11 ตอน ฉากที่ 11 อารมณ์ต่างกระเพื่อมไหวเพราะคนตรงหน้า
โดย swaggirlleb
ฉากที่ 11
อารมณ์ต่างกระเพื่อมไหวเพราะคนตรงหน้า
นับเดือนที่เวลาผ่านไปงานที่ทุกคนต่างร่วมมือกันทำผ่านไปได้ด้วยดีในระยะเวลารวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ถ้าจะให้พูดตามจริงมันก็เพราะว่ามีฐานมาดีตึกเลยสร้างเสร็จเร็วนั่นเองบทภาพยนตร์ของกียุลกับเจย์เลนที่เขียนกันสมัยมหาวิทยาลัยมันดีอยู่แล้วแค่ปรับนิดปรับหน่อยทุกอย่างจึงสมบูรณ์ กระบวนการทำงานตอนนี้อยู่ในส่วนของการเตรียมงานมาได้มากกว่าครึ่งแล้วความตึงเครียดเบาบางแทบไม่เหลือไม่เหมือนช่วงแรกที่โดนมรสุมกันมา
“เป็นที่น่าตื่นเต้นค่ะ เมื่อรัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการโปรแกรมไซเฟอร์อย่างเป็นทางการ ซึ่งโปรแกรมนี้ สามารถส่งคุณผู้ชมไปในมัลติเวิร์สได้ทุกมิติของจักรวาลเลยนะคะ เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโลกเราจริง ๆ ค่ะ โดยค่าใช้บริการต่อครั้งจะอยู่ที่ราว ๆ ...”
พึ่บ!
“เจย์เลนค่อย ๆ เดินนะ พี่จะพาไปนั่งที่โซฟา” กียุลปัดอากาศปิดโทรทัศน์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้แล้วประคองคนน้องไปนั่งอย่างนุ่มนวล
“ไม่ต้องประคอง พี่กียุลหยุดได้แล้ว”
“ไม่ได้สิ พี่ต้องดูแลนายให้ดี ๆ เอ๊ย! พี่ลืมสมุดฝากครรภ์ไว้ในรถ เดี๋ยวพี่มานะ”
“พี่วางรูปอัลตราซาวด์ลูกไว้ตรงนี้ก่อนครับ เดี๋ยวหาย” เจย์เลนว่าพลางนั่งลงที่โซฟาในขณะที่พ่อของลูกลุกลี้ลุกลนด้วยความตื่นเต้น ตั้งแต่กลับมาจากการพาเจย์เลนไปหาหมอเพื่อดูพัฒนาการของลูกในท้องได้เห็นลูกผ่านจอภาพจนมาเป็นรูปในมือกียุลก็ไม่สามารถวางตาจากภาพเจ้าตัวเล็กได้เลยถือเอาไว้ตลอด ขับรถอยู่ยังไม่ยอมวางโดนเจย์เลนดุไปหลายทีก็ไม่ฟังจนถึงบ้านก็ยังเป็นอย่างที่เห็น
“พี่ตื่นเต้นเจย์เลน ลูกเราน่ารักมากเลยเป็นตัวเล็ก ๆ แล้ว เดี๋ยวพี่มา พี่ไปเอาของก่อนนะ” เจย์เลนห้ามไม่ทันเพราะ
กียุลวิ่งออกไปแล้วเลยได้แต่นั่งนวดขมับตัวเอง เวลาต่อมาพ่อของลูกก็ยังวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านไปเอาของในรถเพราะลืมนู่นลืมนี่กลับเข้ามาก็เดินไปเดินมาหาของว่างให้เจย์เลนกิน เล่นเอาคนท้องเวียนหัวไปหมด แล้วเสียงทุ้มก็พูดเรื่องลูกไม่หยุดหย่อน
“หมอบอกว่าลูกเราตัวเท่าลูกมะนาวแล้ว มีมือมีนิ้วน่ารักมาก ที่สำคัญลูกจะดูดซึมอาหารผ่านสายสะดือ นายต้องกินอาหารที่มีประโยชน์นะแล้วก็ห้ามกินของหวานมากเกินไป ห้ามกินเยอะไปด้วย หมอให้ควบคุมน้ำหนักไม่งั้นนายจะเป็นเบาหวาน ห้ามดื้อนะ ต้องกินแต่อาหารที่พี่ทำให้ทุกมื้อเลย ห้ามกินอาหารขยะ” เจย์เลนพยักหน้ารับตราบใดที่ไม่ห้ามกินกาแฟเขาโอเค ยอมหมดทุกอย่าง
“ส่วนกาแฟ ลดเหลือวันละสองแก้วเท่านั้น”
“ได้ไง ทำไมกลับคำล่ะ สามก็คือสามสิ”
“พี่ไม่ยอมให้กินจนคลอดหรอกนะ นายต้องค่อย ๆ ลดลง กินกาแฟนายก็จะไม่ได้พักผ่อนยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นนายก็ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ ต้องนอนให้เพียงพอ นายก็ได้ยินที่หมอบอกนี่มันอันตรายต่อลูกด้วยนะ” กียุลพูดจริงจังขึ้นเพราะถ้าเรื่องนี้เขาไม่ยอมเจย์เลนแล้วคนใจดีคนนี้ก็ใจร้ายเป็น ถ้าร้ายแล้วมันดีกับเจย์เลนและลูกกียุลไม่เกี่ยงที่จะทำ
“ทำเหมือนไม่เข้าใจคนติดกาแฟ พวกเราทุกคนที่นี่ติดกาแฟกันหมดไม่เว้นแม้แต่พี่ พี่เป็นฮิปนอสก็น่าจะเข้าใจ”
“เพื่อลูก นายทำได้ไหม” ได้ยินแบบนั้นก็เถียงอะไรไม่ได้ เจย์เลนนั่งหน้าง้ำที่ถูกขัดใจแล้วยัดส้มเข้าปากไม่อยากเสวนากับกียุลต่อ
“แล้วก็ พี่จะพยายามหาโรงพยาบาลอื่นให้นะโรงพยาบาลนี้ไม่มีแผนกสูติ-วีรเวช นายคงรู้สึกไม่ค่อยดี”
กียุลสังเกตเห็นถึงความไม่สบายของเจย์เลนที่ถูกคนมองและนินทาในทางที่ไม่ดีเมื่อต้องเข้าไปในแผนกสูติ-นรีเวชที่ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงที่ไปใช้บริการ เขาเลยจะหาโรงพยาบาลใหม่ที่มีแผนกสูติ-วีรเวช ซึ่งเป็นแผนกที่ให้การดูแลและให้คำปรึกษาแก่บุรุษที่ต้องการเตรียมตัวก่อนแต่งงาน ก่อนตั้งครรภ์ รับฝากครรภ์ ตรวจพัฒนาการของทารกในครรภ์ในระยะต่าง ๆ เหมือนอย่างแผนกสูตินรีเวชเพียงแค่ให้บริการเฉพาะผู้ชายที่ท้องได้
“ไม่ต้องก็ได้ครับ ยุ่งยากเปล่า ๆ”
“พี่เห็นสายตาคนพวกนั้นนะ ไม่อยากให้นายคิดมาก”
“ส่วนน้อยครับ เข้าไปในแผนกเจอแม่ ๆ ด้วยกันก็ไม่โดนอะไรแบบนั้นแล้ว”
“พี่รู้ แต่พี่จะหาโรงพยาบาลใหม่ให้นะ” ได้ยินอย่างนี้เจย์เลนก็หายหงุดหงิดไปเลยสัมผัสได้จริง ๆ ทั้งคำพูด สายตาและการกระทำมันมีแต่ความรักที่ส่งมาให้กระนั้นมันก็ทิ้งฟอร์มไม่ได้ต้องปั้นหน้างอนต่อไปทั้งที่ในใจฟูฟ่องมีความสุข
“ตีกันอีกแล้วเหรอนายสองคน กียุลมันทำอะไรอีกเจย์ เออไปหาหมอกันมานี่เป็นไง” คนท้องสามเดือนไม่ตอบคังจุนที่กำลังเดินมาแต่ยัดส้มเข้าปากไปอีกด้วยท่าทีไม่พอใจคนนั่งข้าง ๆ มากถึงมากที่สุด ทำฝืนใจตัวเองเก่งจริง ๆ นะคนนี้
“นายมาดูรูปลูกฉันคังจุนตัวสูง 7.6 เซนติเมตรเลยนะ หมอบอกว่าโตไวมาก มีนิ้วมือนิ้วเท้าแล้ว” คุณพ่อจอมเห่อรีบอวดรูปเจ้าตัวเล็กด้วยท่าทีตื่นเต้นไม่ซาอีกทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมจางหายส่งผลให้คนอุ้มท้องแอบยิ้ม
“นายดูดีใจตื่นเต้นมากเลยนะ แล้วทำไมคนท้องทำหน้าแบบนั้น” หนุ่มแก้มบุ๋มถามพลางนั่งลงข้างกียุลแล้วสนใจรูปหลานในมือคุณพ่อป้ายแดงมากขึ้น
“ไม่พอใจที่ฉันลดกาแฟให้เหลือสองแก้วต่อวัน”
“มันก็ทำถูกแล้วนะเจย์เลน นายต้องนอนให้ไวด้วย นายนอนดึก”
“ใช่ คังจุนพูดถูกและก็ต้องออกกำลังกายเบา ๆ ด้วย หมอให้แนวทางการปฏิบัติกับพี่มาหมดแล้วอาหารการกิน การนอน การออกกำลังกายทุกอย่างนายต้องทำตามที่พี่บอก”
“ก็ได้ ได้หมดทุกอย่าง แต่พี่อย่ามาแตะตัวผมละกัน แลกกันไง” เมื่อกี้ยังพอใจพ่อของลูกอยู่แท้ ๆ แต่กาแฟนั้นเรื่องใหญ่ไงเจย์เลนคิดได้อยู่อย่างเดียวเลยว่าต้องแก้เผ็ดกียุลด้วยวิธีนี้แหละถึงจะหายกัน บังอาจมาลดจำนวนกาแฟเขาดีนัก ไอ้พ่อของลูกคนน่ารำคาญ! =O=
“มันก็ตาแข็งตายเลยสิเจย์เลน มันจะทำงานยังไงเล่า ถ้าไม่ได้สัมผัสจากนาย” คังจุนช่วยกียุลพูด
“มียาก็กินไปสิ ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีผมแล้วพี่กียุลจะอยู่ไม่ได้ซะหน่อย พี่เคยไม่มีผมมาตั้งนานก็อยู่ได้” จู่ ๆ คลื่นแห่งความน้อยใจก็สาดซัดเข้ามาหากียุลระลอกใหญ่ เขาก็พยายามจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นแต่ทำไมเจย์เลนถึงยังเป็นแบบนี้กับเขา ร่างสูงหยัดกายยืนตรงแล้วเดินจากไปเงียบ ๆ พร้อมกับรูปอัลตราซาวด์ของลูกเพื่อไปทำความเข้าใจกับเจย์เลน
คนเดียวเขาจะไม่โกรธเจย์เลนแต่จะพยายามเข้าใจแม้จะเสียความรู้สึกมากก็ตาม
“นายพูดแรงไปหรือเปล่า”
“เขาชอบทำให้ผมหงุดหงิดนี่ ผมไม่ชอบคนขัดใจพี่ก็รู้” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็รู้สึกผิดอยู่เต็มประดา
“พี่สังเกตมานานแล้ว หึงกียุลกับโซฮีเหรอ หมอนั่นไม่อยู่แล้ว นี่มีแค่นายกับพี่ ไหนพูดมาสิมันเป็นยังไง” เจย์เลนหันไปมองคังจุนอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดว่าควรจะพูดออกไปดีไหมเพราะเขาก็อึดอัดกับความรู้สึกนี้จนจะบ้าแล้ว
“ผมแค่ไม่ชอบเวลาพวกเขาอยู่ใกล้กัน”
“หึงใช่ไหมเล่า”
“...”
ไม่ตอบแสดงว่าใช่ นั่นคือสิ่งที่คังจุนรู้ใจรุ่นน้องคนสนิทเป็นอย่างดี
“ไม่เคยพูดกับกียุลใช่ไหมว่าไม่ชอบให้อยู่ใกล้โซฮี กลัวกียุลจะรู้ว่าหึง?”
(._.’ ’) ชายหน้าสวยพยักหน้ารับช้า ๆ อย่างจำยอมและไม่กล้าสบตา
“เจย์เลนเอ๊ย” พี่ชายคนสนิทลูบศีรษะคนน้องอย่างเอ็นดูปนเหนื่อยใจเล็ก ๆ ที่ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้
“ผมหงุดหงิดพี่เขาเวลาใกล้ยัยนั่น ตอนเกรดสิบสองพี่กียุลเคยจีบเธอด้วยนะพี่จุน คนมันเคยชอบนะก็เหมือนไฟกับน้ำมัน ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยพี่ ฮือออ ผมอึดอัดด้วย ผมสับสน”
“นายรักกียุลอยู่ก็เลยเป็นแบบนี้”
“คะ...ครับ พี่คิดดูสิ ฮือออ ผมทิ้งพี่กียุลไปตอนเขาขอผมแต่งงาน ผมใจร้ายทิ้งเขาไปโดยไม่บอกกล่าวเพราะความเห็นแก่ตัวของผมที่อยากประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ในชีวิต ผมไม่เคยนึกถึงพี่เขาเลยในขณะที่พี่เขาอยากสร้างครอบครัวกับผมแต่ตอนนั้นผมกลับไม่มีพี่เขาในอนาคตเลย ผมมันเห็นแก่ตัว ผมทิ้งเขาเพราะเหตุผลบ้า ๆ ผมไม่อยากให้เขาเจ็บเพราะผมอีก ผมอาจจะเป็นบ้าขึ้นมาเหมือนตอนนั้นอีกก็ได้ ไม่อยากเห็นเขาเสียใจอีกแล้ว”
“ก็เลยฝืนใจไม่รักผลักไสกียุลไป พอมีโซฮีเข้ามาก็อยากให้หมอนั่นไปลงเอยด้วยแต่ก็เจ็บซะเองใช่ไหม” คังจุนแทงถูกทุกดอกเจย์เลนยิ่งร้องไห้ปล่อยโฮโผลเข้ากอดพี่ชายเต็มแรงสะอื้นฮักจนตัวโยน ร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสารปนน่าเอ็นดู
“ไม่ร้อง ๆ เดี๋ยวหลานพี่ร้องไห้ด้วยนะเจย์ ไม่เอาสิ”
“ฮือออ ผมต้องทำยังไงพี่ ผมไม่รู้จะรับมันได้อีกนานแค่ไหน ฮึก ฮืออ หรือผมต้องไปจากเขา”
“บ้าไปใหญ่แล้วทำแบบนั้นไม่ได้นะ นายก็แค่ต้องทำตามใจตัวเองบ้างทุกอย่างก็จะดีขึ้น ถ้ารู้สึกรักก็รักทำดีกันเข้าไว้ กียุลมันรักนายกับลูกมาก พี่ว่านายก็รู้ต่อให้นายผลักไสมันไปไกลแค่ไหนมันก็จะพยายามกลับมาหานายอยู่ดี เรื่องโซฮีไม่มีทางหรอกที่จะมีอะไร นายสบายใจได้เลย กียุลรักนายเกินกว่าจะมองใครได้อีก เชื่อพี่”
“แต่พี่กียุลเคยชอบเธอนะครับ” เจย์เลนยังดึงดันไม่ฟัง
“มันสู้ถ่านไฟเก่าของนายสองคนไม่ได้หรอก พวกนายจุดไฟติดขึ้นมาแล้วด้วย”
“ยัยนั่นก็กำลังจุดไฟของตัวเองเหมือนกันแหละครับ ชิ!” จังหวะนั้นคังจุนจึงเห็นช่องทางช่วยกียุลขึ้นมา ในเมื่อไม่ฟังความจริงที่เป็นไปก็คงต้องพูดอะไรที่เจย์เลนคิดว่าจะเป็นแทน
“อืม ก็จริงนะ ยิ่งนายทำแบบนี้กับกียุล ออกตัวว่าให้เป็นพ่อของลูกได้แต่ไม่ต้องเป็นอะไรกัน แถมยังทำตัวไม่น่ารัก
ใจร้ายกับมันทุกวันแบบนี้ มันอาจจะหาคนมาดามใจก็เป็นได้ ดูเมื่อกี้สิมันเคยเป็นแบบนั้นที่ไหน ถ้ามันท้อใจขึ้นมาแย่เลยนะ ถ้ามันไปแล้วไปเลย ทีนี้นายอกหักของจริงแน่ เพราะงั้นนายต้องแสดงตัวออกมาได้แล้วว่ารักมันเหมือนกัน” คังจุนเริ่มพาเจย์เลนเข้าหลุมพรางนี่แหละจะเป็นทางที่สองคนนั้นลงเอยกันได้หนุ่มแก้มบุ๋มคิดในใจ
“ผมพูดไปขนาดนั้นแล้ว มันจะไม่เสียฟอร์มเหรอครับ ถ้าจู่ ๆ ทำแบบที่พี่ว่า”
“จะเสียฟอร์มหรือเสียพ่อของลูกไปล่ะ นายก็ลองคิดดูไม่ต้องรีบ หรืออาจจะต้องรีบหน่อย โซฮีน่ะทั้งสวย ทั้งเท่
ทั้งเซ็กซี่ ทั้งน่ารัก เออ เธอก็คล้าย ๆ นายเลยนะ ไม่แปลกที่กียุลมันจะชอบ” เจย์เลนคิดหนักหรือจะยอมทิ้งความคิดก่อนหน้านี้ที่ว่ากลัวกียุลเสียใจเพราะตัวเองแล้วจะปล่อยไปให้คนอื่นดี เขาก็แค่ต้องไม่ทำตัวแบบนั้นอีกสิแค่นี้กียุลก็ไม่เสียใจแล้วมันง่ายจะตายทำไมเขาถึงคิดอะไรที่โง่เง่าอยู่ได้ตั้งนาน
“แล้วก็เรื่องนั้น พี่แอบเห็นหลายครั้งแล้วนะ” เจย์เลนผละออกจากอ้อมกอดพี่ชายเช็ดน้ำตาแล้วตั้งสติ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่หนักใจหนึ่งเดือนให้หลังมานี้มีอันตรายเข้ามาหาเจย์เลนตลอดไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่ก็ตามแต่เจ้าตัวไม่ได้บอกใครเลยโดยเฉพาะกียุล
“ช่วงเช้าพี่เห็นนายเกือบเดินลงเขาไป อันตรายมากนะ” บ้านกียุลอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมีทางลาดชันและค่อนข้างอันตรายสำหรับคนท้อง ตอนนั้นเจย์เลนรู้ตัวอีกทีก็ตอนเกือบจะก้าวขาดีที่มีสติขึ้นมาไม่งั้นได้กลิ้งหลุน ๆ ลงไปตามทางแน่
“เรื่องนั้นมันไม่มีทางแก้หรอกพี่”
“รู้ แต่ควรบอกกียุลและทุกคนให้ช่วยเป็นหูเป็นตามากขึ้น นายท้องสามเดือนแล้วท้องก็โตขึ้นทุกวันนะ เป็นห่วงลูกให้เยอะ ๆ เลิกดื้อได้แล้ว นายไม่ใช่เด็กแล้วกำลังให้กำเนิดคนขึ้นมาแล้วนะ”
“ไม่อยากให้ใครมาลำบากเพราะผมนี่ ยังไงผมก็คุมสติตัวเองได้ ไม่น่าเป็นอะไรหรอกครับ”
“คอยดูต่อไปแล้วกัน แต่พี่ขอเลยนายห้ามอยู่คนเดียว แล้วก็ไปง้อกียุลมันซะ ถ้าไม่อยากเสียฟอร์มมาก จากนี้ก็ทำตัวดี ๆ กับกียุลเข้าไว้ ค่อย ๆ ทำตัวน่ารักขึ้น แบบนี้ไม่เสียฟอร์มหรอก”
“งั้นเหรอครับ”
“ไม่เชื่อพี่แล้วนายจะไปเชื่อใครเจย์ มา เดี๋ยวพี่พาไปหามัน คงอยู่ที่สวนส้มหลังบ้าน ทำตามพี่บอกไม่เสียฟอร์มหรอก” คนตัวเล็กชั่งใจเล็กน้อยแต่ยอมทำตามแต่โดยดี วินาทีนั้นหัวใจพลันสั่นไหวรุนแรง เขาไม่เคยง้อใครไม่เคยแคร์ใครนี่เป็นครั้งแรกที่จะทำ
บริเวณหลังบาร์นเฮาส์มีสวนส้มที่ยาวไปไกลหลายกิโลเมตรบนพื้นที่หลายไร่ ตอนนี้ผลส้มกำลังออกผลเต็มต้นเมื่อมองไปก็ชวนให้รู้สึกสดใสและสบายตา เจย์เลนกำลังเดินเข้าไปในสวนและสอดส่ายสายตาหาคนขี้ใจน้อยกระแสลมเอื่อยพัดกลิ่นต้นส้มมาให้สัมผัสได้ถึงความหอมหวานสดชื่น รับรู้ถึงความเปรี้ยว ได้กลิ่นหอม ๆ ของต้นส้มคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่จนคนท้องยิ้มรับสิ่งที่ชอบอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีแล้วการกวาดสายตามองก็ทำให้แลเห็นกียุลนั่งอยู่ที่ใต้ต้นส้มต้นหนึ่งด้วยท่าทีน่าสงสาร ใบหน้านั้นเศร้าสร้อยน่าเห็นใจจนเจย์เลนรู้สึกผิดมากกว่าเดิม
“นั่นไง นั่งหงอยเป็นหมาเลย ไปหามันสิ พี่ส่งแค่นี้นะ”
“ไม่ไปด้วยกันเหรอ”
“ตอนทำลูกกันพี่ยังไม่ได้อยู่ด้วยเลย ตอนนี้ก็อยู่ด้วยไม่ได้หรอก”
“เพียะ! ไปเลยไป กวนตีนดีนัก” มือเล็กตีเข้าที่แขนล่ำของพี่ชายให้คนถูกกระทำหัวเราะเสียงเบาแล้วเดินจากไปก่อนไปก็ตบไหล่ให้กำลังใจไปหนึ่งที อีโบนีสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาฮิปนอสผู้เป็นพ่อของลูกในท้องด้วยความประหม่า
ทางกียุลเองก็กำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดในหัวว่าทำไมเจย์เลนถึงใจร้ายกับเขานักพยายามเข้าใจหาทางเข้าใจอย่างไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จนรับรู้ได้ถึงผู้มาเยือนจากกลิ่นหอมของดอกลิลลี่ใบหน้าหล่อจึงหันไปหาพอเห็นว่าเป็นแม่ของลูกก็ยิ้มรับแล้วรีบลุกขึ้นไปประคองให้มานั่งลงที่พื้นหญ้านุ่มใต้ต้นส้มสีทองด้วยกัน
“นายมาทำไม นั่งนี่ก่อนนะ วันนี้อากาศดี”
“ข้างนอก เอ๊ย ข้างในมันอึดอัดอยากออกมาสูดอากาศ” คนประหม่าพูดผิดพูดถูกแล้วยอมนั่งลงตามที่กียุลบอกอย่างว่าง่ายมือข้างหนึ่งประคองท้องตัวเองไว้ด้วยสัญชาตญาณ
“งั้นพี่ไปเอาผ้ามาปูให้ไหม? ปิกนิกไหม? เปลี่ยนบรรยากาศกัน”
“ง่วง”
“?”
กียุลจะไม่งงเป็นไก่ตาแตกเลยหากเจย์เลนพูดจบแล้วไม่จัดแจงนอนหนุนตักเขาอย่างที่ทำอยู่แล้วดีที่ฮิปนอสฉลาดพอจะไม่ถามอะไรออกไปให้ทุกอย่างมันพัง เขาทำได้เพียงแอบยิ้มแล้วนั่งเงียบรอฟังว่าอีโบนีผู้หลับเก่งจะต้องการอะไร
“กาแฟเหลือวันละสองแก้วก็ได้ เรื่องนอนดึกถ้างานเสร็จไวผมก็นอนไม่ดึกหรอกพี่ก็เห็น” เห็นสิก็นอนอยู่ที่พื้นข้างเตียงแทบทุกคืน (เพราะหลายคืนโดนไล่ไปนอนที่โซฟาห้องรับแขก)
“...” กียุลไม่ตอบแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองกำลังถูกง้อ
“ท้องผมใหญ่มากเหรอ ทำไมหมอต้องให้ใส่ชุดคลุมท้องแล้ว” มือใหญ่เอื้อมไปลูบหน้าท้องที่โตขึ้นมาจากเดือนก่อน ๆ มากอย่างแผ่วเบาแล้วเอ่ยตอบเสียงอบอุ่นอยู่เหนือหัวเจย์เลน
“ที่ต้องใส่ก็เพราะความปลอดภัย คนรอบข้างจะได้รู้ว่านายท้องอยู่ จะได้ระวังไว้ไม่ให้เกิดอันตราย”
“ไม่อยากใส่ ดีไซน์มันไม่ไหวแล้วก็ไม่ชอบให้คนพูดถึงด้วย เอาป้ายที่บอกว่าผมเป็นคนท้องมาติดที่ด้านหลังเสื้อเหมือนในรายการรันนิ่งแมนแทนได้ไหม”
“หึหึหึ นายกำลังน่ารักมากรู้ไหม ทำมาเป็นตลกนะ” ฮิปนอสว่าพลางหยิกจมูกรั้นเล่นแล้วพูดต่อในทันทีว่า
“พี่รู้จักดีไซเนอร์ฝีมือดีอยู่เคยทำงานกับเขาตอนทำละครเพลงของช่อง พี่ให้เขาช่วยออกแบบชุดคลุมท้องของผู้ชายไว้ให้แล้ว นายน่าจะชอบนะ ไว้พี่จะพาไปหาเขาไปลองดูกัน เขาพึ่งคลอดลูกด้วยพี่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมเขาเลย เป็นผู้ชายท้องได้เหมือนนายด้วย ไปรู้จักกันไว้ เผื่อนายจะอยากคุยกับคนหัวอกเดียวกัน”
“ดีเลยครับ ขอบคุณครับ”
“ง่วงก็นอนเถอะ เดี๋ยวถ้าแดดมาพี่จะปลุก ตอนเย็นพี่จะทำซัมเกทังให้กิน อยากกินไหม”
“จะขุนผมให้อ้วนเลยหรือไง แก้มเป็นกระติกแล้วจับดูดิ” รถอ้อยมาจอดหนึ่งคันถ้วนแล้วเมื่อน้ำขึ้นแบบนี้ก็ต้องรีบตัก กียุลเคลื่อนมือลงไปหยิกแก้มนิ่มเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว ทั้งนิ่ม ทั้งน่าหอม กียุลกำลังสงบสติตัวเองลงไม่ให้ก้มลงไปหอมแก้มเป็นพวง
“ต้องสัมผัสกันแบบไหนฮิปนอสถึงจะหลับเองได้ นอนได้นาน ๆ” จู่ ๆ เสียงหวานก็ถามสิ่งที่กียุลไม่คาดคิด ซึ่งความจริงอีโบนีเหลี่ยมจัดแค่ถามไปอย่างนั้นเขารู้ดีอยู่แล้วเขาเคยคบกับกียุลและก็รักกียุลมากนะจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ไง
“อืมมม แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนะ บางคนเซ็กส์ก็ช่วยได้มากที่สุด บางคนแค่จับมือก็พอ แต่โดยพื้นฐานที่เป็นกันยิ่งร่างกายสัมผัสกันมากและนานก็จะยิ่งช่วยได้”
“แล้วจูบล่ะช่วยได้มากไหม” ถามจบอีโบนีก็ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งมาสบตากับฮิปนอสรูปหล่อ
“มากสิ อุป! อื้มม”
เสียงทุ้มนุ่มมลายหายไปด้วยริมฝีปากอวบอิ่มที่ค่อย ๆ จูบอย่างหวานละไมด้วยหัวใจที่พองโตเต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับจูบแรกในวัยเยาว์ก็ไม่ปาน กระแสความอบอุ่นไหลวนอยู่ในใจของทั้งคู่อารมณ์ต่างกระเพื่อมไหวเพราะคนตรงหน้า ลิ้นเล็กส่งเข้าไปในโพรงปากทักทายอย่างหยั่งเชิงให้ลิ้นหนาตวัดรับดูดดึงวูบไหว ปลายลิ้นหยอกเย้าเกี่ยวกระหวัดเสียงดังชัดเจนให้ครางเครือในลำคออย่างพึงพอใจ คนน้องดูจะมีอารมณ์เคลิบเคลิ้มเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่รู้ตัวอีกทีก็ผลัก คนพี่นอนลงไปกับพื้นหญ้าแล้วทั้งที่ยังไม่ถอนจูบ คนหน้าสวยปั่นป่วนลมหายใจด้วยเรียวลิ้นเสียจนกลางกายของ
คนใต้ร่างพองโตยิ่งจูบก็ยิ่งมีอารมณ์ยิ่งจูบยิ่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือหนาประคองเอวร่างเล็กลูบไล้แนบแน่นให้ต่างฝ่ายอยากทำมากกว่าจูบ
“แฮ่ก แฮ่ก อื้มม พอหรือยัง” เสียงหวานเอ่ยหน้าแดงหลังจากเส้นใยสีขาวระหว่างริมฝีปากจะขาดออกจากกัน
“ถ้าพี่บอกว่ายังจะทำต่อเหรอ” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นที่จ้องมองเจย์เลนอยู่เจิดจ้าเต็มไปด้วยประกายแห่งความรักใคร่จนคนถูกมองใบหน้าร้อนเห่อแก้มแดงเป็นกลีบกุหลาบ
“ลุกขึ้นก่อน แบบนี้มันทับท้องผม” เจย์เลนก็ยังคงเป็นเจย์เลนแม้จะเขินมากแค่ไหนก็ไม่ยอมเสียฟอร์ม กียุลรีบลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วยิ้มเอ็นดูคนปากแข็งและต้องตกใจในเวลาต่อมาเมื่อจู่ ๆ อีโบนีผู้ทำตัวน่ารักผิดหูผิดตาก็ทรุดกายลงนั่งตักเขาพาดขาเรียวไปด้านข้างแล้วกอดลำคอเขาไว้หลวม ๆ เสียด้วย สายตาฮิปนอสมีแต่คำถามแต่เขาไม่ถาม
“ดุนกันใหญ่เลยนะ เลือกมาว่าจะให้ใช้ปากทำอะไร ใช้เลียอมยิ้มข้างบนหรืออมไอติมข้างล่าง” วาจาสองแง่สองง่ามที่รู้กันดีทำให้กียุลคิดหนักกลางกายก็ปวดหนึบอยากปลดปล่อยจนปึ๋งปั๋งดุนก้นเจย์เลนอยู่แต่เขาก็อยากได้จูบหวาน ๆ ของเจย์เลนด้วยทำไมต้องให้เลือกนะ
“อย่าคิดนาน”
“ถ้าใช้กับข้างล่าง จะทำให้พี่ที่นี่เลยเหรอ?” กียุลรีบถาม
“อืม”
หูเจ้าหมาโกลด์เดนต์ผึ่งตั้งแววตาเป็นประกายเลือดกำเดาแทบจะไหลจากอารมณ์กามเมื่อสมองคิดไปถึงไหนต่อไหน
“สองอย่างไม่ได้เหรอครับ”
เมื่อเจ้าหมาอ้อนแมวเจ้าอารมณ์ก็หวั่นไหวทว่าไม่ยอมหลงกลง่าย
“อย่าโลภครับ”
“เดี๋ยวให้โควตากาแฟส้มยูสุสดหนึ่งแก้วกินเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องอมไอติมให้พี่ก่อน ถ้าไอติมพี่ละลายหมดแล้ว พี่ชงให้เลย แถมเค้กส้มชิ้นหนึ่งด้วย เอาไหมครับ?”
“ดีล งั้นอมไอติมเอาไว้คืนนี้ ตอนนี้เลียอมยิ้มก่อน” ว่าจบอีโบนีก็โน้มลำคอที่โอบรอบไว้ลงมารับจูบอ้อยอิ่ง
ละเมียดละไมใช้ลิ้นเล็มและเลียริมฝีปากฮิปนอสทิ้งทุกสัมผัสไว้ให้ตราตรึงชวนหัวใจในอกสั่นหวิวแล้วเร่งจูบเร่าร้อนคล้ายกับจะกลืนกินกันและกันและในระหว่างที่ (อดีต) คู่รักกำลังนัวเนียแลกลิ้นกันอยู่กลางสวนส้มหญิงสาวผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็โผล่มาก่อนจะปากไวทักไม่ดูตาม้าตาเรือแม้จะตะครุบปากตัวเองไว้ภายหลังแล้วก็ตามแต่มันไม่ทัน
“อ้าว พี่กียุล อุป!”
แค่ได้ยินเสียงเพียงนิดเจย์เลนก็รู้เลยว่าเป็นใครและผละจูบออกทันทีอย่างอารมณ์เสีย
“อ๋อ คงนัดกันมาใช่ไหม” ร่างเล็กรีบลุกขึ้นว่องไวด้วยความเดือดดาลสุดขีดพลันให้กียุลกระวนกระวายใจ
“ไม่ใช่ เจย์เลน ไม่ใช่” กียุลหวังขอความช่วยเหลือจากโซฮีแต่เธอก็ได้วิ่งหนีไปแล้วเห็นแต่หลังไว ๆ เท่านั้น
“ไม่ใช่ได้ยังไง! ปล่อย! อย่ามาจับตัวผม! อย่าตามมาด้วย”
เจย์เลนหันหลังเดินหนีปล่อยกียุลไว้เบื้องหลังก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“จะร้องทำไมวะ หยุดเลยนะ! ฮือออ ฮึก ไอ้คนนิสัยไม่ดี ฮืออออ” ทั้งโมโหตัวเองที่ร้องไห้ทั้งโมโหกียุลด้วยในเวลาเดียวกันเจย์เลนกำลังสติแตกเดินเข้าบ้านไปอย่างกับคนเสียสติ
ตกเย็นบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนก็ไม่ดีขึ้นเลยซ้ำยังหนักกว่าเดิมเพียงแค่กียุลอยู่ในบริเวณที่สายตามองเห็น
เจย์เลนก็พาตัวเองหนีเดี๋ยวนั้น
“พี่กียุล ฉันว่านะไปอธิบายเถอะว่านี่เป็นแผนของพี่ที่ทำให้พี่เจย์เลนเขาหึง เขาจะได้เลิกงอนพี่ไง” โซฮีบอกหลังจากอีโบนีคนสวยเดินขึ้นไปชั้นบนแล้ว
“บอกตอนนี้โดนโกรธหนักกว่าเดิมอีก” คังจุนออกความเห็นซึ่งจริงมากทีเดียว
“คงเหมือนรถบรรทุกระเบิดชนรถบรรทุกขีปนาวุธแน่เลย” จินกูคาดเดาความเป็นไปได้หลังจากรู้จักเจย์เลนมาสักพักเขาก็พอจะเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นออก
“พวกแกไม่ควรใช้วิธีนี้กับเจย์เลนเลยคิดอะไรกันโคตรเด็ก โต ๆ กันแล้วแท้ ๆ” จากนั้นก็บ่นตบท้ายตามประสาพี่ใหญ่สุดในกลุ่ม
“ก็มันทำไปแล้วนี่พี่” เสียงหงอยของฮิปนอสตอบพลางเขี่ยข้าวในจานที่ไม่พร่องไปเสียเท่าไหร่เลย
“ฉันก็อุตส่าห์ช่วยพูดจนเจย์เลนไปง้อนายแล้วแท้ ๆ หาเรื่องไม่เข้าท่า” คังจุนได้ทีขี่แพะไล่ตามอีกคน
“โซฮีนั่นแหละ เธอมาทักพี่ทำไมแถมยังวิ่งหนีไปอีกไม่มาช่วยอธิบาย”
“ฉันขอโทษพี่ ปากมันไวไปหน่อย ตอนนั้นตกใจด้วย แล้วใครจะไปอยู่ล่ะจังหวะนรกขนาดนั้น”
“อะไรทำให้พี่ใช้วิธีนี้กับพี่เจย์เลน” แทมินเอ่ยก่อนจะตักข้าวเข้าปากเป็นคำสุดท้าย
“พี่กียุลเขาเห็นว่าเคยใช้วิธีนี้ได้ผลตอนเกรดสิบสองก็เลยทำอีก ฉันเลยต้องมาช่วยไง” โซฮีตอบแทนกียุลเพื่อ
ไขความกระจ่างเพราะแบบนี้นี่เองสินะทุกคนพยักหน้าเข้าใจทันที ตอนเกรดสิบสองที่กียุลจีบโซฮีมันก็ด้วยเหตุผลที่จะทำให้เจย์เลนยอมมาคบด้วยก็แหมอีโบนีรุ่นน้องคนนั้นจีบยากใช่เล่นก็เลยต้องใช้วิธีนี้แหละและมันก็ได้ผลดีถนัดตาเพราะ
เจย์เลนตอบตกลงคบกับฮิปนอสจอมเจ้าเล่ห์ทันทีในวันที่อีกฝ่ายเข้ามหาวิทยาลัย
“ผมยอมใจพี่เลย คิดได้ไง” แทมินว่าแล้วดื่มน้ำ
“มันก็คลาสสิกดีนะครับ วิธีนี้ใช้ได้ผลตลอดกาลนะผมว่า เพราะถ้าอีกฝ่ายชอบเรายังไงเขาก็ไม่มีทางปล่อยเราไปให้คนอื่น” เรียวตะเสริมเพราะคิดว่าวิธีนี้ไม่ได้ผิดเลยที่จะยกขึ้นมาใช้ยิ่งใช้กับคนปากแข็งแบบเจย์เลนแล้วด้วยวิธีนี้ได้ผลที่สุดแน่นอน
“งั้นเรียนผูกก็เรียนแก้เอาแล้วกันนะ เรื่องผัว ๆ เมีย ๆ พี่ไม่ยุ่ง และขอย้ำว่าอย่าให้กระทบงาน แยกย้ายกันไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้มีเวิร์คช็อปนักแสดงแต่เช้า เดี๋ยวนายตามพี่ไปคุยที่ห้องนอนหน่อยนะคังจุนจะคุยเรื่องโปรดิวซ์เซอร์ที่จะแต่งเพลงประกอบให้หนังเรา”
“ครับพี่ ผมไปด้วยเลย” จากนั้นทุกคนก็ต่างแยกย้าย
“จะทิ้งผมไปกันหมดเลยเหรอ ช่วยกันหน่อยสิ คืนนี้ผมจะนอนไหนล่ะ”
และโซฟาห้องรับแขกก็คือคำตอบสุดท้ายของกียุลอีกเช่นเคย...
จากวันก็แปรเปลี่ยนเป็นสัปดาห์ที่แม่ของลูกเมินเฉยใส่แม้กระทั่งจะหิวกาแฟมากแค่ไหนเจย์เลนยังไม่ยอมกินฝีมือของกียุลเลย กระนั้นก็ทนได้ไม่นานเพราะไม่มีใครชงกาแฟได้อร่อยถูกปากเจย์เลนเลยสักคนผู้กำกับหนุ่มจึงต้องรับหน้าที่นี้เช่นเดิมแล้วให้คนอื่นไปเสิร์ฟแทน
“งบมันไม่พอ เราต้องกู้กียุล มันถึงเวลาแล้ว บริษัทเรามันโตขึ้นนะ ธุรกิจเขาทำแบบนี้กันทั้งนั้น”
“ผมไม่อยากกู้เลยพี่ ทุนที่เราหามาได้มันไม่พอเลยเหรอครับ”
“มันไม่พอ นักแสดงหลักเรามีตั้งหกคน แล้วเราเสียไปกับการเตรียมงานเยอะมากด้วย” ถึงแม้จะปรับบทให้เข้ากับการทำงานเดิมยังไงก็ต้องมีส่วนที่ทิ้งเพราะมันไม่ใช่หนังเรื่องเดียวกันไม่มีทางที่มันจะลงตัวไม่ต้องทิ้งอะไรไปเลยเพื่อเริ่มใหม่ “เอาเงินผมพี่ ส่วนเรื่องกู้ ถ้ากู้เราต้องกู้เท่าไหร่”
“ห้าร้อยล้านวอน”
“เราต้องใช้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ” จินกูพยักหน้าสีหน้าของทั้งคู่ตึงเครียดอย่างถึงที่สุด
“ผมขอคิดดูอีกที ยังไงถึงเรายื่นกู้ไป ตอนนี้ก็ไม่ทันใช้อยู่ดี”
“ไม่ ธนาคารเป็นคนยื่นข้อเสนอมาให้เราเอง เขาอนุมัติให้เราได้ไวที่สุดก็สองอาทิตย์ การทำธุรกิจเขากู้มาหมุนกันทั้งนั้นกียุลไม่มีใครไม่กู้” จินกูย้ำเมื่อกียุลได้ฟังแล้วก็ยิ่งปวดหัวจากที่ปวดเป็นทุนเดิมจากการไม่ได้นอน มือหนายกขึ้นมานวดขมับตัวเองหลายครั้ง ขณะนั้นเจย์เลนก็เดินเข้ามาเห็นพอดีรับรู้ได้เลยว่าทั้งคู่เครียดกันแค่ไหนจึงทำทีเดินไปที่ครัวให้เงียบที่สุดแล้วเงี่ยหูฟังบทสนทนา
“เอาเงินผมไปก่อนพี่ เราต้องใช้เท่าไหร่ถึงพอ เรื่องกู้ยังไงผมก็ขอเวลาคิดก่อน เอาไว้ทีหลังเลย”
“ตอนนี้กับโปรดักชันขาดไม่มากแต่เราไม่มีงบโปรโมทเลย พี่ว่าเราโดนท่านประธานช่องเอ็มบีอีเล่นด้วย หาสปอนเซอร์ยากมาก”
“ผมรู้แล้วล่ะว่ามันจะเป็นแบบนี้ ผมขอโทษนะพี่ที่ทำให้ทุกอย่างพัง”
“อย่าคิดแบบนั้น เราทำถูกกันแล้ว ให้ทำงานกับคนขี้เหยียดบ้าอำนาจแบบนั้น ตายดีกว่าว่ะ เราเองและทีมงานของเราคงไม่มีความสุข งานมันจะออกมาไม่ดีแน่ถ้าฝืนร่วมงานกันไป”
“แต่ผมน่าจะอดทนกว่านั้น ผมจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ดีแต่วันนั้นเขาดูถูกเรามากเกินไป ดูถูกคนที่ผมรัก ผมยอมไม่ได้” คนรักพวกพ้องแบบเขาทนไม่ได้จริง ๆ ทุกอย่างบอกผ่านดวงตาราวกับว่ากียุลจะร้องไห้ออกมาแล้วยิ่งเห็นอาการไม่สู้ดีเจย์เลนก็เครียดตาม
“อุ่ก! อื้อ!” และอ่างล้างจานก็คือที่ปลดปล่อย ได้ยินเสียงเพียงนิดร่างสูงก็ลุกไปหาทันทีแม้จะไม่รู้มาก่อนว่าเจย์เลนอยู่แถวนี้ด้วย
“ไหวไหม แพ้อะไร ได้กลิ่นอะไร หื้ม?”
“แหวะ แหวะ อ้วกกก” เจย์เลนส่ายหน้าเพราะตอบไม่ได้มือใหญ่เลยได้แต่ลูบหลังให้ด้วยความหนักใจเป็นห่วง
“พี่จิน ผมขอน้ำให้เจย์เลนหน่อยครับ นายโอเคขึ้นไหม?”
“คะ ครับ เวียนหัวนิดหน่อย” เสียงหวานเอ่ยแหบแห้งแล้วทิ้งตัวให้กียุลประคอง
“บ้วนปากก่อนนะ พี่เช็ดปากให้” ทำทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจึงพาไปนั่งที่โซฟาประจำตำแหน่ง
“ดื่มน้ำหน่อยนะ”
“ขอบคุณครับพี่จิน” ทั้งสองมองเจย์เลนด้วยความเป็นห่วงในขณะที่คนตัวเล็กกำลังดื่มน้ำในหัวก็คิดว่าอะไรคือสาเหตุให้แพ้ท้องขึ้นมาได้เพราะระยะหลังมานี้เจย์เลนไม่ค่อยแพ้ท้องแล้ว
“จ้องผมทำไมกันครับ ไปเตรียมตัวกันได้แล้ว วันนี้เราไปข้างนอกกันนะครับ ผมโอเคแล้ว”
“หน้าซีดอยู่เลย” พ่อของลูกบอกเสียงอ่อนไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าสภาพแย่กว่าเขาอีก เจย์เลนพูดในใจก่อนจะวางท่าเป็นแมวขู่ขนฟูตามเดิม
“พี่จินบอกผู้กำกับเขาให้ไปเตรียมตัวได้แล้วครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว”
“ขนาดนี้แล้ว ดีกับมันได้แล้วเจย์เลน สงสารมันนะดูสิ”
“ถ้าพี่สองคนไม่ไป ผมไปเองนะครับ” ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อกี้อาเจียนจนหน้าซีดนะเพราะตอนนี้เดินป๋อปัดตูดหนีขึ้นไปชั้นบนเฉยเลย
“ไปเหอะพี่”
“เออ เดี๋ยวน้องเขาก็หายงอน อย่าคิดมาก”
“จะพยายามครับพี่ พี่ไปก่อนเถอะ ผมขออยู่คนเดียวแป๊บหนึ่ง”
สุดท้ายก็ได้แยกย้ายกันไป วันนี้มีนัดดูสถานที่ถ่ายทำกัน คนอื่น ๆ ในทีมก็คงเตรียมตัวกันแล้ว ไม่นานพวกเขาก็พร้อมเดินทางกียุลเปิดประตูห้องออกมาเจอเรียวตะจึงเดินลงมาด้วยกัน
วืดดดดดด
“เฮ้ย! พี่กียุล เป็นไรพี่ ไหวปะเนี่ย” เรียวตะตกใจรีบคว้าแขนรุ่นพี่ไว้ไม่ให้ตกบันไดไปต่อหน้าต่อตา
“ขอบใจ พี่ปวดหัวว่ะ จี๊ดขึ้นมาเลย เวียนหัวด้วย”
“ขึ้นไปพักก่อนไหมพี่ พี่มียาไหมเนี่ย เอาของผมก่อนไหมเป็นยาเม็ดนะ”
“พักก็หลับไม่ได้อยู่ดี ทำงานต่อเถอะ พี่ไหวอยู่ ยาเม็ดพี่กินไม่ได้ผล ยาพ่นก็หมดต้องเข้าไปเอาที่โรงพยาบาลในโซล พี่ยังไม่มีเวลาไปเลย” ร่างสูงบอกพร้อมรอยยิ้มแล้วออกเดินไปยังชั้นล่างให้รุ่นน้องเดินตามมาเพื่อไปทำงานอย่างที่ตั้งใจวันนี้เขาต้องออกไปดูสถานที่ในเมืองแดกูเพื่อเตรียมการถ่ายทำและบล็อกช็อตคร่าว ๆ จะหยุดพักหรือเข้าไปรับยาที่โรงพยาบาลไม่ได้หรอก ตารางงานมันจะคลาดเคลื่อนจะยิ่งเริ่มงานกันช้าไปอีก
“แล้วพี่เจย์เลนไปปะพี่”
“ไป แต่นั่งรถคันอื่น พี่ว่านายขับรถดีกว่าพี่ไม่มั่นใจตัวเองเท่าไหร่ เดี๋ยววูบว่ะ”
“เจริญละ ให้ฮิปนอสไปกันสองคน เราจะถึงที่หมายกันไหม ผมก็ไม่ได้นอนมาเยอะเลยนะ”
ระหว่างที่สองพี่น้องคุยกันอยู่หน้าบ้านจินกูก็เดินออกมาพร้อมเจย์เลน
“อ้าว เรียวตะ” เป็นเสียงหวานที่เอ่ยทักทายหนุ่มน่ารักทว่าแฝงไปด้วยการประชดประชันเหมือนกับ
“อ้าว พี่กียุล” ในวันนั้นที่โซฮีเรียกพ่อของลูกเขาไม่มีผิดเพี้ยน กียุลถึงกับเสหน้าหนีโดนอีกแล้วสินะศึกนี้คงไม่จบง่าย ๆ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาฮิปนอสได้ยินคำว่า อ้าว...ต่อด้วยชื่อของคนในบ้านแทบจะทั้งวันจากอีโบนีขี้งอนคนนี้
“ครับพี่เจย์เลน วันนี้สดใสนะครับ ไม่แพ้ท้องสิท่า”
“แพ้อยู่นิดหน่อยน่ะเรียวตะ”
“นี่อย่าบอกว่าพวกนายจะไปกันสองคน? บ้าเหรอ กฎของเราคืออะไร เวลาอยู่บนยานพาหนะห้ามฮิปนอสไปด้วยกันโดยไม่มีอีโบนีไม่ใช่เหรอ ย้ายคันเลยนายสองคน”
“พี่จินกูก็พูดอะไรไม่คิดนะครับ อีโบนีก็มีแค่พี่เจย์เลนไหมที่ไปดูสถานที่วันนี้ แล้วพี่เจย์เลนเขาก็ไม่ไปกับพี่กียุลอยู่แล้ว ผมก็ต้องไปกับพี่กียุลสิครับ เมื่อกี้ก็เกือบตกบันไดคอหักตายดีผมคว้าไว้ทัน ปล่อยเขาไปคนเดียวไม่ได้หรอก” น้องเล็กได้ทีกวนเบื้องล่างพี่ใหญ่และเรียกคะแนนสงสารให้พี่รองไปด้วยในเวลาเดียวกันฉลาดเป็นกรดเสียจริง
“ก็ไปรถตู้ ไปด้วยกันหมดนี่เลยสิครับ จะได้ไม่มีปัญหา” เจย์เลนว่าเสียงสดใสคุยกับทุกคนราวกับว่าไม่มีกียุลยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“รถตู้ไม่อยู่น่ะสิ พี่ให้เขาไปกับคอสตูมไปเอาเสื้อผ้ากับอุปกรณ์แต่งหน้า รถตู้อีกคันโซฮีเอาไปส่งทีมไฟ”
ปรี๊นนนนน ปรี๊นนนนนนน
“ทุกคนคะขึ้นรถค่ะ ล้อจะหมุนแล้ว” ราวกับรู้ว่าเรียวตะถามถึงเธอก็ได้ขับรถตู้มาอยู่ด้านหน้าทุกคนแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“พี่นึกว่าเธอจะกลับมาไม่ทัน อะทีนี้ก็หมดปัญหาเราไปกันหมดนี่เลย พวกนายไปกันนะ แล้วแวะรับแทมินที่
มหาวิทยาลัยแคมยองด้วย หมอนั่นรออยู่ พี่ต้องไปกับคังจุนต้องเข้าโซลไปจัดการเรื่องเพลง เรื่องลิขสิทธิ์เสียงดนตรีที่จะใช้”
เมื่อโปรดิวซ์เซอร์ฝากฝังงานเสร็จไม่นานล้อก็เคลื่อนตัวพร้อมสำหรับการเดินทาง เสียงในรถเงียบจนได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์เพราะคนในรถไม่ปริปากคุยกันเลยสักคำ ระหว่างทางก็ผ่านหมู่บ้านอินฮึงซึ่งเป็นหมู่บ้านที่สืบเชื้อสายต่อกันมาของตระกูลมินที่เก่าแก่มากว่า 500 ปี ที่นี่โดดเด่นในเรื่องของการอนุรักษ์แบบบ้านสมัยดั้งเดิมของเกาหลีเอาไว้มองจากตรงนี้ก็รู้สึกได้ถึงความเงียบสงบและเคร่งขรึม ในตอนนั้นเองที่กียุลบอกให้รถจอดเพื่อที่จะได้ลงไปดูสถานที่
“รบกวนใครก็ได้นะครับ ช่วยบอกผู้กำกับทีว่าเราไม่ได้จะถ่ายหนังพีเรียดกันใช้ที่นี่คงไม่เหมาะ” เจย์เลนเริ่มแล้ว
“ทางเดินสวยดีดูสิ เราอาจใช้ตรงนี้ถ่ายได้ ในหมู่บ้านไม่ไปถ่ายหรอกครับ เจย์เลนพูดถูกเราไม่ได้ถ่ายหนังย้อนยุคกัน” กียุลกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้ตอบโต้ให้อีกฝ่ายยิ่งโกรธแล้วก้าวขึ้นรถด้วยท่าทีทะมัดทะแมงทว่าก็เกือบจะก้าวพลาดไปเพราะอาการมึนหัว
จากนั้นพวกเขาก็ไปกันต่อพอเข้าใกล้เขตมหาวิทยาลัยแคมยอง สองข้างทางจะมีต้นแปะก๊วยที่กำลังเปลี่ยนเป็น
สีเหลืองแซมด้วยสีแดงน้ำตาลสะพรั่งเต็มต้นงามสะดุดสายตา
“นายอยู่ไหนแทมินเรามาถึงแล้ว หน้าตึกไหน ฉันก็กำลังขับเข้าไปหน้าตึก” เรียวตะพูดกับคนปลายสายแล้วส่ายสายตาหาที่นี่ใหญ่และสวยใช่เล่นอาคารเรียนที่สร้างแบบยุโรปก็เต็มไปด้วยเถาของใบเมเปิ้ลสีแดงเข้ากับสีของตึกจนละสายตาไม่ได้
“โซฮี ขับไปตามทางนี้ แล้วเลี้ยวขวาแทมินอยู่นั่น”
“รับทราบค่ะ” เธอพูดพลางชะลอความเร็วเมื่อกำแพงเลเซอร์ปรากฏขึ้นบ่งบอกว่ามีคนกำลังจะข้ามถนนจากนั้นน้องหมาหุ่นยนต์และเจ้าของที่เป็นมนุษย์ไซบอร์กก็เดินผ่านไปอย่างปลอดภัย
ในระหว่างที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยความปกติใครคนหนึ่งในรถตู้กำลังเผชิญกับความผิดปกติของร่างกาย กียุล
ครั่นเนื้อครั่นตัวหายใจตื้นขึ้นเหงื่อออกมากกว่าปกติทั้งที่อยู่ในรถที่แอร์เย็นฉ่ำ
“พี่กียุลไหวแน่นะพี่ พี่หน้าซีดมากนะ วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนได้นะครับ ผมดูให้ต่อเองพี่น่าจะกลับไปพัก” เรียวตะถามไถ่อาการพี่ชายเมื่อเห็นท่าไม่ดีตั้งแต่ลงจากรถมาได้ไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น
“ไหว ไหว เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้พี่จะเข้าโซลไปเอายา”
“ดีพี่ แล้วใครจะไปกับพี่ล่ะ ผมก็ไปด้วยไม่ได้”
“ช่างมันก่อนทำงานก่อน ไปดูตรงนู้น แทมินนายเป็นศิษย์เก่ารู้ทางดีที่สุด นำไปเลยไม่ต้องรอพี่”
“โอเคพี่ ทุกคนตามผมมาครับ ตึกนี้สวยมาก ผมพาเด็กมาเดตบ่อยเลยตอนสมัยเรียน ฮ่า ๆ” คนอื่น ๆ เดินตามหนุ่มผู้มีรอยยิ้มรูปหัวใจไป มีเสี้ยวหนึ่งที่เจย์เลนลอบมองพ่อของลูกด้วยความเป็นห่วงเพราะกียุลดูจะไม่ไหวมาตั้งนานแล้วเขาสังเกตตลอดแต่ความแง่งอนทำให้เจย์เลนต้องเดินหน้าต่อไปไม่แยแสให้เสียฟอร์ม
ระหว่างนั้นฮิปนอสก็อาการแย่ลงเรื่อย ๆ วิงเวียนศีรษะมากขึ้น มีอาการหน้ามืด เริ่มมีอาการทรงตัวไม่อยู่แต่เขาฝืนตัวเองไว้ได้เพื่อที่จะไม่ให้เป็นลมล้มไปดื้อ ๆ แล้วจะทำให้เสียงานเสียการ
“ที่สุดท้ายคือสวนสนุกอีเวิร์ล แล้วเราก็จะกลับกันเลยนะคะ วันนี้มีเนื้อย่างนะพี่จินกูข้อความมาบอกฉันค่ะ” โซฮีบอกทีมงานเสียงสดใสแล้วล้อรถก็เคลื่อนมาหยุดที่สวนสนุกพอดี
“โปรดิวซ์เซอร์กองเรานี่สุดยอดไปเลย ของกินไม่เคยขาด”
“พูดแบบนี้ PM ก็น้อยใจนะคะ” ผู้จัดการกองเอ่ยทีเล่นทีจริงกับแทมินแล้วล็อกประตูรถก่อนจะเดินไปรวมกับกลุ่มทีมงาน
“พีเอ็มของเราก็เก่งครับ”
“อ่า ชมตามมารยาทอะ” สองคนหยอกล้อกันไปชวนให้ตากล้องแถวนี้แอบมองเป็นระยะ
“ไม่ยักรู้มาก่อนเลยครับว่าแดกูจะมีที่สวย ๆ มีสวนสนุกน่าเที่ยวขนาดนี้”
“เรียวตะนายอย่าดูถูกเมืองเล็ก ๆ นะ แดกูมีที่เที่ยวเจ๋ง ๆ อีกเยอะ”
“ใช่ พรุ่งนี้เจ๋งกว่านี้อีก พี่จะพาไปดูสตูดิโอแบบเปิดเขาสร้างหมู่บ้านไว้ให้เช่าถ่ายหนังโดยเฉพาะเลย” ผู้กำกับผู้เป็นเจ้าของพื้นที่กล่าวด้วยรอยยิ้มใจดีทั้งที่ร่างกายกำลังทรุดหนักตาเริ่มพร่าเบลอแต่เขาก็ยังทำตัวปกติได้อยู่
ผ่านไปสองชั่วโมงทีมงานถึงได้พากันกลับบาร์นเฮาส์ด้วยท่าทีเริงร่าเพราะจะได้กินเนื้อย่างกันแบบจัดเต็ม และเหมือนฟางเส้นสุดท้ายขาดผึงทันทีหลังลงจากรถตู้ได้ไม่เท่าไหร่กียุลมีอาการเจ็บแน่นบริเวณหน้าอกมากขึ้นอย่างรุนแรงจนร่างกายทรุดลงล้มไปกับพื้นโดยที่ไม่มีใครรับร่างไว้ทัน
“พี่กียุล!!” เจย์เลนคือคนแรกที่เข้าไปประคองร่างฮิปนอสที่ตัวเย็นเฉียบตอนนี้ได้หมดสติไปแล้ว
“ไปเอารถ!! ไปโรงพยาบาล!” แทมินบอกเสียงดังลั่นให้เรียวตะรีบไปทำตามเขาหันไปรับกุญแจรถจากโซฮีแล้ววิ่งไปโรงจอดรถไม่คิดชีวิต แต่นั่นไม่ถูกฮิปนอสกำลังช็อกนำส่งโรงพยาบาลเลยไม่ได้ต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วโทรเรียกรถพยาบาลมารับเท่านั้น
“แทมินเรียกรถพยาบาล!” เจย์เลนตะโกนบอกด้วยความตระหนกหลังจากเช็กชีพจรแล้วยังปกติอยู่เขาปล่อยศีรษะ ฮิปนอสให้นอนราบไปกับพื้นอย่างนิ่มนวลก่อนจะปลดกระดุมเสื้อให้หายใจสะดวกขึ้น
“ครับพี่!”
“โซฮีไปเอาหมอนในบ้านมารองขาให้พี่เขา เร็ว!” ทุกคนทำตามเจย์เลนอย่างว่องไวและพยายามมีสติกันให้มากที่สุด
“พาพี่เขาเข้าไปในบ้านไหมครับ” แทมินเอ่ยขณะรอสายคุยกับคุณหมอของโรงพยาบาล
“ไม่ได้แทมิน อย่าทำการเคลื่อนย้ายเด็ดขาด มันอาจจะกระทบกับอวัยวะได้ เมื่อกี้พี่เขาล้มลงไปแรงมาก”
แทมินพยักหน้ารับรู้แล้วไม่นานสายที่รอคอยก็ตอบรับ
“มีคนช็อกหมดสติไปครับ ใช่ครับเขาเป็นฮิปนอส ครับ ๆ อยู่ที่ถนนมันเซ บ้านเลขที่369ครับ พี่เจย์เลนครับเช็กชีพจรอีกทีครับ”
“พี่เขาไม่มีชีพจร! ฮืออออ พี่กียุล!!”
“ต้อง CPR ด่วนเลยพี่ ครับ ผมไม่วางสายครับคุณหมอ รีบมาเลยนะครับ” เจย์เลนรีบเริ่มต้นทำ CPR ด้วยความรวดเร็ว วางมือตรงกระดูกอกกดลึกลงไป 2-3 นิ้ว แล้วเริ่มปั๊ม ร้องไห้ไปทำไป เรียกชื่อกียุลไปซึ่งไม่ถูกเลยแต่เขาอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ นั่นส่งผลให้แรงกดไม่มากพอที่จะกระตุ้นการเต้นของหัวใจ
“พี่กียุล หายใจสิ ฮืออ หายใจ! ตื่นขึ้นมานะ!! จะทิ้งผมกับลูกไปได้ยังไง ฮืออ ผมยังโกรธพี่อยู่นะ แฮ่ก แฮ่ก ลุกขึ้นมาก่อนไอ้คนบ้า! ฮืออออ แฮ่ก แฮ่ก”
“ได้หมอนแล้วค่ะพี่ พี่กียุล...” โซฮีหน้าเสียเมื่อเห็นเจย์เลนร้องไห้หนักขณะพยายามปั้มหัวใจให้รุ่นพี่
“เอาหมอนไปรองขาพี่เขาไว้ ฮือ พี่กียุล!! ฟื้นสิ!” เสียงหวานเครือบอกก่อนจะก้มลงไปผายปอดคนไม่มีสติแล้วปั๊มหัวใจต่อแม้จะเหนื่อยหอบแทบหายใจไม่ทันก็ไม่ยอมแพ้ เขาต้องช่วยชีวิตกียุลให้ได้
“รถมาแล้วครับ ไปกันเลยครับ” เรียวตะรีบลงจากรถและต้องตกใจกับภาพที่เห็นเจย์เลนร้องไห้หนักท่ามกลางเพื่อนอีกสองคนที่กำลังร้องไห้ตาม
“ต้องรอเรียวตะ รถพยาบาลกำลังมา” แทมินบอก
“ฟื้นสิพี่ ฮือออ ผมจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพี่ ฮืออ ผมขอโทษ ถ้าฟื้นขึ้นมาผมจะเลิกทำตัวงี่เง่าเลย ฮือออ แฮ่ก แฮ่ก”
“พี่เจย์เลน ผมทำต่อเอง พี่เหนื่อยแล้วครับ” เรียวตะเห็นท่าไม่ดีของเจย์เลนจึงขออาสาแทน
“ไม่!! พี่จะทำเอง ฮือออ ฟื้นสิครับพี่กียุล ฮืออ ฟื้นซี่! ฮืออออ ได้โปรดเถอะ ผมขอร้องล่ะ”
“พี่ท้องอยู่นะครับ ผมทำเองพี่ไว้ใจผมได้ พี่ก็ดูอยู่ข้าง ๆ นี่แหละ จับมือพี่กียุลไว้” เรียวตะยืนยันจะทำสุดท้ายเจย์เลนก็ยอมทำตามเพราะห่วงลูกในท้อง ร่างเล็กย้ายตัวเองมานั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างจับมือกียุลไว้แน่นแล้วพร่ำเรียกชื่อเรียกสติไม่หยุดหย่อน
“ฟื้นขึ้นมาสิ! พี่กียุล ฮือออ อย่าทิ้งผมกับลูกไปนะ” สีหน้ากียุลซีดเผือดราวกับคนตาย เจย์เลนตัวสั่นเป็นลูกนกจากความกลัวจับขั้วหัวใจว่าพ่อของลูกจะจากไปเขาเอามืออุดปากตัวเองไม่ให้กรีดร้องอย่างทรมาน ฮิปนอสมักเป็นแบบนี้อัตราการตายสูงมันเหมือนโรคประจำตัว โรคร้ายที่คร่าชีวิตกันได้ง่ายดายอีโบนีจึงหวาดหวั่นหน้าซีดผวากับภาพตรงหน้า
.
.
.
.
.
.
●—————◦◉◦—————●
โปรดติดตามตอนต่อไป...
แงงงงงงงพี่กียุลลลลลฮืออออ อย่าเป็นอะไรนะคะ แงงง เอาใจช่วยพี่เขากันนะคะ
มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม
รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ
ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก
1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ
จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ
ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ
วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)
ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!
สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน