ฉากที่ 23 การดำรงอยู่จะรักษาเธอ

 

“พวกเรา! มีอีเมลตอบกลับมาแล้ว!” โปรดิวเซอร์รีบเรียกทีมงานมามุงดูก่อนดึงภาพขึ้นจอในห้องประชุม

“เราได้ไหมพี่”

“ดูจอสิวะ”

“ไม่กล้าดู”

“พี่ ๆ รอฉันไปถึงก่อนดิ ขับรถอยู่”

เหตุการณ์เริ่มชุลมุนวุ่นวายเมื่อทุกคนเริ่มไม่สติมากพอเพราะความตื่นเต้น

“ทุกคนสงบสติกันก่อน โซฮีจอดรถเลยเดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ”
จินกูเอ่ยกับน้องสาวผ่านหน้าจอสีใสด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวทำตามแต่โดยดีพลางถูมือรอฟังอย่างใจจดใจจ่อยู่บนถนนทางอากาศเช่นเดียวกับคังจุนที่นอนอยู่โรงพยาบาลแต่ก็ร่วมเหตุการณ์นี้ด้วย

“คิกคิกคิก แปะ แปะ” เห็นทีจะมีแต่เด็กน้อยแก้มอ้วนที่อารมณ์ดีอยู่คนเดียว หัวเราะปรบมือที่คุณป๋า คุณแด๊ด คุณลุง คุณอา มีท่าทีประหลาด “คนสวยอารมณ์ดีเหรอคะลูก ฮ่า ฮ่า” ทำเอาทุกคนเสียอาการให้กับความน่ารักไม่น้อย

“มา ๆ ทุกคน พี่จะเปิดแล้ว ถ้าเราได้บัตร หนังเราก็จะได้เปิดตัวที่นั่น” จินกูเอ่ยพร้อมมองหน้าทุกคนก่อนจะกดดูอีเมลตอบกลับจากงานเทศกาลที่รอคอย

ติ๊ด!

“นี่คือระบบตอบกลับจากงาน Twilight Film Festival ครั้งที่ 99 งานภาพยนตร์แห่งอนาคต ที่นี่จะทำให้หนังของคุณเจิดจรัสกว่าที่เป็น ด้วยการรวมตัวของสุดยอดผู้กำกับจากทั่วทุกมุมโลก...”

ทุกคนหันมองหน้ากันอย่างนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็น AI ประหลาดคล้ายเอเลี่ยนออกมาต้อนรับทางอีเมลผ่านฮอโลแกรมแบบนี้

“พี่กดไปตอนสำคัญเลยได้ปะ” จินกูเลื่อนนิ้วตามที่กียุล
บอก เพราะเขาเองก็อยากรู้แล้วเช่นกัน

“คุณจะได้รับบัตรเชิญจากเรา และภาพยนตร์ของคุณจะได้เข้าฉายตามวันเวลา ดังต่อไปนี้”

เย้!! ได้แล้วพวกเรา! เราได้ไปแล้ว หนังเราได้เปิดตัวที่นั่น
อ๊ากกกกก โคตรดีใจเลย แม่งเอ๊ย!” กียุลพาทุกคนมากอดแล้วหมุนตัวกระโดดเป็นวงกลม พวกเขาแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ส่วนโซฮีที่อยู่ทางโทรศัพท์ก็กรี๊ดดีใจทะลุออกมา คังจุนที่ขยับตัวไม่ได้ก็พยายามส่งเสียงดีใจออกมาด้วย “เราทำได้ ฮือออ พวกเราทำได้”

“คุณป๋าร้องไห้จะอายลูกเอานะครับ” เจย์เลนแซว

“มานี่เลยเบบี๋”

“โอ๊ย!สองคนนี้ไปจูบกันที่อื่น!”

Twilight Film Festival,รัฐยูทาห์,ประเทศสหรัฐฯ

 

ที่นี่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นโกรกธารและหุบเหวลึก มีหน้าผาสูงชัน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แห้งแล้งและทะเลทราย ซึ่งมีสัดส่วนครอบคลุมรัฐยูทาห์มากที่สุด ความมหัศจรรย์สรรค์สร้างโดยธรรมชาติทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามเกินบรรยาย ยูทาห์จึงกลายเป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติและการผจญภัย รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายขวัญใจชาวหนังทั่วโลกเพราะเป็นสถานที่จัดงานประกวดภาพยนตร์นอกกระแสที่เลื่องชื่อ

ในช่วงฤดูหนาว ทว่าที่นี่กลับร้อนอากาศแจ่มใสพร้อมต้อนรับทุกคนจากทั่วทุกมุมโลก เจย์เลนและกียุลพร้อมเจย์ลีนลูกสาวตัวน้อยกับชาวแก๊งมาถึงก่อนทีมงานทุกคนสามวันเพื่อมาเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศกันก่อนและเตรียมความเรียบร้อยไว้ให้กับทีมงาน

“เบบี๋ป้อนน้ำพี่หน่อยค่ะ”

“คะขากับลูกสาวเราก็พอครับ ไม่ต้องมาทำกับผม จะอ้วก”

“อะไรเนี่ย ท้องแล้วเหรอ พึ่งทำเมื่อคืนวันนี้ติดเลย พี่เก่งจัง”

“-_-” คุณพ่อลูกอ่อนมองพ่อของลูกอย่างไม่สบอารมณ์

“หึ หึ หวานกับพี่บ้างสิครับเบบี๋”

“หวานใส่พี่ผมก็เหนื่อยทุกที ผมเมื่อยไปหมดแล้วนะ แค่ต้องนั่งเครื่องเป็นวัน ๆ ก็เพลียจะแย่แล้วพี่ก็ยังมามีอารมณ์บนเครื่องบินให้ตายเถอะ” ถึงจะบ่นแต่ก็เดินไปหยิบน้ำมาป้อนให้กียุลที่ขับรถบ้านคันโตอยู่

“แต่มันก็ตื่นเต้นดีไม่ใช่เหรอเบบี๋ ถ้าไม่มีพี่จะได้ทำอะไรแบบนี้ในชีวิตเหรอ? มีอะไรกันบนเครื่องบินนี่ไม่ใช่ง่าย ๆ”

“ก็ไม่ปฏิเสธว่ามันดีนะครับ แต่ผมเหนื่อยอ่า”

“พี่เป็นคนออกแรงนะ”

“ใครออกแรงไม่รู้แต่พวกฉันต้องรู้ด้วยไหม? ปิดวอด้วยโว้ยถ้าจะคุยกันขนาดนี้ เรื่องบนเตียงพวกนายฉันไม่อยากจะรู้ด้วยหรอกนะ แล้วถ้าไม่มีพวกฉันดูหลานให้พวกนายก็ไม่ได้ไปทำอะไรแบบนั้นหรอก ขอบคุณพวกฉันด้วย” เสียงจินกูดังมาจากวิทยุสื่อสารที่พวกเขาเอาไว้ใช้คุยกันเพราะมันคลาสสิกและได้อารมณ์ของการโร้ดทริปดีเหมือนหนังที่พวกเขาพึ่งถ่ายทำเสร็จไปและจะมาคว้ารางวัลที่งานเทศกาลหนัง

“ขอบคุณครับพี่ ครั้งหน้าขออีกนะครับ โอ๊ย! อย่าหยิกพี่สิเบบี๋” กียุลตอบกลับไปก่อนจะโอดโอยไม่จริงจังที่โดนเมียหยิกแขน

“จอดรถเอาหลานฉันมาไว้คันนี้เลย” คังจุนตะโกนพูดมาอีกคน “นี่ก็เห่อหลานเหลือเกิน” แล้วเสียงซีคที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ก็ตามมาติด ๆ แอบได้ยินสองคนนั้นเถียงกันเบา ๆ อีกด้วย

“พวกนายหยุดก่อน สามคนนั้นอะ ที่เงียบ ๆ ทำอะไรกัน” จินกูที่แอบสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสามมักเน่เอ่ยขึ้นอย่างจับผิด

“...”

“เฮ้ย! อย่าเงียบกันดิ”

“พวกนายสองคนก็ตอบกลับไปสิ ตอบ”

“เธอก็ตอบสิ พี่ชายเธอนะ”

“หึ้ย ปอดแหกมากพวกนายสองคน” เสียงกระซิบกระซาบดังอย่างไม่รู้ว่าทุกคนได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด

“เรียวตะจอดรถเลย เอาน้องฉันคืนมา!”

เจย์เลน กียุล คังจุนและซีค ส่ายหน้าหัวเราะให้กับพี่ชายขี้หวงน้องสาวก่อนจะปิดเสียงวุ่นวายลงเมื่อจินกูเริ่มโวยวายใหญ่โตทิ้งให้แทมินเรียวตะโดนด่าจนหูชาไป

“แมดดี้อีกกี่นาทีถึงที่หมาย”

“อีก 47 นาทีจะถึงที่หมายค่ะเจ้านาย”

“ทีแมดดี้ไม่ลืมเอามาแต่ตุ๊กตาหมีลูกพี่ดันลืม ต้องลงโทษแล้วมั้ง เอาไงดีครับ คุณป๋า” จู่ ๆ สายตาเจย์เลนก็เปลี่ยนไป เริ่มเชิญชวนเมื่อเจ้าหญิงน้อยหลับซึ่งเป็นจังหวะเหมาะให้ได้จู๋จี๋กัน

“คืนนี้จะให้ทำโทษครับ ตอนนี้ไม่ได้มันอันตราย”

“เราเช่ารถราคาแพงมาเพื่อที่จะให้มันขับตัวเองได้นะครับ เผื่อพี่จะลืม บนเครื่องบินยังได้ ทำไมบนรถถึงไม่ลอง?”

“หึ หึ อยากเหรอครับ ทีเมื่อกี้มาว่าพี่นะ ปากแข็งจริง นั่งตักพี่ไหมล่ะ แต่ลูกอยู่ดีแล้วใช่ไหม”

“ยัยหนูหลับไปแล้วไม่ตื่นง่ายหรอก กินนมไปอิ่มมากให้แมดดี้คอยดูให้สิครับ ขอแป๊บเดียวก่อนถึงที่หมาย” ร่างขาวอวบไม่ฟังคำตอบแต่ลงไปนั่งตักคุณป๋าเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นกียุลก็ได้ใช้ฟังชั่นออโต้-
ไพล็อตของรถบ้าน บวกกับทักษะการเก็บเสียงให้เบาขณะที่เมียควบขี่ตัวเองไปเพราะกลัวลูกรักจะตื่น

เมื่อถึงจุดนัดหมายพวกเขาแปดคนบวกกับเด็กน้อยวัย 6 เดือน ก็ช่วยกันทำอาหารและจัดเตรียมกางเต็นท์กว่าจะเสร็จก็มืดพอดี อากาศเริ่มเย็นลงเพราะรอบด้านเป็นทะเลทราย กองไฟถูกก่อเพื่อให้ความอบอุ่น ดีไม่น้อยที่ไม่มีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกจนล้นและไม่มีรถบนฟ้าอย่างที่ประเทศพวกเขา ทำให้ได้มองท้องฟ้ากับดาวสวยระยับได้อย่างเต็มตาเต็มใจ

“แล้วเจย์เลนล่ะ” คนที่พึ่งหายป่วยถอดเฝือกออกได้ไม่นานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงกลัวน้องไม่ได้มาสนุกด้วยกัน

“ให้นมลูกอยู่ เดี๋ยวยัยหนูหลับจะตามมา น้องให้ฉันออกมาก่อน” คุณพ่อรูปหล่อเอ่ยแล้วเดินมาหย่อนกายนั่งข้างเพื่อนซี้

“ถ้ายัยหนูกินนมอิ่มแล้วฉันไปดูให้ได้นะ ให้เจย์เลนออกมาสนุกกัน”

“ไม่เป็นไร ฉันให้แมดดี้ดูได้ ตั้งแต่ไปอัปเกรดเป็นหุ่นยนต์
แอนดรอยด์มา ฉันไม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงเลย แถมแมดดี้ยังไปสิงอยู่ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ทุกอย่างเลย โคตรเจ๋ง”

“ติดเทคโนโลยีไปแล้วเหรอ ไอ้มนุษย์หัวโบราญหายไปไหนแล้ว” ซีคถามพลางยื่นไม้ที่เสียบมาร์ชเมลโล่อยู่ย่าง “แซวแรงฉิบหาย ก็แค่คิดอะไรได้มากขึ้นเอง เกิดมาทั้งทีมัวแต่ปิดกั้นตัวเองจากนู่นนี่ก็ไม่สนุกดิ เปิดใจได้มากก็ท่องโลกได้มาก”

“มีลูกแล้วโตขึ้นว่ะ” จินกูแซว

“เรามีบ้างไหมล่ะครับ” คังจุนได้ทีหยอกเย้า

“หุบปากดิคังจุน -_-”

“เหมือนเจย์เลนตอนท้องเลยพี่เนี่ย ไปเช็กหน่อยไหม”

“ฉันท้องไม่ได้กียุล นู่นเมียแกมาแล้ว” จินกูพูดแค่นั้นกียุลก็แทบลอยไปอุ้มเจย์เลนมานั่งข้างตัวเลยทีเดียว ก่อนจะเติมชื่นใจให้ตัวเองไปสองฟอดใหญ่ไม่อายชาวแก๊งแม้แต่น้อยเพราะมากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะมาอยู่ที่นี่กันหมด ฉันไม่เคยจินตนาการถึงเลย ได้อยู่กับเจย์เลน อยู่กับลูก แล้วก็มีพวกนายทุกคนอยู่ด้วย ฉันโคตรมีความสุขเลย ฉันมันโคตรโชคดีที่มีทุกคน”

“อย่ามาร้องไห้แถวนี้นะ” คังจุนเอ่ยแล้วเอาศอกชนไหล่หยอก แต่กียุลเตรียมจะเบะแล้ว

“พี่อย่าแกล้งบูบูของผมสิครับ” เจย์เลนได้ทีอ้อนคล้องแขน
กียุลมากอดแนบอก

“คิดแล้วก็จะร้องจริงนะ กว่าเราจะทำหนังเรื่องนี้เสร็จ มีแต่เรื่องอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด ฉันเคยคิดนะว่ายังไงหนังเรื่องนี้แม่งก็ไปไม่รอด แต่เราก็ปิดกล้องจนได้กับหนี้ล้านวอนเลย” จินกูบอกแล้วจิบเบียร์

“หนี้เดี๋ยวค่อยช่วยกันใช้พี่ ไม่มีปัญหา เพราะยังไงเราก็จะได้กำไรจากหนังเรื่องนี้แน่นอน” แทมินให้กำลังใจทุกคน

“มากกว่าหนังจะได้กำไร ผมว่ามันทำให้พวกเราได้มารวมตัวกัน ผมดีใจนะครับที่ได้มาทำงานกับพวกพี่ ได้ประสบการณ์หลายอย่างเลยไม่ว่าจะการทำงานหรือการใช้ชีวิต” เรียวตะพูดความในใจทำให้ทุกคนมองเขาเป็นตาเดียวแล้วยิ้มบางพยักหน้าน้อย ๆ เห็นด้วย ต่างคิดทบทวนในหัวเพราะพวกเขาก็ได้บทเรียนหลายอย่างระหว่างการทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมาแต่ละคนก็รับรู้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป

“งี้เราเริ่มคิดถึงหนังเรื่องใหม่กันเลยไหมคะทุกคน คราวนี้ทำเรื่องเกี่ยวกับอะไรดี”

“ขอพักซักเดือนเถอะ” เรียวตะเอ่ยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

“นายก็ไม่ต้องมาทำย่ะ”

“เออ ไม่ต้องทำหรอกจะไม่ได้ไม่มีเงินผ่อนอพาร์ตเมนท์ในคังนัม” แทมินผสมโรง แล้วทั้งสามคนก็เถียงกัน

“นี่ แล้ว... เจย์เลนในเอิร์ธ 66 เป็นยังไงบ้าง” คังจุนถามเมื่อทั้งสามคนโดนจินกูเรียกไปสั่งสอนที่โขดหินไกล ๆ เรียกว่าไปร่วมทะเลาะด้วยคงจะถูกกว่า

“ตั้งแต่ที่เขามาขอโทษพวกเราก็...คุยกันบ้างครับ นาน ๆ ทีเขาก็กำลังใช้ชีวิตในแบบของเขาอยู่”

“แบบไหน?”

“แบบที่พยายามและรอคอยวันผลิบานของตัวเองเหมือนดั่งดอกไม้ครับ”

 

┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴

 

“แบบไหน?”

“แบบที่พยายามและรอคอยวันผลิบานของตัวเองเหมือนดั่งดอกไม้ครับ”

“เชื่อแล้วเหรอว่าจะมีวันนั้น” พี่ชายถามเพื่อลองใจ

“เชื่อสิครับ สักวันจะถึงวันของผม พี่คังจุนคอยดูไว้เลย” คนน้องยิ้มแล้วยื่นมือไปใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาที่พี่ชายเตรียมไว้ให้ เมื่อ
เจย์เลนจะออกไปนอกบ้าน วันนี้เขาจะไปงานสำคัญและย้ายออกจากเมืองซินซิตี้

“จะคอยดูอย่างใจจดใจจ่อเลย ไปได้แล้ว กียุลมันรอนานแล้ว หนาวตายแล้วมั้ง”

“ผมคิดถึงพี่แย่เลย” เจย์เลนว่าก่อนจะเดินนำไปที่หน้าบ้าน

“คิดถึงก็ค่อยมาหา ไปทำตามความฝันซะ ไว้พี่จะไปหาบ่อย ๆ จะพาพ่อกับแม่ไปด้วย”

“ครับ ผมไปก่อนนะ” สองพี่น้องกอดกันกลมในสายตาของอดีตเขยบ้านหลังนี้

“สวัสดีคังจุน” กียุลทักทาย

“หวัดดี ดูแลเจย์เลนด้วยนะ”

“จะดูแลอย่างดี ไม่ต้องห่วง” จากนั้นก็พาเจย์เลนขึ้นรถไปเพื่อออกไปจากซินซิตี้ เพื่อเริ่มชีวิตที่จะเติมเต็มความฝันอีกครั้ง

“ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่นะครับ” กียุลเอ่ยขณะขับรถ

“ค่อย ๆ ดูกันไปครับ ตอนนี้ผมขอให้ความสำคัญกับงานก่อน ถ้าเกิดว่าความรู้สึกของพวกเรายังเหมือนเดิม ผมก็ไม่หนีใจตัวเองหรอก”

“พี่ยังเหมือนเดิมนะ” เจย์เลนยิ้มให้กับเจ้าของน้ำเสียงทุ้มอย่างน่ารัก “เห็นแล้วครับ แต่ต้องแน่ใจกว่านี้ก่อน”

“พี่รอได้ครับ ...แล้วนายคุยกับเจย์เลนในโลก 99 แล้วใช่ไหม”

“ครับ ขอโทษเขาแล้ว คุยกันอยู่เรื่อย ๆ เห็นว่ากำลังลุ้นกับรางวัลในงานเทศกาลหนังอยู่”

“งานที่เรากำลังจะไปกันหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิครับ อาจจะเป็นงานเดียวกันก็ได้ เรากับพวกเขาอาจเดินสวนกันแต่มองไม่เห็นกันที่นั่นและก็ทุก ๆ ที่”

“พี่ดีใจนะ ที่ไม่ว่าอยู่โลกไหนพี่ก็รักนาย”

“อย่าทำให้ผมเสียใจอีกก็พอครับ”

“มันจะไม่มีอีกแล้วพี่สัญญา”

┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴

 

“มันจะไม่มีอีกแล้วพี่สัญญา”

“จริงเหรอครับ เราเกือบสายแน่ะ เพราะพี่เกิดอยากกินนมขึ้นมา” สายตาเจ้าเล่ห์ว่าก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยขึ้น

“เบบี๋ก็รีบออกไปสิครับ End Credit จะขึ้นแล้ว” ชายหน้าสวยจูบแก้มพ่อของลูกเพื่อหยอกล้อแล้วดึงแขนที่กล้ามแน่นออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะพากันเดินไปที่ฉายภาพยนตร์ของพวกเขา

ที่ลานกว้างพื้นที่แห้งแล้งใต้ต้นไม้ใหญ่คือจุดแสดงผลงาน งานถูกจัดในรูปแบบเรียบง่าย หนังแต่ละเรื่องที่ได้ฉายจะถูกจัดโซนและเวลาไว้ ใครสนใจอยากดูเรื่องไหนก็เข้าไปซื้อตั๋วตามกำหนดการเพื่อเข้าไปชม “แปะ แปะ แปะ”

“ไปไหนกันมา หนังจบแล้ว” คังจุนกระซิบถามท่ามกลางเสียงปรบมือชื่นชมแก่ผลงาน บนตักก็มียัยหนูตัวอ้วนกลมแสนน่ารักอยู่ด้วย

“มีเด็กโตหิวนมเพราะตื่นเต้นครับพี่ ก็เลยพาไปกินนมมา”

“เดี๋ยวนี้ร้าย” กียุลเอ่ยแล้วโอบเอวเล็กมาใกล้ก่อนจะหอมแก้มนิ่มโชว์คนนับร้อยแถวนั้นที่เดินผ่านไปมาหรือที่นั่งดูหนังของเขาอยู่

“ผู้กำกับอยากขึ้นมาพูดอะไรสักหน่อยไหมครับ” เมื่อเสียงปรบมือหยุดลงผู้ดำเนินงานก็เชิญกียุลขึ้นไปบนเวที

“เจย์เลนไปกับพี่”

“ไม่ครับ พี่ขึ้นไปเลย งานนี้เป็นของพี่”

“ไม่ครับ มันเป็นของเรา” ยิ้มละมุนถูกส่งไปให้คนตรงหน้าก่อนผู้ชายที่แสนอบอุ่นคนนี้จะอุ้มลูกคืนมาจากเพื่อนสนิทแล้วจูงมือแม่ของลูกขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน

“ขอบคุณครับทุกคนที่ชื่นชอบผลงานของพวกเรา” กียุลกล่าวพร้อมกวาดสายตามองทุกคนเบื้องหน้ามือข้างหนึ่งถือไมค์ มือข้างหนึ่งอุ้มลูก มีเจย์เลนคอยประคองลูกอยู่เคียงข้าง

“ผมเขียนบทและกำกับหนังเรื่องนี้กับคนที่ผมรักสุดหัวใจครับ เขาคือเหตุผลที่ผมอยากตื่นนอนขึ้นมาในทุกเช้า” สายตาอบอุ่นส่งไปหาคนข้างกาย

“ระหว่างการทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา มันยากมากครับ มีอุปสรรคมากมายเกิดขึ้นกว่าจะถ่ายทำเสร็จ แต่เราก็ผ่านมันมาได้ ผมได้บทเรียนไปพร้อมกับตัวละครในเรื่องเลยครับ ที่ไม่ว่าชีวิตของเราจะไปทางไหน หรือเลือกทางไหนก็ให้คิดว่ามันดีแล้ว ถึงมีอุปสรรคหรือไม่มีมันก็คือสิ่งที่ต้องเผชิญ แต่สุดท้ายทุกทางเลือกมันจะดีแน่นอน ให้รอคอยอย่างมีหวังและตั้งใจไว้ ทุกอย่างมีเวลาของมัน นั่นคือสิ่งที่ผมรู้” ผู้ชมต่างเห็นด้วยกับสิ่งที่
ผู้กำกับพูดเมื่อดูหนังจบ

“It’ s you เป็นคุณก็พอ เล่าถึงกลุ่มคนที่มาเจอกันในการเดินทางไปเรื่อย ๆ ทุกคนมีปัญหารุมเร้าในชีวิต พวกเขาเหมือนคนป่วยมาเจอกันและได้เยียวยาซึ่งกันและกัน ยาที่ได้รับคือเรื่องราวที่ได้ฟังจากคนอื่น บางคนฟังครั้งแรกก็ตกผลึกได้เลย บางคนกว่าจะใช้ยาได้ผลก็นาน ซึ่งพิสูจน์ได้ชัดว่าทุกอย่างมีเวลาของมัน... ตัวเอกของเรื่องทำให้ผมเชื่อนะครับว่า คนที่ใช่ยังไงมันก็ใช่ คนที่ต้องเจอยังไงก็ต้องเจอ เช่นเดียวกับคนที่ต้องรักต่อให้ผ่านอะไรมาก็ยังจะต้องรัก” กียุลมองเจย์เลนไม่วางตาก่อนจะถามว่า

“เบบี๋อยากพูดอะไรหน่อยไหม” เจย์เลนชั่งใจเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็รับไมค์มา

“ซอฮยอนและโดฮยองมาเจอกันในช่วงจังหวะชีวิตที่ถูกต้อง ท่ามกลางมรสุมในใจของพวกเขาแต่กลับเป็นเวลาที่ดีที่สุด นั่นเป็นที่มาของ it’ s you เป็นคุณก็พอครับ”

เสียงปรบมือดังกระหึ่มกับคำปิดจบที่แสนจะกินใจ เพราะทุกคนต่างรับรู้ได้เช่นเดียวกันว่าเจย์เลนนั้นพูดไม่ผิด

“เก่งมากที่รัก จุ๊บ” กียุลโอบคนรักเข้าไปหาแล้วจูบหน้าผากท่ามกลางความทรงจำที่สวยงาม เขายิ้มรับและขอบคุณผู้ชมรวมถึงเพื่อน ๆ ที่ให้กำลังใจอยู่ด้านล่าง ก่อนผู้ดำเนินงานจะเชิญพวกเขาลงจากเวที

“ขอบคุณผู้กำกับทั้งสองคนด้วยนะครับ จากนี้จะเป็นวินาทีสำคัญที่พวกคุณรอคอย คณะกรรมการได้รับพิจาณาผลงานนี้อย่างถี่ถ้วนและประทับใจมากที่พวกคุณสร้างผลงานที่ดีแบบนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นตัวบท ภาพ เสียง การตัดต่อ ทุกอย่างลงตัวไร้ที่ติ”

ทั้ง 8 คนกับทีมงานกุมมือกันแน่นเมื่อใกล้ช่วงเวลาที่คาดฝันมาตลอด

“รางวัลผู้กำกับและเขียนบทยอดเยี่ยมเป็นของภาพยนตร์เรื่อง... it’ s you เป็นคุณก็พอครับ”

“อ๊ากกกกก พี่ครับ เราทำได้ ฮือออ”

“ใช่ เราทำได้แล้วเจย์เลน ฮือ”

“ขึ้นไปรับรางวัลสิทั้งสองคน ไปเลย”

“ไปด้วยกันหมดนี่แหละ”

 

┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴

 

“ไปด้วยกันหมดนี่แหละ”

“แต่ผมมีส่วนช่วยแค่นิดเดียวเองนะครับ” เจย์เลนชั่งใจที่จะขึ้นไปรับรางวัลด้วยเพราะมาทำงานในส่วนสุดท้ายของหนังแล้ว

“ยังไงก็คือทีมงาน มาเถอะ” กียุลจูงมือคนน้องขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพียงผู้ช่วยผู้กำกับปลายแถวก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปด้วย

“กลับไปนายสองคนเอาบทที่เขียนกันมาให้ฉันดูนะ ฉันจะให้พวกนายรับผิดชอบหนังเรื่องต่อไป” โปรดิวเซอร์กระซิบบอกกับทั้งสองในตอนที่ทุกคนกำลังวุ่นอยู่กับการถ่ายภาพ

รอยยิ้มและความตื่นตะลึงฉายอยู่บนใบหน้าทั้งสองคน พวกเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองกับโอกาสที่ได้รับ

ความคิดหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในหัวผม เจย์เลนในโลก 99 พูดถูกทุกอย่าง เราจะมีวันของเราถ้าเวลานั้นมาถึง ยิ่งตอกย้ำให้ตระหนักในการรักตัวเองและมุ่งมั่นตั้งใจ จะไม่ย่อท้อต่อเป้าหมาย ทุกสิ่งที่เข้ามาให้เห็นเป็นเพียงบททดสอบที่ต้องผ่านไปให้ได้ ถึงท้อก็อย่าถอย จากนี้ไปผมจะใช้ชีวิตให้ดี จะไม่ทำร้ายใครอีก จะใช้ชีวิตในเส้นทางของตัวเองให้ดีที่สุด ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีในงานจะเป็นสิ่งที่พวกเราไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต มันเป็นก้าวแรกที่จะนำสู่ความสำเร็จต่อไป ผมกับพี่กียุลจะทำตามความฝันอย่างไม่ย่อท้อ

 

┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴

 

ผมกับพี่กียุลจะทำตามความฝันอย่างไม่ย่อท้อเช่นกัน จะเดินด้วยกันไปจนสุดทาง ผมหวังว่าชีวิตของผมในทุกมิติในจักรวาลนี้จะมีช่วงเวลาที่มีความสุขของตัวเอง จะมีเส้นทางชีวิตในแบบที่ฝัน ถึงแม้ว่าจะมีความทุกข์บ้าง แต่ให้เชื่อว่าสุดท้ายมันจะเป็นดั่งใจ ขอแค่รอและพยายามอย่างมีความหวัง ผมจะขอส่งต่อกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเหนื่อยล้ากับชีวิต ไม่มีอะไรดีหรือแย่ไปตลอด แน่นอนว่ามันจะปะปนกัน

นั่นคือสิ่งที่เราต้องยอมรับว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน หากทุกข์ก็ขอให้ทนอีกนิดแล้วมันจะผ่านไป หากสุขก็จงสุขให้สุดอย่าไปคิดกังวล ชีวิตคนเราก็แบบนี้ ดุจสายน้ำในมหาสมุทรที่ไหลเวียนและหยุดนิ่ง บ้างเจอพายุโหมกระหน่ำคลื่นสาดซัด บ้างก็เจอแดดจ้า น้ำนิ่งเงียบสงบ

ชีวิตจะมีด่านทดสอบมากมายเพื่อให้เราฝ่าฟันไปถึงจุดที่หวัง ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ 7 ปี ที่ผมเผชิญกับการทดสอบที่แสนทรมาน สุดท้ายผมได้มาอยู่ในจุดที่มีความสุขที่สุดกับพี่กียุลกับลูกและครอบครัวใหม่

 

ส่วนผมก็ได้เริ่มต้นใหม่หลังจาก 7 ปีที่ผ่านมา เอาแต่แค้น โกรธ โทษคนอื่นและชีวิตตัวเองว่าไม่มีอะไรดี ในตอนนี้ผมกำลังไปได้สวยในทางของผม ช้าหน่อยแต่สักวันจะเป็นวันของผมบ้างอย่างแน่นอน ดอกไม้ดอกนี้จะผลิบานอย่างงดงามในสักวัน

ใช่ ดอกไม้ดอกนี้จะผลิบานอย่างงดงามในสักวัน สู้เข้านะ
เจย์เลน สักวันจะมีวันของเรา อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับใครแม้กระทั่งเปรียบเทียบกับตัวเองในเมื่อวาน

อื้อ เข้าใจแล้ว ขอให้นายมีความสุขกับทางเลือกของนายนะเจย์เลน

ขอให้นายมีความสุขกับทางเลือกของนายเหมือนกันนะ
เจย์เลน ใช้ชีวิตให้ดี ฉันอยู่กับนายเสมอ

นายก็ใช้ชีวิตให้ดีนะ ฉันก็อยู่กับนายเสมอ ลาก่อน..จนกว่าจะพบกันใหม่

ลาก่อน..จนกว่าจะพบกันใหม่

 

 

.

.

.

.

.

.

พรุ่งนี้ทุกคนมารอส่งพวกเขาที่บทส่งท้ายด้วยกันนะคะ

พวกเขาใกล้อำลาพวกเราไปอยู่ในโลกของพวกเขาแล้วค่ะ

ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกคนจริง ๆ นะคะที่อ่านนิยายเรื่องนี้มาถึงตอนสุดท้าย

ขอบคุณพวกคุณจากใจจริงเลยค่ะ พวกคุณทำให้ไรท์มีความสุขมาก ๆ เลย รักนะคะ