4 ตอน เขาคนนั้น...ที่มาขอฉันเป็นแฟน(กำมะลอ)
โดย ลิลิธ
แสนดีรู้สึกป่วยเล็กน้อยเพราะความเครียดหลังจากไม่ได้นอนมากหลายวัน
วันนี้เป็นวันที่จะต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย แสนดีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องไปเจออะไรบ้าง หลังจากรายจ่ายได้หายเกลี้ยงออกไปหมดบัญชีแล้ว เขาก็แทบจะไม่มีเงินเหลือมากพอที่จะจ่ายให้กับทนายที่จะเข้ามาช่วย ได้แต่ภาวนาและอ้อนวอนกับพระผู้เป็นเจ้าที่อย่างน้อยก็ช่วยเขาหน่อย...สักเล็กน้อยก็ยังดี
แสนดีขึ้นรถโดยสารเพื่อตรงมายังศาลเพื่อเคลียร์การไกล่เกลี่ยให้เรียบร้อย...แสนดียังแอบหวังว่าอนาธิปจะใจดีกับเขา อย่างน้อยก็เป็นคนรู้จักหรือไม่ก็คนเคยร่วมเตียงกันก็ได้ ขณะที่หนังตาของแสนดีจะปิดลงอยู่รอมร่อ เสียงมือถือของเขาก็ดัง แสนดีรีบหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา...ก็พบว่าผู้เป็นแม่คนดีคนเดิมเป็นคนโทร. มา
“ว่าไงแม่”
“เป็นไงบ้างลูก วันนี้วันไกล่เกลี่ย น้ำเสียงลูกของแม่ดูไม่ดีเลยนะ”
“ก็นอนไม่ค่อยหลับมาหลายวัน...อืม ความรู้สึกง่วงจนดวงตาจะปิด เครียดก็เครียด ไม่รู้ว่าคุณอนาธิปเขาจะฟ้องเท่าไหร่”
แค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเขาก็บานเบอะแล้ว ถ้าหากมีหนี้สินเพิ่มเข้ามา มีหวังร่างกายและจิตใจได้พังแหลกสลายก่อนมีความสุขแน่
“โถ่ ลูกแม่ แม่ว่าคุณเขาคงเข้าใจแหละ สุดหล่อนะสุดหล่อไม่น่าเลย ไอ้ตัวแสบ...ถ้ากลับมาบ้านเมื่อไหร่นะ แม่จะตีให้ก้นลายเลยคอยดู”
น้ำเสียงของผู้เป็นแม่ดูเป็นห่วงลูกคนโตเหลือเกิน เธอเองก็นอนไม่หลับ เธอก็หวังเช่นเดียวกันว่าคุณเขาคนนั้นจะเข้าใจและไม่ว่าลูกของเธอจะโดนอะไรหรือค่าใช้จ่ายที่มันมากแค่ไหน เมื่อลูกมีปัญหาอะไร...แม่คนนี้ก็พร้อมอยู่เคียงข้างเสมอ
“แม่ว่าถ้าลองคุยกับเขาดี ๆ เขาน่าจะเห็นใจนะ...บอกเหตุและผลไป แม่ก็ไม่อยากจะรับประกันหรอก ว่าจะไม่โดนอะไร”
“ขอบคุณครับแม่...ถึงแล้ว แค่นี้ก่อนนะแม่ บายนะ”
“จ๊ะ ขอให้โชคดี ๆ นะลูก”
แสนดีลงจากรถโดยสารด้วยสภาพขอบตาคล้ำแล้วเดินเข้าไปตามนัดหมายศาลด้วยสภาพที่ไม่พร้อมสักเท่าไหร่แต่ต่อให้จะไม่พร้อมสักแค่ไหนก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่จะต้องตามมา เขาตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติให้ได้มากที่สุด แสนดีก็อยากให้เรื่องมันจบเร็วมากที่สุดดีกว่าต้องเข้าไปสู้ในชั้นศาลกันมากมายหลายปี แถมค่าใช้จ่ายยังมากโขอีกด้วย...แค่คิดน้ำตาก็ไหลแล้ว
แสนดีเข้ามานั่งรอตรงที่ประจำตำแหน่งโดยมีศาลเข้ามาพิจารณาการไกล่เกลี่ย เขาเข้ามานั่งรอด้วยสภาพแทบจะร่วงโรย ไม่มีเพื่อนคอยมาให้กำลังใจอยู่ด้านนอกเพราะใครต่อใครต่างก็ติดธุระของตัวเองหมด รวมถึงเจมส์ รุ่นน้องของเขาด้วย แสนดีลองโทร. ร้องขอให้เจมส์เข้าไปคุยกับอนาธิปเรื่องการฟ้อง อย่างน้อยก็เข้ามาคุยกับเขานอกชั้นศาล...ทำข้อตกลง เพียงสักสองสามนาทีแต่ดูเหมือนว่าคุณอนาธิปจะไม่ยอมง่าย ๆ เลย
“พี่แสนดี ขอโทษด้วยนะ แต่ดูเหมือนพี่ธิปเขาจะไม่ยอม ผมพยายามพูดให้เขาอ่อนแต่เขาไม่ฟังผมเลย เขาบอกว่าอย่างไรก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งผมพูดนะ เขายิ่งดูไม่ใจอ่อนเลย อันที่จริงพี่ธิปไม่ใช่คนใจโหดเลยนะ แต่บอกได้เลย ผมเห็นสายพี่เขาแล้ว...ดูเอาการอยู่นะ”
อ่อนโยนบ้างก็ได้...ทำไมชีวิตของแสนดีจะต้องมาเจอเรื่องพวกนี้ด้วยนะ!
แสนดีเวลารอไม่นานมากนัก ประตูของห้องศาลก็เปิดออก เผยตัวของผู้ชายสองคนที่เดินเข้ามา คุณอนาธิปใส่สูทสีดำสนิท ใบหน้าเรียบนิ่งเฉยไม่ได้แสดงอาการบนสีหน้าประทานมากนัก พร้อมกับทนายของเขาที่เดินมาทางด้านหลัง...ดูเหมือนว่าจะเป็นทนายประจำตระกูลของคุณอนาธิป หัวใจของแสนดีรู้สึกสั่นไหวเมื่อมองเข้าผ่านที่ผู้ชายคนนั้น...อนาธิป แต่ทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าหากเขาคนนั้นไม่ได้คิดจะมาฟ้องหมิ่นประมาทเขา!
“ผมมาแล้วครับ...”
น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นทำให้เขารู้สึกสั่นกลัวมากกว่าจะหวั่นไหวเสียอีก
สองล้านบาทเลยเหรอ
เหมือนกับว่าตอนนี้สมองของแสนดีจะสิ้นแล้ว หลังจากได้รู้ค่าเสียหายของการฟ้องหมิ่นประมาทที่แม้ไม่ใช่ความผิดของเขาแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เขาเลือกยอมแพ้มากกว่าจะพูดความจริง นอกจากก้มหน้ารับกรรมเซ็นสัญญายินยอมที่จะต้องจ่ายค่าชดใช้ด้วยน้ำตา แสนดีแอบมองคุณอนาธิปตั้งแต่อยู่ในศาล ไร้ซึ่งแววตาของผู้ชายอบอุ่นเมื่อตอนที่ยังอยู่บนเตียงด้วยกันเมื่อครั้งอดีต แม้ว่าแสนดีจะส่งสายตาเว้าวอนกับเขามากแค่ไหนก็ดูเหมือนว่าความสงสารนั้นจะไม่เคยไปถึงผู้ชายที่อยู่อีกฟากเลย
เหมือนกับจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกเลย...ทำไมกันนะ
หลังจากตัดสินการไกล่เกลี่ยจบแล้ว แสนดียินยอมที่จะจ่ายเงินสองล้านแต่ว่าอาจจะยังไม่สามารถจ่ายเงินได้แบบเต็มจำนวนได้ทันที แสนดียื่นขอในการผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนเพราะเขาเองก็คงไม่มีเงินในการจ่ายอะไรมากมาย แค่เงินค่าทนายที่จะให้มาช่วยพูดวันนี้ก็ยังไม่มีสักบาท
ขณะที่อนาธิปกำลังจะกลับขึ้นรถยนต์ของตัวเองที่ขับมาด้วย ทว่ากลับมีคนยืนรอด้วยสายตาที่แทบจะสลดอยู่ อนาธิปปิดประตูรถเสียงดังจนแสนดีถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจแต่ทว่าก็พยายามสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดกับคนตรงหน้า...อย่างน้อยผู้ชายที่เคยแสนอบอุ่นคนนี้น่าจะเห็นใจคนตัวเล็ก ๆ อย่างเขาบ้าง
“คุณธิป...คือผมขอพูดอะไรสักหน่อยได้ไหมครับ แค่ขอเวลาคุยสักสองถึงสามนาทีก็ได้”
“ผมนึกว่าเราไกล่เกลี่ยเสร็จแล้วซะอีก...”
น้ำเสียงนั้นไร้เยื่อใยสุด ๆ
“คือว่า...ผมมีเรื่องจะอธิบายจริง ๆ ผมอยากให้คุยเข้าใจผมสักนิด...ก็ยังดีนะครับ”
แสนดีตัดสินใจแล้ว...ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องทำให้อีกฝ่ายเห็นใจเขาให้ได้
“ผมไม่มีเวลา...”
ขณะที่อนาธิปจะเปิดประตูรถอีกรอบ...ด้วยความบ้าครั้งสุดท้าย แสนดีก็รีบก้มไปรั้งขาเขาไว้ ร้องไห้แล้วพูดอ้อนวอนเสียงดัง อนาธิปถึงตกใจแล้วรีบดันตัวของแสนดีที่กอดขาเขาแน่นเหมือนกับกาวตราช้าง เขากลัวว่ามีใครผ่านไปหรือผ่านมาจะเข้าใจผิดหรือเปล่า
“คุณธิปฟังผมหน่อยนะ เห็นใจผมหน่อย ฮึก...ฮือ ผมอยากให้คุณฟังผม ผมอยากให้คุณเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ผมไม่สามารถเสียเงินเดือนละหมื่นได้ ทุกอย่างมันไม่ใช่ความผิดผมเลย ผมต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะมากเลยนะครับ ช่วงฟังผมสักนิดเถอะนะ”
“คุณแสน...ปล่อยผม ถ้าหากคุณไม่ปล่อย ผมจะให้ทนายฟ้องคุณรีบรอบแน่”
ได้ยินเรื่องฟ้อง...แสนดีรีบปล่อยขาของอนาธิปทันที
ได้ยินแล้วรู้สึกใจไม่ดีเลย
“คุณ...แต่ผมอยากให้คุณฟังผมจริง ๆ นะ...”
“แล้วอะไร จะให้ผมฟังอะไร คุณก็รู้ว่าทุกอย่างมันเกิดอะไรขึ้น แล้วคุณจะไม่ยอมจำนนในหลักฐานมันก็ไม่ได้หรอก เพราะถึงแม้ว่าบางคอมเมนต์จะถูกลบไปแล้ว แต่ใช่ว่าหลักฐานจะหายไปสักหน่อย...”
อนาธิปเป็นเพื่อนกับเจ้าของแอปพลิเคชันสตีมเกมที่ตัวเองใช้อยู่ บางทีมันเลยไม่ยากเลยที่จะสามารถขอเอาข้อมูลส่วนตัวลูกค้ามาใช้ในการเป็นหลักฐานประกอบในการฟ้องร้อง และใช่...การลบคอมเมนต์หรือข้อความมันไม่ช่วยให้หลักฐานหายไปเพราะก็จะมีระบบในการกู้คืนข้อความที่ส่งไปกลับมาอยู่ดีและนั้นคือผลของการกระทำของการทำแล้วไม่คิด...บนโลกออนไลน์ที่ผู้คิดต่างแฝงตัวเป็นใครก็ได้และการว่าบั่นทอนไม่ได้ติเพื่อก่อแต่เพื่อความสะใจ...ในฐานะที่อนาธิปก็เป็นคนบนสังคมออนไลน์ สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาควรจะเรียกร้องเพื่อตัวเอง
“ใช่ครับ...แต่ว่า”
“หรือว่าคุณแสนดีจะบอกว่าเป็นความผิดของผม? ทั้งที่ผมทำเพื่อตัวเอง”
“ไม่กล้าหรอกครับ แต่คือผมจะมาบอกว่า นั่นไม่ใช่ข้อความที่ผมได้ส่งไป...สักนิด”
“ครับ?”
“คุณธิป...พอจะมีเวลาดื่มกาแฟใช้เวลาสักสามนาทีไหมครับ”
แสนดีพูดด้วยรอยยิ้ม...อย่างน้อยก็ได้มีเวลาอธิบายล่ะว่ะ
ทั้งอนาธิปและแสนดีได้เลือกเข้ามาที่คาเฟ่เพื่อเลือกพูดคุยกับสิ่งที่แสนดีจะอธิบาย แม้ว่าบรรยากาศจะร่มรื่นมากเพียงใด แต่ทว่าหัวใจของแสนดีไม่ได้รู้สึกร่มรื่นตามบรรยากาศเลยสักนิดเพราะสายตาที่จ้องมองจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทำให้กาแฟรู้สึกแสนดีหนืด ๆ ที่ลำคอพิกล
ไม่กล้าสบตาเลยสักนิด
“มีอะไรก็พูดมาเร็วเข้า ผมไม่มีเวลา”
“ครับ...เอ่อ”
“และหวังว่าจะคุ้มกับเวลาที่ผมต้องมานั่งรอคุณด้วยนะครับ”
ว่าแล้วก็ยิ้มโชว์...แต่แสนดีมองว่าเป็นรอยยิ้มที่แสนจะเย็นชาสุด ๆ
“คือผมอยากจะพูดว่าคนที่พิมพ์หมิ่นประมาทคุณแบบนั้น...ผมไม่ได้เป็นคนทำครับ คือใช่ นั้นเป็นแอคเคาน์ผมและข้อมูลของผมก็อยู่ในนั้น แต่จะบอกว่า คนที่ใช่แอคเคาน์นั้นพิมพ์ไม่ใช่ผมแน่นอนครับ”
“คุณมีหลักฐานอะไร ว่าตัวของคุณเองไม่ได้ทำ...แล้วใครกันล่ะครับ ที่จะเอาไอดีของคุณไปพิมพ์เล่นแบบนั้น”
“จริง ๆ นะครับ ไม่ใช่ผมจริง ๆ”
“แล้วใครคนนั้นคือใครล่ะครับ”
“คนนั้นคือ...” แสนดีกลั้นใจเอาไว้แล้วพูดออกไปด้วยความสัตย์จริง ” คนนั้นคือน้องชายของผมเองครับ...”
“น้องชาย?”
“คือผมมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุประมาณเก้าขวบ แล้วคราวนี้ผมให้น้องใช้แท็บเล็ตเรียนออนไลน์ แล้วในแท็บเล็ตก็มีแอพฯ ที่เอาไว้ดูสตรีมเกมอยู่ แล้วที่นี่น้องน่าจะเข้าไปดูสตรีมของคุณของอนาธิปเข้า...แล้วน่าจะพิมพ์แบบนั้น”
“คุณกำลังจะใส่ร้ายเด็ก?”
“เปล่านะครับ ผมพูดเรื่องจริง ผมทำงานเกี่ยวกับงานเขียน ผมก็พอรู้เรื่องกฎหมายอยู่บ้าง ผมไม่กล้าพิมพ์แบบนั้นด่าใครหรอกครับ ไม่กล้าจริง ๆ”
อนาธิปนิ่งเพื่อใช้ความคิด...มันก็คงจะจริงกับคนตรงหน้าพูด เพราะการใช้คำพูดที่เหมือนไม่ใช้สมองกลั่นกรองออกมาเหมือนกับเด็กที่ไม่รู้จะใช้คำด่าไหนให้เจ็บแสบก็ยิงคำหยาบออกมาใช้เป็นเครื่องระบายอารมณ์ออกมาแต่ยังรวมไปถึงคำพูดของเจมส์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาพูดแทบจะกรอกหูเขาทุกวันก่อนมา
“พี่เชื่อผมเถะ...พี่แสนดีจะพิมพ์อะไรแบบนั้นหรอก พี่เขาแค่ทำงานยังเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว จะเอาเวลาไหนไปพิมพ์คำหยาบด่าคนอื่น ผมรู้จักพี่แสนดีของผมดี ผมรู้ว่าพี่ของเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้นหรอก ท่าทางของพี่เขาสงบเสงี่ยมเจียมตัวจะตายไป พี่ก็เคยเห็นแล้วใช่ไหมที่งานวันเกิดคุณยาย”
มันก็จริง ดูจากนิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อนาธิปได้เจอ...ใช่ว่าแสนดีจะไม่ได้ทำสักหน่อย
เอาเข้าจริง ๆ อนาธิปแทบจะใจอ่อนยวบยาบตั้งแต่เห็นดวงตาคู่ใสจ้องมองมาที่เขาแล้ว มันอ่อนนุ่มไปหมดมันก็ยังคงเหมือนกับตอนที่มาเจอกันครั้งแรกในสภาพที่ทั้งสองเปลือยเปล่า...และคืนที่ทั้งสองมีอะไรกัน จนกระทั่งถึงวันนี้ อนาธิปยังคงจดจำมันได้ดียิ่งกว่าอะไร
แค่มองจากไกล ๆ สองคู่ตาที่ดูแววอิดโรยเขามองออกอยู่แล้วเหมือนว่าจะไม่ได้นอนและกำลังเครียดอยู่เป็นแน่
“ครับ...ผมเข้าใจแล้ว”
อนาธิปพูดกับคนตรงหน้าแล้วจิบกาแฟที่อยู่ในแก้วเล็กน้อย
“เข้าใจ? ...เหรอครับ”
“ครับ คุณอาจจะยังไม่ได้ทำจริง ๆ ก็ได้ แต่ว่า...”
“ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณอนาธิป ขอบคุณมากจริง ๆ ผมว่าเอาไว้แล้วว่าคุณต้องเข้าใจผม...คือผมไม่ได้ขอลดค่าเสียหายที่ต้องจ่ายลดลงนะครับ แต่ถ้าหากว่ามีอะไรให้ผมช่วยแล้วทุเลางานของคุณธิป อย่างเช่นตัดคลิปแคสเกมของคุณธิป ผมช่วยได้นะครับ อย่างน้อยก็ให้เงินที่ต้องจ่ายมันลดลงเพราะว่า...คือเงินเดือนมันก็ไม่น่าจะพอจ่ายอยู่แล้ว...”
“ไม่ใช่ครับ ๆ เรื่องนั้นผมรู้ดี อา...ที่ผมจะพูดนะครับ...เรื่องที่จะช่วยผมให้ช่วยอยู่แล้ว แต่ว่านะครับ...”
อนาธิปใช้มือกวักให้แสนดีขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของเขาช้า ๆ แสนดีก็ทำตามที่บอกอย่างง่ายดาย อนาธิปก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนใบหน้าของทั้งสองอยู่เพียงแค่คืบ...แสนดีรู้สึกได้เลยว่า ใบหน้าหล่อฟ้าประทานมันแทบจะแยงตาจนแสบไปหมดแล้ว แสนดีรับประกันความหล่อของคุณอนาธิปด้วยหัวใจดวงน้อย ๆ ที่สั่นไหวจนแทบจะหลุดจากหัวใจ...ว่าคุณอนาธิปตอนใบหน้าใกล้กันขนาดนี้มันช่างหล่อจริงจังเหลือเกิน
“คุณต้องมาช่วยผมโดยการเป็นแฟนกำมะลอของผม...ได้ไหมครับ”
เหมือนเสียงนกทิงเกิลเบลร้องข้างหูเลย...ใจสั่นมาก
แต่เดี๋ยวนะ...เป็นแฟน!
“คุณธิป...”
หลังจากสิ้นเสียงแสนดีตกใจจนเด้งตัวออกมามองอีกฝ่ายตาโต...ไม่คิดไม่ฝันว่าอนาธิปจะพูดคำนี้ออกมา
แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูตกใจแต่ดูเหมือนคนพูดไม่สะท้านเลย แถมยังมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีก
“อืม ผมอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอให้แต่ดูเหมือนคุณจะไม่รับ ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ คุณบอกว่าน้องชายของคุณเป็นคนพิมพ์ด่าผมใช่ไหม เดี๋ยวถ้าอย่างนั้นผมจะได้จัดการน้องชายคุณต่อเลย...”
“เดี๋ยวครับ...รอก่อนคือ ผมขอคิดก่อนได้ไหมครับ”
เรื่องขอเป็นแฟน...ไม่ใช่ปัญหาหรอก...แต่เรื่องแบบนี้ใครจะตั้งสติทัน จู่ ๆ คนที่ฟ้องหมิ่นประมาทเขาจะมาขอเขาเป็นแฟนเนี่ยนะ มันไม่มีเหตุผลเอาสุด ๆ
หลังจากได้ยินคำพูดนั้นอนาธิปก็ยิ้มอีกครั้งแล้วยื่นใบหน้าเข้ามาหาแสนดีอีกครั้ง
“ผมจะให้เวลาคุณคิดอีกสามวัน ถ้าคิดได้เมื่อไหร่ว่าจะตัดสินใจยังไง ผมจะโทรฯ หาคุณทันที"
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว...เหลือเกินจนสมองของเขาแทบจะเบลออีกรอบ
แล้วอีกอย่าง...คุณอนาธิปมีเหตุผลอะไรถึงจะต้องมาขอเขาเป็นแฟนด้วย
________________________________________________________________________________________________
Comments (0)