10 ตอน มนุษย์ผ้าห่ม
โดย ลิลิธ
แสนดีไหว้ขอบคุณแล้วกลับขึ้นมาบนรถ ชี้นำทางตามที่ชาวบ้านเขาบอกเอาไว้ ใช้เวลาไม่นานมากนัก ก็มาถึงวัดป่าธรรมศาลารัตน์เสียที เป็นวัดที่ดูดีไม่น้อยเมื่อเทียบกับวัดในเมือง แม้จะเป็นวัดป่า แต่ดูเหมือนว่าคนในเมืองที่ศรัทธาจะเข้ามาบริจาคเพื่อบำรุงวัดให้มีความเจริญมากพอควร บรรยากาศต้นไม้หลากชนิดให้ความสดชื่นกับแสนดีและอนาธิปที่มาถึง แสนดีรู้สึกหายใจโล่งในขึ้นเยอะเพราะธรรมชาติของที่นี่มันสดชื่นเหลือเกิน
แต่ความเหนื่อยล้าก่อนมาใช่ว่าจะหายไปหรอกนะ! แสนดีได้แต่คิดกับตัวเองว่าพยายามและลงทุนมากแค่ไหน เดินทางไกลขนาดนี้...
“เรามาถึงนี่ก็...เกือบที่จะเย็นแล้วนะ”
“ครับ นั่นสิ”
หลวงพ่อและหลวงพี่ที่พึ่งทำกิจของสงฆ์...หลังจากทำวัตรเสร็จก็เดินเข้ามาเจอพอดี อนาธิปและแสนดีที่เห็นก็รีบก้มแล้วยกมือไหว้กันทันที
“อ้าว โยม มาถึงกันแล้ว เป็นไงมาไงกันเหรอโยม”
“มาถึงได้ไม่นานนี่เองครับหลวงพ่อ”
แสนดีที่กำลังเงยหน้าเพื่อมองหลวงพ่อและหลวงพี่ชัด ๆ แต่ทว่าสายตาก็ดันไปสะดุดกับหลวงพี่และรอยยิ้มที่แสนจะละลายใจของเขา แสนดีรู้สึกว่าตัวเองมือสั่นแปลก ๆ หัวใจเต้นรัว แล้วเผลอจับหน้าของตัวเอง...อาการเห่อร้อนบนใบหน้าของตัวเอง ได้แต่อมยิ้มแล้วพยายามเก็บอาการเอาไว้ แสนดีคิดในใจของตัวเอง
“นี่ กูกำลังคิดบาปหรือเปล่าวะเนี่ย ทำไมมองหลวงพี่แล้วรู้สึกว่าหล่อแปลก ๆ”
ไม่ต้องเดาเลยว่าโรคแพ้ผู้ชายมันกำลังกำเริบ
อนาธิปสังเกตอาการของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนมือสั่น หน้าแดงแปลก ๆ แล้วหันสายตาไปมองหลวงพี่ที่ยิ้มทักทายปกติ...เขาก็มีอาการร้อนรุ่มภายในอกแม้อยู่ในวัด เขาได้แต่คิดหรือว่าแสนดีจะใจเต้นกับหลวงพี่แต่ไม่ใช่เขา อนาธิปก็ทำเสียงในลำคอให้แสนดีตั้งสติ ก่อนจะพุ่งประเด็นเรื่องที่เขาควรจะถามตั้งนานแล้ว
“แล้ว...คุณนายสมัยกับการินก็มากันแล้วใช่ไหมครับ"
“อ่า โยมสมัยเหรอ...อืม เห็นว่าปีนี้ไม่ได้มาแล้วนะ บอกว่าติดธุระ คงมาไม่ได้หรอก”
หลวงพ่อด้วยบอกสีหน้าสงบนิ่ง แต่คนที่ไม่สงบนิ่งคือทั้งอนาธิปและแสนดีถึงกับต้องมองหน้ากันด้วยสีหน้าตกใจกันทั้งคู่ไม่ต่างกัน
ลางสังหรณ์ของแสนดีไม่ผิด...ไม่ได้มากันจริง ๆ ด้วย
“ดูเหมือนว่าฝนจะตั้งเค้ามาแล้ว...”
หลวงพี่เป็นคนพูดเมื่อเห็นบรรยากาศบนท้องฟ้ามีเมฆครึ้มเข้ามา หลวงพ่อเองก็เห็นเช่นเดียวกัน ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกกับญาติโยมสองคนที่พึ่งมาถึงกันได้ไม่นาน
“โยมอาจจะต้องไปพักที่บ้านผู้ใหญ่บ้านนะ เพราะที่วัดเองไฟฟ้าก็มีปัญหาขัดข้อง บ้านผู้ใหญ่บ้านก็กว้างขวางอยู่ ไม่ต้องห่วง ถ้าหากโยมฝ่าฝนกลับไปตอนนี้ ไม่รอดแน่ มันเดินทางลำบาก มีแต่ขี้โคลนเต็มไปหมด”
หลวงพ่อใช้มือถือโทรฯ หาผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ห่างออกไปแต่ทว่าก็โทรฯ ไม่ติดเพราะสัญญาณมือถือเข้าไม่ถึง หลวงพ่อเลยใช้ให้เด็กวัดของตัวเองไปบอกผู้ใหญ่บ้านเรื่องที่คนจากในเมืองขอเข้าไปพักด้วย ไม่นานนักเด็กวัดก็กลับมาพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน เขาเป็นชายวัยกลางคนค่อนข้างไปทางมีอายุ เขาบอกให้อนาธิปและแสนดีเตรียมตัวเพราะเขาจะเป็นคนนำทางไปที่บ้านของเขาเพื่อพักผ่อนรอกลับวันพรุ่งนี้
แสนดีมีความก็รู้สึกเฟลเล็กน้อย เพราะอุตส่าห์จริงจังเตรียมเสื้อผ้ามาปฏิบัติอย่างดี แต่กลับไม่ใช่ซะอย่างนั้น แต่ถ้าให้เขาอยู่ในวัดที่ไฟฟ้าใช้ไม่ได้ แสนดีก็ไม่เอาเหมือนกัน...เขานึกถึงแต่เรื่องผี ถ้าหากผีเข้ามาเขาจะทำอย่างไร
และที่นี่คงไม่มีอะไรดีไปกว่าหลวงพี่รูปหล่อแล้วมั้ง
บาปเข้าไปอีก...
“เดี๋ยวผมให้เด็กจัดห้องเอาไว้ให้นะครับ”
ผู้ใหญ่บ้านบอกกับผู้มามองสองคนที่จะต้องมาพักบ้านของพวกเขาเสียก่อน บ้านของผู้ใหญ่เป็นบ้านไม้ สองชั้น บ้านชั้นบนและล่างถูกทาด้วยสีขาวดูสะอาดตาทั่วทั้งบ้าน เหมือนจะเป็นบ้านที่พึ่งถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ แสนดีสังเกตบ้านแต่ละหลัง บางครั้งบ้านหลายหลังก็ดูจับตัวอยู่ใกล้เป็นกลุ่มแต่บางบ้านก็ดูห่างไกลจากผู้อื่นเขา บ้านผู้ใหญ่บ้านก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านที่ดูดีกว่าบ้านอื่นในละแวก แต่ก็ดูเหมือนห่างจากบ้านอื่นหลายเมตรและทั่วรอบบริเวณรอบหมู่บ้าน ก็มีแต่ป่าเขาลำเนาไพร เต็มไปด้วยต้นไม้และภูเขา ไม่มีความสะดวกเหมือนในตัวเมือง
“ใครคิดสรรหามาทำบุญที่นี่คือสุดเหมือนกันนะ วัดอยู่ป่าลึกขนาดนี้ พวกคนรวยนิสัยแปลกเนอะ”
หลังจากจัดเตรียมและจัดแจงอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงจวนจะถึงช่วงเวลาเย็น ก็เป็นช่วงของอาหารกันพอดี ส่วนมากแสนดีต่างก็คุ้นชินกับอาหารพวกนี้เป็นอย่างดี อาจเพราะเขาเป็นคนต่างจังหวัดด้วย ก็เลยไม่แปลกใจกับอาหารที่ทั้งต้มคาวหวาน มาเป็นเซ็ตเดียวกัน แกงอ่อม แกงหอย ลาบ อาหารพวกนี้เป็นอาหารโปรดของแสนดีด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เขาแปลกใจคือ อนาธิปดูปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้รวดเร็ว แม้จะเป็นการทานอาหารแบบนี้ครั้งแรก...แต่ดูปลื้มและชมแฟนของผู้ใหญ่บ้านจนตัวลอยแก้มจะแตกแล้ว
ทุกรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ต่างก็ตกอยู่ในสายตาของแสนดีหมด
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปหมด...
ได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจ...ถ้าหากว่าวันหนึ่ง ภารกิจการมาเป็นคนของเขาได้จบลง...ถ้าหากวันนั้น หัวใจของแสนดีเผลอหลงรักผู้ชายตรงหน้าจนหมดหัวใจแต่ทว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ไปต่อ ถ้าหากถึงวันนั้นเขาอาจจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียว แค่เพียงคิดแสนดีคิดแค่นี้ก็เจ็บจี๊ดไปทั้งหัวใจแล้ว
“คุณแสนดี เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ครับ?”
“ผมเห็นคุณทำหน้าเครียด ไม่สบายอะไรตรงไหนไหม ปวดหัวเหรอ”
ขณะที่อนาธิปจะเอามือด้านหลังอังหน้าผาก แสนดีก็เบี่ยงตัวหลบเสียก่อน
“เปล่า ผมแค่คิดอะไรคนเดียวนิดหน่อย”
“ผมเป็นห่วงคุณนะ...”
ถ้าหากคำพูดที่หลุดออกจากปากนั้น มันเป็นคำของแฟนพูดกัน แสนดีก็คิดว่ามันคงจะดีเป็นที่สุด...เขาได้แต่คิดว่ามันเป็นเพียงแค่คำของมนุษย์พูดกันเสียมากกว่า
“จึ๊ย”
แสนดีสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ด้วยความรู้สึกปวดเบา เขาลุกขึ้นมานั่งก่อนจะคลำหาโทรศัพท์ในที่มืด และเปิดโหมดส่องไฟฉายให้ไฟสว่างออกมา แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแล้วเดินออกมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ในตัวบ้าน แสนดีนอนอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน และดีที่อย่างน้อยห้องน้ำก็อยู่ไม่ไกลนักเพราะมันอยู่ในตัวบ้าน
เวลาพึ่งจะเข้าสู่แค่เพียงช่วงสามทุ่ม คนต่างจังหวัดมันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะนอนเร็ว และไม่แปลกใจที่มันจะมืดมิดขนาดนี้
หลังจากทำธุระเสร็จ เขาก็ว่าจะรีบก้าวเท้ากลับเข้าห้องทันที อาจด้วยนิสัยกลัวผี เท้าของเขาก็เลยต้องก้าวขายาวเป็นพิเศษ
ปึง!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แสนดีแทบจะกรีดร้องลั่นบ้านแต่รีบเอามือมาอุดปากของตัวเองเอาไว้เสียก่อน เพราะกลัวว่าเสียงมันจะรบกวนคนในบ้านให้ตื่นมาดูคนกลัวอะไรไม่เข้าท่า
ลมด้านนอกพัดแรงกว่าปกติ อาจจะเพราะมีพายุฝนเข้า เสียงตึงตังเป็นเสียงที่ลมแรงพัดบางอย่างกระทบบ้านมันอาจเป็นเรื่องปกติคนที่นี่ไม่ตกใจ...แต่มันไม่ใช่กับแสนดีที่กลัวจนหัวหดเข้าไปในกระดอง รีบก้าวเท้าเข้าห้องพักแล้วรีบเอาผ้าห่มคลุมโปงตัวเองทันที
“คุณแสนดี เป็นอะไรหรือเปล่า”
อนาธิปยังไม่หลับสนิท ถามคนที่พึ่งเข้ามาด้วยความสงสัย
“ผ...ผมเปล่า ก็แค่กลัว”
แสนดีหลับตาปี๋ใต้ผ้าห่ม อนาธิปที่ไม่รู้เรื่องอะไรนัก ก็นึกออกว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะกลัวผีหรืออะไรสักอย่างเป็นแน่ ได้แต่อมยิ้มด้วยความเอ็นดู อนาธิปไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่...แต่เขาก็นึกความคิดดี ๆ ออก
“คุณแสนดี หันหน้ามาทางผมครับ”
อนาธิปบอกอีกฝ่ายอยู่ใต้ผ้าห่ม ให้หันหน้าตะแคงมาข้างเขา ทั้งสองคนนอนพื้นบนฟูก แสนดีที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายบอกเพื่อให้ทำอะไรกันแน่แต่ก็ยอมหันนอนตะแคงไปแต่โดยดี
อนาธิปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำตามอย่างว่าง่าย ก็ปัดผ้าห่มของตัวเองออกไป แล้วมุดเข้าผ้าห่มของแสนดี ก่อนจะโน้มแขนเข้ากอดอีกฝ่ายให้อยู่ในระดับของตัวเอง แล้วเนียนเอามือลูบหัวหวังปลอบอีกฝ่ายเบา ๆ
“คุณธิป ทำอะไรครับ”
“ผมเห็นกลัว...ไม่ต้องห่วงนะ ผมอยู่นี้ ผมจะอยู่ข้างคุณเอง”
“ผ ผมเปล่าสักหน่อย”
แสนดีพูดแม้เสียงสั่นแต่ก็ยอมมุดเข้าอกอีกฝ่าย ทั้งสองคนนอนกอดกันกลมภายใต้ผ้าห่มที่ไม่หนามากนัก พายุฝนฟ้าคะนองดังลั่น ก่อนที่ฝนจะเทสาดกระหน่ำลงมาเหมือนห่าพายุใหญ่
“ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะอยู่ตรงนี้แล้วไม่ต้องกลัวนะ ผมรู้สึกหนาว ๆ ด้วย ถ้าได้กอดใครสักคนที่ชื่อแสนดี...มันคงจะอบอุ่นมากแน่ ๆ”
อนาธิปพูดด้วยรอยยิ้มแล้วกดจมูกบนกลุ่มผมนุ่มและกลิ่นแชมพูอ่อน ๆ พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้มากขึ้น แค่เพียงอยู่ใกล้กันแค่นี้...อนาธิปเองก็มีความสุข
แสนดีอบอุ่นแล้วรู้สึกปลอดภัยไม่ต่างกัน...มันเป็นความรู้สึกไออุ่นที่แพร่กระจายอยู่รอบตัวของทั้งสองคน แสนดีได้แต่คาดเดาเอาไว้ว่า ใบหน้าของตัวเองคงแดงไม่ต่างจากมะเขือสุกเป็นแน่แท้...แสนดีก็แอบหวังว่าความรู้สึกและช่วงเวลาแบบนี้มันคงจะอยู่กับเขาตราบนานเท่านาน...พอที่มันจะเป็นไปได้
ช่วงเช้าตรู่ หลังจากฝนตก เด็กรับใช้ของผู้ใหญ่บ้านก็เคาะประตูปลุกเรียกผู้มาอาศัยทั้งสองคนในช่วงเกือบเจ็ดโมง เสียงเคาะประตูดังลั่นไปทั่วห้องทำให้อนาธิปที่ตื่นคนแรกก็เอ่ยปากบอกกับคนหน้าห้องว่า’ ตื่นแล้วครับ’ แล้วเสียงนั้นก็หยุดลงทันที อนาธิปพึ่งสังเกตเห็นคนที่อยู่ในอ้อมกอด แสนดียังคงหลับพร้อมเสียงกรนเล็ก ๆ อนาธิปที่ว่าจะลุกดันลุกตัวขึ้นนั่ง ก็เปลี่ยนใจปล่อยหัวซบลงกับหมอนทันที ก่อนที่เขาจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเหมือนเมื่อคืน
ช่วงเวลาแบบนี้...อยู่ได้อีกสักพักก็คงจะดี
แต่ว่าไม่นานนักแสนดีก็รู้สึกตัวตื่น เขาขยี้ตาแม้จะยังอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ก่อนจะลืมตาขึ้น แล้วพบว่าใบหน้าของอนาธิปอยู่ใกล้จนได้ยินเสียงหายใจ...ตาทั้งสองประสานกัน ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของกันและกัน แสนดีไม่ทันตั้งตัว...ไม่คิดว่าจะอยู่ใกล้กันขนาดนี้ อนาธิปอมยิ้มแล้วพูดทักทายยามเช้า
“มอนิ่ง...อรุณสวัสดิ์ครับ คุณแสนดี”
รีแอคชั่นเขิน ๆ กับใบหน้าที่ก้มงุดลงจมอกของผู้ชายที่อยู่ใต้อกของเขา...อนาธิปเอ็นดูคนตรงหน้าแทบจะไม่ไหวแล้ว
________________________________________________________________________________________________
โอ้ย พ่อคลั่งรัก
Comments (0)