“หัวใจกลับมาเต้นแล้วครับ!”

“ขอบคุณเรียวตะ ขอบคุณ ฮืออ พี่กียุล ขอบคุณพระเจ้า” เจย์เลนเข้าไปจับแก้มคนที่ลืมตาขึ้นมาชั่วขณะให้เจ้าของร่างยิ้มบางก่อนจะหลับไปอีกครั้งด้วยลมหายใจที่เป็นปกติ ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง กียุลถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วและมีเจย์เลนอยู่เคียงข้างไม่ห่างกาย

หลายคนคงนับครั้งได้กับโอกาสสำคัญที่เข้ามาในชีวิตเพราะว่ามันมีไม่บ่อยและหลายคนคว้ามันไว้ไม่ได้ทำหลุดลอยจนต้องเสียใจไปตลอดกาลก็มีให้เห็น อีโบนีที่ตั้งครรภ์ได้สามเดือนจะย่างเข้าเดือนที่สี่ในอีกไม่กี่สัปดาห์จะคว้าโอกาสสำคัญครั้งนี้ไว้ได้หรือเปล่านะ โอกาสที่ว่าคือการแก้ตัว คราวนี้เจย์เลนจะเลือกเส้นทางเหมือนเมื่อเจ็ดปีที่แล้วหรือเปล่า มือบอบบางของอีโบนีตัวเล็กกุมมือหนาของฮิปนอสที่หลับไม่ได้สติอยู่ตลอดทั้งวันและขบคิดถึงสิ่งที่ตัวเองควรทำตลอดเวลา

    • เขาต้องทำดีกับกียุลให้มาก ๆ เพราะกียุลรักเขามาก
    • เขาต้องเลิกงี่เง่าไม่เข้าท่ากับกียุล ฟังให้มากขึ้น
    • เขาต้องไม่ทำให้กียุลเสียใจ
    • เขาต้องเลิกคิดถึงข้อผิดพลาดในอดีตตอนที่เขาทิ้งกียุลไปแล้วเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม
    • เขาต้องไม่ทำให้กียุลเป็นอันตรายแบบตอนนี้อีกเด็ดขาด

นี่คือสิ่งที่เจย์เลนคิดมาทั้งวันว่าจะทำต่อไปจากนี้ มันคือเส้นทางที่เขาได้เลือกแล้วซึ่งตรงข้ามกับเมื่อเจ็ดปีก่อนการได้เห็นกียุลล้มป่วยไม่ใช่อะไรที่เขาชอบกลับกันมันทำให้เขาปวดหัวใจอย่างทรมาน ภาพที่ฮิปนอสหมดลมหายใจไปต่อหน้ายังติดตา นึกทีไรก็ทำร้องไห้ เขาจึงคิดได้ว่าต่อไปนี้จะใช้ทุกนาทีให้มีค่าและทำตามใจตัวเอง ชีวิตคนเราไม่ได้แน่นอนขนาดที่ว่าจะมาทำอะไรงี่เง่าให้ตัวเองเสียใจภายหลังได้ หากมีทางเลือกมาให้เลือกในภายภาคหน้าเจย์เลนต้องทำอะไรที่จะไม่ทำให้ตัวเองมาเสียดายทีหลังว่าทำไมไม่ทำไปในตอนแรกอีก เจย์เลนจะใช้หัวใจนำทางไม่ใช้สมองนำทางอีกแล้ว

“เจย์! อย่าทิ้งพี่ไป อย่าทิ้งพี่ไปนะ ฮืออ อย่าไปนะ!”

เจย์เลนตกใจเมื่อคนที่หลับอยู่ละเมอออกมาอย่างเสียขวัญหวาดผวา กียุลร้องไห้น่าสงสารราวกับจะขาดใจวินาทีนั้นอีโบนีคิดออกอยู่อย่างเดียวเลยว่าเขาสร้างแผลใจให้กียุลอย่างมาก

“พี่ครับ ผมอยู่นี่ ไม่ได้ไปไหน ฮืออออ ฮึก ผมจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้ว พี่ครับพี่กำลังฝันนะ ผมอยู่ตรงนี้ ลืมตาสิ พี่กียุล ฮืออ”

“เจย์! เจย์เลน!” เจ้าชายนิทราสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นมานั่ง จังหวะนั้นเจ้าชายน้อยก็คว้าเขามากอดไว้แน่น

หัวใจที่เต้นแรงจากฝันร้ายค่อย ๆ เป็นปกติขึ้นมาเมื่อโดนกอดปลอบ ปลุกให้ฟื้นมาพบความจริงที่ไม่เจ็บปวด

“ผมขอโทษนะ ฮือออ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมจะไม่ให้พี่เป็นแบบนี้อีกแล้ว ฮือออ”

เรือสันดอนแห่งความรู้สึกผิดเคลื่อนเข้ามาไม่หยุดยั้งราวถูกคลื่นขนาดใหญ่ผลักดันให้ทวีคูณ จากปลอบคนฝันร้ายก็กลายมาเป็นโดนปลอบเสียเอง มือหนาลูบหลังบางให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะผละออกมาเช็ดน้ำตาให้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

“ร้องไห้กับพี่ได้นะ แต่ให้มันเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม พี่ไม่ชอบเห็นน้ำตาของนายเลย”

“ผมขอโทษนะครับ”

“เรื่องอะไร นายไม่ได้ทำอะไรผิด”

“ผิดสิ ผมทำผิดมาตลอด ตั้งแต่ทิ้งพี่ไป จนมาทำให้พี่เกือบตายแบบนี้ ฮึก ฮือออ”

“พี่ตายยาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ฮิปนอสก็แบบนี้แหละ นายไม่ได้ผิดเลยนะ พี่เองที่ฝืนตัวเอง ยาหมดก็ไม่ยอมไปหาหมอห่วงแต่งาน นายไม่ผิดสักนิด ดูสิกินข้าวหรือยัง ได้นอนกลางวันหรือยัง ลูกเราร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว ไม่ร้องแล้วนะครับ มานี่มา” กียุลเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบหัวลูบตัวและกระเถิบให้เกิดที่ว่างบนเตียงพอจะให้เจย์เลนลงมานอนด้วยกันได้

“มานอนข้าง ๆ พี่มา นายต้องพักผ่อนนะ”

“พี่ก็ต้องพัก เตียงเล็กนิดเดียวเอง เดี๋ยวนอนไม่สบายนะครับ” ถึงจะได้ยินแบบนั้นแต่แขนยาวดึงคนตัวเล็กให้นั่งลงที่ขอบเตียงแล้วฉุดรั้งให้ล้มลงมานอนด้วยกันจนได้

“มีอีโบนีตัวหอมกลิ่นดอกลิลลี่นอนข้าง ๆ ฮิปนอสแบบพี่หลับสบายอยู่แล้ว ไม่ตายแล้วน่า ฮ่า ฮ่า” เจย์เลนยอมให้พ่อของลูกนอนกอดจากด้านหลังด้วยความเต็มใจยิ้มรับเมื่อได้รับความอบอุ่น คนตัวเล็กเลิกร้องไห้ไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว

“กอดกันแบบนี้พี่จะนอนได้นานเลยใช่ไหม”

“ครับ ถ้านายอึดอัดไม่กอดก็ได้นะ” กียุลกำลังจะดึงแขนออกจากเอวและหน้าท้องที่กำลังโตขึ้นแต่มือเล็กก็คว้าแขนแกร่งให้กอดตัวเองไว้ตามเดิม

“ต่อไปถ้าง่วงแล้วนอนไม่ได้ ก็สัมผัสตัวผมได้ตลอดเลยนะครับ”

“ไม่ห้ามพี่แล้วเหรอ ไม่โกรธพี่แล้วใช่ไหม”

“ไม่ครับ ไม่ห้ามและไม่โกรธอะไรแล้ว ผมเห็นพี่ตายไม่ได้หรอก รู้ไหมเมื่อวานพี่ไม่หายใจต่อหน้าต่อตาผมเลย ผมใจสลายขนาดไหน ฮึก”

“ร้องไห้อีกแล้ว หันมานี่สิ ทำไมออมม่าหนูขี้แงจังนะครับเจ้าตัวเล็ก ไม่ใช่สิคุณแด๊ดของหนูขี้แงมากเลย คุณป๋าจะทำยังไงดีน้า” กียุลพลิกร่างเจย์เลนให้มาเผชิญหน้าแล้วเช็ดน้ำตาให้อีกรอบก่อนจะเลื่อนมือใหญ่ไปจับที่หน้าท้องป่อง

“ผมกลัวพี่ตายนี่ ฮือออ เรียกออมม่าก็ได้ครับถ้าพี่ชอบ เรียกอะไรก็ได้ ฮึก”

“หึหึหึ โอเคครับออมม่าของเจ้าตัวเล็ก โอ๋ ๆ นะครับ พี่อยู่นี่แล้วไง ไม่ได้ตายซะหน่อย จะทิ้งนายกับลูกไปได้ยังไง”

“ฮือออออ”

เจย์เลนร้องไห้หนักกว่าเดิมแล้วขยับไปกอดกียุลแน่นขึ้นซบอยู่ที่อกหนาแสนอบอุ่น พฤติกรรมน่ารักที่กียุลตั้งตัวรับไม่ทันทำให้ฮิปนอสกอดตอบอย่างงงงวย ก่อนจะจุมพิตที่กลุ่มผมนุ่มอย่างรักใคร่หัวใจโลดแล่นเมื่อทาสแมวอย่างเขาถูกแมวตอบสนองต่อความรัก

“ถ้าพี่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เราพาเจ้าตัวเล็กไปหาพ่อกับแม่พี่กันเนอะ”

“ครับ ฮึก ไปครับ ไปหาท่านกัน”

ในตอนนั้นกียุลคิดในใจว่าการเกือบตายครั้งนี้มันโคตรจะคุ้มสุด ๆ ไปเลย เกือบตายครั้งเดียวก็เปลี่ยนแมวพยศจอมเหวี่ยงวีนเป็นแมวน้อยน่ารักไม่มีพิษสงไปได้ขนาดนี้อเมซซิ่งจิงเกอร์เบลไม่ไหว

“จริงสิ พี่มีอะไรจะอวดด้วยนะ ฟอด ~ ตอนที่นายงอนพี่ไม่ยอมให้เข้าใกล้ พี่แอบไปทำอันนี้มา ฟอด ~ แก้มหอมจังเลย ช่วยพี่ดูหน่อยสิ หยิบโทรศัพท์ให้พี่หน่อย ฟอด~”

“ฮืออ หอมแรงมันเจ็บนะ ตอหนวดมันทิ่มเนี่ย” คนขี้หงุดหงิดบ่นเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ให้ตามที่
กียุลขอ

“พี่ทำงานไม่มีเวลาเลย นายก็โกนออกให้พี่หน่อยสิ ฟอด ~ ฟอด ~ ฟอด ~”

“คิกคิกคิก จั๊กจี้ครับ เอาไปสิมีอะไรให้ผมดู” มือหนาละจากการเติมพลังแล้วจัดการเปิดสิ่งที่ทำไว้ให้เจย์เลนดูภาพสามมิติฮอโลแกรมปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนพวกเขาจะปรับท่าทางการนอนให้สบายราวกับการนอนดูหนัง

“แผน 2 ปีนับจากนี้ของลูกเรากับของเรา พี่ยังทำไม่เสร็จหรอกแต่อยากให้นายดูจะได้ตัดสินใจร่วมกัน พี่ทำมาสักพักแล้ว ขอโทษที่พี่มองอะไรที่ระยะยาวมากไปกว่านี้ไม่ได้นะ นายอยากฟังมั้ยว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนั้นไม่ได้”

“อยากครับเพราะว่าแผนแค่ 2 ปี มันไม่พอหรอก เวลาผ่านไปไว เราต้องเตรียมไว้มากกว่านั้นไม่งั้นก็ไม่ทันการหรอกครับ” เมื่อพูดถึงประเด็นนี้เจย์เลนก็จริงจังขึ้นมาทันทีเพราะเป็นคนที่มีแผนรองรับสถานการณ์ตลอดเวลา

“การที่พี่มองอะไรแบบทีละก้าวก็เพราะพี่คิดว่า คนเราเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลาโลกก็เปลี่ยนไปทุกวันจริงไหม มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำตามแผนได้เป๊ะขนาดนั้นในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดเวลา พี่ว่าการที่เรามองอนาคตจากตอนนี้ไปในอีกห้าปีสิบปีมันจะกดดันตัวเองเกินไป เราใช้ชีวิตไปในแบบที่ใจพาไปไม่ดีกว่าเหรอ แบบที่เราจะจับมือไปด้วยกันไม่ว่าจะเจออะไรเราก็จะผ่านไปด้วยกัน”

“ผมไม่ชอบสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ไม่ชอบเซอร์ไพรส์ ผมอยากรับมือกับทุกอย่างได้”

“แน่นอนเบบี๋ นายจะรับมือกับทุกอย่างที่เข้ามาได้แน่ ถ้าเราช่วยกัน ครอบครัวมันเป็นแบบนั้นนะ นายไม่ได้ตัวคนเดียวจึงไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว นายมีพี่ เราจะดูแลลูกไปด้วยกัน อุปสรรคอะไรเข้ามาเราก็จะฝ่าฟันมันไปด้วยกัน”

“ก็ในเมื่อพี่บอกว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดเวลา แล้วเราล่ะครับ เราจะอยู่ช่วยกันเผชิญอุปสรรคไปตลอดได้จริงเหรอ”

“นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พี่มั่นใจ พี่จะอยู่ข้างนายเสมอต่อให้วันหนึ่งนายหมดรักพี่ พี่ก็จะยังรักนาย หากตายแล้วนายมีสามีใหม่พี่ก็จะตามไปรังควานไอ้หมอนั่น”

“แย่นะแบบนั้น”

“ฮ่า ฮ่า พี่ล้อเล่นครับ หรืออาจจะจริงก็ไม่รู้นะ พี่รักนายมากตายเป็นผีก็คงไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับนายแน่เลย”

“ไม่เอา ไม่พูดเรื่องตายแล้ว”

“โอ๋ ๆ คนดี ไม่พูดแล้วครับ ดูนี่ต่อดีกว่า ก่อนอื่นพี่อยากซื้อบ้านสักหลังแถวชานเมืองมีพื้นที่เยอะ ๆ ให้ลูกเราวิ่งเล่น เราสองคนอยู่เพนต์เฮาส์ไม่ได้หรอกถ้าเจ้าตัวเล็กออกมาแล้ว มันไม่มีพื้นที่... นี่แบบบ้าน นายเลือกที่ชอบดูเลยนะ”

เพียงเห็นภาพตรงหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างปกปิดไม่ได้ เจย์เลนตื้นตันกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำมาเป็นอย่างมาก

“พี่น่ารักเกินไปแล้วนะครับ ทั้งที่งานยุ่งขนาดนั้น”

“พี่อยากให้รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนไม่เอาไหนอย่างเมื่อเจ็ดปีก่อน ถึงจะเป็นแผนระยะสั้นก็เถอะนะ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ไม่ทำอะไรแบบนี้เลยนายก็รู้” น้ำเสียงอันอ่อนโยนทำให้เจย์เลนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมากอีกเป็นเท่าตัว เหมือนตกลงไปในหลุมรักนี้ซ้ำ ๆ และรู้สึกผิดขึ้นมาอีกแล้วที่งี่เง่ากับกียุลมาเป็นเดือน ในขณะที่เขาทำตัวไม่น่ารักแต่กียุลก็ยังรักเขาทำเพื่อเขากับลูกเสมอ อยากจะลงโทษตัวเองเสียจริงที่ทำตัวไม่ดีใส่พ่อของลูก

“ไม่สักนิด ผมไม่เคยคิดว่าพี่ไม่เอาไหนเลย พี่เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็คที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ ผมเองที่ไม่ดี”

“นายก็เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็คที่สุดของพี่เหมือนกันนั่นแหละ นายไม่ได้ไม่ดี นายมีเหตุที่ทำลงไป พี่ไม่คิดว่ามันผิดหรอกนะ เอาล่ะ ช่างอดีตมันเถอะ เรามาเลือกบ้านของเรากันดีกว่า พี่ชอบอันนี้มีห้าห้องนอนเลยนะ นายลองดูสิ” คนท้องทำตามอย่างว่าง่ายจดจ่ออยู่กับภาพสามมิติตรงหน้าที่เหมือนจริงราวกับได้ไปดูในสถานที่จริง ทว่ากียุลเอาแต่จ้องหน้าอีกคนเพราะใบหน้าน่ารักที่อยู่ต่อหน้าเขามันน่าสนใจกว่าเป็นไหน ๆ แขนก็กอดไม่ปล่อย แก้มก็หอมไม่พัก วันนั้นฮิปนอสได้พลังมากล้นจนสามารถนอนหลับได้ด้วยตัวเองไปอีกสักพักเลยล่ะ

กระทั่งไม่กี่วันต่อมาวันที่กียุลรอคอยก็มาถึง ตอนนี้คู่พ่อแม่ป้ายแดงกำลังเดินทางไปหาพ่อกับแม่ของกียุลซึ่งไม่ได้ไกลจากบาร์นเฮาส์ที่ทำงานของพวกเขาเท่าไหร่เลย ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่และไร่ส้ม ไร่สตรอว์เบอร์รีไร่องุ่น กว่าร้อยไร่ในเมืองแดกูมีครอบครัวของกียุลเป็นเจ้าของแทบทั้งหมด เจย์เลนตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่กียุลเล่าให้ฟังตอนมัธยมปลายก็รู้ว่าครอบครัวกียุลมีฐานะเพราะไปมาหาสู่บ่อยแต่นี่ดูจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นกว่าเดิมมาก

“มีฟาร์มแกะ ฟาร์มม้า ฟาร์มวัวนมด้วยนะ แต่ว่าตอนนี้พี่กลัวว่าพ่อพี่จะไม่อยู่ เวลานี้เขาชอบพาเด็ก ๆ ไปเล่นน้ำที่ลำธารในป่า”

“เด็ก ๆ” เจย์เลนทวนสิ่งที่กียุลพูดแต่ไม่ได้ถามต่อว่าเด็กที่ว่าหมายถึงคน หุ่นยนต์ หรืออะไร

“พี่ว่าพี่จะซื้อรถใหม่เป็นรถครอบครัวแล้วติดคาร์ซีทให้ลูกด้วย คันนี้นายขึ้นยากมันสูง ติดคาร์ซีทก็ไม่ได้”

“แต่ผมชอบคันนี้นะ เท่ดีจะตาย สมเป็นพี่ดีด้วย”

“อย่าน่ารักมากสิ เดี๋ยวพี่ได้หยุดหายใจอีกหรอก”

“ห้ามพูดงั้นน้า ขอมือหน่อยสิครับ” แมวจอมซึนว่าก่อนจะแบมือและหมาโกลด์เดนต์ตัวใหญ่ก็ทำตามแต่โดยดีส่งมือด้านขวาไปให้ส่วนมือด้านซ้ายบังคับพวงมาลัยรถ การที่จับมือกันแบบนี้ไม่มีอะไรมากหรอกเจย์เลนแค่เพียงอยากเติมพลังให้กียุลก็เท่านั้นโดยหารู้ไม่ว่าแค่เพียงอยู่ใกล้ให้ดอกลิลลี่ส่งกลิ่นหอมฮิปนอสก็พลังล้นเหลือแล้ว

“ทำตัวน่ารักแบบนี้ คืนนี้ต่อแขนต่อขาให้ลูกดีกว่ามั้ง”

“No ทะลึ่ง ผมยังไม่ยอมให้ข้ามไปถึงขั้นนั้นหรอก”

“กลัวพี่ได้นายแล้วจะทิ้งเหรอ จากประสบการณ์ มีแต่นายนะที่ได้พี่แล้วทิ้งพี่ตลอด”

“ก็ไม่ได้ทิ้งแล้วนี่ไงครับ ยื่นหน้ามาหน่อยสิ ฟอด~”

คนถูกหอมแก้มเหมือนโดนน็อกเอาท์ไปแล้วสิ

“เฮ้ยยย พี่ ขับรถดี ๆ”

“พี่จะเป็นลม”

“ม้ายย ขับรถดี ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

ทั้งสองหยอกล้อกันตลอดทางอย่างน่ารักกลิ่นอุ่นไอรักตลบหอมฟุ้งไปทั่วทั้งรถ กระทั่งเข้าสู่ถนนเข้าบ้านซึ่งใหญ่โตแต่ไม่ได้หรูหราทว่าดูคลาสสิกผสมความทันสมัยอยู่ในทีตามแบบฉบับของบ้านไร่

“ผมกลัวท่านสองคนจะโกรธที่ผมทำกับพี่ไว้” ก่อนลงจากรถเจย์เลนเอ่ยเสียงหงอยด้วยความประหม่า

“ไม่มีทาง สบายใจเถอะ แต่ถ้ากลัวก็จับมือพี่ไว้ พี่อยู่ข้างนายเสมอ” ทั้งคู่ยิ้มให้กันแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีหากพวกเขาฝ่าฟันไปด้วยกัน

“ลงจากรถแล้วไปข้างในกัน จับมือพี่ไว้” มือเล็กวางลงที่มือหนาหลังจากเขาสองคนลงจากรถทว่าก่อนจะได้เข้าไปในบ้านก็มีเสียงสุนัขหลายตัวใกล้เข้ามาก่อนจะปรากฏตัวเป็นหมาพันธุ์บอร์เดอร์คอลลีสีขาวดำขนยาวพุ่งกระโจนเข้ามาหากียุลและเจย์เลนทั้งฝูง ส่งผลให้กียุลต้องคอยประคองกอดเจย์เลนไว้เพราะห่วงลูกในท้องจะเป็นอันตราย

“เด็ก ๆ หยุด อ่าา เจ้าลูกชายกลับบ้านทีไรดื้อกันทุกที” เสียงชายชราที่ยังแข็งแรงในชุดลายตารางกับกางเกงเอี๊ยมใส่หมวกหนังมีปีกบ่นมาแต่ไกลและยังไม่ทันสังเกตว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพาใครมาด้วย

“โฮ่ง! โฮ่ง! หงิง หงิง หงิง”

“พ่อครับ บอกให้เด็ก ๆ หยุดเดี๋ยวนี้เลยครับ ตะกายผมเจ็บไปหมดแล้ว”

“พี่เลิกกอดผมก่อน พ่อพี่มาแล้ว”

“ไม่ได้ หมาพวกนี้แรงเยอะตะกายทีเจ็บเอาเรื่องนะ โอ๊ย ซี้ด เดี๋ยวโดนลูกเราเจ็บนะ อ่า... เจ้าพวกนี้…”

“วี้ดดดดดด หยุด!”

ไม่นานหมาตัวใหญ่ทั้งเจ็ดตัวก็อยู่ในความสงบเพราะคำสั่งจากจ่าฝูงซึ่งคือพ่อของกียุลนั่นเอง

“พาใครมาด้วยล่ะนั่น”

“สวัสดีครับพ่อ ผมเจย์เลนเองครับ” ร่างเล็กคำนับศีรษะพร้อมเอ่ยเสียงเครือ

“เจ้าเจย์! มาให้พ่อกอดทีลูก คิดถึงเว้ย!”

“พ่อ ฮือออ”

กียุลมองแม่ของลูกกอดกับพ่อของตัวเองด้วยรอยยิ้มมีความสุข ภาพวันเก่า ๆ กลับมา เมื่อก่อนเจย์เลนมักจะมาเที่ยวเล่นที่บ้านเขาเสมอจนสนิทกับพ่อและแม่เขามาก

“ร้องทำไมเจ้าเจย์ ไป ฉลองกัน พ่อมีไวน์ดี ๆ เยอะเลย เบียร์ก็มี พ่อทำเองกับมือ” เจย์เลนยิ้มทั้งน้ำตาหลังผละจากอ้อมกอดอบอุ่นที่คิดถึงมาหลายปีก่อนจะขำออกมาเล็กน้อยแล้วส่ายหน้ายิ้ม ตอนนั้นกียุลเลยต้องเอ่ยปากแทน

“ไม่ได้หรอกพ่อ หลานพ่ออยู่ในท้องเจย์เลนนะจะให้ดื่มได้ไง”

“ฮะ!! หลานพ่อ? เจ้าเจย์ท้องรึ?! แกทำน้องท้อง?”

“ครับ”

“ครับเหรอ? มานี่เลยไอ้ลูกชายนิสัยเสีย!” ใบหูคนหล่อโดนคุณพ่อบังเกิดเกล้าดึงสุดแรงแล้วพาเดินเข้าบ้านไปก่อให้เกิดเสียงโอดโอยลั่น

“โอ๊ย ๆ ๆ ๆ พ่อ ปล่อยผม พ่อ! ผมเจ็บนะครับ”

“เจ็บสิดี คุณนายมินไปไหน มาดูลูกชายคุณหน่อยสิ้!”

“โอ๊ย! พ่อ แม่ช่วยผมด้วยครับ แม่!!”

“พ่อครับ ปล่อยพี่กียุลเถอะครับ”

“เจ้าเจย์เงียบไปเลย พ่อจัดการเรื่องนี้เอง”

“เสียงดังอะไรกันสองพ่อลูก” หญิงสูงวัยที่ใบหน้ายังอ่อนเยาว์ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับวางถาดขนมในมือลงที่โต๊ะใกล้ ๆ

“ลูกชายคุณทำเจ้าเจย์ท้อง!” คุณพ่อเอ่ยเสียงขึ้นจมูกแล้วหลบตัวให้คุณนายมินเห็นชายร่างเล็กที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลัง

“เจย์เลนลูก! แม่คิดถึงมาก มาหาแม่เร็ว ให้แม่กอดหน่อย” ด้วยความที่คาดไม่ถึงว่าจะเห็นคนตรงหน้าคุณแม่เลยไม่ได้โฟกัสสิ่งที่คุณพ่อพูดมากนัก

“สวัสดีครับแม่” คนอายุน้อยไม่ยอมละทิ้งมารยาทที่ควรมีต่อผู้ใหญ่ค้อมตัวแสดงความเคารพก่อนจะเข้าไปกอดเต็มรักร้องไห้ขึ้นมาอีกหนเดี๋ยวนั้น

“ฮือออ ผมคิดถึงพ่อกับแม่มากเลยครับ ผมขอโทษนะครับที่หายไป ผมขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นอะไรลูก ไม่เป็นอะไรนะ หนูมาอยู่ตรงนี้แล้ว แม่ก็ดีใจแล้วลูก ไม่ร้องแล้วนะคะ”

ความอบอุ่นใจดีที่กียุลมีไม่ต้องหาก็คงเห็นคำตอบเลยว่าได้มาจากทั้งพ่อและแม่

“พ่อรู้ว่าดีใจ แต่ลูกชายเราทำเจ้าเจย์ท้อง แม่ได้ยินที่พ่อบอกไหม?”

“ฮะ?! หนูท้องเหรอลูก กับกียุลน่ะหรือ?”

“ผมขอโทษครับ...” เจย์เลนไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอโทษออกไปให้หลังเมื่อเสียงหวานตอบเสร็จผู้เป็นแม่ก็ดึงตัวคนท้องให้ไปหลบอยู่ด้านหลังตัวเองทันทีก่อนจะเดินไปเอาเรื่องลูกชายด้วยท่าทีใจเย็น (?) และน้ำเสียงใจดี (?)

“เจ้าลูกชายตัวดี ทำน้องท้องก่อนแต่งได้ยังไงคะ” เมื่อเป้าหมายเบนเข็มมือที่ไม่ค่อยเหี่ยวย่นก็ฟาดลงที่แขนล่ำของลูกชายพร้อมรอยยิ้มและเสียงหวาน

“โอ๊ย! พ่อครับ แม่ครับ ผมเจ็บนะครับ ผมขอโทษ ผมพาน้องมาหาแล้วนะครับ”

“พ่อกับแม่พอเถอะครับ พี่กียุลเจ็บแย่แล้วครับ พี่เขาพึ่งออกจากโรงพยาบาลมานะครับ” เจย์เลนเข้าไปห้ามเมื่อพ่อกับแม่ได้ยินดังนั้นจึงหยุดตีลูกชาย ตอนนั้นกียุลรีบอ้อนคนน้องเสียยกใหญ่กอดเอวซบไหล่คลอเคลียเรียกร้องความสนใจไม่พักจนผู้ให้กำเนิดทั้งสองหมั่นไส้เบ้หน้ามองบนกันโดยไม่ได้นัดหมาย

จากนั้นเมื่อพายุสงบลงทั้งสองก็อธิบายทุกเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อกับแม่รับรู้ยกเว้นเรื่องอันตรายจากแฝดปีศาจที่ไม่ได้เล่าให้ฟัง เนื่องจากพวกเขากลัวผู้ใหญ่จะเป็นกังวล โชคดีที่ท่านรับฟังและเข้าใจไม่ได้หัวโบราณถึงแม้จะไม่ค่อยชอบที่ลูกชายทำเจย์เลนท้องก่อนแต่งก็ตามแต่นั่นเพราะมันไม่เป็นสุภาพบุรุษท่านสองคนพร่ำสอนเสมอเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษให้ลูกชายก็เลยโกรธขึ้นมาในตอนแรก

“แล้วมีทางออกกันยังไง ในเมื่อลูกสองคนเลิกกันไปแล้ว ไหนตอบพ่อกับแม่มาสิ”

เป็นคำถามที่ตอบยากมากกว่าคำถามของมิสยูนิเวิร์สเสียอีก

“น้องบอกว่าให้ผมเป็นพ่อของลูกได้ครับ แต่ไม่ให้เป็นอะไรกัน” เขาแสร้างว่าเสียงหงอยให้พ่อกับแม่เห็นใจ ตอนนั้นเองผู้ให้กำเนิดทั้งสองก็รู้ทันทีว่าไอ้ลูกชายกำลังอยากให้ช่วย

“รักกันไม่ใช่เหรอลูก แม่ดูออกนะ”

“...”

กลายเป็นว่าเจย์เลนคือจุดรวมสายตาของทุกคน

“ไหน ๆ ท้องแล้วแม่ว่าแต่งกันเลยก็ไม่ผิดนะ พวกลูกก็ดูรักกันดี”

“แม่อย่ากดดันน้องสิครับ น้องท้องอยู่” ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะแต่คนเจ้าเล่ห์ก็คือคนเจ้าเล่ห์ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดประโยคแรกไปเพื่อให้พ่อกับแม่ช่วยถามคำถามกดดันเจย์เลนหรอก

“งั้นไม่เป็นไรลูก เจ้าเจย์ก็ท้องอยู่เดี๋ยวเครียดแล้วจะไม่ดี พ่อจะถือว่าเป็นความต้องการของพวกลูก แต่ยังไง
เจ้าเจย์ก็ยังเป็นลูกพ่อกับแม่เสมอนะ ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจกันยังไงในวันข้างหน้า ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็มาบอกพ่อกับแม่ด้วย พ่อกับแม่จะไม่เข้าไปยุ่งเพราะลูกก็โต ๆ กันแล้ว”

“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่” เจย์เลนจะร้องไห้อีกรอบ ดีที่ได้มือใหญ่ของกียุลกอบกุมให้กำลังใจเอาไว้ไม่ห่างใบหน้าที่เริ่มเบะก็พลันมาเป็นรอยยิ้มราวถูกเสกด้วยเวทมนตร์ “เอาล่ะเดี๋ยวเย็นนี้พ่อกับแม่จะทำอาหารดี ๆ ให้กิน ของบำรุงเจ้าตัวเล็กในท้องทั้งนั้นเลยดีไหม”

“ครับแม่ ดีมากเลยครับ”

“ส่วนที่นอน ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันก็แยกห้องนอนนะ อย่าให้พ่อเห็นล่ะว่าใครแอบย่องตอนกลางดึก”

“ถ้าอยากนอนด้วยกันก็แต่งงานกันนะลูก แล้วพ่อกับแม่จะเปิดทางให้” กียุลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ในหัวอุตส่าห์วางแผนมาแล้วแท้ ๆ จะเผด็จศึกแม่แมวน้อยต่อแขนต่อขาให้ลูกเสียหน่อยดันมาโดนดักคอเสียอย่างนั้น
เรื่องแต่งงานน่ะเขาอยากแต่งจนตัวสั่นติดแค่เจย์เลนไม่ยอมนี่แหละแล้วนี่เขาไม่ต้องใช้บริการจากนิ้วทั้งห้าไปอีกนานเลยเหรอกียุลคิด แค่จินตนาการก็เครียดจะบ้าแล้ว

ก่อนถึงอาหารมื้อเย็นฮิปนอสและอีโบนีก็เดินจับมือกันชมไร่อย่างอารมณ์ดีใต้ท้องฟ้าใสกับฝูงหมาน่ารักที่เดินตามไม่เว้นช่วง

“ทำไมเด็ก ๆ เดินตามเราไม่ไปไหนเลยล่ะครับ”

“พ่อพี่คงสั่งไว้น่ะ เดี๋ยวต้องไปต้อนแกะเข้าคอก”

“ฉลาดกันมากเลย ชื่ออะไรกันบ้างครับเนี่ย”

“มีเจ็ดตัว ชื่อตามวันในภาษาอังกฤษเลย มันเดย์กับทิวเดย์ พี่เอามาให้พ่อเองจากนั้นก็งอกมาเยอะแยะให้คนอื่นเขาไปบ้างก็มี ขายก็มี”

“พี่ซื้อหมาให้พ่อเนี่ยนะ”

“ก็พี่ไม่ค่อยกลับบ้านทำแต่งานไม่อยากให้ท่านเหงา หมาพันธุ์นี้พลังเยอะมากนะ ขี้เล่น ต้อนแกะเก่งด้วย”

“ถ้าลูกเราออกมาแล้วซื้อหมาให้เขาสักตัวนะครับ ผมอยากให้เขามีเพื่อนเล่น เอาไว้ปกป้องเขาด้วย”

“เห็นด้วยที่เอาไว้ปกป้องลูกเรา แต่เรื่องหาเพื่อนให้ลูกเนี่ย เอาเป็นทำน้องให้ลูกดีกว่าไหม? สัก 3-4 คน”

“ผมไม่ใช่แม่หมูนะ จะได้มีลูกหลายคนขนาดนั้น” กียุลหยุดเดินแล้วแกล้งมองสำรวจ

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนะเนี่ย อวบอ้วนน่ากอดขึ้นตั้งเยอะ” ว่าจบก็ฉวยโอกาสกอดแม่ของลูกเต็มเปา

“มันเรียกคำชมไหมมาว่าผมเป็นแม่หมู ก็ใครมันทำให้ท้องล่ะ”

“คนมันเจ๋งทีเดียวติดเลย” ฮิปนอสทำท่าภูมิใจ

“ใครว่าทีเดียวล่ะ กี่ยกเข้าไปก็ไม่รู้ คนเมาบ้าอะไรแรงโคตรดี”

“ฮ่า ฮ่า พูดเรื่องแบบนี้ออกมาง่าย ๆ เลยเหรอ ไม่เขินเลย”

“ลูกอยู่ในท้องขนาดนี้ไม่ต้องเขินกันแล้วครับ เลิกกอดได้แล้ว ผมอยากเห็นเด็ก ๆ ต้อนแกะแล้ว เมื่อยแล้วครับปวดเท้า” ร่างสูงถอยออกไปแต่โดยดีแล้วจับมือเดินไปด้วยกันต่อ

“ก็ท้องโตขึ้นมากแล้วนี่ นายแบกน้ำหนักเยอะกว่าเดิมไม่แปลกเลยที่เดินไม่เท่าไหร่ก็ปวดเท้า เดี๋ยวข้างหน้าก็จะมีทุ่งหญ้ามีต้นโอ๊คใหญ่ เราจะไปนั่งดูเด็ก ๆ ต้อนแกะกันที่นั่น ทนไหวไหม”

“ไหวครับ”

เมื่อไปถึงน้องหมาก็ต้อนแกะกันอย่างรู้งานราวกับทำการแสดงให้ดูสร้างความประทับใจให้เป็นอย่างมาก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อนตั้งแต่มาถึงที่บ้านไร่นี้เจย์เลนมีความสุขมากที่สุด

“เด็ก ๆ ไปแล้ว เราไปนั่งเล่นที่ใต้ต้นโอ๊คกันเถอะ ให้พี่อุ้มไหม”

“ไหวเหรอครับ ผมหนักขึ้นนะ”

“ตอนนี้ไหว แต่ถ้าสักเจ็ดแปดเดือนขึ้นไปถึงอุ้มไหว พี่ก็ไม่กล้าอุ้ม กลัวทำนายกับลูกหล่น” คนอารมณ์ดีเอ่ยก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นแนบอกอุ้มเดินตรงไปที่ต้นไม้ใหญ่

“ฮ่า ๆ ๆ นั่นสิครับตอนนั้นผมคงหนักมากกกกก” แขนเล็กโอบกอดลำคอหนาไว้อย่างเคยชินเมื่อถึงที่หมายก็ถูกวางลงให้ยืนอย่างนุ่มนวล

“พี่ขอนอนหนุนตักได้ไหม” เสียงหล่อถามเมื่อก้นแตะถึงพื้น

“ได้ครับ” โกลด์เดนต์หูตั้งยิ้มร่าเริงแล้วทรุดกายนอนหนุนตักแม่แมวอย่างอารมณ์ดี

“วันนี้พี่มีความสุขมากเลย”

“ผมก็เหมือนกัน พี่รู้ไหมตอนที่พี่อยู่โรงพยาบาลผมคิดอะไรได้เยอะเลย” จู่ ๆ เจย์เลนก็อยากเล่าให้กียุลฟัง

“แล้วมันดีไหม”

“ดีครับ หนึ่งในสิ่งที่ผมคิดได้คือ...ผมจะไม่ทำให้พี่เสียใจอีกและจะไม่ทำให้พี่อยู่ในอันตรายอีก”

“พี่ไม่ได้ต้องการให้นายจมอยู่กับความรู้สึกผิดนะ พี่พร้อมให้อภัยเสมอ พี่รักนายมากกว่าจะต้องมาคิดเล็กคิดน้อยแล้วทำให้เสียเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันไป ถ้าเราเข้าใจกันพี่ว่าความสัมพันธ์ของเรามันจะไม่มีวันพังทลาย เพราะฉะนั้นพี่ขอได้ไหมต่อจากนี้มีอะไรในใจขอให้เราบอกกันตรง ๆ ไม่ว่าเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องดีเราก็จะมีความสุขด้วยกัน ถ้าเป็นเรื่องร้ายเราก็จะช่วยกันแก้ปัญหาผ่านมันไปด้วยกัน”

“ครับ ผมจะบอกพี่” เท่าที่บอกได้...เจย์เลนต่อประโยคนี้ภายหลังในใจก่อนจะตัดสินใจเอ่ยสิ่งที่ควรบอกอย่างที่รับปากไปว่าต้องบอกซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตของลูกจะไม่บอกไม่ได้

“เรื่องแฝดปีศาจเขามาบ่อยขึ้นครับ”

“หืม? ทำไมพึ่งบอกพี่ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น นายไม่ได้เจ็บแล้วไม่บอกพี่ใช่ไหม พี่ขอโทษนะช่วงนี้พี่มีอะไรให้คิดเยอะเลย” กียุลจะลุกจากการนอนหนุนตักแต่เจย์เลนก็กดให้อีกคนนอนอยู่ตามเดิม

“นอนไปเลยครับ พี่จะขอโทษทำไมงานพี่เยอะจะตายผมรู้น่า ไหนจะเรื่องบริษัทอีก ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่เขามาบ่อยขึ้นเลยอยากบอกพี่ไว้ ท้องผมโตขึ้นทุกวัน ร่างกายคงอ่อนแอลงเพราะลูก เขาก็เลยออกมา”

“เขาต้องการจะเอาชีวิตเลยหรือเปล่า นายบอกพี่มาหน่อยนายรู้สึกอย่างนั้นไหม บอกพี่ตรง ๆ” กียุลเช็กจากคนน้องอีกทีเพื่อย้ำสิ่งที่เขาได้รับรู้จากโรแวน

“ครับ มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดเพียงแค่เขาทำไม่ได้ ระยะหลังผมฝันถึงเขาด้วย เขามักจะพูดว่า ผมไม่คู่ควรกับพี่ ชอบบอกว่าผมแย่งช่วงเวลาที่ดีไปจากเขา ให้เขามารับกรรมแทน พูดถึงตอนผมตัดสินใจไม่แต่งงานกับพี่ด้วย”

“นายคิดมากเรื่องพี่ก็เลยเก็บไปฝันหรือเปล่า” เขาหยั่งเชิงว่าเจย์เลนจะรู้เรื่องมากแค่ไหน

“เป็นไปได้ครับ” ดูเหมือนว่าเจย์เลนจะไม่รู้อะไรเลย

“ถ้าถึงขั้นจะเอาชีวิต เราก็ต้องหาให้ได้ว่าทำไมเขาถึงต้องการแบบนั้น”

“มันยากที่จะสื่อสารได้นะครับ เขาจะมาก็ต่อเมื่อเขาอยากมา เหมือนเรากับเขาอยู่คนละโลก อีกอย่างหน้าตาเขาเหมือนผมทุกอย่างเลย มันแปลกไปไหมครับ”

“มาให้เห็นเลยเหรอ พี่จำได้ว่าร่างกายนายต้องอ่อนแอมากเลยนี่เขาถึงจะออกมาปรากฏตัว”

“ครับ แต่ครั้งนี้ที่เห็นผมเห็นในฝัน มันชัดเจนมากว่าเขาแทบจะเป็นผมเลย เราเหมือนกันมาก ทั้งหน้าตา ทั้งน้ำเสียง”

“เป็นครั้งแรกใช่ไหมที่เห็นเขาในฝัน”

“ครับ” กียุลกำลังขบคิดว่าควรจะบอกน้องดีไหมถึงเรื่องที่ตนเองรู้มาจากเพื่อนของคังจุน

“พี่จุนส่งข่าวเรื่องคดีฆาตกรรมมาให้ผมดู ผมว่าผมกำลังเผชิญเรื่องเดียวกันกับคนในข่าวเลย ถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมา...” กียุลขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน

“ไม่มีทาง พี่จะไม่ให้มันเกิดขึ้น พี่จะหาทางแก้ให้ได้”

“ผมลองหาข่าวคดีแบบนี้อ่านเพิ่ม มันไม่ได้มีน้อยเลยนะครับ และทุกคนตายหมดเมื่อเห็นแฝดปีศาจของตัวเอง...ผมอ่านมาเยอะมากเลยครับ คิดไปได้ว่าเขาอาจเป็นคนจากอีกโลกเป็นผมอีกคนที่อยู่ในโลกอื่น โลกคู่ขนาน”

สีหน้าเป็นกังวลฉายออกมาจากฮิปนอสก่อนจะคิดได้ว่าคังจุนบอกเรื่องนี้กับน้องแล้วเหรอ? ทำไมไม่ถามเขาก่อนล่ะว่าควรบอกเจย์เลนไหม

“นอกจากส่งข่าวให้อ่าน คังจุนได้เล่าอะไรให้ฟังอีกไหม” คนน้องส่ายหน้าน้อย ๆ แววตามีแต่ความกลัวแต่กียุลกลับโล่งอก เขายังไม่อยากให้เจย์เลนต้องรับรู้เรื่องนี้ให้เครียดหนักแล้วกระทบไปถึงลูกในท้อง แค่นี้คนท้องก็เครียดมากพอแล้ว

“พี่ไม่ยอมให้นายเป็นอะไรแน่ ต้องอยู่ใกล้พี่ไว้นะ พี่ว่าพี่คือคนเดียวที่ช่วยนายจากเสียงนั่นได้โดยที่ไม่เป็นอะไร และถึงนายจะคุมสติตัวเองไม่ให้ทำตามได้ มันก็เสี่ยง เพราะงั้นอย่าห่างจากพี่นะครับ”

นาทีนั้นกียุลฉุกคิดขึ้นมาได้เสียงนั้นที่เจย์เลนได้ยิน ประโยคที่พูดจาราวกับหึงหวงมันชัดเข้าไปอีกว่า คนในโลกนั้นเห็นว่าตัวเขาเป็นคนสำคัญ และยิ่งตอกย้ำสิ่งที่โรแวนบอก เรื่องทางเลือกที่จะเกิดขึ้นเมื่อตัดสินใจ และฮิปนอสค่อนข้างมั่นใจมากว่าเสียงจากคนนั้นก็คือเจย์เลนในอีกโลกที่เกิดจากการปฏิเสธคำแต่งงาน เส้นทางอีกโลกคงไม่ได้ใจดีกับคนนั้น เขาถึงได้ตามมารังควานคนที่คิดว่าเป็นต้นเหตุอย่างเจย์เลน

“ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่พักหลังเขาจะออกมา หลังจากที่เราใกล้กันพอพี่แยกตัวออกไปเขาจะโผล่มา”

“ยกตัวอย่างสิ”

“อย่างตอนเรานอนอยู่บนเตียงด้วยกัน ตอนดึกผมลุกมาเข้าห้องน้ำ ก็เจอเงาดำ ๆ ในกระจก ครั้งหนึ่งตอนเช้าที่พี่อุ้มผมลงไปกินข้าวข้างล่าง ผมออกไปสูดอากาศตอนพี่ไปทำอาหาร เขาก็ออกมาพยายามจะทำให้ผมเดินลงทางลาดชัน”

“นายไม่เคยบอกพี่เลย มันอันตรายมากนะ” กียุลทนไม่ไหวอีกต่อไปจนต้องลุกขึ้นมาจากตักคนตัวเล็กกว่าแล้วคุยด้วยท่าทีจริงจังมากขึ้น

“ก็ตอนนั้นผมโกรธพี่อยู่ ไม่อยากบอก”

“เฮ้อ...ไม่เอาแบบนี้แล้วนะครับ พี่ขอร้อง”

“อืมมม รู้แล้วครับ พี่ก็อย่าทำให้ผมโกรธสิ พี่ก็รู้ผมไม่ชอบคนขัดใจ”

“หึหึหึ จุ๊บ ฟอด~ ฟอด~”

ฮิปนอสหัวเราะในลำคอแล้วจุ๊บริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะหอมแก้มทั้งสองข้างที่เป็นพวงชมพูอย่างมันเขี้ยว

“ฮือออ ไม่เอา เดี๋ยวคนเห็น”

“ถ้าทำในที่คนไม่เห็นก็ทำได้ใช่ไหม?”

“สายตาเจ้าเล่ห์มากนะพี่อะ”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ มานอนดูท้องฟ้ากันดีกว่า” เสียงทุ้มหล่อกล่าวแล้วนอนลงพร้อมกับกางแขนออกเตรียมไว้ให้อีโบนีคนสวยนอนหนุน ร่างเล็กล้มตัวนอนลงข้าง ๆ แต่โดยดี สายตามองไปยังท้องฟ้าปลอดโปร่งใสราวกระจก กลุ่มเมฆขนแกะปุกปุยลอยเด่นไปมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับหมู่นกที่กำลังบินเล่นผิดกับในเมืองที่โดรน รถไฟฟ้า บินเต็มไปหมด

“ถ้าไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ แบบนี้ก็ไม่รู้เลยนะครับว่าก้อนเมฆเคลื่อนไหวตลอดเวลา”

“ถ้าใจเราสงบลง เราก็จะเห็นบางอย่างชัดเจนขึ้น” คนอายุมากกว่าเอ่ย

“นั่นสิครับ ผมคงต้องหัดใจเย็นลงบ้าง”

“นายเป็นยังไง ลูกเราก็จะเป็นแบบนั้น นายอารมณ์เสียลูกเราก็อารมณ์เสีย นายใจร้อนลูกเราก็จะเป็นแบบนั้น”

“ที่ผ่านมาผมใช้อารมณ์มากเกินไป ผมขอโทษ”

“นายเป็นยังไงพี่ก็รัก แต่เรากำลังจะเป็นพ่อแม่คนกันแล้ว เราต้องใจเย็นให้มากขึ้น ไม่งั้นเราคงสอนใครให้เติบโตมาเป็นคนดีไม่ได้” ที่กียุลพูดมาเจย์เลนยอมรับและเห็นด้วยทั้งหมดต่อไปจากนี้เขาจะใจเย็นลงให้ได้

“ลูกโชคดีที่ได้พี่มาเป็นพ่อของเขา”

“ทำไมพูดเหมือนตัวเองไม่ดีเลยล่ะ บอกหลายครั้งแล้วนะสำหรับพี่นายดีที่สุด เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นคนให้กำเนิดลูกของเรา” ทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วผลิรอยยิ้มหวาน ร่างหนาของฮิปนอสพลิกกายเข้าหาอีโบนีก่อนที่มือใหญ่จะยืดแก้มเป็นพวงเล่นต่อมาริมฝีปากบางก็เข้าไปจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มที่พร้อมเปิดรับสัมผัสลึกซึ้ง ทันทีที่ความอุ่นนุ่มรายล้อมพวกเขาก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป

“อื้มม พี่จูบเก่ง”

“หึหึ ก็ปากนายหวาน จ๊วบ” เขาจูบทิ้งท้ายแล้วผละออก

“หัวใจพี่เต้นแรง”

“ได้จูบอีโบนีคนสวยก็ต้องตื่นเต้นสิครับ ฟอด~ แก้มหอมชื่นใจจังเลย” เจย์เลนแทบจะลอยได้อยู่แล้วกียุลปากหวานไม่เลิกซ้ำยังกอดยังหอมเขาไม่หยุดเล่นเอาหัวใจพองโตจะหลุดออกมาจากขั้ว

“ฮ่า ๆ ๆ มันจั๊กจี้แล้วนะครับ”

“ฮ่า ๆ ไหนจุ๊บ ๆ เจ้าตัวเล็กของคุณป๋าบ้างสิ เป็นไงครับลูก อีกไม่กี่เดือนก็ได้เจอกันแล้วนะครับ จุ๊บ จุ๊บ”

“พี่ครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ จั๊กจี้ ฮือออ” แม่แมวครางในลำคออย่างน่ารักเพราะรู้สึกจั๊กจี้กับลอยจูบที่หน้าท้อง

“จริงสิ เรายังตัดสินใจกันไม่ได้เลยเรื่องชื่อลูก ลองมาคิดกันตอนนี้ไหม”

“ผมคิดไม่ออกเลย ชื่ออะไรดี หรือเรารอให้รู้ว่าลูกเพศอะไรก่อนดีครับ” ทั้งคู่ล้มตัวนอนคุยกันตามเดิมภายใต้ท้องฟ้าใส

“อีกนานเลยนะ เพราะลูกไม่ยอมให้เราเห็นเลย ฮ่า ๆ แต่ก็ได้นะ งั้นเรียกลูกว่าลิตเติ้ลเบบี๋ก่อนละกัน ดีไหมเบบี๋?” หัวใจของเจย์เลนเต้นตึกตักรุนแรงเมื่อได้ยินสรรพนามนี้อีกครั้งในตอนที่หัวใจอ่อนไหว

“ก็ได้ครับ ลิตเติ้ลเบบี๋” ฝ่ามือเล็กทาบลงที่หน้าท้องตัวเองเพื่อเป็นการบอกลูกในท้องว่านี่จะเป็นชื่อเรียกชั่วคราวของเขาก่อนจะเอ่ยอีกว่า

“แล้วครั้งหน้าไปหาคุณหมอต้องให้แด๊ดกับคุณป๋าเห็นได้แล้วนะครับว่าหนูเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชาย หึหึ” รอยยิ้มน่ารักที่ส่งให้ลูกในท้องทำกียุลใจละลายยิ้มไม่หุบ

“นี่ไม่คิดจะเรียกพี่ว่าบูบูเหมือนเดิมบ้างเหรอ”

“ไม่ล่ะครับ กลับไปบ้านกันเถอะครับ ผมอยากไปคุยกับพ่อแม่” คนขี้เขินกำลังกลบเกลื่อนด้วยท่าทีไม่สนใจ เขาเริ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะออกไปจากร่มต้นไม้ใหญ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาคลุมไปทั่วบริเวณ กียุลลุกตามทันทีโดยที่ไม่ลืมระวังให้อีกคนเพราะกลัวจะล้มแถวนี้มีแต่หญ้ามันสะดุดได้

“วันนี้ยังไม่ได้ดื่มกาแฟเลยนี่ อยากไหม?” คนตัวเล็กเดินนำหน้าไปได้ไม่นานคนตัวโตก็ตามไปสอดมือเดินจับมือกันไประหว่างทางกลับบ้าน

“...”

“ถ้าอยากดื่มคืนนี้พี่เอาไปเสิร์ฟถึงเตียงเลย แต่พี่คิดค่าบริการนะ จำที่เราเคยตกลงกันได้ไหม เรื่องไอติมกับอมยิ้ม” ประโยคหลังกียุลกระซิบเสียงแหบพร่าให้เจย์เลนขนลุกเกรียวหน้าเห่อร้อนแดงราวกลีบกุหลาบเสียอาการใหญ่แล้วสิ

 

 

 

.

.

.

.

.

.

●—————◦◉◦—————●

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

โอ๊ยยยหวานกันมดขึ้นแล้วจ้าาา อมไอติม เลียอมยิ้มอะไรกันคะสองคนนี้โค้ดลับชวนเขินมาก

พี่กียุลก็คือร้ายไม่เบานะคะจะเสิร์ฟอะไรน้องถึงเตียงแน๊!!! จากนี้เตรียมเป็นเบาหวานกันนะคะ ตาย ๆ ๆ 

 

 

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ

 

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ

วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)

ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!

สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน