวนางกลับมา” ท่านหญิงปลอบพวกเขา “ท่านคามาคุจิเกรงใจท่านพ่อมาก หากท่านพ่อออกปาก ท่านต้องนำนางมาคืนให้แน่นอน”

“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น แต่มันจะไม่กลายเป็นปัญหาระหว่างท่านพ่อของท่านกับคามาคุจิหรือ” กัณหากังวลใจ “พวกเรามารบกวนท่านแล้ว ยังต้องมาให้ท่านออกหน้าช่วยเรื่องนี้อีก”

ท่านหญิงอายาโกะชะงักแล้วก็ถอนใจ “เอาจริงๆ มันก็ดูเหมือนเรื่องเด็กๆ ทะเลาะกัน แต่ซานาเอะให้คนจับกุมตัวนางไปอย่างไม่ยุติธรรม อย่างไรเสียท่านพ่อต้องไม่ชอบใจแน่ ข้าจะลองไปเจรจากับท่านดู ตอนนี้ได้เวลาแล้วเรากลับกันเถอะ”

หลังจากท่านหญิงอายาโกะเดินนำออกไปแล้ว ช่วงและอาติก็เข้ามาหากัณหาด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก

“แล้วเจ้าเคยฝึกดาบมาก่อนเหรอ” อาติถาม แม้จะคิดว่ารู้คำตอบอยู่แล้ว “ข้าถามไว้ก่อน เผื่อการเจรจาไม่เป็นผล”

“ไม่” เธอส่ายหน้า ช่วงกับอาติพากันถอนใจ