ทุก ๆ วันศุกร์ของทุกสัปดาห์ลูกหลานในตระกูลของปภามหัทธนโชติต้องเข้ามาร่วมรับประทานอาหารกับคุณหญิงสุริวงศ์ที่ตอนนี้เหมือนกับว่าท่านจะกลายเป็นผู้นำของตระกูลไปเสียแล้ว เพราะในบรรดาญาติทั้งหมดคุณหญิงสุริวงศ์เป็นคนดูแลกิจการของตระกูล หลังจากสามีของท่านได้เสียไปหลายปี ท่านก็คุมแทบทั้งหมดและบางกิจการก็ส่งต่อให้ลูกหลานได้อยู่ดูแลตามความสามารถของลูกหลานแต่ละคน

คุณหญิงมีลูกชายเพียงสองคนและรู้ดีว่าอีกฝ่ายไหนควรได้อะไรหรือไม่ควรได้อะไร

และครอบครัวของฝ่ายอนาธิปก็ได้ดูแลกิจการของร้านคาเฟ่มีชื่อว่า Middle Night มีหลากหลายสาขาทั่วกรุงเทพมหานครฯ

บนโต๊ะอาหารที่มีอาหารหรูหราเรียงรายอยู่เต็มรอบโต๊ะ เจมส์และอนาธิปที่เป็นเหมือนตัวแทนของแต่ละคนครอบครัวถูกส่งเข้ามาทานอาหารร่วมโต๊ะกับคุณหญิงสุริวงศ์ สายตาคมและใบหน้าเรียบนิ่งแอบทำให้ทั้งสองคนรู้สึกเกร็ง ๆ เล็กน้อย

“พี่...ถามคุณย่าก่อนสิ”

เจมส์แอบกระซิบข้างหูของอนาธิป

เจมส์เป็นเหมือนเป็นลูกพี่ลูกน้องของอนาธิป เพราะอยู่คนละครอบครัวโดยมีพ่อของพวกเขาเป็นพี่น้องของกันและกัน อันที่จริงเหมือนว่าเจมส์จะมีพี่อีกคนที่ชื่อบุพเพ เป็นคนจัดจ้านและเป็นตัวป่วนของตระกูล แต่ทว่าอนาธิปก็ไม่ค่อยได้เจอนานแล้ว ถามเจมส์ไปเขาก็ดูไม่ค่อยสนใจคนเป็นพี่ตัวเองสักเท่าไหร่

“จะให้ถามอะไร?”

“สุขภาพ...การเมืองหรือไม่ก็สภาพอากาศอะไรประมาณนี้”

เหมือนว่าเจมส์จะกระซิบแรงไปนิด คุณหญิงสุริวงศ์ที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ก็เหลือบสายตาคมมามองหลานสองคนที่กระซิบกระซาบไม่สนใจอาหารกันอยู่ ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงจะเอ่ยตำหนิหลานของตัวเอง

“นี้ เวลาอาหารก็ไม่ใช่หรือไง จะมัวแต่พูดอะไรกันอยู่นั้น”

น้ำเสียงเรียบราบแต่กลับแฝงไปด้วยความเย็นเฉียบทำให้เจมส์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังผิดก็เม้มปากสำนึกผิดแล้วก้มลงสนใจรับประทานอาหารของตัวเองต่อทันที อนาธิปเองก็ละความสนใจจากลูกพี่ลูกน้องแล้วทานอาหารของตัวเองต่อเช่นกัน เวลาหลังจากนั้นได้สักพักใหญ่ ผู้เป็นคุณย่าก็พูดบางเรื่องขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเช่นเคย

“ธิป ยายอยากรู้ว่า เมื่อไหร่ ยายจะได้เห็นคนที่เป็นคู่ครองของแกสักที หืม?”

คำถามนั่นเกือบทำให้อนาธิปสำลักออกมา...ไม่คิดว่าคุณย่าจะยิงคำถามนี้ออกมา

“ครับ เอ่อ คุณย่าว่ายังไงนะครับ”

“ก็ย่าถามว่า เมื่อไหร่ แกจะมีคู่เป็นตัวเป็นตนสักที นี้ย่าก็แปดสิบกว่าแล้วนะ ย่าก็แค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะมีคู่แล้วก็...หลานให้ย่าได้เห็น”

“ครับ...เอ่อ ผมยังไม่มีหรอกครับ”

“งั้นดีเลย”

คุณย่าสุริวงศ์หยิบผ้าเช็ดปาก แล้วขอเอาแท็บเล็ตจากลูกน้องคนสนิทเอาไว้ เปิดแท็บขึ้นทั้งชื่อและรูปภาพแสดงหน้าจอของกลุ่มคนมากมายและส่วนมากเป็นผู้หญิงเสียส่วนมาก เป็นคนในแวดวงธุรกิจและกิจการทั้งที่เคยร่วมงานด้วยกันและก็ยังไม่เคย...แต่ถ้าหากได้หนึ่งในนี้คุณหญิงสุริวงศ์เอาก็คาดการเอาไว้ว่าคงอีกไม่นานที่ได้ร่วมงานแต่เป็นร่วมหอลงโรงของเจ้าหลานชายเสียมากกว่า

คุณหญิงสุริวงศ์ยื่นแท็บเล็ตให้กับอนาธิปที่นั่งถัดไม่ห่างสักเท่าไหร่นัก อนาธิปรับเอามาดู ข้อมูลบนหน้าจอเป็นเมื่อที่แหล่วงรวมโปรไฟล์ ทั้งคนที่ไม่รู้จักบ้าง รู้จักบ้าง และใช่...ส่วนมากเป็นคนในแวดวงธรุกิจที่เขาจะคุ้นเคยหลายคนแต่ไม่ถึงกับสนิทมากมายเพียงแค่รู้จักกันเพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเดียวกันหรือมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อน พี่น้อง ลูกน้อง หรือเป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือคุณย่าเมื่อครั้งก่อนเป็นต้น...แล้วเท่าจากที่ดูคนพวกนี้ก็เป็นลูกของคนที่กล่าวมาแทบทั้งหมด

“ย่าช่วยได้เท่านี้ ถ้ารักใคร ชอบใคร ก็บอกย่ามา นัดได้ไม่ยาก”

“คุณย่า...เอ่อ คือผมไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่น่ะครับ”

“ไม่สะดวกใจอะไร บอกย่ามา หรือว่าไม่ชอบใครในพวกนี้”

“เปล่าครับ ก็แค่รู้สึกว่า ผมยังมีความรู้สึกยังไม่อยากมีตอนนี้น่ะครับ”

“ทำไม?”

อนาธิปได้ยิ้มเจื่อน ไม่ได้ตอบคำถามอะไรออกไป ในความรู้สึกจริง ๆ ของอนาธิปใช่ว่าไม่อยากมีแต่คนที่ทำให้เขาแสนจะเพ้อบ่อย ๆ ในช่วงนี้ อนาธิปอยากจะมั่นใจว่านั้นคือความรักจริงหรือเปล่าและคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือคนวันไนท์สแตนด์กับเขาไปหมาด ๆ เมื่อไม่นานมานี้เองที่งานวันเกิดของคุณย่านั่นเอง

เจมส์สอดรู้สอดเห็นเข้ามาใช้สายตามองดูรายชื่อของคุณย่าที่จัดมาก็ได้แต่ทำหน้างงงวยก่อนจะพูดออกมาด้วยความสงสัยเพราะไม่คิดว่ายังจะมีจับคลุมถุงชนแบบนี้อีก

“เดี๋ยวนี้ยังมีจับคลุมถุงชนอีกเหรอ นึกว่าหมดไปตั้งแต่เป็นชาติแล้ว”

“ไม่ต้องเลย นี้เขาไม่ได้เรียกว่าจับคลุมถุงชน เขาเรียกว่าเสนอทางแนะให้ลูกหลานและเรานะ เจมส์ เดี๋ยวถ้าเสร็จภารกิจของธิปไปเมื่อไหร่ แกจะเป็นคนต่อไปที่ย่าจะจัดหาให้...และเจ้าบุพเพด้วย”

“คุณย่า เนื้อคู่ผม ผมเลือกเองดีกว่า”

“อย่างนั้นก็ดี รีบหาเข้าสิ”

อนาธิปที่ฟังมาสักพัก เขาก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาได้

“คุณย่าครับ คือพอดี...ผมมีเรื่องที่จะบอก”

“อะไร?”

“คือ อันที่จริงผมมีคนคุยอยู่คนหนึ่ง...น่ะครับ”

“คนคุย?”

คุณย่าสุริวงศ์ทำหน้าสงสัยแล้วหันไปมองผู้เป็นหลานตัวเองทั้งอนาธิปและเจมส์ เจมส์ที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับผู้เป็นย่า เขาก็พึ่งรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมีคนคุยเหมือนกัน

“ครับ คนคุย เรากำลังคุยกันอยู่”

“เป็นใคร อะไร ที่ไหน อย่างไร พูดออกมา”

คุณย่ารัวทำถามจนอนาธิปเองก็ไปไม่เป็น

“คือ ตอนนี้เรากำลังคุยกันอยู่น่ะครับ ผมขอยังไม่เปิดเผยดีกว่า ผมอยากให้มั่นใจว่าเขาเองก็รักผมเหมือนกัน”

“แน่ใจนะ ไม่ใช่ไปจ้างใครมานะ”

“ไม่มีแน่นอนครับคุณย่า”

อนาธิปตอบด้วยรอยยิ้มแหย่ ๆ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นชอบเขาจริงหรือเปล่าเหมือนกัน เพราะเจอกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...

 

แสนดีล้มตัวนอนลงบนเตียงพลางคิดถึงเรื่องของผู้ชายคนนั้นที่ยื่นข้อเสนอให้กับเขาเมื่อนตอนบ่าย...โดยการต้องเป็นแฟนหรือคู่ครอง คนคุยอะไรก็แล้วแต่อย่างคิดไม่ตก แสนดีคิดหาเหตุผลมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้จนคิดไปถึงกว่าหรือคุณอนาธิปกำลังจะหลอกใช้เพื่อให้เขาเป็นก้างขวางคอกิ๊กของเขาหรือเปล่า ถ้าว่ากันตามตรงเพราะคนหล่อ ๆ ยิ้มใจละลายแบบนั้นน่าจะมีสาวรุมล้อมมากจนอาจจะรับมือไม่ไหว เลยต้องการหาใครสักคนจ้างเป็นแฟนเป็นตัวเป็นตนเพื่อจัดการปัญหาเหล่านั้นและดันประจวบเหมาะกับเขาพอดี

อนาธิปให้เวลาเขาประมาณสามวันในการทบทวนและเลือกตอบตกลงว่าจะทำหรือเปล่า...แต่ต่อให้มีเวลาเลือกมากเท่าไหร่สุดท้ายแสนดีก็มีเพียงทางเลือกเดียวอยู่ดี

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

จู่ ๆ ก็มีการสั่นสะเทือนของการแจ้งเตือนก็ดังขึ้น แสนดีรีบหยิบขึ้นมาดู...เป็นการแจ้งเตือนไลฟ์ของ...คุณอนาธิป

แสนดีกดเข้าไปดูไลฟ์ของอีกฝ่าย...พบว่า ไม่ได้เปิดหน้าให้ผู้ชมบนสตรีมให้เห็น มีเพียงเป็นไลฟ์เกมปกติและเกมที่คุณอนาธิปเล่นก็เป็นเกมแนว RPG ทั่วไปที่เขากำลังฮิตกันอยู่และยังเป็นเกมผีอีกด้วย แสนดีกดหน้าจอให้ใหญ่แล้วดูสตรีมเมอร์ของคุณเขาไปด้วยแต่ดูเหมือนไลฟ์ของคุณอนาธิปจะไลฟ์ผ่านมาเกือบชั่วโมงกว่าแล้วแต่ทว่าไลฟ์พึ่งจะแจ้งเตือนเท่านั้น

“...ตอนนี้นะครับ ผมก็เข้ามาที่นี่แล้ว มันเป็นเหมือนกับบ้านร้างอะไรสักอย่าง”

เกมเป็นเกมบุคคลที่หนึ่ง โดยตัวละครกำลังถือไฟฉายฝ่าความมืดเข้าไปในบ้านเรือนเก่าหลังหนึ่งท่ามกลางทุ่งหญ้าและท้องนาต่าง ๆ บรรยากาศมืดจนน่ากลัว แสนดีก็เคยดูไลฟ์สตรีมของนักสตรีมที่เขาดูประจำอยู่แล้ว แต่พอเห็นเป็นอนาธิปเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าว่าอีกฝ่ายจะเล่นให้ตัวบละครผ่านจุดนี้ได้อย่างไร

ตัวละครของคุณอนาธิปถูกโปรแกรมบังคับให้เดินไปตามเส้นทางก่อนจะถึงบ้านร้างหลังนั้น แสนดีจำได้ว่าตัวละครในเกมจะเจอฉากตุ้งแฉ่ที่เหมือนกับผีกระสือผ่านหน้าของตัวละครไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็เป็นอย่างที่คิด ตัวของกระสือที่มีแสงสีแดงส่องสว่างวูบวาบผ่านหน้าของตัวละครไปด้วยใบหน้าสยดสยอง

“ไอเ-ย ๆ ๆ”

เสียงตะโกนด้วยความตกใจพร้อมกับคำหยาบคาย การสั่นสะเทือนไปมาของหน้าจอในไลฟ์ รู้เลยว่าตกใจจนคุมเมาส์ไม่อยู่เป็นแน่ จากเสียงนุ่มอ่อนชวนคล้อยตามสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงตกใจดังจนร้องสุดขีด

“เฮ้อ ฮู้ว ตกใจหมดเลย ต่อไปนี้ใครให้ผมมาเล่นเกมผีอีกนะ ผมขอบล็อคเลย ผมพูดจริง ๆ”

น้ำเสียงเชิงขำเขิน ๆ และพูดล้อเล่นไปด้วยทำให้แสนดีเผลอเอ็นดูให้กับคำพูดนั้นเล็กน้อย

“น่ารักน่าเอ็นดูจริง คนแบบคุณอนาธิป...ไม่คิดว่าจะกลัวผีด้วยแฮะ”

แสนดีดูไลฟ์สดของอนาธิปจนเกือบร่วมสามสิบนาที ไม่นานนักเมื่อถึงจุดเซฟของตัวละคร อนาธิปก็ขอลาคนดูก่อนจะปิดไลฟ์สตรีมเกมไป หลังจากนั้นแสนดีที่คิดว่าดูไลฟ์สตรีมนานเกินไปก็คิดว่าควรจะไปอาบน้ำได้แล้วเข้านอนสักที แต่ทว่าหลังจากที่ได้ปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือลงได้ไม่นาน ก็มีเหมือนเบอร์ของใครสักคนโทรฯมา แสนดีไม่ค่อยคุ้นกับเบอร์นั่นเท่าไหร่ ก่อนที่จะรับด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะถ้าเป็นแก็งคอลเซนเตอร์...แสนเห็น แสนยิงนะคะ

คงไม่ใช่เจ้าหนี้หรือแก๊งคอลเซนเตอร์อะไรพวกนั้น ใช่ไหม

“สวัสดีครับ...ทำอะไรอยู่คุณแสนดี”

"ครับ?”

แสนดีไม่ค่อยคุ้นเคยกับเสียงแต่เหมือนว่าจะคุ้น ๆ อยู่

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“ครับ เอ่อ นี้ใครเหรอครับ?”

“ลืมแล้วเหรอครับ ผมอนาธิปไง เจ้าหนี้ของคุณ”

นี้เบอร์ของคุณอนาธิปเหรอ

“เอ่อ ครับ คุณอนาธิป มีอะไรหรือเปล่าครับ”

แสนดีถามด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ นี้ไม่ต้องเดาอะไรเลยว่าสตรีมเสร็จก็รีบโทรฯ หาทันที แสนดีก็รู้สึกถึงความสวยของตัวเองทันทีเมื่อเห็นว่าผู้ชายโทรฯ หาเขา แต่คงจะสวยกว่านี้ถ้าหากว่าคนที่โทรฯ มาไม่เป็นเจ้าหนี้ของเขาเอง

“ครับ ผมแค่จะมาถามย้ำ ว่าคุณจะต้องตัดสินใจเลือกดี ๆ นะครับ เพราะว่าโอกาสมันมีแค่เพียงครั้งเดียว...”

“ครับ ผมจะทำครับคุณอนาธิป”

“หืม?”

ไม่ว่าเลือกทางไหนให้มีชีวิตรอดสุดท้ายเขาก็ต้องบีบให้ทำแบบนี้อยู่ดี...แสนดีคิดว่าการทำแบบนี้มันดีที่สุดแล้วแหละ...สิ่งเดียวที่เขาหวังคือหวังว่าจะไม่มีใครมารุมตบเขามันก็มากเกินพอแล้ว

“คุณ...เลือกแล้วเหรอ เร็วจัง”

“จะให้เลือกอะไรล่ะ เพราะสุดท้ายผมก็โดนบังคับให้ทำแบบนี้อยู่ดี...”

“ครับ คุณตัดสินใจได้เร็วแบบนี้ก็ดีครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี เอาเป็นว่า ถ้าพรุ่งนี้คุณว่าง ผมอยากให้คุณมาเจอผมที่คอนโดของผมได้ไหมครับพรุ่งนี้ สะดวกไหม”

“อ่า คอนโดของคุณธิปหรือครับ? อ่า สะดวกครับ สะดวก ถ้าอย่างนั้นเราก็เจอกันพรุ่งนี้เลยก็แล้วกันนะครับ”

“ครับ...คุณแฟนของผม”

ไม่นานนักสายก็ถูกตัดไป แต่คนที่โดนบอกว่าคุณแฟนของผมกำลังรู้สึกสติเลือนหาย ได้แต่อ้าปากค้าง รู้สึกได้ถึงความสวยของตัวเองทันที...จู่ ๆ ใบหน้าก็ร้อนวูบวาบขึ้นมา แล้วนึกถึงเรื่องของคืนนั้นทันที ทั้งรอยยิ้ม ทั้งท่าทาง ร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งสองคน แอบทำให้แสนดีรู้สึกว่าตัวเอง มีแฟนหล่อแถมยังมีความรวยเข้ามาอีก ก็รู้สึกว่าตัวเองถ้าโดนหักอกก็คงเจ็บแบบมีคุณค่า เจ็บแบบมีความแพงอยู่ในตัวที่เคยมีแฟนหล่อรวยขนาดนี้

ความรู้สึกชื้น ๆ บริเวณมุมปากของตัวเอง...ไม่รู้จะใช่เหงื่อหรือเปล่า นิ้วเรียวยาวแตะที่ริมฝีปากแล้วเอามาดู แสนดีตกใจตัวเองที่พบว่าเป็นเลือดกำเดาสีแดงสดแล้วพูดกับตัวเองว่า

“นี้เราหื่นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”

____________________________________________________________________________________________________

อย่าลืมแท็กพูดคุย #บุพเพร้ายหมายรัก ด้วยนะฮะ