ฉากที่ 1

เมื่อคลื่นความถี่เรียกเข้าหา

 

"แต่งงานกับพี่นะเจย์เลน"

“ไม่ครับ”

ถ้าวันนั้นตอบตกลงไปทุกอย่างมันจะดีกว่าที่เป็นอยู่ไหม? ทางเลือกที่เลือกมันถูกแล้วหรือเปล่า? ถ้าโลกนี้ไม่ได้มีเขาเป็นเขาเพียงคนเดียว แล้วตัวเขาอีกคนที่เลือกทางอื่นจะเป็นอย่างไร? ใครคนหนึ่งคิดแบบนี้เสมอแม้จะผ่านไปกี่ปีก็ยังติดอยู่ในวังวนนั้นกับความคิดที่ว่ามันจะดีกว่านี้ไหม? ถ้าเลือกอีกทาง...

หลายคนคงเคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างสองสิ่งมามากกว่าหนึ่งครั้งในชีวิตแน่นอน และก็อาจเคยคิดว่ามันคงดีกว่านี้ถ้าเลือกอีกทางที่ไม่ได้เลือกไปตั้งแต่แรก ระยะหลังมานี้ 'เจย์เลน' ผู้ชายตัวเล็ก สูงร้อยเจ็ดสิบต้น ๆ ผู้มีใบหน้าน่ารัก เรือนผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าอมเทาราวกับสีของน้ำทะเล คิดถึงเรื่องราวในอดีตกับสิ่งที่เคยเลือกไปบ่อยครั้งและเขามักจะคิดถึงใครบางคนในความทรงจำที่ตอนนี้ไม่ได้เจอกันมานาน รุ่นพี่คนนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ เจย์เลนเหม่อมองท้องฟ้าในขณะไปทำงานเฉกเช่นทุกวัน ระหว่างนั้นที่กำลังติดอยู่กับความหลังเจย์เลนเดินผ่านใครบางคนที่รีบร้อนไปโดยไม่ทันสังเกต...

‘กียุล’ หนุ่มรูปหล่อลุคไอดอลเกาหลี สูงร้อยแปดสิบต้น ๆ เรือนผมสีดำ ท่าทีอ่อนโยนและใจดี กำลังวิ่งหน้าตั้งลงมาจากรถบัสประจำทางลอยฟ้าสวนกับชายร่างเล็กเขาสัมผัสร่างกายกันเล็กน้อยชวนให้กลิ่นหอมฟุ้งขึ้นมาชั่วขณะ แต่ชายร่างสูงรีบร้อนจนไม่ได้เอะใจกับกลิ่นที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายปี เขามุ่งตรงไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดเมื่อคนสำคัญประสบอุบัติเหตุ กรุงโซลมีประชากรอยู่เกือบสิบล้านคนพวกเขาบังเอิญเจอกันตลอดโดยไม่รู้ตัว ราวกับถูกกลั่นแกล้งจากคนบนฟ้าที่ไม่ต้องการให้พวกเขาพบกันซึ่ง ๆ หน้า มันเป็นเช่นนี้มาหลายปีเสมือนกับทั้งสองคนกำลังได้รับบทสอบแต่ทว่าบททดสอบนั้นคล้ายกับกำลังจะจบลงเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตามแต่มันก็จะมีบททดสอบใหม่มาให้พวกเขาอีกเช่นเดิม

 

ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยคอนกุก

 

"ซีค แล้วไอ้คู่กรณีมันรับผิดชอบไหมเนี่ย ขาหักแขนหักเลยนะ" กียุลหัวเสียเมื่อเห็นสภาพเพื่อนรักเจ็บหนักจากการถูกรถชนเพราะการจราจรบนฟ้าเกิดอุบัติเหตุสัญญาณไฟเสีย

"ตำรวจจัดการแล้ว นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไปทำงานให้นายได้สบาย" แม้เจ็บขนาดไหนซีคก็ยังยิ้มกว้างได้เขาน่ะมันเป็นพวกมองโลกในแง่ดี รอยยิ้มเขามันสดใสใครอยู่ใกล้ซีคก็จะต้องยิ้มกันทั้งนั้นเป็นคนใจดีที่เจ็บหนักขนาดนี้ยังไม่โกรธคู่กรณีเลยด้วยซ้ำก้คิดดูสิว่าจิตใจดีแค่ไหน

"เหอะ ผู้ช่วยผู้กำกับขาหักแขนหัก เอาอะไรมาทำงานได้วะซีค" คังจุนหนุ่มหุ่นหมีตัวสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอ่ย เหน็บแนมคนเจ็บที่มีหน้าตาหล่อเหลาแบบชาวยุโรปพลางกินของเยี่ยมที่เพื่อนร่วมงานเอามาเยี่ยมซีคราวกับเป็นคนป่วยเสียเอง

"ท่านโปรดิวเซอร์ว่ายังไงครับ" ซีคหันไปถามจินกูคนที่อายุมากที่สุดในห้องนี้แล้วทุกคนก็มองเขาเป็นตาเดียวเพราะเขาคือคนที่จะตัดสินใจทุกอย่างในการทำงานเป็นคนหาทุนและให้ทุนสร้างภาพยนตร์ที่พวกเขากำลังจะทำด้วยกัน

"งี้ก็ต้องถามอาร์ตไดเร็กเตอร์กับผู้กำกับภาพด้วยซี่" จินกูโบ้ยให้รุ่นน้องอีกสองคนที่กำลังนั่งเงียบเล่นเกมในมือถือกันอยู่ แทมินคืออาร์ตไดเร็กเตอร์ที่ถูกพาดพิงเขานั่งอยู่ฝั่งซ้ายของโซฟา ผิวของเขาจะออกไปทางสีน้ำผึ้งเล็กน้อยและมีใบหน้าที่หล่อคมครบเครื่อง ผู้มีรอยยิ้มรูปหัวใจเป็นเอกลักษณ์ ส่วนเรียวตะผู้กำกับภาพนั่งอยู่ทางขวาของโซฟาใบหน้าเขาใครมองก็ต้องบอกว่าน่ารักตามสไตล์หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น-เกาหลี ทว่าลุคภายนอกที่หุ่นล่ำกล้ามโต สักเต็มตัวกับเจาะตามร่างกายมันช่างขัดแย้งและเท่ไม่หยอก

"จะมาโบ้ยใครล่ะพี่ พี่เป็นโปรดิวเซอร์" กียุลกล่าวแล้วส่ายหัวพลางหาวพร่ำเพรื่ออย่างคนอดหลับอดนอนมาหลายวัน ซึ่งมันเป็นเช่นนั้น หลังจากที่หลับเต็มอิ่มมาเกือบเดือนเขากำลังกลับมาทรมานอีกครั้งเพราะความเป็นฮิปนอสมาตั้งแต่เกิด "จะเอาใครมาแทนมันล่ะ ผู้ช่วยผู้กำกับที่จะมาช่วยนายได้ นายมีไหมล่ะกียุล คนที่เข้ากับนายได้รู้ใจนาย และจะทำงานกับนายได้เป็นอย่างดี"

"โทษทีนะพี่ นี่หาผู้ช่วยผู้กำกับหรือหาแฟนวะ" แทมินเอ่ยหยอกเย้าหน้าทะเล้น

"ไม่มีทางหาได้ตอนนี้หรอก ผมตอบให้เลย" ซีคกล่าวแล้วทุกคนก็พยักหน้ารับ ตำแหน่งนี้สำคัญมากในสายงาน โปรดักชันเพราะเขาคือคนที่จะประสานงานให้คนในกองถ่ายทำงานด้วยกันได้และทำให้งานสำเร็จตามเวลาที่กำหนดไว้

"เราก็เตรียมการกันจะเสร็จอยู่แล้วนี่ ผมเตรียมตารางการถ่ายทำทุกอย่างหมดแล้ว เหลือบล็อกช็อตอีกนิดกับหน้างาน ผมทำได้" ทุกคนเริ่มหนักใจ เพราะเห็นกันอยู่ว่ามันไม่ได้ จากภาพที่ซีคมีแต่แผลและรอยฟกช้ำเต็มตัวกับเฝือกที่ใส่อยู่ยิ่งตอกย้ำ อีกหนึ่งเดือนจะเริ่มเปิดกล้องเพื่อถ่ายทำไม่มีทางที่คนแขนและขาหักจะฟื้นตัวมาทำงานได้แน่นอน

"เรายังบล็อกช็อตกันไม่เสร็จดีเลย ฉากที่เราแก้ไขเรื่องสถานที่ Scout Location ก็พึ่งหาสถานที่ถ่ายทำใหม่ให้เราได้เราต้องไปบล็อกช็อตกันใหม่ เหลือเวลาอีกเดือนเดียวในการบล็อกช็อตให้เสร็จนายจะหายทันได้ไงซีค…หรือเราจะเลื่อนเปิดกล้องไปก่อน ฉันยังติดใจเรื่องบทอยู่ด้วย อยากแก้ เลื่อนได้นะ" กียุลเอ่ยแล้วหาวอีกรอบจนแมลงวันแถวนั้นจะบินเข้าปาก แล้วก็มีมือดีอย่างคังจุนแหย่นิ้วชี้เข้าไป กียุลเลยกัดเข้าให้เต็มแรงก่อนจะตบกะโหลกเพื่อนไปทีที่เล่นไม่รู้เวลาและทำเอาเสียมาดผู้กำกับหมด

"ยาส์! เลิกเล่นกันก่อน กียุลนายฟังพี่บทมันดีแล้ว ถ้าช้ากว่านี้จะไปทันส่งประกวดที่งานเทศกาลหนังปูซานได้ยังไง เราวางแผนกันดีแล้ว เราแค่ต้องหาผู้ช่วยผู้กำกับเก่ง ๆ มารันการทำงานในกองให้ได้ เพราะนอกจากนั้นเราน่าจะแก้ปัญหากันได้ไม่ยากหรอก" จินกูพูดน้ำเสียงจริงจังเพื่อปลุกใจ เมื่อเห็นกียุลเริ่มไขว้เขว

"เอ้อ!! ผมมีรุ่นน้องที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง มันชอบรับงานผู้ช่วยตามกองโฆษณา ผมว่ามันทำงานนี้ได้ มันเก่งมาก ทำงานเป็น ให้ผมลองติดต่อไหมพี่จิน"

"ใครวะพี่จุน พวกผมรู้จักปะ" แทมินเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์

"ไม่แน่ใจนะ ชื่อเจย์เลนอะ"

"ผู้หญิงเหรอ? ต่างชาติ?" เรียวตะเงยหน้าขึ้นมาถามอีกคน

"ผู้ชายนี่แหละเป็นลูกครึ่งแต่หน้าเกาหลีนะ สีตานี่สวยแบบลูกครึ่งเลย ผมบลอนด์ เป็นผู้ชายที่หน้าหวานน่ารักมากอย่างกับตุ๊กตา ที่สำคัญทำงานโคตรเก่งด้วย" คังจุนชมออกนอกหน้าทำเอาคนในห้องเริ่มเอะใจว่าหมอนี่มันแอบชอบคนที่พูดถึงอยู่หรือเปล่าหรือจะเป็นเด็กของคังจุนเองแล้วทำเนียนเอามาฝากงาน เรียวตะคนหนึ่งละที่คิดแบบนั้นแต่ไม่ได้แซวอะไรออกไปเพราะติดเล่นเกมอยู่

"ฉันคุ้นชื่อว่ะ" ซีคกล่าวขึ้นท่ามกลางความสงสัยแล้วมองหน้าเพื่อนซี้ที่ตอนนี้นิ่งไปแล้ว เพราะกียุลไม่คิดว่าตัวเองจะได้ยินชื่อนี้จากคนรอบตัวอีกเล่นเอาเขาหายง่วงเลย

"ไม่ใช่หรอก คงชื่อซ้ำ" กียุลรีบบอกปัดซีคที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรต่อ แน่นอนว่าเกิดความสงสัยมากขึ้นไปอีกแต่ไม่มีใครคิดสานต่อประเด็นนี้เพราะงานสำคัญที่สุดพวกเขาต้องประชุมกันด่วน

กว่าหนึ่งชั่วโมงที่การเยี่ยมคนเจ็บกลายเป็นการประชุมงานดีที่ได้ข้อสรุปไวทุกคนเห็นตรงกันว่าจะให้ซีคพักรักษาตัวจนหายดีก่อนอย่างที่ควรจะเป็นแล้วค่อยกลับมาทำงาน ซึ่งก็ใช้เวลาโดยประมาณสามเดือนตามที่คุณหมอบอกไว้ ระหว่างนั้นก็จะหาคนมาแทนชั่วคราว

"ผมกลับก่อนนะพี่ ต้องไปเยี่ยมเพื่อนผมด้วย มันพึ่งคลอดลูกอยู่ที่นี่เหมือนกัน" แทมินบอกลาพร้อมโบกไม้โบกมือ ในขณะที่เรียวตะเดินนำไปที่ประตูทางออกแล้ว

"ใครวะ พี่รู้จักปะ" กียุลถามรั้งไว้เมื่อนึกสงสัย

"ไอ้จีมุนอะพี่ ที่เป็นดีไซเนอร์สายทำคอสตูมแฟนตาซีละครเวที"

"อ๋อ เออรู้จัก ผู้ชายตัวเล็ก ๆ แต่งตัวเก่ง ๆ ไว้ผมยาวถึงกลางหลัง เคยให้มันมาช่วยในกองอยู่สองครั้ง ลูกมันผู้หญิงหรือผู้ชาย มันแต่งงานแล้วเหรอวะ อ่า...โทษที นายสองคนไปเถอะ ไว้พี่ไปวันหลังฝากบอกมันด้วยเดี๋ยวพี่ไปรับขวัญหลาน”
เล่นยิงคำถามรัวขนาดนี้สองคนนั้นเลยไม่รู้จะตอบตรงไหนก่อน ได้แต่ทำหน้างงกันทั้งคู่จนกียุลต้องปัดตกความอยากรู้ของตัวเองไป เขาค่อยไปเยี่ยมรุ่นน้องคนนั้นแล้วถามเองจะดีกว่า

"โอเคพี่ เดี๋ยวผมไปถึงผมจะบอกมันให้ เด็กเพศอะไรเดี๋ยวผมส่งข้อความบอกนะ ผมก็ไม่รู้ว่ะ ฮ่า ๆ"

"โอเคขอบใจ รีบไปเถอะ" เสียงปิดประตูบ่งบอกว่าสองคนนั้นไปแล้ว กียุลเลยย้ายร่างไปนั่งที่โซฟายกมือขึ้นนวด ๆ ขมับที่เริ่มปวดอาการอดนอนของฮิปนอสกำเริบอีกแล้ว

"ใช่แฟนเก่านายปะวะที่คังจุนมันบอกว่าเป็นรุ่นน้องมัน" ทุกคนกลับไปหมดแล้วพออยู่กันสองคนซีคก็ถามสิ่งที่คาใจ

"ก็บอกว่าคงชื่อเหมือนกัน" กียุลถอนหายใจก่อนจะตอบ ชื่ออาจซ้ำได้แต่คำบรรยายลักษณะที่คังจุนบอกมันก็คล้ายแฟนเก่าเขามาก ใบหน้าหล่อที่ขอบตาคล้ำเช่นคนอดนอนสะบัดหัวเรียกสติตัวเองเล็กน้อยเพราะอ่อนเพลียจากการไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว ฮิปนอสที่ดื้อยาแบบเขามันใช้ชีวิตได้ลำบากบนโลกนี้จริง ๆ

"ถ้าเกิดเป็นคนเดียวกัน จะทำงานด้วยกันได้เหรอ"

"ฉันทำได้แต่เขาไม่น่าจะทำได้ แค่ได้ยินชื่อฉันก็คงไม่รับงานแล้ว"

"ทำไมวะ นายทำอะไรผิดกับน้องเขาไว้ ตอนนั้นก็เห็นรักกันดี พอนายขอน้องเขาแต่งงานทำไมน้องเขาปฏิเสธแล้วก็เลิกกันไปเลย นายแอบไปนอกใจแล้วโดนจับได้หรือเปล่าไม่เคยเล่าให้ฉันฟังเลยนะ"

"ฉันมันคนไม่เอาไหนใครจะไปอยากใช้ชีวิตด้วยล่ะ... หายไว ๆ นะ มีไรเดี๋ยวโทรหา พักผ่อนซะฉันไปละ"

"อ้าว ไอ้นี่ ตอบก็ไม่ตรงคำถามแล้วยังจะมาทิ้งฉันอีก เฮ้ย!! ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย! ไปหายากินนอนพักบ้างนะเว้ยนายอะ ได้ยินไหมเนี่ย!! จะเป็นซอมบี้อยู่แล้ว!" ร่างสูงไม่สนใจเสียงของเพื่อนที่ดังตามหลังมาเท่าไหร่นัก เขาเดินเหม่อออกมาจากห้องพักผู้ป่วยพิเศษด้วยจิตใจที่เจ็บปวด นึกขึ้นได้ทีไรก็เจ็บแปลบที่หัวใจทุกที เขาไม่เคยเลยที่จะลืมเจย์เลนไปได้แล้วก็ไม่เคยลืมเลยว่าตัวเองห่วยมากขนาดไหนถึงทำให้เจย์เลนปฏิเสธคำขอแต่งงานแล้วหายไปจากชีวิตเขาตั้งแต่นั้นมาก็เกือบเจ็ดปีแล้ว

"หวังว่าจะเป็นนายนะเจย์เลน พี่คิดถึงนาย" เขาพึมพำคนเดียว กียุลอยากพบเจย์เลนอีกครั้งเพื่อขอโอกาสแก้ตัวและอยากจะถามว่าเขาทำพลาดตรงไหนเจย์เลนถึงทิ้งเขาไปโดยที่ไม่บอกลาสักคำ

"เฮ้! กียุลทางนี้" หนุ่มหล่อเจ้าสำอางร่างสูงไหล่กว้าง ลุคผู้บริหารยืนพิงผนังรอกียุลอยู่ที่ทางออกของโรงพยาบาลอย่างกับนายแบบที่ไหนมาถ่ายงานแถวนี้ เล่นเอาพยาบาลกับญาติคนไข้แถวนั้นเหลียวมองกันเป็นตาเดียว

"อ้าว พี่จินกู รอผมเหรอมีอะไรหรือเปล่า" ผู้กำกับหนุ่มตกใจที่เห็นรุ่นพี่โผล่มาทั้งที่น่าจะกลับไปนานแล้ว

"ก็พี่ขับรถนายมา”

“เออใช่ ผมมารถบัสประจำทางนี่” เพราะพวกเขาต่างก็แยกย้ายกันออกมาจากกองถ่ายอย่างรีบร้อนเพื่อมาหาซีคก็เลยเป็นอย่างที่เห็นโปรดิวเซอร์เอารถผู้กำกับมาผู้กำกับนั่งรถประจำทางมา อย่างว่านาทีระทึกอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไฟไหม้บ้านยังมีคนยกตู้เย็นออกมาคนเดียวได้เลย

“นี่ไปเอายารักษาอาการฮิปนอสมาเหรอ?"

"เปล่าพี่ผมอยู่คุยกับซีคมันแป๊บหนึ่ง ยาผมยังมีอยู่ อาการผมก็ดีขึ้นมากแล้วด้วย" ตอบแบบนั้นไปแต่ก็ยังหาวต่อท้าย จินกูอยากจะถามเหลือเกินว่ามันดีขึ้นตรงไหนแต่เขาไม่ถามเขาต้องชิงเข้าเรื่องของตัวเองก่อนเพราะมันสำคัญ

"ตั้งแต่วันที่พี่พาไปอีโบนีโฮสคลับครั้งนั้นอาการนอนไม่หลับก็ดีขึ้นเลยว่างั้น พี่บอกแล้วที่นั่นช่วยนายได้"

สองหนุ่มหล่อเริ่มออกเดินไปยังที่จอดรถด้วยกันพรางสายตาก็มองไปเบื้องหน้าจึงพบกับโดรนและรถที่บินอยู่เหนืออากาศเยอะกว่านกเสียอีก

"ฮ่า ๆ ก็จริงพี่ เหมือนได้ชาร์จพลัง นอนอิ่มมาเป็นเดือน"

"สงสัยจะจริง ที่เขาว่าเซ็กส์จะรักษาได้ผลมากที่สุด นอร์มาแบบพี่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เลย นายก็เก่งมากนะใช้ชีวิตมาได้"

"มันก็ลำบากแต่ว่าทำไงได้อะพี่ ดันเกิดมาเป็นแบบนี้ เลือกก็ไม่ได้"

"พี่ว่านายไปซ้ำหน่อยดีไหม คืนนี้เลย ผ่านมาตั้งนานแล้ว นี่ก็เหมือนยังไม่ได้นอนเลยใช่ไหม? อย่ามาโกหกว่าอาการดีขึ้นเลย ขอบตามันฟ้องว่ะ" จินกูว่าพลางสำรวจดูรุ่นน้อง จากที่เห็นอาการของกียุลแล้วน่าจะไม่ได้นอนมาไม่ต่ำกว่าสองวัน นี่แหละจุดประสงค์ที่แท้จริงของจินกูขอติดรถกลับบ้านและหาเพื่อนเที่ยว รุ่นน้องชั่งใจเล็กน้อยเพราะอาการนอนไม่ได้เริ่มกลับมาอีกแล้วจริง ๆ

ชีวิตของฮิปนอสแบบเขาอยู่ได้ด้วยยา Anti-VGL (anti vigil ; vigil เป็นภาษาละตินแปลว่าอาการตื่นตัวหรือนอนไม่หลับ) ซึ่งเป็นตัวยาที่ช่วยกดประสาทของฮิปนอสให้สามารถหลับได้อย่างเป็นปกติ และเขาต้องพึ่งสัมผัสจากอีโบนีเท่านั้นถึงจะหลับได้ ไม่งั้นเขาจะไม่สามารถนอนหลับหรือข่มตาให้หลับได้เลย ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ ไม่ได้นอนเป็นระยะเวลานานเกินไปร่างกายก็จะรับไม่ไหวถึงขนาดช็อกและเสียชีวิต

"ถือว่าไปเติมแรงไว้ออกกองไง นายจะไปไหม?"

"ใครไปบ้างอะพี่ โฮสคลับอยู่แถวไหนนะ"

"อีแทวอนซอยสุดท้ายร้านที่ต้องเดินลงไปชั้นใต้ดิน นายน่าจะจำได้นะเขาขอตรวจบัตรนายด้วยโคตรจี้ ฮ่า ๆ เดี๋ยวพี่ขับให้เองนะ" จินกูกล่าวพลางหัวเราะร่วน เมื่อเดินมาถึงที่จอดรถ กียุลก้าวไปนั่งฝั่งข้างคนขับ พลางคิดในใจว่าจะเอาอย่างไรดี ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะไปมีเซ็กส์กับใครก็ได้ แต่วันนั้นต้องยอมรับเลยว่ากลิ่นของอีโบนีคนนั้นมันหอมเย้ายวนชวนให้คิดถึงแฟนเก่าที่ยังรักจริง ๆ และเขาก็เมามากจนคุมสติไม่อยู่ ตื่นมายังนึกว่าฝันอยู่เลยเพราะบนเตียงเหลือแค่เขาที่นอนอยู่ในร่างเปลือยและเขาหลับอยู่ที่นั่นตั้งวันหนึ่งเต็ม ๆ

"จริงด้วยครับ คนมันหน้าเด็กก็งี้แหละครับ" ว่าจบก็ยักคิ้วกวน จินกูถอนใจเหนื่อยแล้วส่ายหน้าทว่าก็ยิ้มให้กับความขี้เล่นของรุ่นน้อง ขณะนั้นรถเมอร์เซเดสเบนซ์ จีคลาส รุ่นล่าสุดสีดำคาดขาวสุดเท่ก็เคลื่อนตัวสู่ท้องถนน

“อย่าใช้ระบบขับบนฟ้านะพี่ ผมโคตรเวียนหัวเลย”

"รู้น่า แล้วนายจะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปพี่ได้ไปชวนเรียวตะ"

"ไปก็ได้ครับพี่ ต้องเติมพลังไว้ออกกองจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าผมไม่ได้นอนเลยทำงานไม่ได้แน่"

"มันต้องอย่างนั้น พี่ว่านายควรหาแฟนเป็นอีโบนีสักคนจะได้ไม่ลำบากแบบนี้ ได้ยินว่าค่ายาแพงมากเลยนี่"

"แพงมากครับหาเงินมาได้ก็หมดไปกับยา แต่แฟนเป็นคนธรรมดายังยากเลย นี่ต้องหาคนที่เป็นอีโบนีด้วยพี่ว่าผมจะหาได้ไหม ฮ่า ๆ" เสียงทุ้มหัวเราะตบท้ายให้บทสนทนาดูสนุกขึ้นให้สมกับเป็นคนสนุกสนานทั้งที่ในใจคำตอบไม่ใช่แบบนั้นเลย กียุลมีใครไม่ได้ต่างหากล่ะ เพราะเขายังรักเจย์เลนเพียงคนเดียวและเขาคิดว่าตัวเองไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว

"ก็จริงว่ะ หายากเข้าไปใหญ่ ขนาดหล่อ ๆ อย่างพี่ยังไม่มีแฟนกับเขาเลย"

"เออหล่อครับ" กียุลกลอกตา

"นี่ถ้าพี่ไปออดิชันตามคำเชิญของบริษัทพวกนั้นนะพี่เป็นบอยแบนด์ไปละ ไม่ได้มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้นายละนะ
กียุล"

"ครับ รู้แล้วครับว่าหล่อน่ะ"

"มีค่ายเพลงแล้วก็ค่ายหนังด้วยนะ ตอนมหาลัยฯ พี่ได้นามบัตรจากบริษัทเยอะมาก"

“ต่างประเทศก็มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ ผมนึกว่าจะมีแค่ที่เกาหลีซะอีก”

“มีสิ พี่เก็บนามบัตรไว้ทุกใบเลยไว้จะเอามาให้ดู พี่น่ะหล่อระดับฮอลลีวูดจะบอกให้”

กว่าจะส่งจินกูกลับบ้านได้หูกียุลเปียกความหล่อของจินกูจนชุ่มไปหมดแล้ว คนอะไรหลงตัวเองขนาดนี้กียุลส่ายหน้าเหนื่อยใจด้วยรอยยิ้มบางกับเรื่องตลก ก่อนจะสาวพวงมาลัยรถเพื่อกลับรถอย่างชำนาญทาง มือเอื้อมไปเปิดเพลงโปรดฟัง หยิบแว่นตาสีชาขึ้นมาใส่กันแสงแดด กดปุ่มโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติเพื่อขับรถกลับที่พักของตัวเองอย่างปลอดภัยแล้วเตรียมตัวไปโฮสคลับตามนัดคืนนี้

 

EBONY HOST CLUB , 22.00 น.

 

ดนตรีสนุกสนานดังในคลับพร้อมกับเสียงผู้คนพูดคุยกันพลางโยกย้ายร่างกายตามจังหวะเพลง บรรยากาศก็เหมือนกับสถานที่อโคจรทั่วไปจะพิเศษก็ตรงที่นี่มีโฮสคอยดูแลแขกที่ต้องการคนคอยเอาใจ พิเศษไปกว่านั้นคือตัวท็อปของคลับที่สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นโฮสที่เป็นนอร์มาหรืออีโบนี ตัวเลือกข้อหลังต้องจ่ายหนักและต้องรวดเร็วหากอยากได้มาครอบครองเพราะมีจำนวนน้อย หน้าที่ของโฮสมีตั้งแต่นั่งพูดคุย ชงเครื่องดื่ม จนไปถึงเรื่องบนเตียงแล้วแต่ว่าจะตกลงกันอย่างไร

"เราพรีโปรดักชันกันเกือบเสร็จแล้วเหลือบล็อกช็อตก่อนถ่ายอีกนิดหน่อยเองเจย์เลน เรื่องรันกองนายก็ทำได้อยู่แล้ว สามเดือนเองนะ เรื่องค่าตอบแทนนายบอกที่ต้องการมาได้เลย" คังจุนเอ่ยเสียงอ้อนวอนกับรุ่นน้องคนสนิทที่โซนดื่มของคลับ "ผมมีงานที่นี่นะ แล้วผมก็ไม่ได้ทำกองหนังใหญ่มาเป็นปี ๆ แล้ว ผมทำแค่งานโฆษณา ใครขาดคนผมก็ไปช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมไม่ได้เป็นงานอะไรขนาดนั้นนะครับพี่ กลัวจะทำงานพี่พัง มันเป็นงานประกวดด้วยนี่" เสียงหวานนุ่มของผู้ชายอธิบายตามความจริง เขาไม่มั่นใจฝีมือตัวเองแล้วก็ติดงานเป็นโฮสอยู่ที่นี่ ถ้าจะขอลางานสามเดือนเขาคงต้องโดนเจ้านายบอกว่าให้ลาออกไปเสียยังดีกว่า ใครที่ไหนเขาจะให้ลางานนานขนาดนั้นล่ะจริงไหม เว้นแต่จะลาคลอดลาไปเลี้ยงลูกอันนั้นพอเป็นไปได้

"นะเจย์เลน มันไม่มีใครแล้วจริง ๆ นายเป็นคนเก่งคนในวงการเขารู้กันหมดน่า มั่นใจตัวเองหน่อยสิ ช่วยพี่หน่อยเถอะนะครั้งเดียว พี่ไม่เคยขออะไรเจย์เลยนะ นะเจย์นะ" ผู้ชายร่างหมีมีแก้มบุ๋มสองข้างกุมมือรุ่นน้องไว้ก่อนจะนำมา คลอเคลียที่ข้างแก้มตัวเองเป็นการอ้อน ส่งสายตาปริบ ๆ อย่างกับลูกหมาน้อย (ที่ไม่น้อย)

เจย์เลนพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างลำบากใจที่จะตอบคนตรงหน้า ที่จริงงานด้านนี้เป็นสิ่งที่เขาอยากทำเพราะเป็นความฝันของเขา เจย์เลนอยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้เขียนบทภาพยนตร์เองสักเรื่องในชีวิต อยากทำงานในกองถ่ายและค่อย ๆ ไต่เต้าไปจนถึงจุดนั้น แต่บางสิ่งในอดีตทำให้เขากลัวฝันจนล้มเลิกไป...

"นายเก็บไปคิดก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องตอบพี่วันนี้"

"...."

'ออกไปข้างนอกเจย์เลน ตามเสียงฉันมา ตามฉันมา...'

ขวับ

จู่ ๆ เสียงพึมพำก็ดังอยู่ที่ข้างหูเจย์เลน มันเรียกร้องบอกให้เขาออกไปจากที่นี่แล้วเจย์เลนก็ทำตามอย่างว่าง่ายราวกับถูกควบคุม คังจุนแปลกใจไม่น้อย แต่เข้าใจได้ว่ารุ่นน้องคงอยากใช้เวลาคิดจึงไม่ได้เดินตามไปซึ่งเขาคิดผิดมหันทั้งที่เขาเคยอยู่ในเหตุการณ์ประหลาดกับรุ่นน้องอยู่บ่อยครั้งแล้วก็ยังปล่อยไป ร่างเล็กยังคงเดินฝ่าคลื่นคนออกไปนอกคลับด้วยท่าทีเหม่อลอย เจย์เลนมักได้ยินเสียงนี้ตั้งแต่ช่วงหนึ่งปีให้หลังตอนเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ส่วนมากจะมาเป็นเสียงบางเบา ทว่าวันใดที่ร่างกายอ่อนแอเสียงนั้นก็จะแข็งแกร่งขึ้นจนบางทีก็เห็นตัวปรากฏขึ้นเป็นภาพเลือนราง แต่การจะเห็นแบบนั้นมันนับครั้งได้เลย

'เดินไปกลางถนนซะเจย์เลน'

ร่างเล็กหยุดอยู่ข้างถนนมองไปยังเบื้องหน้าที่มีรถขับสวนกันบางตา

'เดินไปสิ ทำตามเสียงฉันที่บอกนายเจย์เลน เดินเข้าไปหารถพวกนั้น จบชีวิตเฮงซวยของนายซะ...'

ร่างกายตอบรับโดยการก้าวขาออกไปที่ถนนเป็นเวลาเดียวกันกับที่กียุลสังเกตเห็น เขารีบเหวี่ยงปิดประตูรถแล้ววิ่งไปหาผู้ชายที่ดูไร้สติคนนั้น

ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนนน

"คุณ!!ระวัง!!"

ตุบ!!

กียุลฉุดร่างเล็กกว่าเข้าหาตัวก่อนจะเสียหลักล้มลงกันทั้งคู่โดยที่เจย์เลนสลบอยู่บนร่างของกียุล หัวใจเขาเต้นระรัวจากอุบัติเหตุที่เกือบจะเกิดขึ้นแล้วต้องตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อคนที่ตัวเองช่วยไว้คือแฟนเก่าที่ไม่เคยลืมไปจากใจ

"เจย์เลน! เจย์เลน!"

"...."

ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนหมดสติ

เป็นคุณจะทำยังไงกับเหตุการณ์แบบนี้ล่ะ ให้เดาคงทำอะไรไม่ถูกอย่างที่กียุลเป็นนี่แหละ จินกูวิ่งตามหลังมารีบเข้าช่วยทั้งคู่จัดแจงทุกอย่างช่วยประคองกียุลที่อุ้มเจย์เลนไปที่ทางเดินกันเกาหลีมุงออกระหว่างนั้นก็โทรเรียกรถพยาบาลทันที กียุลมองใบหน้าสวยที่คิดถึงแล้วหอบหายใจแรงสมองตื้อตันและปวดหนักหูอื้อตาลาย เขากระวนกระวายใจกลัวเจย์เลนจะเป็นอะไรร้ายแรงบวกกับอาการอดนอนที่ไม่ได้เป็นมานานพอกลับมาเป็นก็จะรุนแรงแบบนี้ เสียงรอบตัวเริ่มอื้ออึงปวดศีรษะรุนแรงกว่าเดิมแต่เขาไม่หยุดเรียกสติคนในอ้อมแขน

"เจย์เลน เจย์เลน ได้ยินเสียงพี่ไหม"

"รู้จักกันเหรอ อ้าว เฮ้ย! กียุล!!"

ฮิปนอสที่นอนไม่พอสลบไปอีกคนทั้ง ๆ ที่โอบกอดอดีตคนรักไว้ไม่ยอมปล่อย นั่นมันทำให้รับรู้ได้ถึงความรักที่ไม่เคยตายไปจากใจของเขาเลย

.

.

.

.

.

.

.

●—————◦◉◦—————●

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม 

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ 

เป็นไงกันบ้างคะตอนแรกผ่านไปได้กลิ่นควันจากถ่านไฟเก่ามั้ยคะ5555 หวังว่าทุกคนจะอยู่ด้วยกันไปจนจบเรื่องเลยนะคะ ฮืออ

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ

วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)

ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!