16 ตอน ดวงดาว
โดย ลิลิธ
อนาธิปที่ได้ยินดังนั้นก็รีบเดินออกมาดูที่หน้าของงานทันที เจอแสนดีแฟนตัวเล็กของเขาโบกมือให้กับเขาอยู่อีกด้าน...อา ไม่คิดว่าจะมาเจอกันอีก เราสองคนมีดวงที่จะไม่พลัดพรากกันนะเนี่ย ขนาดที่ที่คิดว่าจะไม่เจอกัน ก็ยังจะได้เจอกัน
ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปคนที่คิดถึงอยู่ตลอดทั้งวัน ก็มีเสียงเรียกรั้งเขาเอาไว้ก่อน
“พี่ธิป...”
แสนดีที่กำลังจะเดินเข้าไปหาเช่นเดียวกันก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อสายตาอันเฉียบคมมองเห็นผู้หญิงที่เดินเข้าใกล้ผู้เป็นแฟนของตน ด้วยรอยยิ้มและสายตาหวานเยิ้มแบบนั้น แสนดีรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เดือดปุด ๆ เป็นเหมือนน้ำร้อนที่ต้มด้วยไฟของใจ รู้สึกได้ถึงความหึงหวง...คุยกับคนอื่นทั้งที่แฟนยืนหัวโด่รอยู่ตรงนี้เนี่ยนะ เดี๋ยวเถอะ จะได้เจอดีกันแน่!
“ไปกันเถอะ ฟ้า ชั้น G ใช่ไหม”
“ก็ใช่ เดี๋ยว โอ๊ย! จะลากไปหน่อยเนี่ย”
แสนดีจับมือของรุ่นน้องร่วมงานแล้วพาเดินกึ่งลากร่างของฟ้าแทบจะจมและไถกับผืนแล้ว แต่ดูเหมือนความหึงหวงแทบจะบังตาเขาจนหมดสิ้นแล้ว
หลังจากทักทายกับเพื่อนสมัยเด็กเรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างขอตัว อนาธิปก็หันกลับมามองหาแฟนตัวเล็กของเขา ดูเหมือนว่าจะเดินหายไปไหนแล้วไม่รู้ เขากดเบอร์โทรฯ หาแสนดีแต่ทว่าดูเหมือนอีกคนจะไม่รับสายที่เขาโทรฯ ไปเลย
“เป็นอะไรหรือเปล่านะ”
กริ่ง ๆ!
เสียงกริ่งหน้าห้องของแสนดีดังขึ้น หลังจากที่แสนดีได้อาบน้ำเสร็จพอดี เขามาถึงห้องแต่ก็ยังไม่ได้อาบน้ำทันที ใช้เวลาสักพักกว่าจะลากตัวเองไปอาบน้ำได้เพราะล้มลงเตียงเขาก็เผลอหลับจนเกือบจะทุ่มเขาถึงพึ่งจะรู้สึกตัว แสนดีกุมขมับหัวตัวเองก่อนจะพยายามลากสังขารตัวเองไปอาบน้ำจนเกือบสามสิบนาทีถึงจะเสร็จ หลังจากออกมาเขาก็อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำแล้วเสียงกริ่งก็ดังขึ้น แสนดีรีบเดินไปที่ประตูเพื่อเช็กดูทันที
...หรือว่าฟ้ารุ่นน้องของเขามีอะไร?
“แสนดี”
ใบหน้าหล่อฟ้าประทานที่แสนดีชอบมโนถึงบ่อย ๆ อยู่บานหน้าประตูของเขาแล้ว แสนดีพอเห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มก็นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงที่เห็นอนาธิปคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งดูท่าอารมณ์ดีสุด ๆ เขาก็รีบปิดประตูหนีหน้าแต่ก็ไม่ทันอนาธิปที่ใช้มือดันประตูเอาไว้แล้วสอดแทรกตัวเองผ่านประตูเข้ามาได้
“หาผมเจอได้ยังไง”
“ก็ใช้อภิสิทธิ์นิดหน่อยเองค่ะ ก็หนูติดต่อไม่ได้ ถามใครก็ไม่เจอ พี่เป็นห่วงหนูแทบแย่เลยรู้ไหม หายไปไหนไม่รู้ตัว”
อนาธิปแทบจะพลิกแผ่นดินหาอยู่แล้ว ตอนที่ไม่เห็นแสนดีแล้วยังติดต่อไม่ได้อีก จนต้องขอร้องให้การินถามพนักงานว่าแฟนของเขาอยู่ที่ไหน
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหนูแสนดีถึงงอนคะ?”
“ก็เปล่า ไม่มีอะไรสักหน่อย”
“ดูงอนแก้มป่องหมดแล้ว มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ก็บอกว่าเปล่าไง! แล้วตามหาผมเจอได้ไงเนี่ย แล้วทำไมไม่ไปคุยกับผู้หญิงสวย ๆ คนนั้นล่ะ ดูคุยกับผมจะเป็นเรื่องลำบากนะ”
แสนดีนั่งลงบนเตียงไม่แม้แต่มองหน้าที่โดนงอนแบบงง ๆ ด้วยซ้ำ อนาธิปนั่งลงข้าง ๆ หนูแสนดีของเขาแล้วนึกถึงบางเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าตัวเองได้คุยกับผู้หญิงที่เคยเป็นเหมือนเพื่อนสมัยเด็กของตัวเอง ก็นึกขำออกมาไม่รู้ตัว คนที่งอนอยู่ถึงกับหน้างอกว่าเดิม
“หัวเราะอะไรไม่ทราบ”
“ก็หัวเราะเพราะเอ็นดูคนหึงสิคะ คนนั้นเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของพี่เอง ก็การินนั่นแหละ เขาก็เข้ามาทักทายไม่มีอะไรเลยค่ะ”
คนที่ฟังถึงกับหน้าเสียแล้วมองเริ่มหันกลับมามองคนที่จะยังหัวเราะอยู่ แต่แล้วสายตาของทั้งสองก็ประสานกัน แล้วเป็นแสนดีที่หัวเราะออกมาบ้าง...รู้สึกบ้ามากจริง ๆ ที่ความหึงหวงของตัวเองมันทำให้เขากลายเป็นคนแบบนี้
“หายงอนแล้วใช่ไหม”
“ก็...คงหายแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปเที่ยวกันไหมคะ?”
“เที่ยว? ที่ไหนอะ”
“แถวนี้มีร้านอาหารทะเลด้วยเราไปด้วยกันนะคะ เดี๋ยวเสี่ยคนนี้เลี้ยงเองไม่ต้องห่วง”
แค่รอยยิ้มหล่อ ๆ ของอนาธิปแสนดีก็แพ้แล้ว
เขาอาจไม่ได้แพ้ผู้ชายหล่อแต่แพ้แค่อนาธิปคนเดียวก็ได้!
ทั้งสองคนพากันมาที่ร้านอาหาร อนาธิปพาคนรักขับมาทานร้านอาหารที่เขาเคยมาเที่ยวกับเพื่อนสมัยมัธยมปลายแต่มันก็นานมามากหลายปีแล้ว จำได้ว่าร้านนี่อร่อยมากจนลืมไม่ลงแต่ก็ไม่ได้มาอีกเลย แต่ก่อนร้านนี่เคยมีสภาพที่อาจไม่หรูหรามากนัก เหมือนกับร้านเพิงข้างทางเสียมากกว่า จนความอร่อยของน้ำจิ้มซีฟูดและอาหารทะเลรสเลิศที่จัดมาเพื่อลูกค้ามีชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั่ว คนก็เริ่มเข้ามาลองบริการมากขึ้น
กว่าจะจองคิวก็นานมากอยู่เหมือนกัน เขาเองก็ว่าจะแวะมาที่นี่อีกสักครั้ง
และอาหารดี ๆ เขาก็อยากให้แฟนของตัวเองได้ลองทาน
“ร้านหรูเหมือนกันนะเนี่ย”
“พี่เคยมาทาน นานแล้ว อยากให้หนูของพี่ได้ลองกิน”
ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะใกล้กับทางหน้าร้านที่ได้สั่งจองเอาไว้ แสนดีใช้เวลาเลือกเมนูไม่นานนัก อนาธิปก็เช่นเดียวกัน แต่บางคำถามจู่ ๆ มันก็ผุดขึ้นมาในหัวของแสนดี ก่อนที่คนตัวเล็กจะเอ่ยถามมันออกไปด้วยความสงสัย
“เอ่อ แล้วเรื่องคุณการินนี่ยังไง เขาว่าอะไรบ้างไหม”
“ก็ไม่นะ ไม่มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรอก”
“เขาไม่ได้หึงหวงของเล่นชิ้นเก่า ไม่ได้จะมาแต่งงานกับพี่ธิปฟี่เพื่อผลประโยชน์หรอกเหรอ?”
คนที่คุณย่าจัดหามาให้หลานชาย แสนดีไม่คิดว่ามันไม่น่ามีใครปกติสักคน
“ไม่หรอก ก็อย่างที่บอก เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของพี่ค่ะ ที่เล่าให้ฟังแล้วไงคะ”
“แล้วคุณนายอะไรนั้นยอมใช่ไหมครับ”
ขณะที่ขับรถมาอนาธิปก็พูดให้แสนดีฟังทั้งหมดเรื่องเกี่ยวกับการินก่อนที่จะมาถึงร้านอาหาร และเรื่องคุณนายสมัย เข้ารู้ว่าคุณนายเขาพยายามที่จะยัดเยียดการินให้เขามากแค่ไหน แต่อนาธิปก็ปฏิเสธอย่างถึงที่สุด เพราะคนเดียวที่เขาจะยอมคบหาและแต่งงานด้วยคือแฟนตัวเล็กของเขาเท่านั้น จนกระทั่งคุณหญิงสมัยถอนหายใจและใจอ่อนจนถึงที่สุด แต่ก็ไม่วาย...ถ้าหากเขาเลิกแฟนเมื่อไหร่ก็ คงไม่วายส่งตัวลูกสาวมาเป็นคู่ในงานแต่งของเขาเป็นแน่
“ถ้าหากเลิกกันเมื่อไหร่ ป้าก็พร้อมส่งตัวลูกสาวให้นะ”
นี่ไม่รู้เหรอว่าลูกสาวของตัวเองไม่ชอบให้ทำอะไรแบบนั้นน่ะ ทำเหมือนลูกตัวเองเป็นสิ่งของไปได้
วันที่เลิกกันเหรอ? อย่าหวังว่าเขาจะยอมให้ทำแบบนั้นเถอะ
หลังจากทานอาหารกันเสร็จ ทั้งสองคนก็ขอเดินมาสุดอากาศทางด้านนอกร้านอาหาร เพราะติดอยู่กับชายหาดทะเล ลิ้มรสบรรยากาศลมเย็นจนแทบหนาว แสนดีล่วงหน้ามาก่อนที่ทะเลมองดูดาวบนท้องฟ้าที่ไม่ค่อยจะเห็นนัก คงเพราะแสงสีไฟบนพื้นดินของโลกบดบังเสียหมดสิ้น แสนดีเดินเท้าเปล่าบนหาดทราย รู้สึกยุกยิกนิ้วเท้าเวลาทรายเม็ดละเอียดบดเบียดแล้วสอดแทรกเข้ามาที่เท้า อนาธิปเดินกลับมาพร้อมผ้าคลุมตัวที่ซื้อได้ตามตลาด นำมาคลุมตัวแฟนของตัวเองที่กำลังยืนรับบรรยากาศอยู่
“ทะเลไม่ค่อยสวยเลย”
“ทำไมเหรอคะ ไม่เอ็นจอยเหรอ”
“รู้ไหม ผมไม่ค่อยชอบบ้านของตัวเองที่อยู่จังหวัดเลยนะ”
“ทำไมเหรอคะ? มันลำบากเหรอ”
“ก็ใช่...มันลำบาก ขนส่งก็ห่วย ไม่มีความเจริญเหมือนตัวเมืองเลย ความเจริญมากระจุกที่กรุงเทพฯ ทีเดียว ทั้งความสะดวกสบาย ทั้งบริการต่าง ๆ มีแค่แม่กับน้องที่ทำให้ผมอยากที่จะกลับบ้าน”
แม้พูดอย่างนั้น แสนดีก็ยังคงพยายามมองบนท้องฟ้าอยู่
“และอีกสิ่งเดียว...” แสนดีพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองอนาธิปที่ยังคงจ้องหน้าของเขาอยู่ “มีเพียงสิ่งเดียว คือเวลาที่มองดวงดาวบนท้องฟ้ามันชัดมาก มันชัดเป็นจุด ๆ เลย เวลามองแล้วรู้สึกสบายใจตลอด มันเป็นเหมือนกับเวลาที่ผมมองพี่แล้วสบายใจ ไม่รู้สิ ผมเคยระแวงที่พี่เคยฟ้องผมมาก่อน แต่ตอนนี้รู้สึกอบอุ่นจัง มันเป็นคนความรู้สึกเดียวกับตอนที่ผมมองดาวนั่นแหละ”
หลังสิ้นประโยค อนาธิปก็ยิ้มแล้วกอดแสนดีจากทางด้านหลัง กอดเพื่อให้คนตัวเล็กคลายหนาวลง
“แล้วตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
“รู้สึกดีจัง”
“พอได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้วเนี่ย เอาเป็นว่าสัปดาห์หน้าพี่ไปขอแม่ตัวเล็กเอาไหมคะ?”
“เร็วไปไหม”
“ไม่เร็วหรอก หนูก็รู้จักครอบครัวพี่ไปแล้ว แค่นิดหนึ่งก็เถอะ พี่ก็อยากไปเจอแม่ของหนูบ้าง...เผื่อแม่หนูอยากเจอลูกเขยสุดหล่อ”
“บอกเลยนะ แม่ผมไม่บ้ายอ ไม่หลงคำคมคนหล่อด้วย”
“คอยดูก็แล้วกันค่ะ"
________________________________________________________________________________________________
Comments (0)