ฉากที่ 8

ร่วงหล่น ร่วงหล่น สู่ฟองอากาศละมุน

 

หลายครั้งที่อำนาจและเงินตรามักเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอเมื่อมันไปอยู่ในมือของใครก็ตามในโลกแห่งทุนนิยมนี้ สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นเครื่องมือไปสู่ความสำเร็จและมีคนส่วนน้อยที่คิดจะต่อกรกับมัน ทั้งนี้คนส่วนน้อยพวกนั้นมักเป็นคนมีความฝันมีอุดมการณ์แรงกล้าอย่างทีมของกียุล

“ที่นี่คือบาร์นเฮาส์ของผม ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเวลามีโปรเจ็กต์ เราก็จะมารวมตัวทำงานกันอยู่นี่ กินนอนอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันไม่มีใครได้กลับบ้าน งานก็เลยเป็นไปตามเป้าหมายเพราะเราได้ใช้เวลาคุยกันเยอะได้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ” กียุลเปิดบ้านหลังใหญ่คล้ายโรงนาที่เขาเรียกกันว่าบาร์นเฮาส์ต้อนรับทีมงานกว่าห้าสิบชีวิตเข้าสู่สถานที่ทำงานใหม่ที่กว้างขวางทันสมัยทว่าก็มีกลิ่นของธรรมชาติที่สงบเงียบอยู่เพราะที่นี่คือแดกูบ้านเกิดแทบชนบทของผู้กำกับเอง

บ้านหลังนี้มีโทนสีขาวดำและตกแต่งด้วยกระจกรอบด้านกับลายไม้เป็นส่วนใหญ่ เมื่อเปิดประตูกระจกเข้าไปก็พบห้องโถงขนาดใหญ่ทันที และมีบันไดขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องนอน ไม่ได้มีอะไรมากเพราะถูกสร้างมาเพื่อการทำงานจริง ๆ จะพิเศษหน่อยก็ตรงที่หลังบ้านมีสวนส้มอยู่ซึ่งตอนนี้พ่อแม่ของกียุลเป็นคนช่วยดูแลให้อย่างดีแทนลูกชายที่บ้างาน

“ไกลจากโซลมันทำงานยากนะ นายมันดื้อพอ ๆ กับเมียนายนั่นแหละ อย่ามาหาบ่นน้องเขาให้ฉันฟังเลยนะ” จินกู กระซิบบ่นกียุลอยู่ด้านหลังในขณะเดินตามเข้าบ้าน

“พี่เข้าใจผมหน่อยเหอะ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะดูแลเจย์เลนได้ไปพร้อมกับที่ผมจะทำงานได้ด้วย” เหตุผลหลักของการมารวมตัวทำงานกันที่นี่หนึ่งในนั้นคือเจย์เลนเพื่อที่จะให้แม่ของลูกอยู่ในสายตาตลอด กียุลต้องทำแบบนี้เรื่องแฝดปีศาจคือเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากเขาไม่ยอมให้เจย์เลนต้องมาเสี่ยงชีวิตเด็ดขาดและวิธีนี้มันก็ไม่ได้เป็นผลเสียกับงานด้วยเพราะเขาจะถ่ายทำที่แดกูเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้วจากแผนที่วางไว้

ในตอนนี้มีทีมงานส่วนหนึ่งอยู่และออกไปจากทีมเมื่อโปรดิวเซอร์แจ้งถึงความเปลี่ยนแปลงว่าพวกเขาจะรื้อ โปรเจ็กต์เดิมแล้วทำใหม่ทั้งหมด ซึ่งนี่มันบ้าดีเดือดมากไม่แปลกที่จะมีคนเห็นต่างและไม่พร้อมที่จะเสี่ยงไปด้วย กียุล กลายเป็นปฏิปักษ์กับคนมีอำนาจในวงการ สถานภาพทางการเงินก็ไม่ได้ดีเท่านายทุนพวกนั้น และยังคิดจะทำภาพยนตร์นอกกระแสหรือที่เรียกอีกอย่างว่าภาพยนตร์อิสระซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่มีทุนสร้างน้อยเมื่อเทียบกับภาพยนตร์ทั่วไปมันเป็นตัวเลือกที่ดีของพวกเขาที่จะทำหนังแนวนี้ แต่หนังนอกกระแสไม่ได้มีการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์มากนัก ที่ได้เข้าฉายก็มีน้อยจนนับได้ เนื่องจากหนังนอกกระแสมีงบในการสร้างภาพยนตร์ไม่มากอาจทำให้เนื้อเรื่องหรือภาพยนตร์ไม่น่าสนใจ ส่วนใหญ่หนังนอกกระแสเลยไม่เป็นที่นิยมในหมู่คนดู ด้วยเหตุนี้ผู้สร้างจึงได้ผลตอบแทนน้อยไม่คุ้มทุนสร้างและขาดทุน

“ผมจะพาทุกคนเดินชมบ้านก่อนนะครับ แล้วเราจะมาประชุมกันต่อ ที่นี่มีห้องพักให้ทุกคนอย่างเพียงพอ อยู่ที่ชั้นสองและชั้นสาม พื้นที่ใช้สอยส่วนรวมจะอยู่ชั้นล่างทั้งหมดนะครับ มีครัวให้ทุกคนสามารถใช้ทำอาหารกินได้เลย มีโต๊ะรับประทานอาหารอยู่ตรงนั้น มีบาร์มีเครื่องดื่ม ทางที่เราเดินผ่านมาโถงกลางจะเป็นที่นั่งเล่นและพื้นที่ว่างใกล้ ๆ กันเราจะใช้ทำงานเป็นหลัก ด้านหลังจะเป็นห้องเก็บของห้องซักรีดและห้องน้ำ สวนส้มด้านหลังเก็บส้มมากินได้นะครับตอนนี้กำลังออกผลเลย”

พื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดจะเป็นที่ทำงานของพวกเขาโถงกลางที่กว้างและเพดานสูงตามสไตล์บ้านโรงนาถูกจัดแบบ Open Plan รวมพื้นที่ทำกิจกรรมที่ยืดหยุ่นเข้าไว้ด้วยกันทั้งหมดซึ่งเหมาะกับการทำงานมากเลยทีเดียว กระนั้นก็สวยถูกใจทีมงานที่จะได้ทำงานในสถานที่ดี ๆ แบบนี้ ทอดสายตามองออกไปยังเห็นเทือกเขาพัลกงซานและต้นไม้เขียวชอุ่มให้สบายตาอีกด้วย ตอนทำงานคงจะไม่เครียดได้ผ่อนคล้ายไม่ใช่น้อย

“บ้านสวยมากเลยครับผู้กำกับ”

“พวกเรามีไฟทำงานขึ้นมาเลยค่ะ นี่มันวิวระดับพันล้านวอนเลยนะคะ”

“ในตู้เย็นมีของกินกับเครื่องดื่มไม่อั้นด้วย”

ทีมงานเริ่มทำความคุ้นเคยและซุกซนกับสถานที่ให้เกิดบรรยากาศของความเป็นกันเองเท่านี้ก็รู้เลยว่าพวกเขาสนิทกันมากขนาดไหน

“อ้อ ผมลืมบอก ชั้นใต้ดินยังมีห้องตัดต่อกับห้องอัดเสียงด้วยนะครับ เผื่อว่าเราจะต้องทำกันแบบเร่งด่วนในกรณีฉุกเฉิน แล้วก็พวกสายไฟ ขาตั้งไฟ ขาตั้งกล้อง ราง Dolly อุปกรณ์ถ่ายทำที่อยู่ในรถเดี๋ยวช่วยกันขนเข้ามาเก็บที่ห้องเก็บของด้านหลังด้วยนะครับ ทีมไฟ ทีมเสียง ทีมศิลป์ เช็กอุปกรณ์กับพร็อพด้วยนะครับอันไหนชำรุดผมจะส่งคืนบริษัทเช่า”

“แล้วทีมกล้องล่ะครับผู้กำกับ” เรียวตะที่ยืนกระดกนมรสกล้วยขวดใหญ่อยู่ยกมือถามเมื่อไม่ได้ยินหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง

“ทีมกล้องเราต้องคุยกันใหม่นะครับ เพราะว่างบประมาณเราลดลงคงใช้กล้องตัวเดิมถ่ายไม่ได้ ผมเลยระงับไว้ก่อนทางบริษัทกล้องก็เลยยังไม่ส่งมา”

“โอ้โห! ถามจริง? งั้นเรื่องนี้คุยกันยาวครับผู้กำกับ เชิญทางนี้เลย” ส่งผลให้กียุลต้องเดินเข้าไปหาทันทีพลางบอกให้ทีมงานเดินดูบ้านกันได้ตามสบายเสร็จแล้วก็ให้ไปช่วยกันยกของ เมื่อผู้กำกับไปถึงตัวเรียวตะก็ถูกล็อกคอเดินไปที่โซฟาซึ่งเจย์เลนนั่งอยู่ก่อนแล้วเพราะเวียนหัวเลยแอบมานั่งเงียบ ๆ สงบสติอยู่คนเดียว ก่อนกียุลจะนั่งก็ไม่ลืมลอบมองแม่ของลูกตามสัญชาตญาณความเป็นห่วง

“อะไรอะพี่ มันไม่ได้นะ เราคุยกันไว้ดิบดีว่ายังไงก็ต้องกล้อง อาร์รี อเล็กซ่า รุ่นล่าสุดเท่านั้น เพราะภาพมัน 14K เลยนะพี่ ภาพชัดตาแตกแล้วมือดีอย่างผมถ่ายด้วยมันต้องสุดมากแน่”

“รู้แล้ว พี่เข้าใจ แต่นายมีไหมล่ะร้อยสามสิบล้านวอน มีก็โอนมาเลย แล้วเดี๋ยวโทรให้เขาเอามาส่งเดี๋ยวนี้”

“โห่ พี่เล่นงี้เลยเหรอ พี่เจย์เลนช่วยผมหน่อยสิครับ T..T” ตากลมแป๋วของหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นส่งไปขอความช่วยเหลือแต่อีโบนีหนึ่งเดียวตรงโซฟาก็ทำได้แค่หันไปยิ้มให้เท่านั้นเพื่อบ่งบอกว่าช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ และแท้จริงเขาเองนี่แหละที่เป็นคนติงเรื่องราคากล้องกับกียุลอีกที

“ถ้างั้นผมขอกล้อง RED 12K เจ็ดสิบล้านวอนขาดตัว พวกเลนส์เช่าผมรู้จักที่ดีราคาถูกด้วย พี่ว่าไง”

“ได้ ดีล”

“แจ่มมมม ผมสบายใจละ แล้วพี่เจย์เลนเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีด ๆ นะครับ” หูกียุลกระดิกตามหันหน้าขวับไปมองแม่ของลูกเลยเชื่อไหม

“แพ้ท้องเหรอ? ไหวไหม? ไปนอนพักข้างบนก่อนมั้ย พี่พาไป” ว่าจบก็ตั้งท่าจะอุ้มคนท้องต่อหน้าลูกน้องครึ่งร้อยแต่ เจย์เลนยกมือปรามไว้ก่อน

“ไม่ต้องอุ้ม ผมแค่.. แค่... หิวกาแฟ”

“กี่แก้วแล้วล่ะวันนี้” เจย์เลนก้มหน้าคางชิดอกไม่กล้าตอบเพราะรู้ว่าถ้าพูดความจริงไปจะไม่ได้ดื่มกาแฟแน่นอน

“สามแล้ว...แต่อยากกินอีก” เจอลูกอ้อนช้อนตามองขนาดนี้ใจกียุลเละเป็นโจ๊กเลยทีเดียว

“ถ้าพี่ไม่ให้พี่เจย์เลนกินกาแฟนะ หลานผมต้องร้องไห้แน่เลยดูทรง ฮ่า ๆ”

“กียุล เริ่มประชุมได้ ของมันเยอะรอขนมาหมดไม่ได้ประชุมพอดี พี่ไปดูมาแล้ว” เสียงจินกูเข้ามาก่อนเจ้าตัวหลังจากที่ไปคุมการขนของด้านนอกมาและเห็นสมควรแล้วว่าต้องเริ่มประชุมก่อนสิ่งอื่นใด ทุกคนจะได้วางแผนการทำงานกันต่อไปได้โดยเร็วที่สุด

“ถ้าอย่างนั้นพี่เรียกประชุมเลย เดี๋ยวผมมา” ร่างสูงหยัดกายขึ้นคล้ายจะลืมคำขอของคนท้องไปเสียสนิทเดินจากไปไม่เหลียวมามองเจย์เลนที่นั่งตาละห้อยอยู่เลย นั้นทำให้คนท้องอ่อนเกือบจะร้องไห้ออกมาแต่กลั้นเอาไว้ได้ช่างน่าเอ็นดู

“เอาล่ะครับทุกคน รวมตัวกันตรงนี้ก่อนนะครับ แปะ แปะ แปะ เดี๋ยวเราค่อยไปยกของกันต่อ” จินกูปรบมือส่งเสียงเรียกให้ทีมงานตื่นตัวในขณะที่กำลังพาตัวเองไปยืนอยู่ที่กลางห้องโถง

“ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่กับเรานะครับ ทุกคนคงรู้สถานการณ์เบื้องต้นแล้วว่าเราจะรื้อทุกอย่างเพื่อทำใหม่ทั้งหมด เราจะทำหนังนอกกระแสกัน ทุนของเรามีไม่เยอะแต่ผมจะพยายามหามาให้ได้มากที่สุด ขอให้ทุกคนวางใจ ผมรับประกันไม่ได้ว่าเราจะประสบความสำเร็จกับหนังเรื่องนี้แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจ อย่างไรก็ต้องมีคนเห็นค่าผลงานเรา” เสียงทุ้มของโปรดิวเซอร์หน้าหล่อบอกอย่างหนักแน่นพลางกวาดสายตามองทีมงานทุกคนเพื่อให้มั่นใจในตัวเขา

“อุปสรรคครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เราต้องล้มเลิกความฝันแต่ทำให้เราได้มองหาความฝันครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เพราะเราจะส่งผลงานนี้ไปไกลระดับโลกที่งาน Twilight Film Festival กันครับ และเราจะส่งไปที่ปูซานด้วยถ้าเกิดทัน ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ทุกคนว่าอย่างนั้นไหมครับ” ทีมงานทุกคนประสานเสียงเห็นด้วยอีกทั้งพยักหน้ารับกับคำพูดที่โดนใจของ โปรดิวเซอร์ผู้ปลุกใจได้เก่งเยี่ยมยอด

“เรามีบทสำหรับเรื่องใหม่แล้วแต่เราจะพยายามปรับเปลี่ยนบทให้เข้ากับการดำเนินงานที่ทำไปแล้วให้ได้มากที่สุด เพื่อที่สิ่งที่ดำเนินการไปจะได้ไม่สูญเปล่า เราต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะอาจมีคนทำผลงานเรื่องที่แล้วของเราออกมาก่อน ซึ่งมันจะไม่เป็นการดี ผมได้ประชุมกับทีมกำกับแล้วเรื่องการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเราจะใช้มันเท่าที่จำเป็นไม่งั้นเราจะทำไม่ทัน” ในสัญญาข้อตกลงการออกทุนสร้างของกียุลและประธานช่องเอ็มบีอีมีใจความอยู่ว่า หากยกเลิกสัญญาบทภาพยนตร์จะตกเป็นของผู้ให้ทุนสร้างแต่ไม่ได้บอกว่าผู้เป็นเจ้าของบทห้ามนำมาใช้ หรือหากมีส่วนใดละม้ายคล้ายคลึงกันบริษัทของกียุลก็ไม่ผิด เขาจึงเลือกจะทำแบบนี้เพื่อใช้งบประมาณที่เสียไปแล้วให้คุ้มค่าและเพื่อตัดช่องทางของประธานจากช่องเอ็มบีอีที่น่าจะคิดเล่นสกปรกอยู่

หากท่านประธานนำบทของกียุลไปให้ผู้ใดสร้างแล้วปล่อยออกมาทีหลังก็จะโดนโจมตีอย่างหนัก กลับกันถ้าฝั่งนั้นเกิดนำไปทำแล้วปล่อยผลงานออกมาก่อน กียุลก็จะเจ็บหนักเช่นกัน งานนี้มีแต่เสี่ยงกับเสี่ยงแต่กียุลไม่กลัวอยู่แล้วเขามั่นใจในทีมงานซ้ำยังพร้อมชนกับทุกเรื่อง

“ในส่วนของบทผมจะให้ผู้กำกับและเขียนบทเป็นคนเล่าให้ฟังนะครับ” ชายลุคสะอาดถอยออกไปให้พื้นที่แก่กียุลที่กำลังเดินมาพร้อมแก้วกาแฟเย็นผสมน้ำส้มยูซุหอมกรุ่นและแน่นอนว่าน้ำส้มในแก้วนั้นเยอะกว่ากาแฟมากเรียกว่าน้ำส้มใส่วิญญาณกาแฟน่าจะถูกกว่า

“สักครู่นะครับทุกคน” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยพลางก้มศีรษะและยิ้มตามสไตล์คนใจดีในขณะที่ปลายเท้ามุ่งไปหาคนท้องที่นั่งจิตใจไม่สงบอยู่ตรงโซฟาทั้งหงุดหงิดที่กียุลไม่สนใจทั้งเวียนหัวแพ้ท้องทั้งอยากกินกาแฟอารมณ์เหมือนน้ำต้มที่กำลังเดือดจัด

“พี่ให้แก้วนี้แก้วสุดท้ายนะ แล้วดื่มน้ำเปล่าตามเยอะ ๆ วันนี้พี่ให้ดื่มเกินหนึ่งแก้วแต่จากนี้พี่ไม่ให้แล้วนะครับ” เสียงอบอุ่นดังอยู่เหนือหัวให้คนตัวเล็กมองค้อนขึ้นไปก่อนจะรับแก้วกาแฟเย็นมาไว้ในมือรีบดื่มและสูดกลิ่นหอมเข้าไปเต็มปอดอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา เมื่อกียุลทำหน้าที่พ่อของลูกเสร็จแล้วก็หมุนตัวเดินล้วงกระเป๋าอย่างมีมาดผู้กำกับไปหาทีมงานเพื่อคุยเรื่องจริงจัง

“ผมกับเจย์เลนเขียนบทเรื่องนี้ด้วยกันนะครับ บทเสร็จแล้วแต่ยังไม่เสร็จดียังต้องมีการปรับเปลี่ยนตามที่โปรดิวเซอร์บอกไป ผมจะเล่าเรื่องย่อให้ฟังก่อน นี่เป็นเรื่องราวของคนแปลกหน้าที่มาเจอกันโดยบังเอิญในขบวนรถสัญจรเพื่อตามหาคำตอบบางอย่างที่อยู่ในใจของแต่ละคน....”

กียุลรับหน้าที่เล่าถึงบทหนังเรื่องใหม่ได้อย่างฉะฉานเข้าใจง่ายและน่าฟังเพราะเป็นคนลงมือเขียนเรื่องราวขึ้นมาเองเขาจึงรู้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี เจย์เลนที่ฟังอยู่ก็พยักหน้าตามทุกคำที่กียุลพูดเขาเองก็รู้เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดีเช่นกันเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาต่างอ่านบทหนังเรื่องนี้วนซ้ำมาเป็นร้อยรอบแล้วเพื่อบรรเทาความคิดถึงต่อกัน

“เรื่องเสื้อผ้าหน้าผม Costume designer , Make-up Artist , Hair stylist ผมจะประชุมนอกรอบกับพวกคุณอีกทีนะครับ Mood & Tone จะเป็นประมาณนี้นะครับ เสื้อผ้าจะเป็นสีประมาณนี้ ยกเว้นนักแสดงหลักที่เสื้อผ้าจะโดดเด่นขึ้นมาจากทุกคนนิดหน่อยเพื่อเผยถึงนิสัยพวกเขาได้ชัดเจนผ่านการแต่งตัว ฝากทุกคนทำการบ้านให้ผมด้วยนะแล้วนำมาเสนอผม” สตอรีบอร์ดสามมิติอ้างอิงถึงแนวการดำเนินงานทุกอย่างถูกยกขึ้นมาประกอบการพูด โดยทั้งหมดเป็นสิ่งที่กียุลและเจย์เลนร่วมทำด้วยกันตลอดสองสามวันที่ผ่านมา

“คร่าว ๆ ประมาณนี้ก่อนนะครับ ผมกับเจย์เลนจะพยายามเขียนบทให้เรียบร้อยโดยเร็วและออกมาดีที่สุด แล้วเราจะมาประชุมกันอย่างจริงจังอีกครั้ง ใครมีอะไรเสริมไหมครับ”

“ผมมีครับ” จินกูเปล่งเสียงขึ้นมาพร้อมก้าวมาด้านหน้า

“ผมจะแนะนำทีมงานใหม่อีกคนให้ทุกคนรู้จักนะครับ อย่างที่ทราบว่าทีมงานเราหายไปเป็นครึ่ง เดิมทีผมคิดว่าผมทำคนเดียวไหวแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมคงจะต้องไปติดต่อเจรจากับงานด้านนอกเรื่องทุนก็เลยหาผู้จัดการกองมาช่วยดูแลความเรียบร้อยตอนที่ผมไม่อยู่ และอำนวยความสะดวกให้ทุกคนระหว่างการเตรียมงานและการถ่ายทำนะครับ อ่า เธอมานู่นพอดี” สายตานับสิบคู่มองไปที่หญิงสาวหน้าตาน่ารักทว่าการแต่งตัวดูเปรี้ยวและเซ็กซี่ เธอโปรยยิ้มพลางคำนับศีรษะให้ทุกคนตามมารยาทระหว่างที่เดินเข้ามา

“เธอชื่อโซฮีนะครับ จะมาเป็นผู้จัดการกอง ฝากเธอด้วยนะครับ ถ้าผมไม่อยู่สามารถคุยกับเธอได้เลย”

“ฝากตัวด้วยนะคะทุกคน” ใครหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดีเพราะเธอเก่งในทางของเธอชื่อเสียงก็พอมี และเห็นทีคนที่จะคุ้นเคยกับเธอมากที่สุดก็คงเป็นผู้กำกับของเราที่กำลังยืนกอดกับเธออยู่ด้วยท่าทีดีใจ

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะมา พี่นึกว่าเธองานยุ่งเลยไม่ได้ชวนมาทำด้วยกัน พี่ขอโทษนะ”

“โอ๊ย ไม่เป็นไรพี่ นี่ไงพี่จินก็ชวนฉันมาแล้ว กอดอีกทีสิ คิดถึงมากกก” ทั้งหมดอยู่ในสายตาที่เรียบเฉยของเจย์เลนทว่าในใจกลับเดือดปุด ๆ อยู่ หึงนั่นแหละคนท้องไม่ได้ปฏิเสธความคิดตัวเองและกำลังเดินออกไปจากบริเวณนั้นเพราะทนภาพบาดตาไม่ไหว

“จะไปไหนล่ะเจย์เลน” คังจุนทัก

“สูดอากาศข้างนอก ผมจะอ้วก” ท้ายประโยคมีหันหน้าไปหาทั้งสองคนที่ยังกอดกันกลมอยู่ด้วย

“เลิกประชุมเลยนะครับทุกคนวันนี้ก็สบาย ๆ ก่อนนะครับ ตอนเย็นเราจะมีปาร์ตี้กันนะ ผมจะทำอาหารให้ทุกคนทานเอง”

“เย้! รักผู้กำกับที่สุดเลยค่ะ”

“ขอคราฟเบียร์กับโซจูด้วยนะครับผู้กำกับ วู้ววว”

ทุกคนต่างดีใจทั้งออกท่าทางและส่งเสียงกันอย่างสนุกสนานพร้อมเริ่มทำงานเต็มที่เพราะเจ้านายดูแลดี

“อ่า เกือบลืม เดี๋ยวครับทุกคน เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ผมขอความร่วมมือทุกคนอีกนิดหนึ่ง เนื่องจากในกองเรามีคนท้องนะครับ ผมไม่รู้ว่ามีใครรู้บ้างหรือเปล่านะ ผู้ช่วยผู้กำกับของเราตั้งท้องอยู่นะครับ อยากให้ทุกคนช่วยระวังเขาด้วย เวลาทำงานช่วยระวังความปลอดภัยกันไว้มาก ๆ เลยนะครับ ผมขอฝากให้ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลคุณเจย์เลนให้ผมด้วยนะ”
เจย์เลนที่กำลังเดินออกไปถึงกับตัวชาเพราะจู่ ๆ ก็กลายเป็นจุดสนใจทุกคนหันไปมองเขาและเอ่ยปากแสดงความยินดีกันไม่หยุด จนต้องระงับอารมณ์หึงด้วยการฝืนยิ้มแล้วขอบคุณตามมารยาท

“แล้วก็ ถ้าใครเห็นเจย์เลนดื่มกาแฟเกินสามแก้วต่อวันมาบอกผมด้วยนะครับ ผมขึ้นเงินเดือนให้”

“นี่!! ไอ้พี่กะ- หึ้ย!” เพราะว่าต้องไว้หน้ากียุลไว้เจย์เลนจึงด่าได้ไม่เต็มคำแล้วรีบเดินออกไปด้านนอกเพื่อระบายอารมณ์ด้วยการชกฟ้าเตะลมอยู่คนเดียวคงลืมไปว่าคนด้านในมองออกไปก็เห็น ทำเอาถูกหัวเราะโดยไม่รู้ตัวสร้างสีสันให้บรรยากาศเป็นกันเองมากขึ้นไปอีก

“ว้าว ผู้ช่วยของเราดื้อมากเลยนะครับ ดูท่าทางแล้วพวกเรารวยแน่เลย ฮ่า ๆ ๆ”

พลบค่ำทีมงานก็จัดปาร์ตี้กันที่สนามหญ้าหน้าบ้านเคล้าวิวสวยท่ามกลางธรรมชาติ ท้องฟ้าสีชมพูแซมเหลืองและม่วงกลมกลืนยิ่งทำให้ที่นี่น่าหลงใหล สายลมเอื่อยพัดผ่านกายให้สบายตัวทว่าทำให้คนตัวเล็กห่อไหล่พลางลูบกายตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาว เจย์เลนเดินออกมาไกลจากสวนหน้าบ้านเล็กน้อยเพราะกลิ่นอาหารที่ตีกันมั่วโชคดีที่ไม่ได้ไป
โอ้กอ้ากให้ใครเห็น “หนาวเหรอ แล้วทำไมมาอยู่นี่คนเดียว ทุกคนกำลังสนุกกันเลย” กียุลเอ่ยพลางคลุมผ้าคลุมไหล่ให้คนตัวเล็กคลายหนาวลงก่อนจะตีเนียนกอดคนน้องจากด้านหลัง

“ถอยออกไปอย่ามากอด อย่ามาโดนตัว”

“ก็นายกับลูกหนาวไม่ใช่เหรอ พี่อยากช่วย ฟอด ~” กียุลสูดกลิ่นแก้มหอมเข้าไปเต็มปอด ʢᵕᴗᵕʡ

“เฮ้ย! เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น พี่พูดไม่รู้เรื่องเหรอ?” มือเล็กยกขึ้นเช็ดข้างแก้มตัวเองบ่งบอกว่าไม่ชอบให้มาหอมแบบนี้แต่คุณป๋าเขาฟังที่ไหน

“ฟอด ~ ฟอด ~” ขโมยหอมสองข้างแก้มไปอีกจนโดนทุบกลับมาหลายอึก

ʕ; •'ᴥ•´ʔ ʕノ) ᴥ (ヾʔ

“โอ๊ย! โอ๊ย! เจ็บนะเจย์เลน”

“เจ็บสิดี เพียะ! เพียะ!” ทั้งตีทั้งทุบกียุลก็ไม่ได้สะเทือนแถมยังรวบร่างเล็กมากอดไว้จนได้

“พี่ทำผมหงุดหงิดมากเลยรู้ไหม ปล่อยเลยนะ ปล่อยยยยยย แฮ่ก แฮ่ก ปล่อยดิ!”

“ดิ้นมากก็เหนื่อย อยู่เฉย ๆ เถอะ พี่จะทำให้หายหนาว” เจย์เลนก็ศึกษาอาการคนท้องมาแล้วนะแต่ไม่ยักรู้ว่าเหนื่อยง่ายคือเหนื่อยง่ายขนาดนี้ เล่นเอาหอบหายใจแทบไม่ทัน กียุลเลยอาศัยจังหวะนี้เนียนกอดสองแม่ลูกได้สบาย

“พี่ว่าท้องนายใหญ่ขึ้นไวมากเลย”

“อือ แต่ปล่อยได้ยัง พี่ไม่ไปกอดยัยโซฮีล่ะ” นึกขึ้นได้ก็หลุดปากออกไป

“หึงพี่เหรอ? เพราะพี่เคยจีบโซฮีตอนเกรดสิบสองใช่ไหม” เขาว่าแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กระชับกอดเจย์เลนมากขึ้นแล้ววางคางไว้ที่ลาดไหล่บางอย่างอารมณ์ดี

“อย่าหลงตัวเอง ยัยนี่มันคู่ปรับผมพี่จะไปรู้อะไร” เรียกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ตอนที่กียุลไปจีบโซฮีจนตอนเรียนมหาวิทยาลัยเลยเจย์เลนคิดว่าจะไม่ได้เจอเธออีกแล้วนะนี่มันทำให้หงุดหงิดเป็นบ้า

“พี่ว่านายหึงพี่มากกว่า”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย แล้วก็ปล่อยได้แล้วจะเข้าบ้าน ผมมึนหัว” เจย์เลนพยายามแกะมือปลาหมึกออกจากตัวแต่อีกคนก็รัดเอวเก่งเหลือเกิน

“งั้นเดี๋ยวพี่พาเข้าไป” น้ำเสียงนุ่มไม่ทันขาดคำก็อุ้มร่างเล็กขึ้นแนบอก

“เฮ้ย! อุ้มทำไมเดินได้ ปล่อยลงนะ พี่จะไม่ให้เท้าผมถึงพื้นเลยหรือไงเอะอะอุ้มอะไรนักหนา ห๊า!!”

“เดี๋ยวก็มึนหัวใหญ่หรอกเลิกโวยวาย เลิกดิ้นด้วยเดี๋ยวตกนะ ตัวก็ไม่ใช่เบา ๆ” พ่อของลูกแกล้งพูดกวนโมโหเพราะอยากเห็นแม่แมวน้อยขู่ใส่และมันได้ผลดีที่สุดเลย

“ยาส์!! ก็มาทำให้ท้องทำไมเล่า!”

“พูดดัง ๆ อีกสิ พี่ก็อยากให้ทุกคนรู้เรื่องของเรานะ อยากอวดทุกคนจะตายแล้วว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”

“...” เหมือนมีใครปิดสวิตช์ เครื่องด่าเจย์เลนเงียบลงทันทียอมให้กียุลอุ้มเข้าบ้านไปท่ามกลางสายตานับสิบ ๆ คู่
กียุลใช้ไหล่หนาของตัวเองผลักบานประตูกระจกเข้าไปในบ้านอุ้มเจย์เลนขึ้นไปจนถึงห้องนอนชั้นสอง คนในอ้อมอกก็ยังไม่เอ่ยปากสักคำกระทั่งถูกวางลงที่เตียงผู้กำกับจึงเอ่ยถาม

“หึ ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเราขนาดนั้นเลย”

“ผมไม่ใช่ดาราจะท้องไม่มีพ่อก็ไม่มีใครมาสนใจหรอก เพราะงั้นไม่ต้องมาประกาศตัวว่าเป็นพ่อของลูกผม”

“ปากร้ายนักนะเรา จูบสักทีดีไหม” ว่าจบก็พุ่งร่างเข้าไปคร่อมร่างเล็กไว้ตรึงแขนสองข้างไว้เหนือหัวอย่างชำนาญ

“มาจูบสิจะถีบให้” เจย์เลนทำทีไม่สะทกสะท้านกับท่าทีล่อแหลมซ้ำยังปากดีท้าทายปนขู่

“มันต้องตบจูบหรือเปล่านายผิดบทแล้ว”

“อย่างพี่มันต้องถีบเท่านั้นแหละ ถ้ายังไม่ลุกไปนะ พี่จะทำให้ใครท้องไม่ได้อีกเลยคอยดู” เจย์เลนเตรียมยกขาขึ้นหมายจะประทุษร้ายกล่องดวงใจจนกียุลยอมล่าถอยออกไปนอนข้าง ๆ แทน

“ทำกับพี่แบบนั้น เราก็ไม่มีน้องให้เจ้าตัวเล็กในท้องนายสิ ลูกเหงาแย่เลยไม่มีพี่น้อง”

“แล้วใครบอกว่าพี่จะเป็นพ่อของลูกคนที่สองของผมไม่ทราบ”

“พี่วาจาศักดิ์สิทธิ์นะ ยังไงนายก็มีลูกคนที่ 2 3 4 5 กับพี่นี่แหละ” เขาว่าอย่างมั่นใจก่อนจะนอนคว่ำผงกศีรษะขึ้นมาคุยเล่นทำทีเปลี่ยนเรื่องไม่ฟังคำด่าของเจย์เลนที่แว่วอยู่ข้างหูไม่หยุดแถมยังว่าในใจว่าแมวตัวนี้มันบ่นเก่งจริง ๆ ร้องเหมียว ๆ อยู่นั่น

“หิวไหมพี่ลงไปเอาของกินมาให้ อยากกินอะไร”

“ไวน์สักแก้ว โซจูสักขวด”

“อยากโดนเหรอกวนแบบนี้” เสียงทุ้มนุ่มถามและเจย์เลนยังยักคิ้วกวนท้าทายกียุลไม่เลิก

“ผมจะโดนอะไร พี่จะกล้าทำอะไรผม ฮะ?” ว่าจบก็หยิบผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มไม่ระวังตัวเลยว่าเสือกำลังจ้องขย้ำ

“คนท้องเขาไม่ได้ห้ามมีเซ็กส์นะ แถมยังมีอารมณ์ทางเพศสูงด้วยเพราะถูกปลุกอารมณ์ง่ายไวต่อสัมผัส” เสียงทุ้มแปรเป็นแหบพร่าและไม่รู้ว่าตอนไหนที่ร่างสูงลุกขึ้นไปยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของตัวเองออกด้วยท่าทีเซ็กซี่ขนาดนั้น เจย์เลนลอบกลืนน้ำลายหลายอึก จู่ ๆ มันก็อยาก...จะมีอะไรกับคนตรงหน้า พลันให้ร่างกายเห่อร้อนเสียวท้องน้อยเป็นบ้า

“จะทำอะไร ออกไปเลยไป! ผมจะดูบทต่อจะทำงานแล้ว พี่ลงไปอยู่กับทีมงานเถอะเดี๋ยวงานกร่อยหรอก” เจย์เลนพยายามข่มใจเอื้อมหยิบโน้ตบุ๊กที่วางอยู่โต๊ะหัวเตียงแต่ถูกกียุลคร่อมร่างไว้ก่อน

“พี่เอาจริงนะ...นายก็น่าจะรู้ว่าพี่เป็นยังไงกับเรื่องเซ็กส์” ใบหน้าหล่อมุดลงไปหาซอกคอขาวในตอนที่เจ้าของร่างกำลังตาโตตกใจเพราะคิดว่ากียุลแค่พูดแกล้งแต่สัมผัสเปียกชื้นและเจ็บแปลบชั่ววูบที่ซอกคอทำให้รู้แล้วว่ากียุลไม่ได้พูดเล่นและกำลังเอาจริง

“อ๊ะ หยุดเลยนะ ไม่เอา พี่กียุล” เป็นการปฏิเสธที่เสียงอ่อนมาก

“พี่หยุดไม่ได้แล้วเจย์เลน อื้ม พี่ต้องการนาย ฟอด ~” ไม่ว่าเปล่าเขาเงยหน้าขึ้นมาหลังจากประทับรอยกุหลาบลงไปที่เนื้ออ่อนจนหนำใจริมฝีปากปากบางมุ่งไปหาริมฝีปากอวบอิ่มตะโบมจูบดูดดื่มกระทั่งเสียงต่อต้านหายไปกลายเป็นความร่วมมือเคลิบเคลิ้มตามเจย์เลนเดินตกหลุมพรางของกียุลอย่างจัง

“อื้อ อ๊า พี่หยุดก่อนครับ อื้มมม หายใจไม่ทัน” เดี๋ยวจูบเดี๋ยวปล่อยแย่งลมหายใจกันจนอารมณ์เตลิด ตามจริงกียุลจะแค่แกล้งขู่นั่นแหละแต่ตอนนี้เริ่มคุมตัวเองไม่ค่อยได้แล้วจากที่จะแกล้งเขาตอนนี้คล้ายว่าจะแกล้งตัวเองไปด้วยน่ะสิ

“คนดื้อก็ต้องโดนแบบนี้แหละ อื้มมม กลิ่นดอกลิลลี่จากตัวนายมันหอมไม่เคยจางเลย ฟอด ~ พี่คิดถึง ไม่ได้กอด ไม่ได้หอมนานเต็มอิ่มมานานแล้ว พี่ขอนะครับ” ผละจูบออกก็หอมแก้มที่แดงเป็นกลีบกุหลาบของเจย์เลนไม่ว่างเว้นป้อนคำหวานอ้อนเสียจนใจละลายจิกกำผ้าปูที่นอนแน่นข่มความเขินอายและแรงราคะที่ไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง

“แฮ่ก แฮ่ก กลิ่นจากตัวพี่ก็ทำให้ผมอยาก อ๊ะ กาแฟ”

“กินพี่ไปก่อนพลาง ๆ ไหมล่ะ อร่อยกว่ากาแฟอีก จุ๊บ” คนมือไวเลิกเสื้อเจย์เลนขึ้นเหนืออกแล้วดูดกลืนเม็ดเชอร์รีสองข้างอย่างมูมมาม เล่นเอาเจย์เลนครางเสียงหลงจากความเสียวซ่านที่ปะทุขึ้นมากกว่าเดิม

“อ๊ะ มัน...รู้สึก... หยุดเถอะ อื้อ ผมจะไม่ไหว ผมไม่ไหวแน่”

“จ๊วบ ปากกับร่างกายนายมันสวนทางกันเจย์เลน อย่าฝืนเลยนะ ปล่อยตัวสบาย ๆ พี่จะทำให้นายมีความสุขเองนะ” คนหน้าหล่อว่าก่อนจะใช้ปากครอบครองตุ่มไตอ่อนไหวอีกครั้งอกบางแอ่นขึ้นป้อนให้จนร่างกายโค้งดั่งสะพานส่งเสียงครางหวิวให้กียุลใจสั่นแผ่นดินกำลังไหวในอกของเขาอย่างหนัก มือหนาเลื่อนลงต่ำไปหาแท่งร้อนที่แข็งขึ้นมาของคนใต้ร่างเขาลงมือชักรูดให้อย่างใจดี

“ดูดแรง ๆ อ๊ะ สาวเร็ว ๆ อีกพี่กียุล อื้อ!”

ตอนนี้เจย์เลนได้ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด กียุลดูดฟัดหน้าอกบางจนเกิดเสียงชวนเขินเคล้ากับเสียงครางหวานทำตามใจคนท้องอย่างไม่อิดออด

“อ๊า ลิ้นพี่มัน อื้ออ” ใบหน้าหวานเชิดขึ้นมือก็ขยุมกลุ่มผมสีดำที่ปากกำลังดูดกินเม็ดเชอร์รีอย่างผู้หิวโหยลิ้นร้อนกระดกระรัวเร็วเอาใจไม่พักมือก็สาวรั้งให้ตามปรารถนา ร่างเล็กดีดดิ้นเร่า ๆ อย่างมีความสุข กระทั่งลูกโปร่งแห่งความรู้สึกก็ลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ ๆ ขึ้นไปในอากาศและแตกกระจายในที่สุด

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” เจย์เลนนอนหอบหายใจเหนื่อยราวกับพึ่งลงจากเครื่องเล่นที่สวนสนุกฝ่ายกียุลผละออกจากหน้าอกแดงเถือกเมื่อทำให้คนที่รักเสร็จสมแล้วจึงเข้าไปจูบซับริมฝีปากอิ่มชั่วครู่แล้วผละออกอย่างมันเขี้ยวในความน่ารัก ตบท้ายด้วยการทั้งหอมทั้งฟัดแก้มนิ่มเหมือนอย่างที่ชอบทำ

“เตียงเลอะเลย”

“ไม่ต้องพูด ออกไปเลยนะ แฮ่ก แฮ่ก” แม่ของลูกกียุลเลื่อนเสื้อตัวเองลงยกแขนสองข้างขึ้นปิดหน้าแล้วไล่ให้ไปลูกเดียวเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่เกิดขึ้นความน่าอายชวนขวยเขินไปจนถึงปลายเท้า

“ใจร้าย จะไม่ทำให้พี่บ้างเหรอ ปวดหมดแล้วนะดูสิ” เจย์เลนแอบดูผ่านช่องว่างระหว่างแขนเป็นนาทีเดียวกับที่
กียุลควักแท่งร้อนออกมามันใหญ่โตและแข็งขืนจนน่าตกใจ ไอ้นี่เนี่ยนะที่มันเข้ามาในตัวเขาพึ่งสังเกตว่ามันใหญ่โตขนาดนี้นี่มันใหญ่มากกว่าสมัยเรียนอีก

“ไม่!! พี่ออกไปเลยนะ ผมง่วง”

“งั้นพี่ยืมห้องน้ำหน่อยนะ แป๊บเดียว” กียุลก็ไม่อยากให้เจย์เลนทำให้หรอก เขากลัวจะห้ามตัวเองไม่อยู่เมื่อกี้ถือว่าโชคดีข่มใจไว้ได้ เพราะกียุลจำได้ว่าเจย์เลนเคยปฏิเสธไปก่อนหน้านี้คงห่วงลูกมากเขาเองก็ห่วงลูกเช่นกันเลยเข้าใจไม่ทำเรื่องแบบนั้นถึงแม้ว่าอยากทำจะตายอยู่แล้ว

“อ่า เจย์เลน ดีมาก ซี้ด นายใช้ปากเก่งมากเจย์ ซี้ดดด สุดยอด อ่า...”

“ให้ยืมห้องน้ำไม่ได้ให้ยืมชื่อโว๊ย! ไอ้พี่บ้า!!” กว่าครึ่งชั่วโมงที่เจย์เลนต้องนอนฟังเสียงครางและเสียงของกียุลเรียกชื่อตัวเองเพื่อสนองตัณหาอยู่อย่างนั้นเล่นเอามีอารมณ์ร่วมไปด้วยจนเสร็จไปอีกรอบ

“คืนนี้พี่นอนด้วยนะ” เสียงหล่อเอ่ยระหว่างเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำเพราะอาบน้ำออกมาด้วย เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องเป็นลอนที่มีน้ำเกาะพราวอยู่ มันดึงดูดสายตาจนเจย์เลนต้องเสหน้าหนีไม่มอง

“ไม่ พี่กลับไปห้องพี่เลย” เสียงหวานว่าพลางดึงผ้าปูที่นอนเข้ามุมเพราะลงมือปูใหม่เนื่องจากมันเปื้อนไปก่อนหน้านี้

“นี่ไงห้องพี่ ข้าวของเสื้อผ้าพี่ก็อยู่นี่หมด” เขาคว้าเสื้อในตู้มาใส่อย่างรวดเร็วก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดโน้ตบุ๊กที่ใช้ทำงานเป็นประจำ

“อ๋อ ไม่ให้ผมยกของขึ้นมาเองเพราะงี้นี่เอง พี่มันโคตรเจ้าเล่ห์เลย งั้นผมจะไปนอนกับทีมงาน”

“จะไหวเหรอ กลิ่นใครต่อกลิ่นใคร พวกนั้นเมากันด้วย นายแพ้ท้องตายเลย อยากลองก็ไปได้แต่ถ้าไม่มีแรงทำงานพี่ไม่รู้ด้วยนะ” ถ้าอย่างนั้นเจย์เลนขอไม่เสี่ยงชีวิตดีกว่าอยากเก็บแรงไว้ทำงานจึงเดินไปหากียุลที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับบทหนัง ภายใต้กรอบแว่นสีดำที่กียุลใส่อยู่ ใบหน้านี้มันช่างหล่อเหล่าอะไรอย่างนี้นะ เจย์เลนลอบมองแล้วคิดในใจ แบบนี้จะไปห้ามใจตัวเองไม่ให้รักเขาได้ยังไง นี่ก็ปล่อยให้กียุลเข้ามาใกล้มากไปแล้วนะแต่ถึงจะคิดได้แบบนั้นเห็นชัดแล้วว่าเจย์เลนฝืนใจตัวเองไม่ไหวที่จะไม่รักกียุล

“พี่หล่อพี่รู้ แต่อย่าจ้องสิมันเขิน”

“หลงตัวเองฉิบหาย เริ่มฉากแรกเลยตรงที่พระเอกหนีออกมาจากงานแต่ง”

“จะเริ่มเล่าจากพระเอกก่อนเหรอไม่เปลี่ยนใช่ไหม ก็ได้ แป๊บนะ” ร่างสูงลุกออกไปดึงเก้าอี้มาให้เจย์เลนนั่งข้าง ๆ ตัวเองแล้วเริ่มทำงานกันอย่างจริงจังมากขึ้นร่วมออกความคิดเห็น

“พี่ว่าดีนะทำให้ทุกคนมีจุดเชื่อมโยงกัน”

“เราต้องเล่าให้ทุกอย่างมันกระจัดกระจายก่อนจะมารวมกันในตอนสุดท้ายให้หักมุม”

“งั้นปมของแต่ละคนต้องแข็งแรงกว่านี้”

“ใช่เลย ไม่งั้นมันจะไม่สมเหตุสมผล ต้องใส่นิสัยบางอย่างให้ตัวละครเพิ่ม”

“แต่พี่ครับ เราจะไม่ตัดตัวละครหลักออกแน่เหรอครับ มีตั้งหกคน พี่ต้องหาเพิ่มอีกตั้งสาม หาเพิ่มก็ต้องใช้เงินเพิ่ม”

“ไม่ตัดหรอก แล้วก็ เราจะหานักแสดงกันอีกแค่สอง พี่จะใช้นักแสดงชุดเดิมทั้งหมดพี่ไม่สนใจข่าวอะไรทั้งนั้นการที่เขามีครอบครัวมันไม่ได้ผิดเลย”

“ผมเห็นด้วย แต่มันเสี่ยงมากนะครับ ส่วนมากสังคมแฟนคลับยังไม่เห็นว่าปกติ เป็นพระเอกต้องโสดไม่โสดก็เลิกติดตาม”

“พี่จะทำให้มันปกติขึ้นให้ได้ พี่จะให้เขาแสดงหนังของเราต่อ ถ้าแฟนคลับรักเขาจริง ๆ กับเรื่องนี้พวกเขาจะเข้าใจและสนับสนุนคนที่รักต่อไปแน่พี่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น”

“ผมก็คิดแบบพี่ งั้นเราจะเสี่ยงไปด้วยกัน ให้เขาเล่นเป็นพระเอกเลยไหมล่ะครับ”

“พี่ก็คิดไว้แบบนั้น”

ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงงานก็คืบหน้าขึ้นมาก ทั้งคู่ย้ายมาทำงานที่เตียงเพราะเจย์เลนปวดหลังเมื่อยตัว รอบกายพวกเขามีขนม เครื่องดื่ม ที่ถูกนำมากินเรี่ยราดอยู่บริเวณนั้นเต็มไปหมด

“อย่านอนคว่ำทับท้องสิ เดี๋ยวตัวเล็กหายใจไม่ออกหรอก” กียุลห้ามเมื่อเห็นเจย์เลนเผลอนอนคว่ำอีกแล้ว

“ขอโทษ ผมลืมตัว” คนตัวเล็กตอบพลางนอนหงายแล้วหาวตบท้ายทั้งที่นี่พึ่งจะสี่ทุ่มแท้ ๆ ปกตินอนดึกแค่ไหนก็สู้ไหวแต่นี่ตาจะปิดให้ได้

“นายนอนเถอะ พี่ทำต่อเอง พรุ่งนี้นายค่อยมาอ่านแล้วเราค่อยปรับบทกันอีกที”

“ไม่เอา เดี๋ยวมันเสร็จช้าทำไปด้วยกันเลย”

“ดื้อนี่อยากโดนลงโทษอีกเหรอ”

“เห็นโคมไฟนั่นไหม” เสียงหวานบอกพลางส่งสายตาไปที่หัวเตียง

“เห็นสิ แล้วทำไม”

“ถ้าพี่ทำอะไรผมล่ะก็...หัวแตกแน่ ʢᵕ﹏ᵕʡ”

“น่ากลัวจริง ๆ เลย ไอ้แมวน้อย” ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปยีหัวเจ้าแมวขี้หงุดหงิดจนยุ่งก่อนเจ้าแมวจะเอาคืนลุกขึ้นมายีหัวเจ้าหมาคืนบ้างหยอกล้อกันอยู่บนเตียงทิ้งงานไปเลย เกิดทั้งเสียงด่าไม่จริงจังและเสียงหัวเราะลั่นห้อง

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

“ฮ่า ๆ อย่าจี้เอวผมนะ ไปเปิดประตูเลยใครมาไม่รู้ ฮ่า ๆ ๆ” เจย์เลนหัวเราะจนแทบหายใจไม่ทันทั้งโดนจี้เอวทั้งโดนจุ๊บพุงนุ่มนิ่มเล่น โดนกอด โดนหอมจนน่วม

“ฮ่า ๆ โอเค พี่ไปเปิดประตูก่อน”

ร่างสูงลุกออกไปจากเตียงเพื่อตรงไปเปิดประตูแล้วก็พบกับสาวสวยในเดรสดำสายเดี่ยวตัวบางพร้อมนอน

“ฉันมากวนพี่หรือเปล่าคะ ข้างล่างกำลังสนุกเลยไม่ลงไปเหรอ เขากำลังร้องเพลงกัน” แค่ได้ยินเสียงเจย์เลนก็ กลอกตาโดยอัตโนมัติ

“พี่ทำงานอยู่น่ะโซฮี เธอไปสนุกกับทุกคนเถอะ ขอบใจนะ” และไม่รู้อะไรดลใจให้เจย์เลนลุกจากเตียงไปแสดงตัว

“พี่กียุล ผมเวียนหัวจังเลย กลิ่นอะไรน่ะเหม็นมาก” แทบจะทันทีกียุลวิ่งไปประคองเจย์เลนที่กำลังเดินมายังประตู

“พี่สองคนนอนห้องเดียวกันเหรอคะ ว้า เสียดายเลย”

“เสียดาย?”

เจย์เลนอึ้งกับคำถามและคำอุทานของสาวเจ้าความรู้สึกขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มอกทันทีเขามีสีหน้าเรียบนิ่งทว่าแววตาเชือดเฉือนราวคมมีด งานนี้เจย์เลนน่าจะพบบทพิสูจน์หัวใจอย่างหนักแน่ เขาจะรับมือกับโซฮียังไงล่ะทีนี้หรือจะปล่อยกียุลไปให้เธอนะ?

 

 

.

.

.

.

.

.

●—————◦◉◦—————●

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

อุ้ยๆๆๆๆ น้องเจย์หึงพี่กียุลหรือเปล่าคะ คิดเยอะมากค่ะลูกรักพี่เขาก็รักไปเถอะฝืนใจตัวเองทำไมคะ มัมหมีลุ้นจิกหมอนจะตายแล้วค่ะ

พี่กียุลเขารักหนูจะตายสงสารเขานะลูก อย่าไปคิดแบบนั้นเลย หนูไม่ใช่โชคร้ายสักหน่อย แงงงง

 

 

 

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ

 

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ

วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)

ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!

เจอกันศุกร์หน้านะฮะ สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน