ฉากที่ 7

ต่างโดนยาพิษที่ชื่อความเจ็บปวด

 

‘กระโดดลงไปสิเจย์เลน’

มือบางเกาะที่ราวระเบียง สายตามองต่ำลงไปยังด้านล่างราวกับยืนอยู่ขอบหน้าผาสูงที่หากลมพัดเพียงนิดเดียวก็สามารถปลิดปลิวลงไปได้

‘นายจะรออะไร แป๊บเดียวก็จบแล้ว ลงไปซะสิ’ เสียงที่แว่วดังยังคงออกคำสั่งให้เจย์เลนเดินเข้าสู่หนทางแห่งความตายไม่เลิก น้ำเสียงนั้นหากฟังดูดี ๆ ก็จะพบว่าคล้ายคลึงกับร่างบางที่ไร้สติในตอนนี้มากดั่งเสียงจากคนเดียวกันก็ว่าได้ เจย์เลนกำลังตกอยู่ในภวังค์ความสับสนว่าจะทำตามเสียงบอกหรือไม่และดูเหมือนความคิดที่บอกให้ทำตามนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ

“ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก! เจย์เลน! พี่เองนะ เปิดประตูให้พี่หน่อย เจย์เลน! เปิดประตู เจย์เลน!”

ในตอนนั้นก็เหมือนมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย กียุลยืนโหวกเหวกโวยวายอยู่ที่หน้าประตูห้อง เสียงนั้นแล่นตรงไปด้านในผ่านจอฮอโลแกรม ทว่าเสียงด้านนอกระเบียงนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงสายลม เสียงการจราจร เสียงไซเรน มันจึงทำให้เสียงของกียุลโดนลดทอนไปแล้วแบบนี้เขาจะช่วยเจย์เลนได้ไหม

“เจย์เลน! เป็นอะไรหรือเปล่า เจย์เลนเปิดประตู!”

กียุลไม่ยอมแพ้ทั้งตะโกนเรียกพลางทุบประตูทั้งโทรหาและส่งข้อความแต่ก็ไม่มีการตอบรับจากคนด้านในอยู่ดี

‘กระโดดลงไปได้แล้วเจย์เลน!’

“ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก! เจย์เลน!! พี่เอง เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!”

 

“เฮือก!!”

 

สติที่หลงเหลือน้อยนิดกลับมาฉับไวเพราะเสียงของคนด้านนอก เจย์เลนรีบถอยห่างออกจากระเบียงอย่างตื่นกลัวพลางหอบหายใจแรงมือข้างหนึ่งลูบหน้าท้องตัวเองอย่างเผลอไผลเป็นห่วงลูกในท้องด้วยสัญชาตญาณ ขณะนั้นเสียงของกียุลยังคงดังอยู่ เจย์เลนจึงรีบวิ่งไปเปิดประตูด้วยความตระหนก

“เจย์เลน! เป็นอะไรไหม ทำไมไม่รับสายพี่ ทำไมมาเปิดประตูชะ-”

ร่างเล็กโผเข้ากอดกลืนกินคำพูดกียุลจนหมดสิ้น ไม่ใช่ว่าเจย์เลนไม่เคยชินกับเสียงล่อลวงไปสู่ความตายนี้นะแต่
เจย์เลนไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วหากเขาตายไปคนเดียวเขาไม่เสียใจหรอกทว่าตอนนี้เขามีลูกอยู่ในท้องเขาจึงจะไม่ยอมเป็นอะไรเด็ดขาด ครั้งนี้ก็เลยกลัวเสียงนั้นมากขวัญผวาจนต้องหาที่พึ่ง ร่างหนากระชับกอดปลอบลูบหลังเจย์เลนโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำเพราะเพียงร่างเล็กที่สั่นเทาก็บ่งบอกได้แล้วว่าหวาดกลัวมากแค่ไหน

“พี่อยู่นี่ พี่อยู่นี่นะเจย์เลน ไม่ต้องกลัวแล้ว” กียุลใช้น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบราวคุยกับเด็กน้อยทั้งลูบหัวทั้งลูบหลังไม่หยุด

“พี่พาเข้าห้องนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” เจย์เลนพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนร่างเล็กจะลอยหวือจนต้องกอดคอร่างสูงไว้เมื่อถูกอุ้มขึ้น กียุลอุ้มเจย์เลนไปที่ห้องรับแขกสไตล์โมเดิร์นวางร่างเล็กลงโซฟาเบดอย่างนุ่มนวลแล้วหย่อนตัวนั่งลงเคียงข้างสังเกตอาการว่าคนน้องเป็นอะไรแทนที่จะถาม เจย์เลนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากและพยายามปรับลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะปรับท่านั่งให้สบาย

“อะแฮ่ม อื้อ พี่มาทำไม” เจย์เลนกระแอมกระไอเล็กน้อยแล้วจึงวางท่าเย็นชาตามเดิม

“นายไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความพี่เลยเป็นห่วง”

“ผมไม่ได้เป็นอะไร” เจย์เลนกำลังโกหกคำโตทั้งที่หัวใจยังหวาดกลัวเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะด้วยซ้ำ

“พี่ไม่ใช่ควายนะเจย์เลน เลิกดื้อได้ไหมไปอยู่กับพี่เถอะ พี่รู้เรื่องแฝดปีศาจแล้วนะ” คิ้วทรงสวยผูกเป็นปมและรู้เลยว่าใครเป็นคนเล่าให้ฮิปนอสจอมมึนคนนี้ฟัง

“พี่เชื่ออะไรพวกนี้ด้วยเหรอ มันไม่จริง พี่จุนเขาก็พูดไปเรื่อย”

“ถ้าคิดไม่ทันก็ไม่ต้องแก้ตัว มันฟังไม่ขึ้น” คู่นี้เขารู้ทันกันจริง ๆ นะ เล่นเอาเจย์เลนไปต่อไม่ได้

“จริงไม่จริงไม่รู้ แต่กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ ป้องกันไว้ไม่เสียหาย นายอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกเจย์เลน” คนดื้อเงียบไปครู่หนึ่งเพราะเขาก็เริ่มคิดว่ามันอันตรายหากครั้งหน้าได้ยินเสียงนี้อีกเขาจะมีสติดึงตัวเองกลับมายังไง เหมือนเขาตายได้ทุกเมื่อคนท้องเริ่มคิดไม่ตกเป็นห่วงลูกในท้อง

“ถ้าไม่อยากไปอยู่กับพี่ก็เล่าให้พี่ฟังได้ไหม จะได้หาทางแก้” ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาเนื้อนุ่มและเริ่มเล่าอย่างจำนน ถ้าหากไม่นึกถึงลูกก็คงจะดื้อแพ่งต่อไป

“ผมก็ไม่รู้หรอก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร เรียกว่าแฝดปีศาจจริงหรือเปล่า แต่ผมได้ยินเสียงเขาหลังจากเลิกกับพี่ไปหนึ่งปี” กียุลตั้งใจฟังก่อนสายตาจะสังเกตเห็นอาหารตรงหน้า เขาถึงกับตาเบิกโพลง

“เดี๋ยวก่อนนะแป๊บหนึ่ง แล้วนี่อะไรเนี่ยอาหารขยะทั้งนั้นเลย น้ำอัดลมอีก กาแฟด้วยเหรอ นายกินทั้งหมดนี่คนเดียว?” กียุลตาโตตกใจกับสิ่งที่เห็นบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าที่มีทั้งไก่ทอด พิซซ่า รามยอน ขนมถุงหลากหลายห่อ น้ำอัดลม และกาแฟอีก เขาลืมประเด็นก่อนหน้านี้ไปเลยเมื่อเห็นอาหารการกินของเจย์เลน

“ทำไม ก็อยากกินมันอร่อย”

“ไม่ได้ นายจะกินแบบนี้ไม่ได้ มันไม่มีประโยชน์เลย กินแบบนี้ไม่ดีกับลูกเลยนะ แล้วนี่นายติดกาแฟเหรอตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงว่าในตู้เย็นนายกับในห้องครัวมีแต่กาแฟ” เจย์เลนยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิหยิบหมอนมานั่งกอดไว้แล้วปัดมือในอากาศเลื่อนช่องรายการทีวีท่าทีไม่สนใจกียุล

“อือ ติดกาแฟ เลิกกินไม่ได้ แล้วอย่ามาห้ามนะผมไม่เลิก”

“คนท้องเขาห้ามกินกาแฟเจย์เลน” คนดื้อรู้ดีแต่ลองกินนมแล้วมันไม่ไหวนี่ คนมันอยากกาแฟ

“มันกินได้ผมอ่านดูแล้ว ผมไม่ได้กินเยอะ อีกอย่างร่างกายผมแข็งแรง ผมจะทำอะไรก็ได้ ย้ำนะ ผมท้องไม่ได้ป่วย”

“นี่นายท้องอยู่นะจะกินได้ไง ไม่ได้ พี่ไม่ยอม”

“ไม่ยอมแล้วทำไรได้อะ ไหนบอกดิ” เจย์เลนหันมายักคิ้วไหวไหล่ท้าทายและกียุลก็ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ได้แต่เม้มปากสู้พูดไม่ออก

“พี่ทำไรไม่ได้อยู่แล้วพี่รู้ แต่ลูกเราน่ะสิ เขาอยู่ในท้องนายทุกอย่างส่งผลต่อเขา ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง เขาจะคิดว่าออมม่าไม่รักหรือเปล่า ลูกต้องเสียใจมากแน่เลยที่ออมม่าไม่ดูแลตัวเอง พี่สงสารลูกเลยพอคิดแบบนี้นายไม่สงสารเหรอเขายังตัวเล็ก ๆ อยู่เลยนะ กินแบบนั้นจะโตได้ไงออกมาต้องตัวเล็กมากแน่ ๆ สุขภาพก็จะไม่แข็งแรงด้วยนายว่าไหม”

กียุลตีหน้าเศร้าเล่นกับความใจอ่อนของเจย์เลน แสร้งทำเป็นจะร้องไห้พูดไปเสียงก็เครือไป คนท้องพอคิดตามแล้วก็รู้สึกคล้อยไปกับพ่อของลูกแต่ถ้าจะยอมเลยก็ไม่ใช่เจย์เลนสิมันต้องดื้อสักหน่อยถึงจะเป็นเขาตัวจริง

“ออมม่าหนูใจร้ายเลยจังเลยครับลูก”

“หยุดเรียกออมม่าดิ ผมคือแด๊ดดี้” เจย์เลนไม่ได้ไม่พอใจกับสรรพนามที่กียุลมอบให้หรอกนะเพียงแต่มันเขินก็เท่านั้น พอมันออกมาจากปากพ่อของลูกหน้าเขาก็เห่อร้อนแทบไหม้

“ก็ได้ นายเป็นคุณแด๊ด ส่วนพี่คือคุณป๋า โอเคนะครับ”

“อืม”

“แล้วคุณแด๊ดของคุณป๋าจะลดกาแฟลงไหมครับ”

“จะลดลงแล้วกันแต่เลิกไม่ได้นะ พี่กลับไปได้แล้ว กลิ่นโซจูหึ่งเลยผมจะอ้วก” เจย์เลนคลื่นไส้จริงอันนี้ไม่ได้โกหก

“พี่เมาแบบนี้จะให้พี่ขับรถกลับเหรอ”

“อย่ามาอ้างพี่อยู่ตึกข้าง ๆ ผมไม่ใช่เหรอ เดินกลับไปสิ”

“ดูหนังกันดีกว่า เรื่องนั้นนายยังชอบดูอยู่ไหมที่ลีโอนาร์โดเล่น” เขาว่าพลางแย่งเจย์เลนดูทีวีเขากดเข้าแอปพลิเคชันสีแดงดำเลื่อนหาหนังที่เขาสองคนชอบดูด้วยกันทันทีไม่สนใจคำไล่ก่อนหน้านี้

“ยังชอบอยู่” แต่ไม่ทันได้เลื่อนเจอเจย์เลนก็ปัดมือไปทางขวาปิดทีวีหนีเสียก่อน

“ผมจะอ้วกจริง ๆ นะ ถ้าจะอยู่ดูหนังก็ไปอาบน้ำ เสื้อผ้าพี่คังจุนใส่ไปก่อน อยู่ในตู้เสื้อผ้าที่ห้องแต่งตัวไปหาเอา รีบไปเลยผมเวียนหัวแล้ว” ไม่ว่าเปล่ามือบางดันไหล่หนาให้รีบลุกออกไปเพราะกำลังพะอืดพะอมได้ที่

“โอเค ๆ ๆ พี่ไปแล้ว ๆ สงสัยเจ้าหนูจะไม่ชอบ”

“ผมนี่แหละไม่ชอบ ไปเลยนะจะอ้วก”

“ครับ ๆ เดี๋ยวพี่มาคุยเรื่องนั้นต่อนะพี่ยังไม่ลืม แล้วนายจะดูหนังเรื่องอะไรก็เลือกไว้เลย ยกเว้นแบทแมน”

“แบทแมนผิดอะไรวะพี่ ยังไม่เลิกนิสัยกวนตีนนะ!” เจย์เลนตอบกลับเสียงเขียวพลางปาหมอนใส่ร่างสูงที่ชอบยียวนกวนประสาทบังอาจมากล่าวถึงฮีโร่ตัวโปรดในตำนานส่วนรายนั้นก็ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะชอบใจกับปฏิกิริยาของคนน้องก่อนจะเดินหายไปในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี

ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมชุดนอนของคังจุนที่หลวมไปสำหรับเขาเล็กน้อยแล้วกียุลก็ได้คุยกับเจย์เลนเรื่องแฝดปีศาจเรียบร้อย ข้อสรุปคือเจย์เลนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็แค่ได้ยินเสียงที่เหมือนกับเสียงตัวเองแล้วก็ถูกควบคุมร่างกายด้วยเสียงนั้นและทำตามคำสั่งโดยอัตโนมัติ หากตอนไหนที่ร่างกายอ่อนแอไม่แข็งแรงก็จะได้ยินเสียงนี้ ตรงตามที่คังจุนเล่าทุกอย่าง ที่เพิ่มเติมคือเจย์เลนเคยเห็นร่างคล้ายวิญญาณเป็นภาพเลือนรางที่เหมือนกับตัวเองด้วยตอนนั้นป่วยหนักทั้งกายทั้งใจเพราะพ่อกับแม่เสีย

“งั้นเราก็ไม่รู้เลยสิว่าเขาต้องการอะไร เราก็แก้ปัญหาไม่ได้ ยังไงนายก็ต้องไปอยู่กับพี่นะ ถึงนายจะบอกว่าตัวเองแข็งแรงแต่นายมีลูกอยู่ในท้องร่างกายนายมันไม่เหมือนเดิมแล้ว นายไม่ได้ป่วยก็จริงแต่ว่ามันไม่เต็มร้อย พี่ว่านายรู้ข้อนี้อย่าดื้อเลย” เจย์เลนรู้หมดนั่นแหละเป็นจริงอย่างที่กียุลพูดแต่เจย์เลนแค่ไม่อยากอยู่ใกล้กียุลมากไปยิ่งใกล้มันยิ่งเจ็บ

“ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม อย่าพึ่งเร้าหรือผมเลย”

“มันอันตรายมากนะ นายกับลูกเป็นอะไรขึ้นมาพี่คงอยู่ไม่ได้” ใบหน้าสวยหันไปมองตอนที่กียุลพูดจบ หัวใจพลันวูบไหวและยิ่งสะเทือนใจเมื่อสายตาตัดพ้อของกียุลกำลังบอกทุกความรู้สึกจนเขาต้องรีบหันกลับไปมองหน้าจอโทรทัศน์ตามเดิม

“ถ้ามันร้ายแรงจริง ๆ ผมจะไปแล้วกัน แต่ตอนนี้ยัง”

“ได้ ต่อไปก็เรื่องอาหารของนาย พี่จะไม่ยอมให้กินแบบนี้แน่ กาแฟนี่ไม่ได้เลยนะน่าจะงดไม่ใช่ลด”

“ผมต้องกิน กินมาตั้งหลายปีจะให้ผมเลิกเลยได้ไง”

“ทำไมติดกาแฟ” ก็เพราะกียุลเจย์เลนถึงติดกาแฟ มันเป็นตัวช่วยเดียวที่จะทำให้คลายคิดถึงลงได้บ้าง มันทำให้รู้สึกว่ามีอีกคนอยู่ใกล้

“เพราะพี่หรือเปล่า”

“เปล่า ผมทำงานกลางคืน กลางวันก็ง่วงไงก็เลยกินกาแฟ มันก็เลยติด” แน่นอนว่ากียุลไม่เชื่อคำตอบของเจย์เลนเพราะว่าพอพูดจบเจย์เลนก็กัดริมฝีปากเม้มปากตัวเองอย่างลืมตัวซึ่งมันหมายความว่าเจ้าตัวโกหกอยู่ แต่เขาจะไม่คาดคั้นคนน้องบางเรื่องพูดไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นโดยเฉพาะตอนนี้ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูได้โดนไล่ออกจากห้องแน่

“เลิกชวนคุยได้แล้วจะดูหนัง”

“เราดูเรื่องนี้กันมาเป็นร้อยรอบแล้วมั้ง พี่จำบทได้หมดแล้ว ขนาดรีเมคมาเป็นสิบรอบแล้วเขาก็ยังใช้บทเดิมแทบ
ร้อยเปอร์เซ็นต์”

“ผมก็จำได้ แต่อยากดู ผมชอบเวอร์ชันแรกที่สุด ดีที่เทคโนโลยีสมัยนี้มันล้ำมากหนังเก่าแค่ไหนก็หามาดูได้”

“จริงที่สุด แต่พี่ก็ไม่ค่อยชอบเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกมากจนเกินไปอยู่ดี ว่าแต่สรุปแล้วตอนจบมันคือความจริงหรือความฝัน”

“โนแลนออกมาเฉลยตั้งนานแล้วว่ามันคือเรื่องจริงเหมือนที่ผมคิด ส่วนพี่เดาผิด”

“พี่แพ้นายอีกแล้วงั้นสิ นี่พี่จะชนะนายบ้างไหมนะในชีวิตนี้ เอาแต่แพ้นายอยู่เรื่อย แพ้ใจก็แพ้ให้นาย” หนุ่มหล่อว่าก่อนจะส่งสายตากรุ้มกริ่มอีกทั้งเอนศีรษะไปซบไหล่เล็กส่งผลให้โดนดันออกมาแทบจะทันที

“อย่าได้พูดอะไรเลี่ยน ๆ ออกมาเลยนะ ผมไล่กลับบ้านจริงด้วย” กียุลไม่สะทกสะท้านยิ้มน่ารักสู้แล้วชวนเปลี่ยนเรื่องคุย

“ไว้เราไปหาพ่อกับแม่พี่ที่แดกูกันนะ ไปบอกว่านายท้องกัน” เจย์เลนกดหยุดหนังที่ดูอยู่แล้วหันไปหากียุลด้วยท่าทีจริงจัง “เราต้องบอกใช่ไหม” อีโบนีถามเสียงอ่อยทำผิดกับลูกชายเขาไว้ขนาดนั้นเจย์เลนจะไปสู้หน้าได้ยังไง

“ต้องบอกสินายมีหลานให้ท่านนะ พ่อกับแม่พี่ถามถึงนายตลอดเลย ท่านสองคนยังรักและเอ็นดูนายเสมอไม่ต้องคิดมาก” คนท้องพยักหน้าช้า ๆ อย่างใช้ความคิด มันก็ต้องบอกจริง ๆ นั่นแหละเจย์เลนหนีไม่ได้อยู่แล้ว

“แต่ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้นะ”

“ต้องไปหาท่านก่อนเปิดกล้อง เพราะเปิดกล้องแล้วเราจะยุ่งกันมาก” ขัดใจเจย์เลนอีกแล้วแต่ก็ต้องเป็นไปตามนั้น กียุลมีเหตุผล

“ไปวันไหนพี่จะบอกนายอีกทีเตรียมตัวไว้ แล้วนายทำเอกสารไปถึงไหนแล้วให้พี่ช่วยทำมั้ย?”

“ช่วยก็เดี๋ยวคิวแหกอีกสิ ผมโทรคุยกับพี่ซีคแล้วเขาช่วยผมอยู่” เจย์เลนตอบพลางหาวเพราะเริ่มง่วง มือบางกดเล่นหนังที่หยุดไว้จอภาพเริ่มเคลื่อนไหว ดวงตาสีน้ำทะเลก็เริ่มปรือปอย

“ต้องเลิกกองตรงเวลา เลิกไม่ดึกนะ นายท้องต้องพักผ่อนห้ามนอนดึก ห้ามทำงานเลยเวลาด้วย”

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ผมทำงานแค่สี่เดือนเอง”

“ถ้าไม่ติดอะไรมาทำด้วยกันจนจบเลยก็ได้นะ” จังหวะนั้นที่ไหล่ขวาของกียุลก็มีสัมผัสเบาบางอิงลงมาเป็นเจย์เลนที่ผล็อยหลับซบไหล่หนา มือแข็งแรงเอื้อมไปลูบกลุ่มผมนุ่มก่อนจะกดปิดทีวีแล้วอุ้มแม่ของลูกเข้าไปนอนในห้องให้สบายตัว

ดวงตาของกียุลสะท้อนภาพความรักอยู่ไม่จางยามที่มองเจย์เลนหลับใหล ริมฝีปากบางของเขาแนบจุมพิตลงที่หน้าผากมน เปลือกตา ปลายจมูก แก้มเป็นพวง ริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วยิ้มอย่างมีความสุข มือของเขาเลื่อนลงไปที่หน้าท้องเจย์เลนอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าคนที่นอนอยู่ในนั้นจะเจ็บ

“พี่ตกหลุมรักนายถอนตัวก็ไม่ขึ้นแล้ว” เขาพูดแล้วยิ้มอยู่คนเดียวพลางในใจก็คิดว่าจะพยายามหาทางทำให้เจย์เลนมั่นใจในตัวเขาและทำให้รู้ว่าเจย์เลนฝากชีวิตไว้กับเขาได้ เขาเฝ้าอธิษฐานราวเด็กน้อยที่เชื่อในปาฏิหาริย์ตลอดเกือบเจ็ดปีเพื่อให้เจย์เลนมาอยู่เคียงข้างเขาอีกครั้ง กียุลกำลังคิดว่าตอนนี้เขาคือคนที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้วล่ะ คำอธิษฐานของเขาเป็นจริง เจย์เลนกลับมาหาเขาแถมพวกเขายังมีลูกที่ช่วยคล้องหัวใจของพวกเขาเข้าด้วยกันอีก สายตาอ่อนโยนจ้องมองใบหน้าสวยที่อยู่ในห้วงนิทราราวกับกำลังมองหาต้นกำเนิดเวทมนตร์ที่เปล่งประกายมาจากตัวร่างเล็ก เจย์เลนมาได้ถูกเวลาและถูกจังหวะชีวิตที่สุดแล้ว ผู้กำกับหนุ่มคิดว่าถ้าหากตอนนั้นเจย์เลนตกลงแต่งงานกับเขาทุกอย่างมันอาจไม่ได้ดีเหมือนกับตอนนี้ก็เป็นได้เขาเลยพอใจมากเมื่อย้อนคิดกลับไปในช่วงเวลาที่เจ็บปวด มันแสนสาหัสทว่าก็คุ้มค่ากับการรอคอย

“นายกับลูกมาได้ถูกเวลาที่สุด พี่จะลืมทุกความเจ็บปวดที่ผ่านมา พี่จะรักนายกับลูกจะดูแลนายกับลูกให้ดีที่สุด พี่จะพิสูจน์ให้เห็นและจะทำให้รู้ว่านายคือแสงสว่างที่ทำให้พี่ใช้ชีวิตต่อไปได้” ใบหน้าหล่อก้มลงจูบที่หน้าท้องแบนราบตอกย้ำให้คำมั่นสัญญาแล้วล้มตัวลงนอนข้างกันโอบกอดคนตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขนให้ฮิปนอสแบบเขาหลับได้พร้อมกับฝันหวานไปด้วยกันกับอีโบนีผู้รักษาหัวใจ

เช้าวันรุ่งขึ้นเจย์เลนมีอาการแพ้ท้องเล็กน้อยก็ได้กียุลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทำอาหารให้กิน เอายาให้กิน และตอนนี้ก็กำลังจัดการของในตู้เย็นกับในครัวของเจย์เลนอยู่เลยเป็นสาเหตุทำให้คุณแด๊ดดี้ป้ายแดงฉุนเฉียวแต่เช้า

“ไวน์ โซจู มันจะไปอยู่บ้านพี่ นายห้ามดื่มเด็ดขาด”

“ประสาทเถอะ วางไวน์ลงเลยนะ คลอดแล้วผมก็กินได้”

“ไม่ได้ พี่ไม่ไว้ใจนายมันดื้อ”

“อยากโดนต่อยเหรอ วางเลยนะ”

“โหดจริง ๆ หึหึหึ พี่ล้อเล่น แต่โซจูเอาไปจริงกาแฟด้วย น้ำอัดลมด้วย” ร่างสูงว่าพลางหัวเราะร่วนอย่างคนขี้เล่นก่อนจะถือขวดของมึนเมาลงตะกร้าเตรียมเอากลับบ้านตัวเอง ส่วนเจย์เลนนั่งกอดอกยู่ปากอย่างกระเง้ากระงอดมองการกระทำของกียุล

“วางกาแฟเลยนะ น้ำอัดลมเหลือน้ำส้มไว้ด้วย”

“ไม่” (͡°з ͡°)

“พี่!!” Ψ (`∀´#) ノ

“มันไม่ดีกับลูกนะ”

“ผมจะกิน”

“พี่ไม่ให้”

“ฮือออออ ก็มันอยากกินอ่า ไม่เอา เอาคืนไว้ที่เดิมเลยนะ ฮืออออออ” กียุลยืนละล้าละลังทำอะไรไม่ถูกเมื่อจู่ ๆ เจย์เลนก็ร้องไห้ออกมา สุดท้ายก็วางข้าวของในมือลงแล้วตรงไปหาคนอารมณ์แปรปรวนกอดโอ๋เอาใจให้หยุดร้องไห้

“โอ๋ ๆ ๆ เจย์เลนไม่ร้องนะ งั้น งั้น งั้นพี่ให้กินกาแฟวันละแก้ว”

“สามแก้ว ฮืออออ ไม่งั้นจะพาลูกหนีเลย ฮืออออ”

“พี่ยอมแล้วคนดี สามแก้วก็สามแก้วครับ พี่รู้นะว่าแค่ขู่พี่ แต่อย่าขู่แบบนี้บ่อย ๆ ได้ไหม” เพราะว่ากียุลใจเสียหัวใจมันสั่นกลัวทุกทีเลยเมื่อคิดว่าเจย์เลนจะหายไปอีก

“ก็อย่าขัดใจสิ ฮือออ ไม่ต้องมากอดเลย ฮืออออ” ประโยคท้ายเป็นคำลวงเพราะถ้าเลิกกอดได้ตายแน่ ดีนะที่กียุลรู้ใจไม่ได้ทำตาม

ครืดดดดดดดดดดดดดดด

จังหวะที่กอดโอ๋กันอยู่เสียงโทรศัพท์ของผู้กำกับก็ดังขึ้นเป็นจินกูที่โทรเข้ามา

“โอ๋ ๆ พี่ขอโทษ พี่ขอรับสายก่อนนะ เลิกร้องนะครับ” เจย์เลนเช็ดน้ำตาตัวเองออกลวก ๆ ด้วยหลังมือแล้วพยักหน้ารับอย่างเผลอตัวและมันทำให้กียุลยิ้มพลางเลื่อนมือไปลูบศีรษะกับบิดจมูกรั้นให้หายมันเขี้ยว

“ครับพี่จิน โทรมาซะเช้าเลยมีอะไรหรือเปล่า”

“ท่านประธานเรียกพบด่วนเลย พี่ว่าเรามีปัญหาแล้วเรื่องนักแสดงกับทุนสร้างของเรา นายรีบมาที่บริษัทนะ ท่านจะมาถึงตอนสิบโมงพาเจย์เลนมาด้วย”

“ครับพี่ เจอกันครับ” ปลายสายวางไปผู้กำกับก็คิ้วผูกกันทันทีและเจย์เลนที่แอบสังเกตอยู่ก็เห็นจึงเอ่ยถาม

“มีอะไรเหรอครับ”

“เราต้องเข้าบริษัทกันก่อนสิบโมง ท่านประธานจากช่องเอ็มบีอีที่เป็นแหล่งทุนหลักของเราเรียกเข้าพบ เรามีปัญหากันเรื่องนักแสดงกับงบประมาณ นายไปเตรียมตัวเถอะเราจะไปกันเลย”

เจย์เลนทำตามอย่างว่าง่ายเพราะเป็นเรื่องงาน ส่วนกียุลเดินกลับไปจัดการของในตู้เย็นไม่กี่นาทีก็ไปเตรียมตัว เขาเริ่มเครียดเพราะพอจะรู้ว่าปัญหาอะไรที่รออยู่ เรื่องนักแสดงหลักของเขาที่กำลังมีปัญหาคนหนึ่งมีข่าวฉาวอีกสองคนเป็นแฟนเก่ากัน ส่วนเรื่องงบประมาณก็น่าหนักใจเพราะต้องไปถ่ายทำถึงต่างประเทศเลยมีค่าใช้จ่ายเยอะ สงสัยจะโดนตัดงบ

“นักแสดงหลักของพี่มีสี่คน มีปัญหาไปสามมันเสี่ยงมาก เพราะเราจะส่งประกวดในบ้านเรา ถ้าเป็นต่างประเทศคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ ข่าวฉาวที่ว่าก็แค่มีภรรยามีลูกไม่รู้จะอะไรกันขนาดนั้น ส่วนอีกคู่จริง ๆ แล้วพี่ควรตรวจสอบนักแสดงให้มากกว่านี้คู่ที่เป็นแฟนเก่ากันทำงานโคตรยาก เหมือนสองคนนี้จะไม่เผาผีกันแล้วด้วยซ้ำไปเอามาได้ไง”

เจย์เลนบ่นเมื่อทั้งสองอยู่ในรถระหว่างเดินทางไปบริษัทของกียุล

“พี่ก็รู้ว่าเขาเป็นแฟนเก่ากัน แต่เขาสองคนเหมาะกันเหมาะกับบทพี่ พวกเขาคงมืออาชีพพอ ไม่งั้นคงไม่รับงานตั้งแต่แรก นายว่าจริงไหมล่ะ”

“อือ ผมเข้าใจ แล้วนี่ถ้าถูกตัดงบพี่จะทำยังไง เราหาใหม่ไม่ทันแน่”

“ก็คงต้องลดสเกลงานทุกอย่างลง ปรับบท ไม่ก็ใช้เงินพี่เอง” ซึ่งสิ่งที่จะเป็นไปได้ที่สุดคืออย่างหลังเพราะกียุลไม่มีทางลดภาพในหัวที่สร้างขึ้นมาอย่างเพอร์เฟ็คลงอยู่แล้วเขาเต็มที่กับงานทุกงานไม่มีทางเลยที่จะเลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีแรก

เมื่อไปถึงบริษัททั้งคู่ก็ตรงไปที่ห้องทำงานของจินกูเพื่อปรึกษากันก่อนจะพบท่านประธานคนสำคัญ

“เขาขอดูทุกอย่างทุกขั้นตอนการทำงานของเรา พี่ต้องคอยรายงานเขาตลอด เขาอยากรู้กระทั่งวิธีการทำงานของแต่ละคนในทีมเราเพราะเขาให้เงินเรามาเยอะมากก็เลยอยากแน่ใจว่าทีมเราเอาอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเอ่ยปากมาเลยนะว่าในทีมเราห้ามมีคนเป็นฮิปนอสอยู่ในทีมเกินห้าคน เขาให้พี่คัดออกเลยถ้าเกินนี้”

“หยุมหยิมจังครับ” เจย์เลนกล่าวเห็นดังนั้นจินกูเลยอธิบายต่อทั้งที่เขาค้านคำสั่งของท่านประธานเช่นกัน

“เขาเชื่อว่ามันมีผลกับการทำงาน”

“เขาก็รู้ว่าผมเป็นฮิปนอสนะ แบบนี้เหมือนดูถูกกัน” สีหน้าของกียุลจริงจังขึ้นไม่ฉายแววคนใจดีเลยสักนิดปกติเขาเป็นคนใจเย็นและยอมคนนะแต่พอเป็นเรื่องงานเรื่องคนในทีมกียุลไม่ยอมง่ายงานนี้คงได้งัดกับท่านประธานแน่นอน

“ไม่ให้มีผู้หญิงกับคนที่ท้องได้อยู่ในทีมเยอะด้วย”

“เขาอายุเท่าไหร่ครับพี่จินกู อายุเท่าไดโนเสาร์ไหม” นอกจากเหยียดฮิปนอสแล้วก็ยังเหยียดผู้หญิงกับคนท้องได้อีกเหรอเจย์เลนว้าวอยู่นะที่ตอนนี้โลกไปถึงไหนแล้วแต่ยังมีคนคิดแบบนี้ พูดได้คำเดียวว่าบูด

“ก่อนหน้านี้ก็ติงเรื่องการใช้เทคโนโลยีมาช่วยถ่ายทำ เขาอยากให้ใช้แต่พี่ก็ไปคุยมาได้แล้ว เขายอม”

“นี่คือเหตุผลที่ผมไม่อยากให้ช่องใหญ่ ๆ ออกทุนให้เรา”

“เฮ้อ ก็นั่นแหละ เราก็ต้องเข้าไปคุยอย่างใจเย็น พี่จะเป็นคนรับหน้าเอง นายสองคนก็ใจเย็น ๆ ไว้ เราต้องพึ่งเงินจากเขา เราต้องแสดงความเป็นมืออาชีพให้เขาเห็น” กียุลน่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อยู่แล้วแต่เจย์เลนนี่สุ่มเสี่ยงใช่เล่นเพราะมีอารมณ์คนท้องที่แปรปรวนอยู่เป็นทุนถึงอย่างนั้นก็ไม่น่ามีปัญหาเพราะทุกคนรู้ว่างานนี้สำคัญ จำนวนเงินสิบสามพันล้านวอนมันไม่ใช่น้อย ๆ

และแล้วก็ถึงเวลาเข้าประชุม ชายอายุอานามย่างเข้าเลขห้าตอนกลางแต่สุขภาพร่างกายกลับยังดูกระฉับกระเฉงทะมัดทะแมง บนใบหน้ามีรอยยิ้มดูเป็นคนอารมณ์ดีและเป็นมิตรนั่งอยู่หัวโต๊ะของห้องประชุมโดยมีผู้ติดตามมาด้วยสองคนนั่งอยู่ฝั่งซ้ายและทีมของจินกูนั่งอยู่ฝั่งขวาของโต๊ะ ไม่ว่าใบหน้าของชายวัยกลางคนจะเป็นมิตรแค่ไหนแต่คำพูดของเขานั้นไม่ใช่เลย “คุณต้องเปลี่ยนนักแสดงเอาคนที่ผมเตรียมไว้ให้มาแสดงแทนแล้วก็ต้องเลื่อนเวลาขึ้นมา ถ่ายให้เสร็จภายในสิบเดือนเพราะนักแสดงของผมมีเวลาให้แค่นั้น ที่ต้องเปลี่ยนนักแสดงคุณต้องเข้าใจนะว่าข่าวมันรุนแรง ดาราซุกลูกซุกเมียเนี่ยทำเอาอนาคตดับได้เลย ถ้าเกิดว่าคุณถ่ายทำเสร็จแล้วแต่ไม่มีใครซื้อหนังไปจัดจำหน่าย ผมจะทำยังไงล่ะกับเงินที่ลงทุนให้คุณไป”

“แต่ว่าอีกไม่ถึงเดือนเราจะเปิดกล้องแล้ว ถ้าเอานักแสดงคนใหม่มาเล่นแทนเขาจะแสดงไม่ได้นะครับ แล้วนักแสดงใหม่เขาไม่มีประสบการณ์ด้วย การทำงานทุกอย่างมันจะช้านะครับท่าน ผมเกรงว่าแผนการถ่ายทำที่เราวางไว้มันจะล้มเหลว เหมือนเราต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดเพราะการเปลี่ยนนักแสดงคนเดียว แล้วเวลาแค่สิบเดือนเราทำไม่ทันนะครับท่านต้องขอเรียนตามตรงว่าเราตั้งใจกับงานนี้มาก พวกเราอยากขอให้ท่านพิจารณาอีกครั้งนะครับ ให้เวลาพวกเราได้ทำงานอีกสักนิด” จินกูพยายามแจกแจงเหตุผลอย่างสำรวม

“นั่นก็เพราะทีมของคุณไม่แข็งแรง เพราะแบบนี้ไงผมถึงอยากให้คุณโละทีมงานของคุณทิ้งซะแล้วเอาทีมของผมเข้าไปทำแทนแล้วใช้เทคโนโลยีมาช่วยถ่ายมันก็เร็วขึ้น” นี่เป็นอีกอย่างที่นายทุนคนนี้ต้องการ จินกูทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกในขณะที่กียุลกำลังข่มอารมณ์ตัวเองไว้ นี่มันมากเกินไป ทั้งให้เปลี่ยนนักแสดง ทั้งจำกัดเวลาถ่ายทำแล้วยังมาดูถูกทีมงานของเขาอีก ในตอนนั้นความเครียดก็ทำให้เจย์เลนเวียนหัวคลื่นไส้ขึ้นมามือบางประสานไว้ที่ตักตัวเองแน่นเพื่ออดทนไว้อย่างถึงที่สุดเชื่อเถอะว่าเจย์เลนอดทนแล้วใครได้มานั่งอยู่ท่ามกลางความกดดันตึงเครียดนี้รับรองว่าไม่ต่างกับเจย์เลนเท่าไหร่แน่

“ถ้าคุณทำให้ผมไม่ได้ผมก็คงต้องขอลดงบประมาณลงเหลือแค่ห้าพันล้านวอน มันก็เยอะนะผมว่าน่าจะพอแล้ว” ชายอายุมากเอ่ยอย่างไม่ยี่หระผสมกับคำพูดประชดประชันให้ฝ่ายของกียุลหน้าชาและกดดันมากกว่าเดิม

“อุ่ก อุบ!” บัดนั้นความอดทนของเจย์เลนขาดพึงรีบยกมือปิดปากแล้ววิ่งออกไปกลางสายตาหลายคู่และกียุลวิ่งตามออกไปอย่างไม่คิด

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ เอ่อ คือ ผู้ช่วยผู้กำกับของเรา...ท้องอยู่น่ะครับ”

“ให้ตายเถอะจินกู คุณเอาคนท้องมาอยู่ในทีม แถมยังเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ยังไงคุณก็ต้องเปลี่ยนทีมแล้ว!”

“ใจเย็นก่อนนะครับท่าน เขาแค่มาทำงานชั่วคราวครับเพราะเกิดอุบัติเหตุกับผู้ช่วยคนเก่า”

“คุณไม่ได้แจ้งผมเรื่องนี้นี่”

ไม่ว่าจินกูจะพยายามอธิบายยังไงผู้มีอำนาจก็ไม่สนใจแถมยังส่ายหน้าแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างเปิดเผย ไม่นานคู่พ่อแม่ป้ายแดงก็กลับมาสีหน้าของเจย์เลนดูดีขึ้นเล็กน้อยโดยมีกียุลประคองมาไม่ห่างแต่คนท้องก็ไม่วายบอกให้ได้ยินกันสองคนว่าไม่ต้องประคองแน่นอนว่ากียุลไม่ได้ทำตามแถมยังเถียงอยู่ในหัวว่าเมียแพ้ท้องทั้งคนไม่ให้ดูแลได้ยังไง

“ผมขอโทษด้วยนะครับ เราประชุมกันต่อเถอะครับ” เจย์เลนคำนับศีรษะขอโทษก่อนจะนั่งลงพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ให้ตัวเองเป็นปกติโดยเร็ว

“คุณท้องแต่มาทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ? ไม่คิดว่าเกินตัวไปเหรอ?”

“เอ่อ... คือว่า...” เจย์เลนงึมงำโต้แย้งไม่ถูกเมื่อโดนยิงคำถาม ความพะอืดพะอมก็เริ่มตีขึ้นมาในลำคออีกครั้งจากความเครียดระคนกดดัน หากนี่ไม่ใช่งานสำคัญของกียุลตาแก่คนนี้ได้โดนเจย์เลนถอนหงอกไปแล้วไม่มานั่งเครียดพูดไม่ออกแบบนี้หรอก

“ครับ เจย์เลนเขาท้องอยู่เราพึ่งแต่งงานกันน่ะครับ รู้มาไม่นานนี้เองว่าเขาท้อง เขาอยากมาช่วยงานผมตั้งแต่ก่อนที่จะรู้ว่าท้องแล้ว พอรู้ว่ากำลังมีลูกผมก็ห้ามนะครับว่าไม่ให้มาทำงานแต่เขาก็ดื้อ” เป็นกียุลที่เอ่ยขึ้นแทนคนตัวเล็กที่นั่งหน้าซีดว่าจบก็ตบท้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางคว้ามือนุ่มมากอบกุมเพื่อให้เจย์เลนรู้ว่ากียุลจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคนที่เขารักได้เขาจะพลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้นเอง

“เขาทำงานเก่งครับอีกทั้งรู้ใจผม เราคบกันทำงานด้วยกันมาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย ท่านประธานคงทราบดีนะครับว่า ผู้กำกับต้องมีผู้ช่วยที่รู้ใจไว้ข้างตัว ผมพิเศษหน่อยที่มีคนรู้ใจอยู่ด้วยตลอดเวลาน่ะครับท่านประธาน ท่านแต่งงานแล้วก็คงเข้าใจผมนะครับ” กียุลพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเอ่ยบอกอย่างนอบน้อมปนอารมณ์ขันทำให้คนนั่งหัวโต๊ะหัวเราะร่วนขึ้นมาอย่างพึงพอใจ

“ฮ่า ๆ ผู้กำกับของเราติดเมียซะแล้ว โอเค ๆ ข้อนี้ผมเข้าใจ คุณเองมีฝีมือคงไม่เอาใครที่ไหนมาทำงานด้วยสุ่มสี่สุ่มห้า ฝีมือเมียคุณคงดีจริง” เจย์เลนที่ยังอึ้งกับคำประกาศตัวว่าเขาเป็นอะไรกับกียุลอยู่ยิ้มเขินให้ผู้ใหญ่เอ็นดูและที่ไม่ปฏิเสธก็เพราะรู้ว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวยเขาไม่อาจขัดขึ้นกลางปล้องได้ต้องตามน้ำไปเท่านั้นถึงจะเป็นการดีกับงาน

“แต่ผมยังยืนยันนะ เปลี่ยนนักแสดงซะ แล้วลดระยะเวลาการถ่ายทำด้วย ถ้าไม่มั่นใจว่าจะถ่ายให้เสร็จภายในสิบเดือนได้ก็เปลี่ยนทีมงานของคุณเอาทีมผมทำเอาเทคโนโลยีถ่าย ส่วนตำแหน่งสำคัญ ๆ คุณเอาคนเดิมก็ได้ผมไม่ว่า ถ้าไม่ได้ตามนี้ผมขอลดงบประมาณลง” สิ้นคำขาดของท่านประธานกียุลก็หมดความอดทนลงเหมือนกัน เขาทนมามากพอแล้วนี่มันดูหมิ่นกันซึ่งหน้าไม่เหลือหนทางให้เลยกดดันกันอย่างเดียวเพียงเพราะให้เงินน่ะเหรอ? มันดูถูกกันชัด ๆ

“พูดแบบนี้มันเป็นการดูถูกทีมของผมมากเลยนะครับ ผมคัดทีมงานมาเองทุกคนเพื่องานนี้ คุณอยากได้บทแบบไหนผมก็ทำให้ทั้งที่ผมไม่อยากจะปรับมัน นักแสดงที่ช่องฝากมาผมก็ยอมให้คนหนึ่งแล้วนี่ยังจะเอามายัดให้ผมอีก ทีมงานผมคุณภาพทุกคนไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้ชาย หรือเพศไหน หรือใคร จะคนท้อง นอร์มา อีโบนี หรือฮิปนอสก็ตาม... หึ ตอนนี้ผมเริ่มไม่สนแล้วว่าคุณจะให้ทุนผมอยู่ไหม เพราะผมจะ-” มือบางของเจย์เลนวางลงที่หน้าตักกียุลเพื่อขัดไว้พลางหันไปสบตาเพื่อบอกให้ใจเย็นลง แต่เหมือนจะไม่ทันการเมื่อคำพูดผสมความโกรธเคืองถูกถ่ายทอดออกไปให้คนฟังวาวโรจน์แล้วตอนนี้ท่านประธานโกรธมากจนใบหน้าแดงก่ำ

“งั้นผมจะลดงบประมาณลงเหลือแค่สามพันล้านวอน ถ้าคุณเก่งได้เท่าปากก็คงทำงานกับงบแค่นี้ได้” จังหวะที่กียุลจะอ้าปากว่าต่อ เจย์เลนดันชิงพูดก่อนว่า

“ท่านครับ ผมเข้าใจนะครับเรื่องที่ท่านต้องการให้เราปรับเปลี่ยน แต่ท่านไม่ให้เกียรติพวกเราและทีมงานเลยเพียงเพราะว่าเราทำงานให้ท่านและท่านคือคนออกเงินทุนให้พวกเราเหรอครับ? ผมว่ามันไม่ถูก เราต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่าทำเหมือนเราเป็นหนี้บุญคุณท่านเลยนะครับ” เจย์เลนเปิดปากออกศึกแทนกียุลเพราะเข้าใจแล้วว่ากียุลไม่อยากทำงานร่วมกับคนแบบนี้ และที่เลือกออกตัวแทนก็เพราะไม่อยากให้กียุลเสียชื่อเสียงอย่างน้อยถ้ามีข่าวอะไรออกไปให้เป็นเขาเองที่โดนรับแรงกระแทกดีกว่าให้หน้ากียุลไปโชว์หราอยู่ในจอทีวีช่วงข่าวบันเทิง

“พวกคุณเสียมารยาทกับผมมาก รู้ไหมผมทำอะไรกับพวกคุณได้บ้าง คิดเหรอว่าผู้กำกับคนอื่นจะทำงานนี้ไม่ได้ทีมงานที่ดีกว่าทีมพวกคุณผมมีเยอะแยะ หุ่น AI มีความสามารถกว่าพวกคุณมากด้วยทำงานก็ไวกว่า อย่ามั่นใจในตัวเองขนาดนั้นเลยเด็กน้อย พวกคุณยังไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจมากพอบริษัทนี่ก็คงอยู่ได้อีกไม่นานหรอกผมขอทำนายไว้เลย”

“งั้นก็น่าเสียดายครับที่เราจะต้องร่วมงานกัน เกรงว่าต้องเป็นครั้งหน้าแล้ว”

จินกูเอ่ยหลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะทำอย่างไรแต่ทีมคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาเช่นเดียวกับกียุล ใครที่มาดูถูกทีมงานของเขาก็คงทำงานร่วมกันไม่ได้

“ถ้ายกเลิกสัญญารู้ใช่ไหมว่าผลเสียไม่ได้อยู่ที่ผม อีกทั้งผมยังสามารถนำโปรเจ็กต์นี้ไปให้คนอื่นทำได้ด้วยตามข้อตกลงในสัญญา” พวกเขาสามคนรู้ดีและลังเล ส่วนฝ่ายท่านประธานก็เอ่ยขู่ไปอย่างนั้นเพราะในใจก็อยากให้กียุลกำกับหนังเรื่องนี้ ผลตอบแทนที่เขาจะได้มันมหาศาลแน่นอนเขาเชื่อมือกียุลเพียงแต่ความเจนโลกทำให้เขาไม่อาจลดอีโก้ลงได้

เจย์เลนเลื่อนมือน้อยไปจับมือหนาของกียุลแน่นเพื่อสื่อสารกันก่อนจะมองตาแล้วบีบมือกันแน่นขึ้นเพื่อยืนยันคำตอบนั้นที่เขารู้กันสองคน จากนั้นจึงมองไปหาจินกูโปรดิวเซอร์เพื่อให้รู้ความนัยด้วย เมื่อหนุ่มหล่อลุคผู้บริหารรับรู้ถึงเจตนาของทั้งคู่และเห็นด้วยจึงเอ่ยปากต่อ

“ครับ เชิญเลย เราจะทำใหม่โดยที่ไม่พึ่งเงินของท่าน ส่วนเรื่องเอกสารการยกเลิกสัญญาจะตามท่านไปทีหลังกับทีมกฎหมายของเรา เชิญครับการประชุมจบแล้ว หวังว่าสักวันเราจะได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะครับ” ทั้งสามลุกขึ้นคำนับศีรษะส่งแขกส่งผลให้ชายวัยกลางคนกับผู้ติดตามเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว เมื่อประตูปิดลงทั้งสามจึงถอนหายใจออกมาทรุดตัวลงนั่งอย่างคนเสียขาไปกะทันหัน เมื่อคิดได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปกัน

“กียุลนายพูดอย่างนั้นกับท่านประธานไปได้ยังไง นายจะบ้าเหรอ ไอ้เวรเอ๊ย!”

“อย่าพูดคำหยาบนะพี่ ลูกผมได้ยินนะ” กียุลทำตลกกลบเกลื่อนไม่สบตาจินกูที่กำลังเม้งแตกแล้วหันไปเล่นกับลูกในท้องเจย์เลน

“อย่าจับนะ ผมอารมณ์ไม่ดีมาก ๆ” เจย์เลนดันหัวกียุลออกไปไม่ให้จับท้องตัวเองทำให้คุณพ่อหูตกนั่งหงอย

“เราจะทำไงกันต่อ ถ้าทำเรื่องใหม่เขียนบทใหม่ งานเทศกาลหนังมีเดือนธันวาเราจะทันได้ไง เรื่องนี้เราเตรียมงานกันเป็นปีเลยนะ”

“อีกสองปีค่อยส่งไงพี่ ไม่เห็นยากเลย” กียุลบอกสิ่งที่คิดได้ชั่ววูบและเป็นความคิดที่ไม่ตรงใจตัวเองด้วย

“ไม่ได้สิ ทีมงานเตรียมงานไปแล้ว ถ้าเราไม่ถ่ายทำตามแผนเราต้องสูญเงินเปล่า ต้องจ่ายเงินชดเชยให้ทีมงานด้วย แถมพวกเขาอาจจะตกงานเพราะพวกเรา ทีมงานเป็นร้อยชีวิตนะเว้ย ไม่น่าปากไวบ้าจี้ตามนายสองคนเลย”

“พี่ก็รู้ว่าตาแก่นั่นทำไม่ถูก ถึงได้ทำไปแบบนั้นไง เอาน่าพี่ค่อย ๆ คิดกัน” ไม่ไหวเลยตอนนี้จินกูกำลังนั่งทึ้งหัวตัวเองยกใหญ่ให้สาสมกับที่ทำเงินสิบสามพันล้านวอนบินหายไปกับตา

“พี่กียุล...จำหนังเรื่องนั้นที่เราเขียนบทด้วยกันได้ไหม” หลังจากเงียบไปนานเจย์เลนก็พูดขึ้น

“ที่เราบอกว่าจะเก็บไว้ทำด้วยกันน่ะเหรอ ไม่เคยลืม”

“เอาเรื่องนั้นมาทำกันไหมครับ เอามาปัดฝุ่นปรับบทหน่อยให้เข้ากับงานที่เราเตรียมไปแล้ว ถึงจะทำไม่ได้ทั้งหมดมันก็ช่วยได้เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทิ้งทั้งหมดไป เราจะปรับบทไปพร้อมกับเตรียมงาน ภายในสามเดือนเราจะเปิดกล้อง พี่ว่าเราไหวไหม” ผู้กำกับเงียบไปพักหนึ่งเพื่อใช้ความคิดก่อนจะตอบ

“ไหว ถ้าทีมเราแข็งแรงและเราไปรวมตัวกันที่บาร์นเฮาส์ ทำเหมือนตอนที่เราเรียน แต่ว่ามันจะทันงานเทศกาลที่
ปูซานเหรอ?” แล้วตอนนั้นในหัวผู้กำกับก็พานจินตนาการถึงเรื่องเลวร้ายต่างๆ นานา

“อาจจะทันและอาจไม่ทันครับ ผมต้องวางแผนการถ่ายทำให้ดีน่าจะเฉียดฉิว แต่ว่าถ้าไม่ได้ที่ปูซาน...เราไปงานเทศกาลหนัง Twilight Film Festival กันไหมครับ” ที่เจย์เลนพูดถึงคืองานเทศกาลหนังนอกกระแสที่จัดขึ้นทุกปีในรัฐยูทาร์สหรัฐอเมริกาเพื่อคอหนังทั่วโลกและที่นั่นเปิดโอกาสให้คนทุกชาติส่งผลงานไปฉาย

“ให้ตายสิ นั่นมันอีกขั้นหนึ่งของฝันพี่เลยเจย์เลน เอาสิ เราจะไปเที่ยวยูทาร์กัน พี่จินกูผมฝากเรื่องหางบประมาณ เรื่องนักแสดงกับทีมงานด้วย ผมกับเจย์เลนจะช่วยกันเรื่องบทแล้วจะเอามาให้พี่ดู เรียกประชุมทีมงานด่วนนะพี่ เจอกัน

ที่บาร์นเฮาส์ผม”

“เอาจริงเลยนะ ฉันตามนายสองคนไม่ทัน แล้วอะไรคือบาร์นเฮาส์ของนายวะ ไม่ ไม่ ฉันรู้ว่าคืออะไรแต่มันที่ไหน?” สภาพจินกูไม่เหมือนผู้บริหารอีกต่อไป ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเนี้ยบเช่นเคยเพราะทึ้งหัวตัวเองไม่หยุด

“ไปกันดีกว่าเจย์เลน พี่จะพาไปกินไส้ย่างกับเนื้อแกะเสียบไม้อร่อย ๆ วันนี้นายทำงานหนักมากแล้ว”

“จริงนะ! ผมอยากกินมาก” พูดถึงของกินก็ตาลุกวาวดี๊ด๊าเดินตามกียุลไปไม่ได้วางท่าดุอีกแล้ว

“เฮ้! นายสองคนอย่างน้อยก็บอกชื่อหนังเรื่องใหม่หน่อยได้ไหม”

น้ำเสียงเหนื่อยใจน่าสงสารจนทั้งสองหันไปตอบจินกูพร้อมกันจนเป็นเสียงเดียวว่า…

“It’ s You เป็นคุณก็พอ”

 

 

 

.

.

.

.

.

.

●—————◦◉◦—————●

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นแล้วนะคะ ถ่านไฟเก่ากำลังลุกกก เรื่มสนุกแล้วสิๆๆๆ

พี่กียุลนี่ขึ้นแท่นสามีแห่งชาติได้หรือยังคะแสนดีที่หนึ่งคลั่งรักน้องเจย์เลนสุด ๆ รักเพื่อนฝูง รักทีมงานสมเป็นผู้นำมาก

ตอกหน้าท่านประธานซะหน้าหงาน น้องเจย์เลนก็ไม่เบาแถมยังเป็นห่วงพี่กียุลรับหน้าเอง พี่จินกูก็เป็นพี่ที่ดีมากเลยนะคะ น่ารักกันทุกคนเลย

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ

 

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ

วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)

ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!

 สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน