ฉากที่ 22 ช่วงชีวิตสีเทา

 

เมื่อได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วแต่ทำไมถึงไม่มีความสุข?

เฝ้าถามตัวเองตลอดตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ผมไม่สามารถกลับไปดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง คังจุนจะตายไหมก็ไม่รู้ เจย์เลนกับลูกจะรอดไหมผมก็ไม่รู้... แต่ลึก ๆ ก็ภาวนาให้ทั้งสามปลอดภัย ผมทำผิดไปอย่างที่ไม่น่าให้อภัย ไม่น่าเชื่อว่าผมยังจะได้รับความรักอยู่ ยิ่งตอกย้ำว่าที่ผ่านมาผมสิ้นคิดมาก

“กินเยอะ ๆ นะลูก ผอมมากนะเรา แม่ทำอาหารไม่อร่อยเหรอ?”

“เปล่าครับ อร่อยที่สุดเลย” ผมว่าก่อนจะตักข้าวเข้าปากจู่ ๆ น้ำตาก็ไหล ทำไมรสชาติของการรู้สึกผิดถึงได้เค็มแบบนี้นะ “ร้องทำไมลูก หื้ม? หรือกียุลมันมายุ่งกับลูกอีกแล้ว” เสียงทุ้มของพ่อถามอย่างเป็นกังวลเพราะระยะหลังมานี้พี่กียุลมาหาผมบ่อย แต่ก็ไม่ได้ออกไปพบเขาหรอกนะ ยังให้อภัยเขาไม่ได้แล้วก็ยังให้อภัยตัวเองไม่ได้ด้วย

“เปล่าครับ ผมรักพ่อกับแม่นะครับ ฮือออ” พ่อกับแม่ยิ้มพิมใจให้แล้วเข้ามากอดผมทั้งสองคนอย่างพร้อมเพรียง ความอบอุ่นแทรกผ่านเราสามคน อบอุ่นหัวใจอย่างที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนถึงแม้ว่าจะได้รับความอบอุ่นนี้มาโดยตลอดก็ตาม ผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีพวกท่านผมจะอยู่อย่างไร เจย์เลนคนนั้นคงจะเป็นทุกข์มากเพราะสูญเสียพ่อกับแม่ไปตอนที่ยังเด็ก เข้าใจเขาแล้วล่ะ ผมไม่ควรทำไม่ดีกับเขาเลยจริง ๆ ที่ว่าสูญเสียสิ่งหนึ่งไปก็ได้สิ่งหนึ่งมา.... เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว เราต่างก็สูญเสียกันทั้งนั้นแต่ก็ได้สิ่งหนึ่งมาทดแทน

“นึกไงบอกรักพ่อกับแม่ฮะตัวแสบ ไม่ได้ยินมาหลายปีแล้วนะเนี่ย ล่าสุดก็ตอนมหาลัยหรือเปล่านะ ใช่ไหมคะคุณ”

“ใช่แล้วล่ะ ตอนเด็ก ๆ นะได้ยินทุกวัน พอโตขึ้นก็ไม่รักพ่อกับแม่แล้ว”

“เปล่าสักหน่อยครับ ผมขอโทษที่เมินเฉยกับพ่อแม่นะครับ ผมขอโทษ ฮืออออ” พวกท่านไม่ได้ถามอะไรต่อแต่กอดผมแน่นกว่าครั้งไหน ๆ สัมผัสยิ่งย้ำเตือนว่าผมมีสิ่งที่ดีข้างตัวมาโดยตลอด

“เฮ้ มีคนอยากเจอนาย เขาบอกว่า ขอเจอครั้งสุดท้าย” พี่
คังจุนเข้ามาบอกเสียงเรียบนิ่ง ให้เดาก็คงเป็นพี่กียุลที่มารอพบผม ครั้งนี้ผมจะยอมไปคุยกับเขา

ถนนที่วิวไม่ได้งดงามคือตัวฆ่าเวลาที่เราจะใช้มันเดินคุยกัน ซินซิตี้หรือเอิร์ธ 66 ไม่ได้เป็นเมืองที่สวยหรูเลย ไม่มีความโรแมนติกสักนิดกับการเดินคุยกับสามีเก่า

“ขอบคุณที่ยอมมาเจอพี่แล้ว” น้ำเสียงทุ้มสั่นเครือเล็กน้อยนี่คือเหตุผลที่ผมไม่อยากจะนั่งคุยกับเขาเป็นกิจจะลักษณะเพราะไม่อยากจะเห็นหน้าเขาตอนคุยกัน กลัวจะใจอ่อนเหมือนทุกครั้ง...

“พี่มีอะไรจะพูดก็ว่ามาเถอะครับ”

“พี่อยากขอโทษกับทุกเรื่อง พี่ผิดเองทุกอย่าง ผิดมาตลอด พี่เป็นพ่อ เป็นสามีที่แย่ เห็นแก่ตัว ทำให้นายเสียใจ ใช้อารมณ์กับนาย พี่ไม่ได้มาเพื่อให้นายให้อภัยแต่แค่อยากขอโทษจริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องลูกของเรา ฮึ่ก พะ พี่... ขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้ลูกจากเราไป” ผมร้องไห้ตามอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น มันยังชัดเจนเหมือนเกิดขึ้น
เมื่อวาน

“ฮือออ พี่ พี่ฝันร้ายทุกคืน ถึงเหตุการณ์วันนั้น” ร่างกายที่ทรุดโทรมบ่งบอกว่าเขาพูดความจริง เขาคงแทบไม่ได้นอน

“พี่ไม่สมควรได้รับการให้อภัย พี่อยากจะตายอยู่หลายครั้ง แต่ก็อยากมาพบนายก่อน มาขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่มาพบนาย”

“มีชีวิตต่อไปเถอะครับ...” ใบหน้าหล่อที่ซูบผอมหยุดเดินแล้วมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง

“...”

“ผมไม่รู้ว่าเราจะหาคนผิดกันไปทำไม เรื่องมันก็นานมาแล้วด้วย ผมก็ไม่ดีไปกว่าพี่หรอกครับ ผมเองก็พึ่งทำสิ่งที่เลวร้ายมา แต่ก็จะใช้ชีวิตต่อไปด้วยความรู้สึกผิดเพื่อเป็นการไถ่บาป”

“คังจุนบอกพี่แล้วเรื่องพวกเราจากอีกโลก” อย่าบอกว่าเหตุผลนี้ทำให้เขามาพบผมนะ

“พี่เป็นห่วงนาย รู้ว่านายจะต้องโทษตัวเอง”

“ผมทำคนตายนี่... ช่างมันเถอะ ผมให้อภัยพี่นะ จากนี้ก็ใช้ชีวิตให้ดี ๆ เริ่มตันใหม่นะครับ” เราสบตากันนิ่ง ใช้ความเงียบคุยกัน

“ถ้าพี่ขอนายแต่งงานช้ากว่านั้นอีกสักหน่อย อะไรคงจะดีกว่านี้ ถ้าเราเลือกที่จะไม่แต่งงานกัน...”

“พี่รู้อะไรไหม ตลอดเจ็ดปี ผมคิดทุกวันว่าถ้าไม่เลือกแต่งงานกับพี่มันคงจะดีกว่านี้มาก ผมเห็นชีวิตในอีกด้านหนึ่งที่ตรงข้าม เห็นตัวผมอีกคนที่ไม่ได้แต่งงานกับพี่ เห็นพี่ที่แสนดีคนเดิม พวกเขาล้วนใช้ชีวิตด้วยความทรมานไม่ต่างจากเรา มีทั้งทุกข์และสุขปะปนกันไป ชีวิตที่คิดว่าดีก็มีเรื่องไม่ดีอยู่ สูญเสียอย่างหนึ่งไปก็ได้อีกอย่างกลับมา นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ ผมทำผิดไปมากกับเจย์เลน แทนที่จะพยายามใช้ชีวิตต่อไปให้ดี ผมดันไปโทษว่าเขาขโมยชีวิตของผมแล้วก็เสียเวลาอยู่หลายปี เพราะงั้นพี่เลิกคิดเถอะครับ ว่าถ้าเราเลือกอีกทางมันจะเป็นยังไง เราแค่ใช้ชีวิตกับทางเลือกนี้ของเราให้ดี นั่นแหละที่เราควรทำ” สายลมเงียบโอบล้อมเราเอาไว้ต่างคนต่างใช้ความคิด วิวเมืองกับแสงไฟนีออนดึงดูดสายตาพวกเราได้ดีแต่ก็ไม่เท่าหนูตัวใหญ่เท่าแมวที่วิ่งให้เห็นตลอดทาง กลิ่นขยะที่โชยมานั่นก็ไม่น่าอภิรมย์ซะเลย

“เราลองมาทำความรู้จักกันใหม่ไหม?” พี่กียุลถามผม

“?”

“ลืมทุกอย่างว่าเราเคยรู้จักกัน แล้วเริ่มใหม่... ได้ไหม?” สีหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ ของเขาทำให้ผมนึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเมื่อตอนยังเป็นเด็กไร้เดียงสา

“สวัสดีเราเจย์เลนนะ นายชื่ออะไร”

“เราชื่อกียุล ที่จริงเราเป็นพี่นายนะ แต่เป็นเพื่อนกันก็ได้”

เราหัวเราะเบา ๆ ออกมาพร้อมกันที่ต่างฝ่ายยังจำบทสนทนาได้ดีแม้จะผ่านมาเป็น 10 ปีแล้วก็ตาม ก่อนจะเริ่มเดินต่อ แต่ไม่นานเราก็กลับไปที่บ้านของผม ร่างสูงได้รับอนุญาตให้ส่งแค่หน้าบ้านเท่านั้นซึ่งเขาก็ยินดีแต่เมื่อผมหันหลังให้เขาก็เอ่ยรั้งเอาไว้ คำถามนั้นทำให้ผมสนใจไม่น้อยและต้องถามตัวเองอยู่นาน

“ความฝันนายน่ะ ยังอยากทำให้เป็นจริงอยู่ไหม”

“...”

“พี่ได้งานที่สยามซิตี้ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ไป... แต่นายเปลี่ยนความคิดพี่ เลยอยากชวนให้นายไปทำงานด้วยกัน”

“ที่เมืองอื่นเหรอ?”

“อื้อ ที่นั่นน่าอยู่มาก ซินซิตี้ไม่ปลอดภัย ความฝันของเรา มันเติบโตที่นี่ไม่ได้” ที่พี่เขาพูดไม่เกินจริงเมืองนี้มันเมืองอาชญากรรม หากจะมีอะไรรุ่งเรืองก็คงเป็นวงการมาเฟียที่ครองเมืองอยู่

“ไว้ผมจะคิดดู ขอบคุณนะครับ”

“พี่ใช้เบอร์เดิมนะ” ผมพยักหน้ารับแล้วยิ้มบางก่อนจะส่งเขากลับอีกครั้ง เมื่อเดินกลับเข้ามาในบ้านใจของผมก็บอกให้ตรงไปหาพี่ชายที่ห้องใต้ดิน หากไม่คุยกันนานกว่านี้ผมคงเป็นบ้า ผมอยากจะเช็ดทุกความขุ่นมัวออกไปจากกระจกในใจ

ก๊อก ก๊อก

เจ้าของเสียงที่ใครต่างก็บอกว่าหวานหูเปิดประตูก่อนจะทำเสียงเคาะให้ผู้อยู่ในห้องรับรู้ถึงการมาเยือน พี่คังจุนมองผมแวบเดียวก็กลับไปสนใจจอคอมพิวเตอร์สีใสตรงหน้าดังเดิม ราวกับไม่อยากจะคุยกับผมเขาเป็นแบบนี้มาแรมเดือนอึดอัดใส่กันจนผมทนไม่ไหวอีกต่อไป คิดทบทนถึงการกระทำของตัวเองทุกวัน ตอนนี้สามารถตกผลึกทุกสิ่งด้วยเหตุและผลจนเข้าใจได้หมดแล้ว และผมอยากจะขอโทษทุกคน โดยเริ่มจากพี่ชายผมก่อน

“ผมขอคุยด้วยหน่อยสิครับ”

“จะหลอกใช้อะไรพี่อีกล่ะ หรือจะให้หาตัวนายในโลกไหนอีก ให้วางแผนฆ่าให้ด้วยไหม” ประชดประชันใส่กันแบบนี้ผมก็ไปไม่ถูกสิ

“ผมขอโทษ”

“พี่ฟังจนเบื่อแล้ว” ผมเดินไปนั่งข้าง ๆ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรจริง ๆ ได้แต่พร่ำขอโทษซ้ำ ๆ

“ผมไม่ได้ตั้งใจให้พวกเขาตายนะครับ ฮือออ ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ผมทำมันผิด ผมเสียใจ ฮือออ” หน้าผมต้องทุเรศมากแน่เพราะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“ผมทำให้พี่คังจุนในโลกนั้นตาย ฮือออ มันก็เหมือนผมทำให้พี่ชายของผมตาย ฮึ่ก ผมผิดไปแล้ว ฮือออ”

“แล้วเจย์เลนกับลูกล่ะ นายไม่รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นเหรอ”

“ฮือออ ผมทำแบบนั้นกับเจย์เลนก็เหมือนทำร้ายตัวเอง ลูกเจย์เลน ฮืออ ก็คือลูกของผม ผมทำให้พวกเขาตาย ผมขอโทษ ฮืออออ” ความเสียใจที่กักเก็บมานานถูกปล่อยออกมาหมดในวันนี้ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องผมไม่เคยร้องไห้เลยเพราะสับสนว่าผมรู้สึกอะไรกันแน่ สะใจหรือเสียใจ และผมก็น่าจะรู้ได้ตั้งนานแล้วว่าตัวเองเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด

“ต่อไปจะฟังที่พี่เตือนไหม” ผมพยักหน้ารับเป็นเด็ก ๆ ก่อนพี่ชายที่รักจะเข้ามากอดผม

“ต่อไปนี้จะรักตัวเอง จะใช้ชีวิตให้ดี เริ่มต้นชีวิตใหม่ใช่ไหม บอกพี่สิเจย์”

“ครับ ฮือออ ผมจะเริ่มต้นใหม่ ฮืออออ”

“จำไว้นะ ดอกไม้มันมีเวลาผลิบานของมัน ระหว่างรอก็รดน้ำพรวนดิน ดูแลมันให้ดีพยายามให้สุดความสามารถ จะช้าจะเร็วจะนานแค่ไหนก็ต้องพยายามดูแลมันต่อไปอย่าย่อท้อ แล้วเมื่อถึงเวลามันก็จะผลิดอกออกมาอย่างงดงามเอง”

“เข้าใจแล้วครับพี่ ผมเข้าใจทั้งหมดแล้ว ฮึ่ก ผมจะใช้ชีวิตให้ดีแล้วจะนึกถึงสิ่งที่ทำกับพวกเขาสามคนตลอดเวลาเพื่อชดใช้สิ่งที่ทำ ผมทำเกินไปจริง ๆ ฮืออออ”

“ใช่นายทำเกินไป แต่ไม่ต้องฝังใจ เพราะว่า... คังจุนไม่ได้ตาย”

“ฮึ่ก จริงเหรอครับ” ผมเงยหน้ามองอย่างมีหวัง

“ใช่ พี่ติดต่อกับพวกเขาตลอด ดูในจอภาพสิ”

 

ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ

 

เสียงสัญญาณชีพจรดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอเฉกเช่นทุกวันที่ทุกคนมาเยี่ยมเจ้าชายนิทรา ตลอด 1 เดือนที่คังจุนหลับไปทุกคนมาเยี่ยมเขาเสมอไม่เคยขาดไปสักวันเดียว

“ทำไมถึงเสียสละตัวเองขนาดนี้วะคังจุน” กียุลถามเพื่อนแม้รู้ว่าจะไม่มีคำตอบกลับมา

“พี่ตื่นขึ้นมาสิครับ ฮึ่ก” เจย์เลนเอื้อมไปจับมือหนาของคนที่หลับ ร้องไห้ออกมาอีกแล้วจนพ่อของลูกวาดแขนไปกอดปลอบ น้ำตาร่วงเผาะไม่ต่างกัน

“คังจุนคงไม่เคยบอกพวกนายสินะ เรื่องน้องชายที่เสียไป”
จินกูเอ่ยมาจากอีกฝั่งของเตียงแววตาของเขาสั่นระริกเช่นเดียวกับริมฝีปาก เขาคิดว่าที่คนรักของเขาสละชีวิตช่วยเจย์เลนขนาดนี้ก็คงมีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น

“ไม่เลย ไม่เคยรู้ว่าคังจุนมีน้องชายครับ”

“ผมก็ไม่รู้ครับ” พ่อลูกอ่อนพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เพราะไม่อยากให้จินกูคิดมากกว่าเดิม

“หมอนี่มีน้องชายที่รักมากอยู่หนึ่งคน ฮึ่ก แต่เสียไปเพราะถูกลักพาตัว... พวกที่ชอบจับอีโบนีไปสกัดเป็นกลิ่นน้ำหอมมันทำ ฮึ่ก น้องของคังจุนเป็นอีโบนี ถูกจับไปตอนที่คังจุนอยู่ด้วย เขาช่วยน้องไม่ได้ พบตัวอีกทีก็ที่โกดังร้าง... ภาพมันสยดสยองติดตาคังจุนมาตลอด”

“ผมไม่เคยรู้เลยว่าคังจุนเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้”

“พี่เขาก็ไม่เคยบอกผม ฮือออ”

“ฮือออ คังจุนชอบเก็บความรู้สึกไว้แสดงออกมาแต่ด้านที่ขี้เล่น ชอบดูแลคนอื่น” ทั้งหมดมองไปที่คนน่าสงสาร ร้องไห้กันอย่างหยุดไม่ได้ คู่รักสะอื้นไห้กอดกันตัวสั่นเทิ้ม ส่วนจินกูได้แต่กอบกุมมือคังจุนแน่นหยดน้ำตาร่วงหล่นที่หลังมือผู้ที่หลับไม่ยอมตื่น

“เจย์เลนทำให้คังจุนคลายทุกข์ลงได้เยอะมาก เขาเห็นเจย์เป็นน้องชายคนหนึ่ง เอ็นดูตั้งแต่ที่เห็นครั้งแรก อยากดูแลในฐานะพี่ชายแล้วมันก็ทำมาโดยตลอด”

“เข้าใจแล้วครับว่าทำไม มันถึงตัดสินใจแบบนั้น” คังจุนวิ่งไปช่วยเจย์เลนไม่คิดชีวิตขนาดว่ากียุลก็วิ่งสุดกำลังแล้วยังไม่ทัน

“ถ้าคังจุนฟื้นขึ้นมามันคงจะดีใจที่ช่วยเจย์กับหลานไว้ได้”

“รีบฟื้นขึ้นมานะเว้ย ฮึ่ก นายต้องฟื้นมาเล่นกับเจย์ลีนลูกฉันนะ ฟื้นมาทำงานด้วยไอบ้า ฮืออ อู้งานอยู่ได้ ลูกฉันเป็นผู้หญิงนะ ชื่อที่นายช่วยฉันคิดมันได้ใช้นะเว้ย หลานสาวนายชื่อเจย์ลีนคังจุน”

“รีบตื่นมานะครับพี่คังจุน ฮืออ ตื่นมาเป็นคุณพ่อทูนหัวของเจย์ลีนนะครับ ฮือออ ยัยหนูน่ารักมาก พี่ต้องตื่นมาเลี้ยงแกช่วยพวกเรานะ ฮึ่ก ฮือออ” กียุลกอดเจย์เลนแน่นกว่าเก่าเมื่อไม่เห็นท่าทีจะหยุดร้องไห้

คังจุนผลักเจย์เลนออกจากหน้าผาแล้วกลายเป็นคนที่พลัดตกลงไปเอง ที่ความลึก 5 เมตร เจ้าหน้าที่ช่วยกันพาเขาขึ้นมาภายในเวลา 3 ชั่วโมง แขนและขาหักทั้งสองข้าง ซี่โครงหัก กระดูกคอเคลื่อน สมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และเขาถูกเสียบอยู่กับตอไม้ อาการสาหัสเสียไม่มีใครคิดว่ารอด แต่เขาก็รอดมาได้ จะว่ารอดก็ไม่รู้ว่าถูกไหมเพราะคังจุนไม่เคยตื่นขึ้นมาอีกเลยตลอดเวลาหนึ่งเดือนเต็ม

“ผมห่วงพี่จินกู เขาไม่ยอมให้ใครเฝ้าพี่คังจุนเลย” เจย์เลนเอ่ยตอนที่พวกเขากำลังออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปหาลูกสาวที่บ้านพ่อกับแม่กียุล

“ต้องให้เวลาพี่เขา เราไม่มีทางเข้าใจพี่เขาหรอก เบบี๋อย่าเครียดนะเดี๋ยวไม่มีน้ำนมให้ยัยหนูกิน”

“กลัวยัยหนูไม่มีกินหรือกลัวตัวเองไม่มีกินครับคุณป๋า” พ่อลูกอ่อนว่าก่อนจะเหวี่ยงประตูรถให้เปิดออกแทรกตัวเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ กียุลยิ้มบางที่คนน้องรู้ใจตัวเขามากอย่างกับมานั่งอยู่ในใจ

“เบื่อคนรู้ทัน ฟอด ~”

“โอ๊ย ตอหนวด” คนน้องว่าแล้วถูแก้มตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเริ่มนำรถออกตัว

“ก็บอกให้พี่ไว้หนวดเองนี่ นี่พึ่งเริ่มเองนะ” คนหน้าหล่อกล่าวแล้วเช็กตัวเองในกระจกติดกับที่บังแดด

“ไว้หนวดก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย”

“หล่อจนอยากแต่งงานด้วยเลยปะล่ะ?”

“จะขอเหรอครับ ไม่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหรอ?”

“จัดเป็นโฟเบียเลยได้ไหม” ฮิปนอสทำหน้าสยองปนตลกรับส่งมุกกันดีเพื่อปกปิดความเศร้าเรื่องของคังจุน

ใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงบ้านพ่อกับแม่ คุณป๋าและคุณแด๊ดแทบจะเหาะไปหาลูกสาวเพราะเห่อและคิดถึงมาก เข้ามาในบ้านได้ก็ตรงไปหาคุณย่าคุณปู่ที่สวนข้างบ้านทันที

“จ๊ะเอ๋ คนสวยของคุณย่า หิวนมหรือยังจ๊ะ”

“เดี๋ยวป๋ากับแด๊ดก็มาแล้วเนาะ ฮ่า ๆ”

เจย์เลนกับกียุลแอบมองปู่กับย่าเล่นกับหลานแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่สองคนก่อนจะแสดงตัวเข้าไปหาเพราะทนคิดถึงลูกไม่ไหวอยากอุ้มใจจะขาด

“พวกเรามาแล้วครับ ไหนเอ่ย ยัยหนูของคุณป๋าคิดถึงป๋าไหมคะ คิดถึงมากเลยใช่ไหม”

“คิดถึงแด๊ดมากกว่าใช่ไหมคะ” คุณพ่อป้ายแดงทั้งคู่เริ่มแยกกันอุ้มลูกแล้วสิ

“รีบมีกันอีกสักคนไหมล่ะลูก จะได้ไม่ต้องแย่งกันอุ้ม เจ้าเจย์ไหวไหม” พ่อกียุลเอ่ยรอยยิ้มยังไม่จางไปจากหน้า

“โห่ พ่อครับ ขอผมอยู่กินไวน์กับพ่อสักปีก่อนเถอะครับ ขอพักก่อน”

เกิดเสียงหัวเราะดังลั่นจากทั้งสี่คน ส่วนหนูน้อยดักแด้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อได้แต่มองทุกคนตาแป๋วอย่างน่ารัก หากสงสัยว่าใบหน้าของเด็กน้อยมีหน้าตาเป็นเช่นไรก็ให้จินตนาการไว้ได้เลยว่าละไม้คล้ายกียุลเสียส่วนใหญ่ยกเว้นสีผมและแก้มที่ล้นทะลักเหมือนเจย์เลน เขาทะเลาะกันทุกวันว่าลูกเหมือนใครมากกว่ากัน แต่ผู้มีประสบการณ์อย่างปู่กับย่าก็ห้ามปรามไว้บอกว่าต้องรอหลานโตกว่านี้ก่อนถึงจะรู้แน่ชัด ไว้ถึงเวลานั้นค่อยมาเถียงกันอีกทีก็ยังไม่สาย

 

3 เดือนผ่านไป...

 

“คัท!ปิดกล้องครับทุกคน ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักเลยนะครับ” กียุลเอ่ยขณะลุกขึ้นยืนพลางอุ้มเด็กหญิงเจย์ลีนวัยสามเดือนขึ้นมาด้วย หนูน้อยกำลังน่ารักเลยล่ะยิ้มเก่งแล้วก็เงี่ยหูฟังมองตามพ่อกับแม่ตลอดเวลา

“แปะ แปะ แปะ” เสียงปรบมือและเสียงดีใจดังขึ้นเมื่อวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการถ่ายทำภาพยนตร์อันยาวนานมากว่า 9 เดือนเต็ม ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยจากการคาดการณ์ไว้ อาจเพราะเจย์เลนมาช่วยกียุลกำกับด้วยอะไรก็เลยเร็วมากขึ้น “ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ” ผู้กำกับ ผู้ช่วยกำกับและผู้ช่วยตัวป่วนเดินขอบคุณทีมงานทุกคน โค้งคำนับแสดงความขอบคุณทุกคนจากใจจริง หากไม่ได้ทีมงานทุกคนหนังเรื่องนี้ก็ไม่สามารถถ่ายทำเสร็จได้อย่างราบรื่น

“ขอบคุณทีมงานทุกคนจริง ๆ นะครับ ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ง่ายเลย แต่เราก็ช่วยกันจนมันออกมาดีขนาดนี้” ทีมงานทุกคนยิ้มรับและต่างก็ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับอย่างกียุล ในขณะเดียวกันทุกคนก็ยิ้มให้กับความน่ารักของเจย์ลีนอย่าห้ามไม่ได้ตลอดเวลา

“สถานีต่อไปของพวกเราก็คือ Twilight Film Festival เราจะไปคว้ารางวัลที่นั่นกันนะครับทุกคน” เมื่อผู้ช่วยผู้กำกับพูดจบทุกคนก็เฮขึ้นมายกใหญ่

“เย้!!พวกเราทำได้แน่”

“คิกคิกคิก แปะ แปะ” เสียงหัวเราะเอิ้กอ๊ากของเด็กน้อยทำผู้ใหญ่ทั้งหลายใจอ่อนยวบ

“เจย์ลีนก็ลุ้นเหมือนกันเหรอคะ ฮ่า ๆฟอด ~” คุณป๋าว่าแล้วหอมแก้มลูกสาวอย่างมันเขี้ยวและรักใคร่ ส่งผลให้เจย์เลนยิ้มตามไปกับสองพ่อลูกแล้วต้องเป็นคนพูดต่อเมื่อกียุลติดลมเล่นกับลูกไปเสียแล้ว

“มาลุ้นกันนะครับทุกคน หากมีหวังยังไงก็สำเร็จครับ”

“ใช่ครับ เย็นนี้มีปาร์ตี้เลี้ยงหลังปิดกล้องยังไงเชิญทุกคนอยู่ก่อนนะครับ”

“แต่ว่าไม่ดึกมากใช่ไหมครับ เพราะผู้ช่วยกับผู้กำกับต้องกลับไปเลี้ยงน้องเจย์ลีนด้วยกัน ฮิ้วววว” ทีมงานคนหนึ่งเริ่มแซวแล้วจึงถูกแซวจากทีมงานทุกคนจนได้ แต่แล้วไงพวกเขาไม่ได้เขินกลับยอมรับแล้วต่างฝ่ายก็โอบเอวหอมแก้มสลับกันโชว์ทุกคน เกิดเสียงเฮฮาดังลั่นก่อนจะแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวไปปาร์ตี้

“โซฮี เดี๋ยวพวกพี่ฝากทางนี้ก่อนนะ พี่จะไปธุระกันเดี๋ยวกลับมาตอนปาร์ตี้” กียุลพูดกับรุ่นน้องแล้วส่งยัยหนูให้เจย์เลนอุ้มต่อ ส่วนเขาก็เริ่มเก็บรถเข็น ขวดนม ของใช้ของลูกน้อยใส่กระเป๋า

“ได้เลยค่ะพี่ ตามสบายเลยไม่ต้องห่วงทางนี้นะคะ”

“พี่ขอกลับเลยนะ เดี๋ยวคังจุนรอนาน ขอโทษด้วยนะ พวกนายสนุกกันให้เต็มที่เลยไม่ต้องเป็นห่วง”

“เดี๋ยวพวกผมตามไปครับ ขอไปที่หนึ่งก่อน”

“เอางั้นเหรอ ตามใจพวกนาย พี่ไปก่อนนะ” จินกูรีบวิ่งออกไปทันทีหลังคุยเสร็จให้รุ่นน้องได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วงทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ

“เบบี๋พี่เก็บของเสร็จแล้ว เราไปกันเถอะครับ”

 

ณ สถานที่เงียบสงบของผู้ล่วงลับ ทั้งสามคนยืนอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเจย์เลนนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่พาหลานสาวมาพบคุณตากับคุณยาย ในวันครบรอบที่พวกท่านเสียไป

“พ่อกับแม่ครับ ผมพาเจย์ลีนลูกสาวของเรามาหาแล้วนะครับ” เสียงหวานเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางสัมผัสตัวลูกน้อยอย่างห่วงใยทุกขณะ

“พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลลูกชายและหลานสาวของพวกท่านเป็นอย่างดี ดูแลด้วยชีวิตของผม จะไม่ให้พวกเขาลำบาก ผมจะทำให้พวกเขามีความสุขครับ ผมสัญญา”

“เพราะพี่กียุลผมถึงก้าวผ่านเรื่องร้ายมาได้ ผมโทษตัวเองมาตลอดเรื่องพ่อกับแม่ แต่ตอนนี้ผมคิดใหม่แล้วครับ ผมจะใช้ชีวิตให้ดีให้มีความสุข สมกับที่พวกท่านต้องการ ผมจะรักตัวเองให้เหมือนกับที่คนรอบตัวรักผม คิดถึงพ่อกับแม่มาก ๆ เลยนะครับ ผมรักพ่อกับแม่นะ”

“เจย์ลีนก็รักคุณตาคุณยายเหมือนกันใช่ไหมคะ ใช่ไหมเอ่ย ฮ่า ฮ่า” ทั้งสามแสดงความรักกันต่อหน้าหลุมศพของผู้เป็นที่รักเกิดเป็นภาพแห่งความสุขและสวยงามท่ามกลางสถานที่โศกเศร้า

“เราพาเจย์ลีนไปเยี่ยมคังจุนกันไหม” จู่ ๆ กียุลก็คิดได้ลูกสาวเขาคือยาใจชั้นดี ใครพบเห็นก็ยิ้มกันทั้งนั้น

“พี่บอกเองว่าไม่อยากให้ลูกไปโรงพยาบาลถ้าไม่จำเป็น” คุณป๋าขี้ห่วงลูกสาวย้ำนักย้ำหนามาตลอดเรื่องนี้

“ตอนนี้ยัยหนูโตแล้วภูมิคุ้มกันมากขึ้นแล้ว พี่ว่าเราควรพาลูกไปหาคังจุนบ้าง”

จากนั้นก่อนตะวันจะลับพวกเขาก็ไปหาคังจุนที่โรงพยาบาลเช่นทุกวัน ต่างไปก็คราวนี้ที่มีเจย์ลีนมาด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ยัยหนูจะได้พบคุณลุงคังจุน

“พวกเรามาแล้วครับพี่จินกู”

“อื้ม พวกนายไม่ต้องมาทุกวันก็ได้นะวันนี้วันสำคัญ พวกเรามาอยู่นี่หมดทีมงานก็หมดสนุกพอดี”

“ต้องมาหาทุกวันสิครับ วันนี้เจย์ลีนมาหาคุณลุงคังจุนด้วยน้า ดูสิครับแกยิ้มใหญ่เลย”

“พามาทำไม คิดว่าจะเอายัยหนูไปฝากพ่อกับแม่ก่อนนะเนี่ย โรงพยาบาลมีแต่คนป่วยมันไม่ดี”

“ยัยหนูแข็งแรงครับ ไม่ต้องห่วง ไหนคนสวยเห็นคุณลุงคังจุนหรือยังคะ รู้ไหมว่าคุณลุงรักหนูมากเลยนะ เพราะคุณลุงหนูถึงได้เกิดมาเลยนะคะ โตมาต้องรักคุณลุงให้มาก ๆ นะ” เจย์เลนดื้อไม่ฟังรุ่นพี่แล้วพาลูกน้อยเข้าไปนั่งข้างคังจุนที่ยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม

“ต้องรักลุงจินกูด้วยนะคะ คนสวย” คนโตที่สุดในห้องพูดกับหลานบ้างเพราะแพ้ความน่ารักยิ้มเก่งจนแก้มอ้วน

“รักอยู่แล้วครับ เนาะเจ้าหญิงของป๋า ฟอด ~” กียุลนั่งลงข้างคนรักแล้วอุ้มยัยหนูมานั่งนี่หน้าขาตัวเอง

“แอ๊ะ แอ๊ะ” เจย์ลีนตอบโต้คุณป๋าด้วยเสียงอ้อแอ้แล้วปรบมือแผ่วเบาสลับกับหัวเราะคิกคิก

“คุยเก่งจริง ๆ นะ” จินกูเอ็นดู

“หมอบอกว่าพัฒนาการยัยหนูไว้มากครับ เวลาผมคุยกับพี่
กียุลยัยหนูนี่ก็อยากจะคุยด้วยตลอด ส่งเสียงตลอดเลย”

“เวลากินนมไม่อิ่ม ก็มีส่งเสียงหงุดหงิดด้วยนะครับ ขู่ ฮื้ออออ เหมือนแมวน้อยเลยครับพี่ ฮ่า ๆ”

“นิสัยเจย์เลนเลยนะเนี่ย หึหึ” จินกูว่าพลางมองคังจุนเผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นบ้าง เขาหวังทุกวินาที

“โห่ พี่ครับ ไม่เห็นต้องแซวแรง -3-”

มือน้อยป้อม ๆ ในวัยสามเดือนที่เห็นอะไรก็จะจับมาเล่นมาอมกำลังไต่ไปหามือใหญ่ของคุณลุงที่ไม่ไหวติงมานับเดือน ก่อนจะกำเข้าที่นิ้วก้อยยักษ์

หมับ…

โดยที่ผู้ใหญ่ทั้งสามคนไม่ได้สังเกตเพราะกำลังคุยกันอย่างเพลิดเพลินถึงการเลี้ยงดูเจย์ลีนที่ตลกขบขันสำหรับพ่อและแม่ และคุณย่า คุณปู่

“แสบแต่เล็กเลยนะหลานลุง กินนมก็เก่ง แก้มย้วยหมดแล้ว”

“ใช่ครับ ตอนนี้เจย์ลีนเป็นจ่าฝูงของหมาต้อนแกะที่ไร่พ่อผมไปแล้ว ฮ่า ๆ”

หมับ หมับ

ราวกับมีสายใยบางอย่างที่ทำให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ความอุ่นของมือป้อมก้อนกลมทำให้ผู้ที่หลับใหลรู้สึกตัว ค่อยฝืนคืนกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงละทิ้งโลกแห่งความฝันไว้เบื้องหลัง

“แอะ แอะ แอะ คิก คิก แปะ แปะ” เด็กน้อยสงสัญญาณให้ทุกคนรับรู้เมื่อนิ้วมือของคังจุนเริ่มขยับตอบสนองมือน้อย ๆ ที่กำนิ้วก้อยของเขาแน่น

“คิก คิก” นานสองนานก็ยังไม่มีใครสังเกต หนูน้อยเจย์ลีนถึงได้ใช้มืออีกข้างที่ว่างหยิกขาคุณป๋า

“โอ๋ ๆ สนใจหนูแล้วครับ หิวเหรอ ยัยหนูจะหม่ำ ๆ นมคุณแด๊ดใช่ไหม” กียุลถามแล้วเตรียมส่งลูกให้คนรักไปเข้าเต้าเพราะรู้ว่าถ้ายัยหนูโมโหแล้วโรงพยาบาลได้แตกแน่นอน

“แงงงงงงงง แงงงงงงง” นั่นไงเจย์เลนเลยรีบอุ้มมา เปิดเสื้อตัวเองอย่างว่องไวเพื่อให้ลูกกินนมแต่เด็กน้อยก็ไม่กินกลับเบือนหน้าหนี

(´- (ェ) -`)

“คังจุน คังจุน นายฟื้นแล้วเหรอ” เป็นจินกูที่เอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเปลือกตาที่ขยับอยู่ของคังจุน

“...”

เจย์ลีนเลิกร้องไห้ทันที

“คังจุน ลืมตาสิ ได้ยินฉันไหม ฮึ่ก จินกูนะ แฟนนายไง ตื่นมาหาฉันเถอะนะ ฮือออ ตื่นขึ้นมา” ทั้งห้องกำลังมีความหวัง เสียงจินกูและอุปกรณ์ทางการแพทย์กำลังส่งเสียงแข่งกัน

“...”

“ตื่นมาเถอะ ฉันขอร้อง ฉันอยู่ทรมานแบบนี้ไม่ได้แล้วคังจุน ฉันคิดถึงนาย ฮือออ”

“อ่าา แค่ก แค่ก เมื่อไหร่จะพูดคำว่ารักออกมาบ้างล่ะครับ รอฟังตั้งนาน”

“คังจุน ฮืออออ” คนดีใจพุ่งเข้ากอดอย่างลืมตัวว่าคนพึ่งฟื้นยังเจ็บอยู่

“โอ๊ย ๆ เจ็บครับ”

“ฉันขอโทษ ฮือออ ฉันจะไปตามหมอ”

“ผมกดสัญญาณตามหมอให้แล้วครับ” กียุลบอกทั้งที่น้ำตาคลอ ส่วนคนอยู่ข้าง ๆ ที่อุ้มลูกอยู่น้ำตานองหน้าอยู่นานแล้วในขณะที่เด็กหญิงตัวน้อยเอาแต่ยิ้มให้คุณลุงคังจุน ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คังจุนฟื้นขึ้นมา หากเป็นเพราะเจย์ลีนหลานคนนี้คงจะรักคุณลุงไม่ใช่น้อย แต่ไม่ว่าเพราะอะไร นี่จะเป็นปาฏิหาริย์ที่พวกเขาลืมไม่ลงและจากนี้คงจะมีแต่เรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขา หมดแล้วฤดูแห่งความเจ็บปวดจากนี้จะเป็นฤดูที่สดใสให้ดอกไม้ทั้งหลายได้ผลิบาน

 

.

.

.

.

.

.

.

โปรดติดตามตอนต่อไป...

แฮปปี้นะคะ ฮือออ อ่ยยย น้องเจย์ลีนหลานยาย หนูเก่งมากลูก พี่คังจุนด้วย ฮือกลับมาแล้วพี่

แฮปปี้ทุกภาคส่วน อีก 3 ตอนจบแล้วนะคะ ตอนพิเศษ 2 ตอน(ในอีบุ๊ก)

อาทิตย์หน้าขออนุญาตยังไม่ลงนิยายนะคะ อยากพูดคุยกับคุณนักอ่านมากๆเลยค่ะว่าจะจบแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง

คอมเมนต์บอกไรท์ได้น้าา

 

 

ขอบคุณคุณนักอ่านที่น่ารักที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ให้นะคะ แงงง

รักทุกคนเลย มันเป็นกำลังใจสำคัญของไรท์มาก ๆ เลยค่ะ

 

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ

 

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

 

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!

สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน