ฉากที่ 20

ฉันรู้จักความเจ็บปวดที่คุณรู้สึก

 

“Sin City” คือชื่อเมืองที่เจย์เลนผู้สูญเสียลูกอาศัยอยู่เป็นอีกโลกที่ต่างจากโลกของเจย์เลนโดยสิ้นเชิง ทั้งที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน ทว่ากลับมีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นอย่างน่าใจหายคนส่วนมากจะคุณภาพชีวิตต่ำ คนจน คนรวย แบ่งแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง เป็นเมืองแห่งความมืดมนที่เจริญแล้วก็เท่านั้น หรือแม้แต่จิตใจคนก็ไม่ได้เจริญตามด้วย ต่างกับโลกที่เจย์เลนอยู่ราวฟ้ากับเหว

เปรี้ยง!!

ครืนนนนน ครืนนนนน

สายฟ้าฟาดลงมาส่งผลให้ท้องฟ้าเกิดแสงสว่างวาบไปทั่วแม้ยามค่ำคืนก็แทบจะกลายเป็นกลางวัน ชายร่างเล็กเดินลัดเลาะซอกซอยของเมืองผ่านหนูท่อที่ตัวเกือบจะเท่าหมาและกองขยะเน่าเหม็นอย่างเร่งรีบ พลางระวังตัวอยู่ตลอดเวลาราวกับกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายซึ่งในเมืองนี้ผู้คนไม่ได้มีเหตุผลมากนักที่จะทำร้ายใครสักคน เพียงแค่อยากทำก็ทำเลย
ซินซิตี้เกิดอาชญากรรมสูงมาก ทั้งการขโมย ไปจนถึงการฆาตกรรม มาเฟียเต็มเมือง คนร้ายเดินเตร็ดเตร่ ในขณะที่ตำรวจขี้เกียจมีหน้าที่หลักคือนั่งรับส่วยจากผู้มีอำนาจไปวัน ๆ

“รอนานไหมครับ” เสียงหวานของผู้ชายเอ่ยเมื่อตนเองไปถึงช้ากว่าคนที่นัดพบ

“รีบคุยเถอะ แต่ถ้านายจะทำแบบเดิม พี่จะกลับเลย”

“เดี๋ยวสิครับพี่คังจุน” เจย์เลนถอดหมวกกันฝนออกแล้วรีบยื้อพี่ชายไว้

“เปล่าครับ ผมจะไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก ก็แค่ความคิดชั่ววูบ ใครจะไปกล้าทำจริง ผมแค่อยากขอให้พี่ช่วยผมติดต่อกับพวกเขา ให้ผมได้คุยกับพี่กียุลคนนั้นสักครั้ง แล้วผมจะไม่ทำอะไรเจย์เลนอีก ผมสาบานเลย” แววตาสีฟ้าสั่นระริกจะร้องไห้อยู่รอมร่อเมื่อคนพี่เห็นจึงได้นั่งลงตามเดิมเพื่อฟังเหตุผลที่เหลือ คังจุนใจอ่อนกับเจย์เลนเสมอ

“สองคนนั้นกำลังไปได้ดี นายก็เห็นแล้ว นายจะอยากคุยไปเพื่ออะไร นายเริ่มใหม่สิ ชีวิตเราไม่ได้มีแค่นี้นะเจย์เลน นายเริ่มใหม่ได้ตลอด เราทุกคนต่างก็ผิดหวังกันทั้งนั้น แต่เราก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้ไง”

“ผมอยากคุยกับพวกเขา อยากให้พวกเขารู้ถึงความเจ็บปวดของผมบ้าง อยากให้รู้ว่าการตัดสินใจของเขาในวันนั้นมันส่งผลมากขนาดไหนต่อผม”

“มันคือการตัดสินใจของนายเองเจย์เลน ถึงตอนนี้นายควรเข้าใจได้แล้วว่า... นั่นคือตัวนายเองที่เลือก ไม่ว่าทางไหนที่ตัดสินใจไป ก็เป็นตัวนายทั้งนั้นที่เป็นคนทำ เจย์เลนจาก Earth 99 ก็ไม่ได้มีความสุข เขาทรมานเช่นเดียวกับนาย”

“แต่ลูกผมตายนะครับ แล้วผมก็หย่ากับพี่กียุล”

“พ่อแม่เขาก็ตาย แล้วก็ไม่ได้แต่งงานกับกียุล” เจย์เลนเงียบดวงตาฟ้องว่าไม่พอใจจนต้องเสหน้าหนีเลือกที่จะไม่สบตาคังจุน ทำไมพี่ชายถึงได้เอาแต่เข้าข้างคนอื่นเขาไม่เข้าใจ

“เห็นไหม? ชีวิตเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แล้วนายจะเอาอะไรกับเขา เขารู้แล้วเป็นยังไง นายแก้ไขอะไรได้?”

