วันศุกร์...ก็ยังเป็นเวลาเหมือนเดิมเช่นเคย ที่สองครอบครัวต้องส่งลูกหรือไม่ก็หลานเพื่อมาเป็นตัวแทนของการร่วมรับประทานอาหารกับคุณหญิงสุริวงศ์ แต่ทว่าวันนี้กลับเป็นวันที่พิเศษเพราะถึงเวลาที่ตัวป่วนประจำตระกูลได้เข้ามาร่วมในวงอาหารในรอบปี...บุพเพ ผู้ชายร่างเล็กเดินเข้ามาในคฤหาสน์ของคุณย่าด้วยรอยยิ้มสดใส มาพร้อมกับชุดแฟชั่นที่ก้าวนำโลกด้วยสีฉูดฉาด เพราะบุพเพรู้ว่าคุณย่าของตัวเองนั้น เป็นคนชอบอะไรที่มันมีสีสัน เขาเลยจัดแฟชั่นเสื้อเขียว กางเกงส้ม พร้อมกับของประดับมากมายบนร่างกาย ขณะที่ทุกคนกำลังจะเริ่มทาน บุพเพก็มาพอดี...ส่วนอนาธิปที่ได้แต่ยิ้มแหย ๆ กับแฟชั่นลูกพี่ลูกน้องตัวเอง

“สวัสดีครับ คุณย่าสุดที่รักของบุพเพ”

บุพเพเดินเข้าไปหอมแก้มผู้เป็นย่าก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ

“วันนี้มาได้ ถ้าไม่เห็นย่าตายก่อนนี้ไม่มาเลยใช่ไหม เจ้าบุพเพ”

“ย่า...พูดแรงไปแล้วนะ บุพเพก็แค่เที่ยวเล่นช็อปปิ้งตามประสาวัยรุ่นเฉย ๆ แหละ มันเป็นปกติ”

“ย่ะ แม่คุณ แค่เห็นความฉูดฉาดจากชุดหล่อน ก็เข้าท่าดีนะ...แต่ให้มันน้อย ๆ หน่อย ถ้าอยากมีเงินเหลือกิน เหลือใช้ ก็ต้องทำงาน ถ้าไม่อยากโดนไล่ไปทำงานในไร่ ให้ไปเก็บพวกผลไม้ขายเอง จะใช้เงินตระกูลผลาญไปตลอดไม่ได้หรอกนะ”

“ก็คุณย่าก็...” บุพเพเมื่อเห็นว่าคุยกับคุณย่าไม่สนุก ก็เลยหันไปคุยกับลูกพี่ลูกน้องตัวเอง เพราะเมื่อก่อนทั้งสองออกจะสนิทกันระดับหนึ่ง “พี่ธิป เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หล่อขึ้นตั้งเยอะ แล้วพี่มีแฟนยัง ถ้ายังเดี๋ยวบุพเพหาให้ เอาสักนางแบบไหมหรือดาราดี สวย ๆ หุ่นเป๊ะ ๆ”

“สบายดี...ส่วนเรื่องหาคู่ ไม่เป็นไรหรอก”

“เออ จะว่าไป พอคุยเรื่องหาคู่...” คุณหญิงสุริวงศ์หยุดทานอาหารแล้วหันไปคุยกับหลานชายคนโต “จะว่าไปเป็นไงบ้าง คนที่ย่าหาให้ ถูกใจแกบ้างไหม”

“ก็ไม่เลยครับ เฉย ๆ”

“จะว่าไป แกยังไม่เคยเจอการินเลยนิ เห็นเขาโทรฯ มาบอกฉันว่า ทั้งคุณหญิงสมัยและเจ้าตัวเขาติดธุระ ก็เลยไม่ได้ไปที่วัดปฏิบัติธรรมเหมือนทุกปี เสียเที่ยวแย่...ส่วนอลิซ่า ไม่ถูกใจแกเลยเหรอ”

“ไม่เลยครับ เฉย ๆ”

“อืม...งั้นก็เหลือแค่การ่า ที่ยังไม่ได้เจอ เดี๋ยวฉันจัดหาวันให้ แล้วจะนัดทานข้าวกัน ส่วนการิน เอาไว้เป็นวันอื่น ฉันจะจัดการให้ก็แล้วกัน”

“การ่า...นังนั้นนะน่ะ”

บุพเพพูดด้วยท่าทีขยะแขยงเมื่อได้ยินชื่อนั่น พร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อ

“ไปว่าเขาได้ยังไง เดี๋ยวย่าตีให้ตาย”

“เอาจริง ก็ไม่ค่อยอยากแนะนำหรอก นังนั้นมันสลับสองหน้า ปลิ่นปล้อนเก่งยิ่งกว่าปลาไหล แค่นึกถึงวีรกรรมของมันนะ อยากฉีกหน้ามันนัก”

บุพเพรู้สึกโกรธ เมื่อนึกถึงคนที่ทำให้ตัวเองเจ็บช้ำน้ำใจมากนัก

“เขาไปทำอะไรให้ ทำไมไปว่าเขายังงั้น”

“ช่างมันเถอะฮะ แค่คิดแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ อยากจะทุบหน้ามันเสียจริง แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมากพอ เดี๋ยวขอจัดการหาหลักฐานก่อน เดี๋ยวได้เจอกันแน่”

บุพเพพูดจบก็พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์...เมื่อนึกบางแผนการที่จะเอาคืนการ่าให้เจ็บแสบเหมือนที่เคย ความสัมพันธ์ทั้งสองคงลงรอยมากกว่านี้ ถ้าหากเจ้าหล่อนการ่าไม่ทำเรื่องทรยศแบบนั้นกับบุพเพและคนอื่น ๆ คุณหญิงที่เห็นท่าทีและคำพูดของบุพเพ ได้แต่เหล่ตามองแล้วพูดปรามเพื่อหยุดแผนการบางสิ่งที่กำลังจะเกิด...หลากหลายเหตุการณ์ที่บุพเพเป็นตัวต้นเหตุ

คำว่าตัวป่วนประจำตระกูล...ฉายานี้ไม่ได้มาง่าย ๆ นะ

“อย่าคิดทำอะไรแผลง ๆ เชียว”

คิดหรือว่าคนอย่างบุพเพคิดจะสนใจ

 

“เดี๋ยวก่อน อนาธิป”

ผู้เป็นย่าพูดเรียกรั้งหลานชายของตัวเองเอาไว้ ยืนด้วยท่าทีและสีหน้าสงบนิ่ง อนาธิปที่แทบจะสะดุ้งกับน้ำเสียงนั้นก่อนจะหันกลับมาตามเสียงเรียกนั้น แล้วพูดขานรับ

“ครับคุณย่า...”

“อย่าเกือบลืมเรื่องนั้นเลย เรื่องของ...เวเนสตอนนั้น”

อนาธิปถึงกับต้องกลืนน้ำลายแล้วแสร้งทำหน้าปกติต่อไปแล้วพูดกับผู้เป็นย่าของตัวเอง...คงไม่พ้นที่มีใครมาบอกเรื่องนั้นหรอก แต่ทว่าแผนต่อมาที่เขาก็เผื่อเอาไว้แล้วแหละ

“อืม เห็นมีคนบอกว่าพาแฟนไปด้วย”

“ครับ...”

“น่าแปลกที่แฟนคนนั้นของแกเป็นคนที่แกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตั้งเกือบสองล้าน แล้วในเวลาไม่นานแกกับเขาก็ตกลงเป็นแฟนกันเลยเหรอ น่าแปลกจริง ๆ นะว่าไหม...ใช่คนที่แกบอกว่าเป็นคนคุยไหม”

“ค...ครับ”

อนาธิปปฏิเสธหรือโกหกต่อสายตานั้นได้เลย

รอยยิ้มที่เหมือนแม่มดที่ล่วงรู้ทุกอย่างแอบทำให้อนาธิปเสียวสันหลังวาบ

“คงไม่ใช่...แกจ้างเขาเพื่อเรื่องหาคู่หรอก ใช่ไหม”

“คุณย่า...เปล่าอยู่แล้วครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็พามาเจอหน่อย...”

“ครับ?”

“คนที่บอกแกบอกกับคนอื่นเป็นแฟน ฉันอยากจะเจอเขาคนนั้นจริง ๆ เลย...แกก็อยากให้เป็นแบบนั้นอยู่ใช่ไหม”

และเป็นไปตามอนาธิปคาด...สุดท้ายคุณย่าของเขาจะต้องพยายามเค้นและคาดคั้นเขาเป็นแน่ อนาธิปตอบไปด้วยรอยยิ้ม...เพราะในเมื่อคุณย่าของเขาเตรียมแผนเอาไว้แล้ว อนาธิปก็เตรียมแผนเอาไว้ไม่ต่างกัน เพราะถ้าคุณย่าของเขาจับได้เรื่องแฟนกำมะลอ...อนาธิปก็ต้องจัดการให้แผนของเขาแยบยลกว่าเดิม!

แม้ว่าความจริงแล้วเขาเองก็อยากอยู่ในสถานะตัวจริงก็เถอะ

หลังจากพูดคุยกับคุณย่าเสร็จ เขาก็กำลังจะเดินกลับไปที่รถเพื่อกลับไปทำงานค้างต่อให้เสร็จ วันนี้มีตรีมเกมอีก แต่ทว่าก็โดนรั้งเอาไว้ด้วยเสียงของตัวป่วนประจำตระกูล บุพเพเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม แล้วจับเสื้อของอนาธิปแล้วดึงเดินไปอีกด้าน สายตาของบุพเพสอดสายตารอบบริเวณเพื่อให้มั่นใจว่าทั้งคุณย่าและคนของคุณย่าอยู่บริเวณรอบนี้...เพราะบุพเพเองก็รู้ดีว่าคุณย่าของตัวเองนั่น โหดเรื่องข้อมูลมากแค่ไหน...ไม่ว่าทั้งตัวของบุพเพจะทำอะไร ก็ดูเหมือนว่าคุณหญิงสุริวงศ์จะรู้ไปเสียหมด เหมือนมีสายรายงานอยู่ตลอดเวลา จนบางทีก็ทำตัวไม่ถูก

“บุพเพ มีอะไร”

“พี่ธิป พี่มีแฟนอยู่แล้วใช่ไหม บุพเพเห็นคุณย่าพูด”

“ก็ใช่...ทำไม”

“นี่ พี่ธิป เชื่อบุพเพ ถ้าหากพี่ไม่ชอบนังการ่าหรือไม่ได้รักหรือหลงอะไรก็แล้วแต่ พี่ต้องปฏิเสธมันให้ได้นะ แต่จำได้ว่าพี่อนาธิปก็เคยคบกับมันด้วยนิ”

“ก็ถูก...”

“แล้วพี่มั่นใจนะว่าถ่านไฟเก่าจะไม่ลุก”

“อืม...”

อนาธิปก็เริ่มงงกับสิ่งที่บุพเพกำลังจะทำ...สายตาของบุพเพที่ดูเหมือนจิ้งจอกขาวเจ้าเล่ห์ ทำให้เขาแอบหวาดหวั่น ถึงดวลาที่ตัวป่วนจะเริ่มทำงานแล้วสินะ

“ถ้าหากพี่ไปทานข้าวกันหรือนัดอะไรกันพี่ธิปบอกบุพเพเลยนะ...ถ้าหากพี่ไม่ชอบ เดี๋ยวบุพเพจัดการให้เอง เอาให้ทั้งพ่อและแม่ของนางการ่าไม่กล้ามาเจอหน้าเราเลย”

“อย่าเล่นอะไรแผลง ๆ นะบุพเพ”

“จุ๊ ๆ ไม่หรอก อย่าพูดอย่างนั้นเลย อย่าเรียกว่าอะไรแผลง ๆ ต้องเรียกว่า ถึงเวลาชดใช้กรรม เพราะนางการ่ามันเล่นกับความรู้สึกของบุพเพและคนอื่น ๆ เอาไว้เยอะ คราวนี้แหละ แม่บุพเพคนสวยคนนี้จะจัดการให้หนักเลย คอยดู”

 

“จะให้จัดการจำตามนี้เลยเหรอครับ...”

แสนดีพูดกับสายปลายทางด้วยความรู้สึกเป็นกังวล เพราะตอนที่เขาทำงานบริษัทอยู่ในช่วงบ่ายของวัน อนาธิปส่งข้อไฟล์เข้ามาทางแชตและพอเปิดเข้าไปดูก็แทบจะเป็นข้อมูบเขียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวทั้งสิ้น ก่อนที่สายจากอนาธิปจะโทรฯ มา มีข้อมูลเกี่ยวกับทั้งเรื่องอาหารการกิน ความชอบต่าง ๆ ไม่ชอบอะไร ข้อมูลละเอียดจนแสนดีแทบจะหัวหมุน

“ผมเอาไว้กันพลาด ผมอยากให้คุณแสนดีช่วยจำนะครับ”

“กันพลาด? กันพลาดอะไรเหรอครับ”

“คนเป็นแฟนกัน ก็ต้องทำอาหารให้กันกิน ชงกาแฟให้กันดื่ม เผื่อคุณแสนดีอยากเป็นคนในบ้านของผม...สามีภรรยาก็ต้องรู้เรื่องของกันและกันสิครับ”

“คุณอนาธิป ไม่เล่นแบบนี้สิครับ”

แสนดีจริงจังแต่อนาธิปก็ยังคุยเล่นอยู่อีก

“โอเค ผมไม่ล้อเล่นแล้ว คือว่าผมต้องนัดกับการ่าและครอบครัวและดูเหมือนว่าคุณย่าจะเป็นคนนัดด้วย เราน่าจะได้ไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีนัดอะไรเกิดขึ้น...แต่ว่าคุณย่าอยากให้คุณแสนดีได้ไปด้วยน่ะสินั่นแหละคือปัญหา ผมก็เลยอยากให้คุณแสนดีท่องจำเผื่อเอาไว้ เผื่อคุณย่าถามจะได้ตอบถูก ผมไม่แน่ใจ การเรียกไปครั้งนี้อาจเป็นกับดัก คุณย่าเป็นคนรอบคอบ”

“แล้วถ้าหากเขาถามเรื่องส่วนตัวผมล่ะ”

“ก็ตอบความจริงไปเลยครับ คุณย่าสามารถรู้ได้ทุกอย่างที่ต้องการ ถ้าหากเราโกหกเนี่ย ผมคิดว่ามันจะเป็นการแย่เอามากกว่าครับ”

“ผมเข้าใจแล้ว...แล้วคุณการ่า ก็ดูเหมือนเป็นแฟนเก่าคุณด้วยนิ งานนี้ไม่ลำบากเหรอ”

“ลำบากอะไรครับ ถ่านไฟเก่าไม่ลุกโชนแน่นอนไม่ต้องห่วง ผมมั่นใจ...แต่ดูเหมือนถ่านไฟไฟใหม่จะขี้หึงเอาการอยู่นะครับ”

“ขี้หึงอะไรกันครับ เปล่าสักหน่อย”

แสนดีพูดด้วยท่าทีเขินอายกับคำพูดที่ออกมาจากปลายสาย

“ผมคิดถึงคุณนะ อยากเจอเร็ว ๆ”

“ค...คุณอนาธิปจะมาเจอผมได้ยังไงกันเล่า เราไม่ได้มีธุระ”

“ก็อยากเจอ ทำไมต้องมีธุระด้วยแต่ช่วงนี้ผมยุ่งมากเลย”

“คุณอนาธิปครับ อย่าพูดแบบนี้สิ ถ้าหากผมคิดจริงขึ้นมา จะทำยังไงครับ”

แสนดีแกล้งหยอกเล่น ๆ ไม่จริงจัง แต่ทว่าคำตอบของอนาธิปทำให้เขาคุมหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองไม่อยู่

“คิดจริงก็ดีน่ะสิครับ”

“...”

“เพราะผมเอง ก็เริ่มจะคิดจริงแล้วเหมือนกัน เอาจริง ก็คิดจริงมาได้สักพักใหญ่แล้วด้วยซ้ำ อยากให้คนทางนี้รู้เฉย ๆ”

________________________________________________________________________________________________