“พี่กียุลที่แสนดีอยู่กับเขานะครับ ตอนนี้ก็กำลังมีความสุขกันอยู่ในขณะที่ผมตัวคนเดียวอยู่ตรงนี้ พี่จะไม่ให้ผมได้คุย ได้บอกว่าผมทรมานยังไงบ้างเหรอครับ” พยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้แต่น้ำเสียงที่สั่นเครือนั้นห้ามไว้ไม่อยู่จริง ๆ

“นายไม่ได้ตัวคนเดียวนะเจย์ นายมีพี่ มีพ่อกับแม่ ส่วนเจย์เลนคนนั้นมีแค่กียุลและพึ่งมามี นายมีคนเคียงข้างมาตลอดแต่ไม่เคยมองเห็น นายเลือกที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นแล้วผลักคนที่รักและหวังดีออกไป ไม่คิดบ้างเหรอว่า ถ้านายปล่อยวางแล้วลุกขึ้นมาสู้ตั้งแต่ 7 ปีก่อน นายอาจไม่ไร้หัวใจแบบนี้” เสียงทุ้มสั่งสอนปนตัดพ้อที่น้องชายเปลี่ยนไปมาก คนที่อ่อนโยน สดใส ใจดี ถูกกลืนกินด้วยอสูรกายแห่งทุกข์จนหมดสิ้นแล้ว แค่อยู่ในเมืองทรามก็แย่พออยู่แล้ว โชคดีแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ได้เป็นเหมือนชาวเมืองส่วนใหญ่ พวกเขามีหัวใจนั่นคือสิ่งที่ต่างจากคนอื่นในเมือง แล้วเจย์เลนดันมาเป็นแบบนี้มันจะต่างอะไรกัน อุดมการณ์ที่พวกเขายึดมั่นมาตลอดมันคงไม่สำคัญแล้ว

“ผมขอโทษครับ จริงอย่างที่พี่ว่าทั้งหมดเลย จากนี้ผมจะเริ่มใหม่ แต่ว่าขอให้ผมได้คุยกับพวกเขาสักครั้งเถอะครับ พี่ช่วยผมด้วยนะครับ ผมขอร้องล่ะ จากนี้จะไม่ขออะไรพี่อีกแล้ว แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวได้โปรด ขอแค่ผมได้พูดกับพวกเขา ได้บอกว่าผมเจออะไรมาบ้าง ให้ผมได้ขอโทษพวกเขา...สักครั้ง”

ดวงตาพูดคุยกันอยู่พักใหญ่กระทั่งมันเป็นไปอย่างที่เจย์เลนคาดการณ์เอาไว้…

“พี่จะหาทางให้ก็แล้วกัน จะส่งสัญญาณไปให้พวกเขารับรู้ว่าเราอยากคุยด้วย แต่นายจะไม่ทำอะไรสิ้นคิดจริง ๆ
ใช่ไหม บอกพี่สิ”

“ไม่ครับ ผมแค่ต้องการคุย”

“ต้องใช้เวลาหน่อย โลกหนึ่งจะมีตัวตนเดียวกันอยู่ด้วยกันไม่ได้ เราต้องหาจุดเชื่อมของนายกับเจย์เลนคนนั้น พามาพบกันโดยที่พวกนายต้องอยู่ในโลกของตัวเอง”

“ทำให้ผมข้ามไปโลกนั้นไม่ได้เหรอครับ”

“เราไม่มีอุปกรณ์มากพอ ทำได้เท่าที่พี่พูดไปเท่านั้น”

“แต่คนจากโลกนั้นมาหาเราได้ใช่ไหมครับ”

“ใช่ เทคโนโลยีทางนั้นพร้อมมากกว่า แต่นายสองคนก็อยู่ในโลกเดียวกันไม่ได้อยู่ดี ถ้าเวลาเสียสมดุลโลกอื่น ๆ จะโดนผลกระทบ ซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน แต่จะยังไงมันก็ไม่ดีถ้าเกิดขึ้น”

“ครับ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณพี่นะครับ”

 

┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬

 

Earth 66 เหรอครับ ตัวผมอีกคนอยู่ในโลกนั้น? แล้วอยากจะทำร้ายผม? ผมไม่เข้าใจ พี่สองคนกำลังจะบอกอะไรผมกันแน่” คนท้องเจ็ดเดือนมองหน้าพ่อของลูกกับคังจุนเหมือนสองคนนี้สติไม่ดี

“พวกพี่ก็ไม่รู้หรอกว่า เขาจะทำร้ายนายไปทำไม มันยังไม่แน่ใจ แต่ทั้งหมดที่พี่เล่าให้ฟังมันก็เป็นไปได้ที่สุด โลกที่เราอยู่ไม่ใช่หนึ่งเดียวในจักรวาลเพราะฉะนั้น มันก็เป็นแบบนี้ได้ ได้อยู่แล้ว” คังจุนบอก

“พี่คิดมานานแล้วแต่คิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงจะฆ่าเบบี๋ ในเมื่อเบบี๋ของพี่ออกจะน่ารักขนาดนี้” ไม่ว่าเปล่ามือใหญ่ยังเอื้อมไปหยอกแก้มซาลาเปาอย่างมันเขี้ยวพานให้เพื่อน ๆ กลอกตาใส่กันเป็นแถว

“ไปรักกันไกล ๆ ไป๊!” จินกูว่าพลางผลักกียุลเบา ๆ

“ฟังดูก็เหมือนเขาหึงพี่กียุลนะครับ” แทมินออกความเห็น รายนี้พึ่งจะกลับมาทำงานหลังจากอุบัติเหตุใหญ่ เรียวตะก็ไม่ห่างกายเขาเลย โซฮีก็ด้วยสามคนนี้ตัวติดกันยิ่งกว่าแฝด

“บูบู เบบี๋อยากกินโฮต็อกราดน้ำผึ้งหวาน ๆ (◕‿◕✿) ”

“เดี๋ยวบูบูพาไปกินนะครับที่รัก ฟอด ~ (✿╹◡╹) ”

“ʕ – ᴥ – ʔ” และนี่คือสีหน้าของทุกคน

“โอ๊ย! จะจริงจังกันปะคะเนี่ย ไปหวานกันตอนอื่นได้ไหม? ช่วยกันคิดก่อนค่ะว่าจะล่อเขาออกมายังไง” เป็นโซฮีที่ทนไม่ไหวกับปริมาณน้ำตาลที่ท่วมท้นอยู่ในสวนหลังบ้านแห่งนี้ ซึ่งสองคนนี้เป็นเจ้าของเสียด้วยเนื่องจากพวกเขาอยู่กันที่บ้านหลังใหม่ของคู่รักข้าวใหม่ปลามัน

“เมียพี่ท้องอยู่ พี่ต้องเอาใจ เธอไม่เข้าใจหรอกโซฮี ยัยคนหยาบกระด้าง ไม่มีความรัก”

“ใครบอกว่าฉันไม่มีคะ? จะบอกให้ฉันไม่ได้มีคนเดียวด้วย”

“ฮะ? พี่ชายคนนี้พลาดอะไรไปหรือเปล่า” จินกูหูผึ่งขึ้นมาเมื่อน้องสาวประกาศเรื่องความรักขึ้นมากลางวงสนทนา

“โซฮีคบกับผมอยู่ไงพี่จินกู งงอะไร?” ซีคว่าพลางโอบไหล่บางคนนั่งข้างเพื่อยืนยันความจริง

“เลิกกันเลย!!”

“พี่ก็เชื่อพี่ซีคเนาะ ให้ตายสิ มีพี่ชายไม่ฉลาดเลย”

“โห ยัยนี่ เดี๋ยวไม่ให้ทำงานต่อเลย ไล่ออกซะดีไหม? ไอ้ซีคเอาแขนออกจากตัวน้องฉันด้วย ก่อนจะโดนตีนคนหล่อ” หนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยกมือขึ้นยอมแพ้รีบล่าถอย รายนี้เขาก็กลับมาเดินป๋อแล้วล่ะ ถอดเฝือกเรียบร้อย แต่อาจจะได้ใส่อีกถ้ายังลองดีกับพี่ชายขี้หวงน้องสาว

“แล้วเรามาคุยกันแบบนี้เขาจะไม่รู้หมดเหรอครับ” เรียวตะสงสัยแล้วดึงสติให้ทุกคนกลับมาได้

“ถ้าเขาอยู่พี่จะรู้สึกได้ ตอนนี้เขาไม่น่าจะอยู่ใกล้ ๆ พี่” เจย์เลนบอก

“เราเริ่มแผนได้ไวมันก็จะยิ่งดี แต่ก็เสี่ยงอย่างที่ว่า เอาไงดีล่ะ” คังจุนพูดราวกับถามตัวเองมากกว่าเพราะคิ้วที่ขมวดอยู่กับสายตาที่เอาแต่จ้องแก้วกาแฟมันบ่งบอก

“ทุกคนครับ...” แทมินเรียกความสนใจของทุกคนด้วยน้ำเสียงตกใจและใบหน้าที่เหวอหนัก

“อะไรของนายแทมิน” เรียวตะว่าแล้วมือเรียวบางของผู้ชายก็ตอบสนองด้วยการกดบางอย่างที่โทรศัพท์ในมือหยิบสิ่งที่มองไม่เห็นในหน้าจอออกมาเบื้องหน้าให้เป็นฮอโลแกรมสามมิติที่ทุกคนจะได้เห็นสิ่งที่เขาเห็น ขณะที่เล่นเกมอยู่เมื่อสักครู่

“เหี้ย นี่มันอะไรวะ ไม่อยากจะเชื่อ...” แทมินพูดเหมือนคนละเมอตอนที่ทุกคนกำลังตั้งสติกับข้อความที่ถูกส่งมา คนที่ตกใจที่สุดน่าจะเป็นคังจุน

 

“สวัสดีผมคือคังจุน...ในโลกนี้ผมคือพี่ชายของเจย์เลน พวกคุณคงอยากรู้ว่าทำไมตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาเจย์ถึงได้ตามรังควานเจย์เลนของพวกคุณ พวกคุณจะได้รู้ ที่ผมติดต่อมาก็เพราะเขาอยากขอโทษและอยากบอกเหตุผลว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น มาที่จุดเริ่มต้นของทุกอย่าง แล้วคุณจะพบตัวคุณเองในอีกโลกและจะได้รู้ถึงเหตุผลที่อยากรู้ ในอีกสามวันมาเจอกัน ผมหวังว่าคุณจะมา”

 

คังจุนอ่านจบสีหน้าก็เปลี่ยน ราวคนถูกผีหลอกก็ไม่ปานแล้วเป็นผีตัวเองเสียด้วย

“ที่ไหนครับ ที่ไหนคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง” เจย์เลนไม่แน่ใจว่าใช่อย่างที่คิดไหม

“เขาส่งสถานที่มาด้วยครับ ห้องฉายภาพยนตร์มหาวิทยาลัยโซล” แทมินกล่าว

“ที่ที่พี่ขอนายแต่งงาน...”

 

ดูเหมือนทุกอย่างกำลังกระจ่างสิ่งที่ทุกคนอยากรู้กำลังปรากฏแต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำที่รอวันสร้างหายนะ ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างนั้น

เจย์เลนกับกียุลออกมาเดินเล่นที่ท่าน้ำหลังบ้านซึ่งมีทะเลสาบอยู่แม้ในใจจะมีแต่ความหวาดกลัวแต่เขาทั้งสองกลับอุ่นใจ ในเมื่อพวกเขาได้อยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว ต่อให้มีกี่ร้อยพันอุปสรรคเขาก็ไม่หวั่น

“เราตัดสินใจไม่ผิดเลยนะครับที่ซื้อบ้านหลังนื้ ดูสิครับอากาศดีมาก ไม่วุ่นวายด้วยเป็นส่วนตัว เราต้องซื้อเรือแล้วล่ะครับ ไว้ไปแล่นเรือเล่นกัน พี่ขับเรือเป็นไหม?” เสียงหวานของผู้ชายชวนคุยเจื้อยแจ้วเพื่อให้คลายกังวลจากเรื่องเมื่อสักครู่

“เป็นสิเบบี๋ รถสิบล้อพี่ยังขับเป็นเลย มีใบขับขี่ด้วยนะ”

“พ่อของลูกผมเก่งขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ว่าพลางโอบเอวคนพี่กลับแล้วจึงถูกประคองให้นั่งลงเมื่อเดินมาจนสุดท่าเรือ ทั้งสองนั่งห้อยขาเล่นกันอย่างปล่อยใจ

“ที่นี่มีพื้นที่ให้ลูกเราเล่นเยอะเลย หมู่บ้านก็ไม่แออัด มีโรงเรียนอยู่ใกล้อีก” กียุลกล่าวขณะที่กวาดมองภาพเบื้องหน้า มือก็กอบกุมมือเล็กไว้ส่งผลให้เจย์เลนอิงซบไหล่กว้างราวลูกแมวอ้อนเจ้าของมือข้างที่ว่างก็ลูบท้องตัวเองไปด้วย

“ในหัวพี่มีแต่เรื่องอนาคต”

“แน่นอนสิที่รัก ในหัวพี่มีแต่งเรื่องอนาคตของเรากับลูก”

“ในทางเลือกนี้ที่ผมคิดมาตลอดว่าไม่ดี กลายเป็นว่าตอนนี้ผมมีความสุขที่สุด” เสียงหวานเอ่ยแล้วยิ้มพริ้ม

“สูญเสียสิ่งหนึ่งไปก็ได้สิ่งหนึ่งมาแทน เราไม่ได้แต่งงานกันในตอนนั้น แต่วันนี้เรามีลูกด้วยกันและรักกันมากกว่าเดิม มันคุ้มค่าสำหรับการรอคอยมาก” สิ่งที่พูดมาเป็นการตกผลึกที่ได้จากบทเรียนชีวิตของทั้งคู่ พวกเขาต่างมองเห็นถึงข้อดีท่ามกลางความเจ็บปวดที่เผชิญมา จมอยู่ในความระทมไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นนั่นคือสัจธรรมที่พวกเขาค้นพบ

“ถ้าตอนนั้นเราแต่งงานกันมันอาจจะไม่ได้ดีขนาดนี้ เพราะเรายังเด็กกันอยู่อาจทำอะไรที่ไม่ยั้งคิด ช่วงเวลานี้จึงเหมาะสมที่สุดแล้ว”

“ตอนนี้ผมก็คิดแบบนั้นครับ”

“เจย์เลน...”

“ครับ ผมรู้ว่าพี่จะพูดอะไร ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่กังวลมากจนเกินไป ผมจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องจะไม่ใช้อารมณ์และจะให้พี่อยู่ข้าง ๆ ผมตลอดเวลา ไม่ให้ไปไหนเลย” ทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มบางให้ต่างฝ่ายต่างสบายใจขึ้น

“พี่ก็จะคุยกับเขาด้วยว่าทำไมถึงต้องมาทำร้ายนาย”

“การที่คนเราจะทำอะไรแบบนี้ได้ เขาก็คงจะต้องเจ็บปวดมามากแน่ ก็น่าเห็นใจเขานะครับ อีกอย่างเขาก็คือตัวผมเองด้วย ถ้าได้คุยกันผมว่าเราจะเข้าใจกัน เราไม่ต้องกังวลอะไรกันหรอกครับ”

“พี่ก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้เราเข้าไปกันดีกว่า พี่จะให้กินโฮต็อกราดน้ำผึ้ง” สายตาเจ้าเล่ห์ฉายแววและเจย์เลนรับรู้ได้ทันทีว่าคนพี่กำลังจะชวนเขาทำอะไร

“พวกเขาจะค้างที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ”

“พี่ไล่พวกนั้นกลับบ้านได้น่า”

“จะทำในครัวเหรอครับ ช่วยกรุณาดูท้องโต ๆ ของผมด้วย อย่าพิสดารมากได้ไหมครับ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ รู้ทันพี่เก่งจังเลยนะ แล้วอยากกินอะไรแปลก ๆ ไหม” เจย์เลนส่ายหน้าเพราะไม่ได้อยากกินอะไรที่แปลกแต่อยากกาแฟทุกนาทีเลยนั่นคือปัญหาใหญ่กว่าอีก

“ให้พี่ไล่พวกนั้นกลับเลยไหม เอาไง”

“ไปกินบนห้องนอนก็ได้ อ่า ปวดหลังชะมัด” คนท้องใหญ่บ่นแล้วแอ่นหลังเอื้อมมือไปนวดคลึง

“เดี๋ยวพี่นวดให้เข้าไปกันเถอะ”

เมื่อความมืดเข้ามาเยือนแก๊งมิตรภาพทานอาหารด้วยกันเสร็จกียุลและเจย์เลนก็ขอตัวไปนอนทิ้งให้เพื่อน ๆ แหกปากร้องเพลงฉลองบ้านใหม่ของพวกเขากันไป

“ผมจะเป็นเบาหวานไหม ถ้ากินน้ำผึ้งหมดนี่” คนท้องว่าพลางมองคนพี่เอาน้ำผึ้งราดอกตัวเองจะเป็นครึ่งขวดอยู่แล้ว ไม่รู้จะราดเยอะอะไรขนาดนั้นทั้งที่ห้ามคนท้องกินของหวานมากแต่เสิร์ฟตัวเองไม่พักก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะเอาอย่างไรกันแน่

“นาน ๆ ทีไม่เป็นหรอกครับ กินเลยไหม?”

“ผมอยากกินโฮต็อกไม่ใช่น้ำผึ้งนะ คิกคิก มีแต่น้ำผึ้ง” ได้ยินอย่างนั้นคุณป๋าถึงได้หยิบขนมมาคาบไว้เพื่อป้อนให้น้องกินจากปากตัวเองและเจย์เลนไม่รอช้าที่จะเข้าไปกินของหวานตรงหน้าให้หายอยาก

สายตาเย้ายวนสอดประสานกันสุดท้ายแล้วขนมในปากไม่ได้ช่วยให้ความอยากหายไปสักนิด ขนมไม่ใช่สิ่งที่เติมเต็มเท่าคนตรงหน้ามันถึงได้ถูกปัดตกไปโดยเร็ว ร่างกายกำยำของกียุลกำลังกลายเป็นของหวานจานยักษ์แทน

เจ้าของเรือนร่างอวบในชุดนอนวาบหวิวสีดำนั่งลงที่ตักพ่อของลูกโดยมีฝ่ามือใหญ่คอยประคองร่างไว้ให้อย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังคอยลูบไล้ที่หน้าท้องโตเล่นกับลูกในท้องไปด้วย ส่งผลให้เจย์เลนหัวเราะคิกคักอย่างน่ารักในสายตาของกียุล

“กินสักทีสิครับ เดี๋ยวมดจะขึ้นพี่เอา”

“ใจร้อนจริงนะครับ แผล็บ อื้มม หวานมาก อร่อย” ลิ้นร้อนแตะลงหน้าอกแกร่งแล้วเลียไปที่น้ำผึ้งอย่างละเมียดชิมรสชาติ ความสากของลิ้นสร้างสัมผัสตื่นรู้ให้กลางกายเดี๋ยวนั้นมันดุนดันอยู่ที่บั้นท้ายกลมกลึงจนเจย์เลนรู้สึกได้จึงยิ้มขึ้นมาแม้ปากจะไม่ค่อยว่างก็ตาม

“อื้มมม ใช้ปากเก่งจริง ๆ นะ ซี้ดด”

“แผล็บ แผล็บ จุ๊บ” ความหวานของน้ำผึ้งทำให้อีโบนีหน้ามืดตามัวหูอื้อไปชั่วขณะทั้งดูดทั้งเลียมูมมามเร้าอารมณ์ให้อีกคนดิ้นพล่านบีบเคล้นกายขาวของผู้กระทำระบายอารมณ์กาม ทุกครั้งที่ลิ้นร้อนลากไปตามผิวเนื้อฮิปนอสก็กัดฟันสู้ทุกครั้ง จนสู้ความต้องการไมได้ เขาเลิ่กชุดนอนสีดำถอดง่ายขึ้นสูง มือมุดหายเข้าไปด้านในเพื่อรูดรั้งท่อนเนื้อสีอมชมพูน่ารัก “อื้อ ไม่ต้องครับ ผมอยากเสร็จแบบอื่นมากกว่า” สายตาเร่าร้อนจ้องมองกันเหมือนจะเผากันให้ไหม้คาเตียง

“อ่าา เซ็กซี่เป็นบ้าเบบี๋ พี่จะตาย”

“ใครจะตายแค่เพราะเมียเลียให้ครับ หื้ม?”

“พะ พะ พี่ไงครับ” ปากคอสั่นตอบไม่ค่อยถูกเมื่อคนน้องขยับเปลี่ยนท่าหันหลังให้ทั้งที่นั่งตักเขาอยู่ที่ขอบเตียง ก้นขาวอวบประจักษ์เต็มตากำลังบดขยี้กลางกายเขาด้วยความพลิ้วไหวอย่างกับไม่ใช่คนท้อง

“ตีก้นผมหน่อยสิครับ” คนน้องขี้เล่นแอ่นก้นให้ตี

“หึ หึ อย่าน่ารักเยอะ เพียะ! พี่จะตายคาอกนายสักวัน”

“ผมหาพ่อของลูกคนใหม่นะถ้าตาย” แมวน้อยว่าปนขำแล้วลงจากตักไปดึงกางเกงนอนคนพี่ออกให้พ้นทาง

“ขู่งี้ใครจะกล้าตายเบบี๋ แต่ต่อให้ตายก็จะตามไปตายคาข้างในของเบบี๋ที่มันชอบตอดพี่แรง ๆ” ปากจะเก่งแค่ไหนแต่เจ้าหมาก็ได้แต่มองว่าเจ้าของจะทำอะไรกับตัวเองและต้องตาโตเมื่อน้องกลับมานั่งที่ตักเขาท่าเดิมแล้วกำลังจับเอ็นดุ่นใหญ่ของเขาเข้าไปในโพรงสีหวานอุ่น

“อึ่ก เข้ายากจัง อ๊ะ!”

“เบบี๋ใจเย็น ๆ ครับ พี่ช่วย” หากเจย์เลนไม่ทำอะไรช้าลงกียุลได้ขบกรามตัวเองจนแตกแน่

“อื้อ! เข้าได้แล้ว เบบี๋เก่งไหมครับบูบู”

“เก่งครับที่รัก อื้มมม”

“งั้นจูบหน่อยครับ >O<”

จากที่เห็นเจย์เลนได้กินขนมไปเพียงนิดเดียว…

หลังจากนั้นก็กินกียุลไปจนอิ่มเลย...

 

 

 

3 วัน ผ่านไป ...

 

ณ ห้องสีแดงซึ่งไว้ทำการแสดง ฉายผลงานและฉายภาพยนตร์ของนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยโซล ภายในยังคงเหมือนเดิมมีเก้าอี้สำหรับผู้ชมเป็นร้อยตัวเบื้องหน้าเวที หากจะมีบางสิ่งที่เปลี่ยนไปบ้างก็คงเป็นอุปกรณ์ที่ใหม่เอี่ยมกว่าตอนเจย์เลนและกียุลยังเรียนอยู่ กลางเวทีหน้าม่านสีแดงสดคือจุดที่ฮิปนอสขออีโบนีแต่งงานเมื่อเจ็ดปีก่อน

เป็นจุดที่เริ่มเรื่องราวทั้งหมดของเจย์เลนทั้งสองคน...

ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก

เสียงจากนาฬิกาโบราณตั้งพื้นอันใหญ่ที่ด้านข้างดังอย่างมีเอกลักษณ์ พวกเขาแปลกใจไม่น้อยที่มันยังอยู่มาจนถึงป่านนี้ ยามที่ตุ้มถ่วงของมันปัดแข่วงไปมาแล้วเกิดเสียง มันชวนขนลุกอย่างประหลาด

“ผม...”

“พี่อยู่นี่ จับมือพี่ไว้” กียุลหันไปยิ้มให้น้องแล้วบีบมือที่กุมกันไว้แน่นกว่าเดิมก่อนจะก้าวไปที่เวทีด้วยกันโดยมี
คังจุน แทมิน เรียวตะ โซฮี เดินตามหลังมาแต่ไม่ได้ขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน

“แทมินมีข้อความเข้ามาไหม” คังจุนถาม

“ยังครับพี่”

“เราส่งข้อความกลับไปได้ไหมแทมิน” โซฮีถามขึ้นมาอีกคนแล้วนั่งลงที่เก้าอี้แถวแรกส่งผลให้คนอื่นนั่งลงตาม ราวกับเป็นผู้ชมที่มีกียุลและเจย์เลนเป็นผู้แสดงอยู่ด้านบนเวที

“ไม่ได้เลย ฉันพิมพ์ข้อความไปแล้วมันไม่ขึ้นที่หน้าจอเลย”

ทุกคนเริ่มกังวลเพระไม่รู้ว่าคนจากทางนั้นจะมาไม้ไหน จะมาตามนัดจริงหรือเปล่า หรืออาจจะทำอันตรายต่อ
เจย์เลนขึ้นมาก็ได้มันเป็นไปได้หมดเลย

“มาแล้วครับ! ทุกคน ผมจะอ่านให้ฟังนะ” แทมินมองขึ้นไปหารุ่นพี่ด้านบนก่อนจะหันไปมองทุกคนข้างตัว

 

“ขอบคุณที่พวกคุณมาตามนัด เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ตอนนี้เจย์เลนอยู่ข้างผม เขาอยากคุยกับเจย์เลนของคุณมาก แต่คุณต้องรู้กฎก่อนว่าทั้งคู่จะไม่สามารถข้ามมายังมิติอื่นได้ ตัวตนสองคนจะอยู่ในโลกเดียวกันไม่ได้เพราะฉะนั้นจะทำได้แค่สื่อสารกันขณะที่อยู่ในโลกของตัวเอง”

 

แทมินอ่านจบแล้วเกาหัวขึ้นมาคนแรกทำให้คังจุนแย่งโทรศัพท์ไปกดขึ้นจอฮอโลแกรม ทุกคนเห็นข้อความพร้อมกัน “ไม่เข้าใจเลยที่เขาบอกมา จะสื่อสารกันยังไง” เรียวตะเอ่ย

“ข้อความมาแล้ว” โซฮีดึงให้ทุกคนสนใจภาพตรงหน้า

 

“ผมอธิบายอะไรไม่ได้มาก เราไม่ได้ทำแบบนี้กันบ่อย ๆ ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรตามมาหรือเปล่า เอาเป็นว่าเราต้องหาตัวกลางที่เชื่อมถึงกันได้ ตอนนี้เราอยู่ในสถานที่เดียวกัน ยืนอยู่ที่เดียวกันบนเวที”

 

กียุลและเจย์เลนหันมองหน้ากันเพื่อส่งกำลังใจพลางมือหนาก็เอื้อมไปสัมผัสลูกที่หน้าท้องกลมโต

 

“เปิดม่านออกแล้วเจย์เลนจะได้พบกัน”

 

“เขาน่าจะหมายถึงม่านการแสดงนะครับ” เมื่อแทมินนึกได้อย่างนั้นจึงรีบวิ่งไปหลังเวที เรียวตะก็วิ่งตามไปอีกด้านทันทีก่อนทั้งสองจะออกแรงดึงลอกม่านการแสดงให้เปิดออก…

ทุกอย่างหยุดชะงักภาพช้าลงราวโลกกำลังหยุดหมุน นาฬิกาเดินย้อนศรส่งเสียง

ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก เปร้ง!

เสียง เปร้ง ดังกังวานขึ้น ทุกคนมองรอบกายเพื่อสังเกตว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่าด้วยสัญชาตญาณ

 

“เจย์เลน ฉันมาแล้ว”

 

ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกับเสียงที่เกิด แล้วตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่สะท้อนเช่นกระจก โลกสองด้านบรรจบกัน ตัวตนทั้งสองยืนเผชิญหน้า เจย์เลนเดินเข้าไปหาตัวเองในอีกโลกโดยมีกียุลเดินจับมือไปด้วยกัน เขาหยุดเมื่อใกล้กันมาพอแล้ว

“ฉันคือนาย? นายคือฉัน?” คำกล่าวคล้ายละเมอถามทำอีกคนขมวดคิ้ว ในใจเจ็บเหลือเกินเมื่อเห็นภาพหวานชื่นตรงหน้ายิ่งไปกว่านั้นคือคนท้องใกล้คลอดมีคนคอยประคบประหงมอย่างดีต่างกับเขาเหลือเกินที่ไร้ผู้ใดเคียงข้าง

“จะว่าแบบนั้นก็ได้ ถึงแม้เราจะไม่ค่อยเหมือนกันก็ตาม” เสียงแข็งเอ่ยมันจริงนะเพราะเจ้าของเสียงดูซูมผอมหน้าตาไม่สดใสต่างกับคนที่ท้องอยู่มาก

“บอกฉันมาหน่อยว่านายทำร้ายฉันทำไม ฉันไปทำอะไรให้นาย” ใบหน้าสวยจ้องมองคนหน้าเหมือนตัวเองไม่วางตามือข้างที่ว่างประคองท้องใหญ่ของตัวเองตลอดเวลาเพื่อป้องกันภัย

“เพราะนายทำให้เกิดทั้งหมดนี่ไง การตัดสินใจของนายครั้งนั้นทำให้ฉันต้องอยู่กับความทุกข์ นายอยู่ในโลกที่ดีกว่าฉัน ฉันได้แต่งงานกับพี่กียุลแต่มันไม่ได้มีความสุขอย่างที่ฉันคิดเลยสักนิด รู้ไหมว่าฉันต้องเจอกันอะไรบ้าง”

“ทำทั้งหมดนี่เพราะเหตุผลแค่นี้เหรอ?” กียุลถาม

“ผมเจอกับความทุกข์ทรมานมาก พี่ครับ ผมสูญเสียไปมากเหลือเกิน”

“ก็เล่ามาสิว่าเจออะไรมา ไม่ต้องร้องไห้ด้วย” เจย์เลนเอ่ยเสียงแข็งแต่ใจเย็น ส่งผลให้คนทางนั้นหันมาสนใจเขา มองพิจารณาใบหน้าอยู่ครู่ก่อนจะเริ่มเล่าถึงความเจ็บปวด

“ฉันแต่งงานกับพี่กียุลได้ไม่นาน ฉันก็ท้อง กลายเป็นพ่อบ้าน ยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อเป็นพ่อแม่ที่ดี ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้พี่เขามีความสุขแต่พอฉันท้องพี่เขาก็เปลี่ยนไป เราทะเลาะกันทุกวัน ฉันไม่เคยถูกดูแลเลยตอนที่ท้อง ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยว พี่กียุลทิ้งฉันให้อยู่บ้านคนเดียวกลับดึกทุกวัน อ้างว่าทำงาน บอกว่าเหนื่อยที่ต้องหาเงินเลี้ยงฉัน ฉันงี่เง่า แต่นั่นไม่เท่าไหร่หรอก ที่ฉันรับไม่ได้คือเขามีคนอื่น พอฉันท้องเขาก็โทษว่านี่แหละมันทำให้เขาต้องไปหาจากข้างนอก”
กียุลที่ได้ฟังแทบไม่อยากเชื่อหูว่าตัวเขาที่อยากจะแต่งงานกับน้องมากจะทำตัวเลวได้ขนาดนั้น อดไม่ได้ที่จะเห็นใจ

“ปัญหาเกิดขึ้นทุกวัน ทะเลาะกันทุกวัน จนฉันคลอด พ่อแม่ก็บอกให้ฉันหย่ากับพี่เขา”

“พ่อกับแม่เหรอ? ทะ ท่าน ท่านอยู่กับนายเหรอ ตอนนี้พวกท่าน...” เสียงสั่นเครือถามเมื่อได้ยินเรื่องราวของพ่อกับแม่ที่คิดถึงสุดหัวใจ

“พวกท่านยังอยู่ ในโลกนี้พวกท่านยังสบายดี นายไม่ต้องห่วง” น้ำตาพลันร่วงเผาะเมื่อได้ยินดังนั้น ส่งผลให้คนพี่โอบน้องเข้ามาปลอบ

“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับนายต่อ” กียุลถาม

“ผมให้โอกาสพี่กียุล ไม่หย่ากับเขา เขาทำตัวดีขึ้นแต่ก็แค่ระยะสั้น คราวนี้เขานอกใจผมจริง ๆ ผมทนไม่ไหวเพราะเขาไม่รักษาสัญญา เราทะเลาะกันตอนอยู่ในรถทำให้เกิดอุบัติเหตุ...ผมสูญเสียลูกไปตลอดกาล แล้วก็หย่ากับพี่กียุลเราแยกทางกันจนตอนนี้ ไม่ได้เจอกันอีกเลย” เรื่องราวสุดสะเทือนใจทำให้ทุกคนเงียบ เจย์เลนจากโลกนั้นก็เจอเรื่องเลวร้ายมาไม่น้อยไปกว่าเจย์เลนของพวกเขา พวกเขาจึงเห็นใจ

“ฉันเสียใจด้วยเรื่องลูก”

“ขอบใจ แต่นายเข้าใจฉันแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงทำแบบนั้น” แทนที่จะเป็นเจย์เลนตอบกลับเป็นกียุลที่แย่งตอบกลับไป

“พี่เข้าใจว่านายเจ็บปวด แต่นายกับเจย์เลนก็สูญเสียกันทั้งคู่ นายสูญเสียลูก เจย์สูญเสียพ่อแม่ นายทำแบบนี้มันไม่ถูก เรื่องนี้มันไม่มีใครผิดหรอกนะ เพราะคนที่ตัดสินใจวันนั้นก็คือตัวของพวกนายเอง พี่ขอได้ไหมนายอย่าทำแบบนี้อีก”

“ผมก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นแล้วครับ ไม่งั้นจะมาคุยแบบนี้เหรอ ผมรู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้โทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเจย์เลน วันนี้ก็เลยอยากขอโทษ ขอโทษกับทุกสิ่ง ขอโทษพี่ด้วย”

“ไม่ต้องขอโทษพี่ พี่ไม่ได้โกรธอะไรนาย แค่ไม่เข้าใจแต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว และขอไม่ให้นายทำแบบนั้นอีกจะได้ไหม?”

“เพราะพี่แสนดีแบบนี้ไงครับ ผมถึงรักพี่” ดูไม่ใช่ประโยคที่สมควรพูดออกมาแต่มันมาจากใจ

“เรามาปล่อยวางอดีตกันเถอะ แล้วไปข้างหน้ากัน ทำให้อนาคตดีแบบที่เราต้องการ เรามีเส้นทางเป็นของตัวเองได้นะ นายทำมันใหม่ได้ตลอด ล้มเหลวก็ทำใหม่ นายเชื่อฉันสิ เราทำได้” เจย์เลนเอ่ยด้วยความหวังดี และคนในอีกโลกก็พยักหน้ารับรู้ สีหน้ารู้สึกผิดและเป็นมิตรอย่างน่าเหลือเชื่อ

“ฉันจะพยายามทำ ขอโทษจริง ๆ นะ”

“ฉันก็ขอโทษนายเหมือนกัน ขอให้นายมีชีวิตที่ดีนะ” เจย์เลนตอบรับอย่างจริงใจเขาปล่อยวางทั้งหมดได้แล้ว

“ฉันขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมเจย์เลน”

“ว่ามาสิ”

“ขอฉันคุยกับพี่กียุลตามลำพังได้ไหม แค่แป๊บเดียว” คนน้องหันไปถามคนพี่ด้วยสายตาก่อนจะตอบ

“ขอฉันทำไม ขอพี่เขาสิว่าเขาจะคุยกับนายได้ไหม” เจย์เลนคนนั้นถามกียุลด้วยสายตาเศร้าอ้อนวอนให้เห็นใจ

“เจย์ไปรอพี่กับคนอื่นนะ” ทั้งสองจำใจปล่อยมือกันแล้วท่าทีของกียุลก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะเขาพอจะรู้ว่าคนจากฝั่งนั้นต้องการอะไร ใช้ชีวิตมา 30 ปี เขาดูคนออกอยู่แล้ว

“พูดสิครับ พี่ฟังอยู่”

“สิ่งเลวร้ายทุกอย่างที่ผมทำลงไปผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ ผมทำทุกอย่างไปก็เพราะผมรักพี่ ผมเชื่อในรักของเรามาโดยตลอดตั้งแต่ที่พี่ขอผมแต่งงาน ผมทิ้งความฝันเพื่อความรัก...”

เจย์เลนนั่งมองสองคนนั้นคุยกันด้วยความสงสัยเพราะเขาคุยกันด้วยน้ำเสียงเบาจึงไม่ได้ยินอะไร แถมท่าทางก็ปกติดีอีก และจู่ ๆ เจย์เลนคนนั้นก็ร้องไห้ออกมายกใหญ่ในขณะที่กียุลยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีสบาย ไม่กี่นาทีทุกอย่างก็จบลง

 

วันนั้นทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น ฝนครึ้มในใจได้หายไปอย่างหมดจด มีเพียงฟ้าหลังฝนสดใสเท่านั้นที่เข้ามาแทนที่ จากนี้จะไม่มีอะไรมาทำอันตรายเจย์เลนได้อีก มันจะมีแต่ความสุขเข้ามาชดเชยเวลาเจ็ดปีที่เสียไปให้กับความเศร้าในอดีต

“เราไม่ต้องกลัวอะไรกันอีกแล้วนะ”

“ครับ ไม่มีอะไรอีกแล้ว จากนี้เราจะมีแต่ความสุข”

“เราจะมีแต่ความสุข พี่รักนายนะ”

“ผมก็รักพี่ครับ”

 

 

.

.

.

.

.

.

.

โปรดติดตามตอนต่อไป...

 

เจย์เลนคนนั้นคงยอมจบแล้วจริง ๆ นะคะ จากนี้ก็รอหลานคลอดค่ะ กิ้ดดด ผู้หญิงหรือผู้ชายมาเดากันค่ะ

 

ขอบคุณคุณนักอ่านที่น่ารักที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ให้นะคะ แงงง

รักทุกคนเลย มันเป็นกำลังใจสำคัญของไรท์มาก ๆ เลยค่ะ

 

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ

 

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ

วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)

ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!

สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน