ฉากที่ 19 บินไปกับเรื่องเหาะแห่งกาลเวลา

 

 

7 ปีที่แล้ว...วันที่เจย์เลนถูกขอแต่งงาน

 

มันเป็นเช้าที่สดใสสำหรับกียุลมากเขาตั้งใจลางานในวันนี้เพื่อมาเซอร์ไพรส์ขอเจย์เลนแต่งงานซึ่งตรงกับวันที่คนน้องเรียนจบปริญญาตรีพอดี ในระหว่างที่พิธีการจบการศึกษากำลังดำเนินไปกียุลก็เตรียมดอกไม้ ลูกโปร่ง และสถานที่เพื่อรอแฟนออกมา หัวใจพองฟูตื่นเต้นลิงโลดนอนไม่หลับมาทั้งคืนแต่เขากลับสดชื่นอย่างประหลาด

“เจย์เลนจะออกมาตอนไหน นายรู้ปะ” ซีคถามพร้อมกับติดลูกโปร่งใบสุดท้ายในห้องฉายภาพยนตร์ของ
คณะนิเทศศาสาตร์

“ใกล้จะออกมาแล้ว ฉันตื่นเต้นว่ะซีค” ร่างสูงกระโดดเหยง ๆ ด้วยความประหม่าราวกับเด็กน้อย

“ลืมหมดแล้วมั้งคำขอแต่งงาน”

“ไม่ลืม นี่จดมาแล้วท่องมาอย่างดี” เขาชูโพยให้เพื่อนดูก่อนมองแชตในโทรศัพท์

“อีก 15 นาทีน้องจะมา นายไปรอดักเลย แล้วพามาที่นี่ ฉันจะไปซ่อน”

“เออ รู้แล้วโว๊ย น่าหมั่นไส้จริง” ถึงปากจะว่าเพื่อนแต่ก็ยิ้มให้ด้วยความยินดี ในตอนนั้นเองที่กียุลได้เริ่มทดลองความพร้อมของบรรยากาศโดยเริ่มจากเสียงเพลง

“โปรเฟสเซอร์ครับ ผมขอเพลง Turning Page ของ Sleeping At Last ครับ ช่วยเปิดให้ที”

เสียงทุ้มบอกกับอาจารย์ที่เป็น AI ควบคุมระบบในห้องฉายภาพยนตร์ของคณะก่อนเพลงจังหวะนุ่มนวลจะบรรเลงขึ้นด้วยเสียงเปียโนหวานหู ท่วงทำนองโรแมนติกชวนให้เขายิ้มอย่างพอใจว่าน้องจะชอบกับสิ่งที่เขาเตรียมให้

“ถ้าเจย์เลนมาแล้วไฟต้องปิดหมดเลยนะครับโปรเฟสเซอร์แล้วพอผมให้สัญญาณก็ฉายสปอตไลต์มาที่ผมบนเวทีเลยนะครับ ผมจะขอน้องแต่งงานบนนั้น”

“ไม่ต้องกังวลนักศึกษา มันจะไม่มีอะไรผิดพลาด”

“ขอบคุณมากครับโปรเฟสเซอร์ ผมตื่นเต้นมากเลย”

“บอกเขาไปด้วยความจริงใจ ไม่ต้องกลัวนะนักศึกษา” เมื่อโปรเฟสเซอร์พูดขนาดนี้กียุลจึงมีความมั่นใจขึ้นมาก พร้อมมากที่จะขอน้องมาเป็นคู่ชีวิตตลอดไปนับจากนี้ ฮิปนอสมองไปที่นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่แล้วยิ้มออกมาเมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาสำคัญ

ไม่นานเกินรอก็มีข้อความจากซีคส่งมาเป็นสัญญาณเตือนว่าเจย์เลนกำลังมาแล้ว

“โปรเฟสเซอร์ครับ เจย์เลนกำลังจะเข้ามาแล้วครับ ปิดไฟทั้งหมดเลย” กียุลรีบวิ่งไปซ่อนหลังเวทีด้วยหัวใจเต้นรัวและมั่นใจมากว่าน้องจะตอบตกลงแต่งงานกับเขาแน่นอนเพราะพวกเขารักกันมาก จนนึกไม่ออกเลยว่ามันจะมีเหตุผลใดที่พวกเขาจะไม่แต่งงานกัน...

“อะไรครับเนี่ย ทำไมมืดจังเลย โปรเฟสเซอร์เปิดไฟหน่อยได้ไหมครับ พี่ซีค พี่กียุลอยู่ไหนครับ มาช้าแล้วยังไม่รีบมาหาผมอีกเหรอ แฟนเรียนจบเลยนะ นี่วันสำคัญของผมเลยนะพี่ โทรหาก็ไม่รับ ข้อความอ่านก็ไม่ตอบ” คนตัวเล็กเดินตามรุ่นพี่เข้ามาด้วยความหงุดหงิดที่แฟนติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เช้า

“อย่าบ่นเลย นายอยู่นี่ก่อนนะ พี่ลืมของไว้ที่รถว่ะ เดี๋ยวมา”

“เอ้า มาทิ้งผมอีกคนละ แล้วให้มาที่นี่ทำไม อ่าา มืดฉิบหายเลย ถ้าพี่กียุลไม่มาผมก็จะกลับแล้ว พิธีเสร็จแล้ว” ซีคไม่รอให้น้องเดินตามมาหรือรั้งไว้ เขารีบวิ่งหายออกไปเลยโดยไม่รีรอ ส่งผลให้อีโบนียิ่งโมโหหนักหมุนตัวเดินกลับหมายจะออกไปจากที่นี่แต่แสงไฟเจิดจ้าก็เปิดขึ้นพร้อมกับเพลงทำนองหวานเสียก่อน มันเรียกร้องความสนใจชวนให้หันกลับไปมอง

ชายร่างสูงในเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คสีดำยืนถือดอกลิลลี่สีขาวอยู่บนเวทีที่พื้นหลังมีม่านสีแดงประดับอยู่ เจย์เลนมองไปที่จุดนำสายตาก่อนมองโดยรอบก็พบว่าที่นี่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และลูกโปร่งจำนวนมาก แม้จะอยู่ในความมืดก็ตามเขามองเห็นทั้งหมด และในใจมีหลากหลายความรู้สึกจนไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร

“มาหาพี่สิครับ” กียุลเอื้อมมือไปรับคนที่กำลังเดินมาหาด้วยรอยยิ้มภายในใจเขาเต้นดั่งกลองรัว มือไม้เริ่มสั่นจากความประหม่า ขาเริ่มสั่น ในขณะที่สายตาเจย์เลนมีแต่คำถามและเริ่มภาวนาว่าอย่าเป็นอย่างที่ใจคิด...

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ หึ หึ” มือบางเอื้อมไปวางลงบนมือหนาแล้วยิ้มบางให้เมื่อไปถึงตัวคนพี่ที่ยิ้มให้เขาอยู่ก่อนแล้ว หัวใจพลันโครมครามไม่ต่างกัน แต่นี่...ไม่ใช่สิ่งที่เจย์เลนคาดการณ์ไว้ในวันเรียนจบ

“นี่อะไรครับ...” กียุลเริ่มคุกเข่าสายตามองไปหาน้องอย่างสื่อความหมาย ส่งดอกไม้ให้ด้วยความรัก

“ดอกลิลลี่สีขาวสำหรับนาย ยินดีด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ ลุกขึ้นเถอะ” ใบหน้าหล่อส่ายหน้าปฏิเสธแล้วยิ้มบางให้ก่อนจะเริ่มพูดสิ่งที่เตรียมไว้มานาน

“พี่พร้อมแล้วที่จะดูแลนายไปตลอดชีวิต... ระยะเวลาที่เราคบกันมาพี่มีความสุขมากทุกช่วงเวลาเลย ไม่ว่าจะตอนไหน ตอนเราบอกรักกัน ตอนเราทะเลาะกันพี่ก็ชอบทั้งนั้น พี่รักนายมากรู้ใช่ไหม และพี่จะไม่ยอมให้นายลำบากเด็ดขาด พี่จะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี เราจะมีลูกด้วยกัน พี่จะทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงนายกับลูกของเรา จะไม่ให้นายต้องแบกรับอะไร พี่จะทำทั้งหมดเอง นายแค่รักพี่ก็พอ...โอเคไหม?” มือหนาเอื้อมไปจับมือบางไว้แล้วนำแหวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อเตรียมที่จะสวมให้น้องทันทีเมื่อได้ยินคำตอบรับว่า...ตกลง

“...”

"แต่งงานกับพี่นะเจย์เลน"

“ไม่ครับ”

สมองของกียุลว่างเปล่าเมื่อได้ยินคำปฏิเสธที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ในหูอื้ออึงภายในอกสั่นไหวพร้อมกับดวงตาที่ร้อนผ่าวขึ้นมาราวกับเปลวเพลิงกำลังโถมเข้าหาเขาให้ได้รับความทรมาน เขาหาเสียงตัวเองไม่เจอไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้เลย ในชั่วขณะหนึ่งที่จ้องตากัน

 

┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬┴┬

 

ความนิ่งงันนั้นก่อให้เกิดรอยแตกของเส้นเวลา...โลกอีกด้านหนึ่งเกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจและไร้เหตุผลที่จะมาอ้างอิงได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เจย์เลนอีกคนปรากฏขึ้น...

"แต่งงานกับพี่นะเจย์เลน"

“ตกลงครับ”

ชายหนุ่มยิ้มรับพลางสวมแหวนให้คนรักด้วยมือที่สั่นเทาส่งผลให้คนน้องน้ำตาคลอไม่ต่าง ความปลื้มปีติเมื่อได้ยินคำขอร่วมชีวิตส่งผลให้เจย์เลนทิ้งทุกอย่างไปและเชื่อมั่นในรักกว่าสิ่งอื่นใด แผนการใช้ชีวิตและความฝันถูกพับเก็บทันทีเมื่อเห็นดวงตาลูกหมาของคนตรงหน้า กียุลลุกขึ้นเต็มความสูงคนตัวเล็กว่าจึงกดริมฝีปากลงไปที่อวัยวะเดียวกันเพื่อหยุดความตื่นเต้นของชายตรงหน้า

“พี่ดีใจที่สุดเลยเจย์เลน” คนตัวโตกว่าโถมกายกอดคนน้องเต็มแรงด้วยความรักที่มี

“ผมก็เหมือนกันครับ” ฝากจูบหวานกันอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงผละออก

“สัญญาด้วยชีวิตพี่จะดูแลนายให้ดีที่สุด”

“ผมเชื่อใจพี่นะครับ ผมรักพี่นะ”

“พี่ก็รักนาย”

ใครจะไปรู้ว่าวันนั้นจะเป็นการเริ่มเส้นทางของชีวิตที่จะทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่...

 

หนึ่งเดือนหลังจากนั้นพวกเขาแต่งงานกันและเริ่มใช้ชีวิตที่เลือกด้วยกันพร้อมกับตัวน้อยที่เกิดขึ้น พวกเขาคิดว่านี่เป็นครอบครัวสมบูรณ์แบบในอุดมคติ มีพ่อ มีแม่ มีลูก แต่ละวันผ่านไปด้วยความรักและราบรื่น เจย์เลนอยู่เป็นพ่อบ้านไม่ได้ทำงานเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อย่างที่ตัวเองฝันเอาไว้ มีเพียงกียุลที่ออกไปทำงานนอกบ้านเป็นพนักงานออฟฟิศที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง กำลังไปได้สวยกับหน้าที่การงานได้รับความไว้ใจจากช่องจนได้ขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับทั้งที่ทำงานได้ไม่กี่ปี เขาทำงานอย่างหนักด้วยสายอาชีพนี้จึงทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลา กลับบ้านไม่ตรงเวลา เพราะต้องออกกองถ่ายทำละคร ต้องไปต่างจังหวัดหลายวันอยู่บ่อยครั้งทิ้งให้เจย์เลนเผชิญกับช่วงเวลาแพ้ท้องอยู่คนเดียวไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควรแต่เขาก็เข้าใจดีว่าสามีต้องทำงานเพื่อเขากับลูก เพื่ออนาคตของพวกเขา จึงไม่เคยมีปากเสียงใด ๆ ต่อกัน

กระทั่งเจย์เลนท้องได้ 7 เดือน กียุลก็เริ่มเปลี่ยนไป...

อาจเพราะงานที่ทำให้พวกเขาห่างเหินกันบวกกับความเหนื่อยล้า เลยเผยธาตุแท้

“วันนี้เลิกกองดึกนะครับ พี่อยากกินอะไร ผมทำอาหารให้” ร่างท้วมของคนท้องกุลีกุจอหาน้ำดื่มมาให้สามีทันที แต่ใบหน้าของกียุลดูเหนื่อยล้าไม่สนใจแม่ของลูกสักนิด

“ไม่ล่ะพี่เหนื่อยจะนอนเลย มานี่หน่อยสิ” เข้าคว้าเจย์เลนเข้าหาตัวก่อนจะโน้มใบหน้าหวานมารับจูบอย่างไม่ให้ตั้งตัว จูบเอาแต่ใจเสียรับมือไม่ทันได้แต่ทุบอกคนตัวโตที่ทำรุนแรงใส่ พักหลังมันบ่อยขึ้นจนน่าน้อยใจ ราวกับว่าจะเห็น
เจย์เลนสำคัญก็แค่ตอนเหนื่อยล้าอยากนอนเท่านั้น เมื่อตักตวงพลังจากอีโบนีได้แล้วเขาเดินจากไปอย่างไม่แยแส ส่งผลให้คนท้องนั่งลงที่โซฟาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจและยิ่งรู้สึกแย่เมื่อนึกถึงกลิ่นน้ำหอมที่ติดตัวกียุลมาเมื่อสักครู่ คงเพราะเขาท้อง
กียุลถึงได้ไปหาความสุขใส่ตัวจากที่อื่นสินะ เจย์เลนโทษตัวเองทุกอย่างเพื่อประคองความรัก

ความสุขช่างผ่านไปไวดังโบราณว่าแต่ไม่คิดว่าจะผ่านไปไวขนาดนี้ แต่งงานกันไม่ถึงปี ลูกยังไม่ทันคลอดทุกอย่างก็ไม่สวยหวานเช่นก่อนแต่งงาน ชีวิตรักไม่สดใหม่มีแต่ความหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ ทะเลาะ เหน็บแนม ทิ้งขว้างความรู้สึกกันและกัน

“นายจะไปรู้อะไรว่าพี่เหนื่อยขนาดไหน แค่นี้ทำไมต้องโกรธวะ” กียุลว่าอย่างหัวเสีย

“พี่พูดว่าแค่นี้เหรอ? พี่มีคนอื่นนะ! ผมอุ้มท้องลูกของเราอยู่แต่พี่ไปนอนกกอยู่กับคนอื่น!! แล้วมีหน้ามาถามได้ยังไงว่าผมโกรธทำไม พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ!!” เจย์เลนแผดเสียงใส่ด้วยความโกรธทั้งหมดที่อัดอั้นมานานพลางประคองท้องแปดเดือนของตัวเองไว้ทุกขณะราวจะขอโทษลูกในท้องที่เขาไม่สามารถทนพฤติกรรมกินนอกบ้านของกียุลได้อีกแล้ว

“ลองมาเป็นฮิปนอส ลองมาทำงานหาเงินเข้าบ้านบ้างไหมล่ะ เป็นนายมันโคตรสบายแล้วเจย์เลน แค่อุ้มท้องอยู่บ้านแท้ ๆ ยังจะมาเอาแต่ใจอะไรนักหนา พี่ต้องไปอีโบนีโฮสต์คลับเพื่อไปรักษาก็นายท้องแปดเดือนแล้ว เราเอากันไม่ได้ เข้าใจบ้างดิ แล้วพี่ก็ไม่ได้ไปเอากับใครด้วย นี่พี่ทำเพื่อนายกับลูกที่สุดแล้วนะ” กียุลส่ายหน้าเอือมระอาเมื่อพูดจบ เขาทำเหมือนว่าเจย์เลนทำตัวงี่เง่าไม่รู้ความ เขาแค่ไปหาความสุขใส่ตัวบ้างแล้วก็ไปเพื่อรักษาตัวเองไม่ได้ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครอื่น ถ้าภายนอกก็มีบ้างก็เขาไปเพื่อทำให้ตัวเองนอนหลับได้เพราะฉะนั้นมันไม่ผิด

“มันแค่ข้ออ้างมากกว่า พี่ไม่เหมือนเดิมรู้ตัวบ้างไหม? ก่อนแต่งงานพี่ไม่ได้เป็นแบบนี้”

“พี่ก็ไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน นายก็ไม่ได้น่ารักเหมือนก่อนแต่งงาน บางทีพี่ก็คิดนะว่า... เราไม่ควรแต่งงานกันเลย”

“พี่พูดแบบนี้ได้ยังไง ปึก! พูดออกมาได้ยังไง! ฮืออออ ปึก! พี่เป็นคนขอผมแต่งงานนะ พี่บอกจะดูแลผมอย่างดี นี่น่ะเหรอ! ที่พี่ตอบแทนความรักของผม ไปเอากับคนอื่นแล้วมาโทษว่าเป็นความผิดผม ทำไมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้!! ฮืออออ
พี่กียุลคนเดิมของผมหายไปไหนแล้ว ปึก! ปึก!” คนท้องคร่ำครวญบอกทั้งน้ำตาพลางทุบอกคนตรงหน้าเผื่อความเจ็บจะทำให้หัวใจรู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง แต่กลับโดนขืนข้อมือไว้อย่างแรงแทน

“หยุด! หยุด! บอกให้หยุดไง! หยุดงี่เง่าได้ไหมเจย์เลน! ก็บอกว่าไม่ได้มีใครไง!” แรงโมโหทำให้กียุลผลักเจย์เลนจนเซลงไปนั่งที่เตียงยิ่งก่อเกิดรอยร้าวมากขึ้น ร่างสูงหันหลังให้หมายจะเดินออกไปจากห้องนอนเพื่อหนีปัญหา

“หยุดเลยนะ!! พี่จะไปไหน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย พี่จะมาทำกับผมแบบนี้ไม่ได้!”

“อย่าทำให้พี่เสียใจที่ขอนายแต่งงานไปมากกว่านี้เลย” เขาหันมาพูดเพียงเท่านั้นแล้วเดินจากไปไม่แยแสเมียท้องแก่

“ผมก็เสียใจเหมือนกันที่ตกลงแต่งงานกับคนอย่างพี่!”

จุดสีดำบนผ้าขาวถูกแต่งแต้มไปทีละนิด ยิ่งนานวันสีดำยิ่งตีวงกว้างจนแทบไม่เหลือพื้นที่สีขาวดังเดิม

ในวันที่เจย์เลนคลอดยังไร้วี่แววพ่อของลูก ยังดีที่จิตใจของอีโบนีคนนี้แข็งแกร่ง ตอนนี้มีแต่ลูกเท่านั้นที่สำคัญต่อเขาไม่ใช่สามีเห็นแก่ตัวคนนั้น

“แต่งงานกันแล้วมีอะไรก็ต้องคุยกันนะลูก” หญิงวัยกลางคนผู้มีใบหน้าไปทางยุโรปท่าทางสวยสง่าดูดีมากกว่าคนอายุเท่ากันเอ่ยอย่างหนักใจระคนเป็นห่วงลูก

“อะไรกัน ยังต้องคุยอะไรอีก เมียคลอดมันยังไม่โผล่หัวมาเลยคุณ กลับไปอยู่บ้านเถอะเจย์เลน อยู่กับมันไปก็ไม่มีความสุขหรอกกลับมาบ้านเราซะ แต่งงานกันยังไม่ถึงปีมันก็ออกลายแล้วลูกจะทนกับผู้ชายแบบนี้ไปทำไม”

ชายวัยกลางคนในมาดนักธุรกิจเอ่ยอย่างฉุนเฉียวทนไม่ได้ที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถูกกระทำเช่นนี้หลังจากแต่งงานออกจากบ้านไป

“เมื่อก่อนเขาไม่ใช่แบบนี้นะครับ ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่เขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ผมตัดสินใจผิดเหรอครับพ่อ ผมน่าจะไม่ตกลงแต่งงานกับเขาแล้วทำตามความฝันของผม อนาคตของผมก็คงจะดีกว่านี้ ดูสิ ผมไร้ค่ามากเลย”

“ลูกยังมีพ่อกับแม่ มีพี่ของลูก แล้วก็ลูกของลูกนะ อย่าคิดว่าตัวเองไร้ค่า พ่อกับแม่ไม่เคยสอนให้ลูกไม่รักตัวเอง”
เจย์เลนร้องไห้ออกมามากมายในอ้อมกอดของพ่อกับแม่อย่างน้อยวันนี้เขาก็ไม่ได้ตัวคนเดียว

“ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็กลับบ้านเราเลยนะลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ย ในใจผิดหวังกับกียุลมาก

“พ่อจะหาทนายถ้ามันไม่ยอมหย่า”

“ผมว่าเขาน่าจะยอมครับ” พ่อลูกอ่อนว่าเสียงเศร้าพลางมองลูกที่อยู่ในรถเข็นเด็กของโรงพยาบาลก่อนจะหันไปยิ้มจากนี้ชีวิตเขามีเพียงลูกที่สำคัญเขาย้ำเตือนตัวเอง

“แต่ผมยังไม่อยากหย่า อยากลองคุยกับเขาอีกครั้งก่อนเผื่อเขาจะดีขึ้น ผมไม่อยากให้ลูกโตมากับผมคนเดียว”

“ครอบครัวจะมีกี่คนก็คือครอบครัวนะลูก ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าครอบครัวที่สมบูรณ์จะต้องมีพ่อ แม่ ลูก”

“มันก็จริงครับแม่ แต่ว่า...ขอเราคุยกันอีกครั้งนะครับ ผมไม่อยากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่พี่กียุล” คำพูดต่อหน้าโลงศพเป็นสิ่งที่เจย์เลนต้องยึดมั่นถือมั่น

“ช่างมันสิคนตายไปแล้วจะมารับรู้อะไร หย่ากับมันซะ กียุลมันไม่เปลี่ยนหรอก ลองมันนอกใจแล้วมันไม่มีครั้งเดียวแน่” แม้ครอบครัวทั้งสองจะรู้จักกันมานานแต่พ่อของเจย์เลนต้องเลือกลูกตัวเองก่อนสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว

แกร๊ก!

“เจย์เลนพี่มาแล้ว! แฮ่ก แฮ่ก พี่รีบมาที่สุดแล้วแต่ในกองมีเรื่องวุ่นวาย พี่ขอโทษที่มาช้านะ เจ็บมากไหม ลูกล่ะ” พ่อกับแม่เจย์เลนแทบจะเป็นอากาศธาตุเมื่อลูกเขยไม่ทันสังเกตเห็น เข้ามาได้ก็ลนลานเข้าไปหาเมียกับลูกท่าเดียว

“เจย์ลีนลูกป๋า น่ารักมากครับ เจย์เลนเก่งมาก ลูกตาสวยเหมือนนายเลย”

“อะแฮ่ม เห็นฉันสองคนเป็นหัวหลักหัวตอหรือยังไง” พ่อของเจย์เลนกระแอมก่อนเอ่ยเสียงเข้ม

“คุณพ่อ คุณแม่ ขอโทษครับ ผมไม่ทันสังเกตเห็น” กียุลโค้งร่างกายขอโทษอย่างนอบน้อมส่วนผู้ใหญ่ทั้งสองทำหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่พอใจอย่างถึงที่สุดเพราะรู้ถึงพฤติกรรมมาตลอด

“แกต้องหย่ากับเจย์เลนซะ”

“ทำไมครับคุณพ่อ” กียุลไม่เข้าใจ

“แกยังมีหน้ามาถามเหรอฮะ?!” ชายวัยกลางคนเยื้องกรายเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างเอาเรื่องจนทั้งห้องตกอยู่ในความเย็นยะเยือก

“ผมขอโทษครับ”

“ขอโทษอะไร? แกทำอะไรลูกชายฉันบ้าง? ทำให้เขาเสียใจยังไงบ้าง? ถ้าแกไม่รักลูกฉันแล้วก็ส่งเขากลับมาให้ฉัน ฉันจะดูแลลูกฉันเอง ในเมื่อแกไม่มีปัญญาทำให้ลูกฉันอยู่อย่างมีความสุขได้ ก็หย่ากันไปซะ!!” ดวงตาวาวโรจน์โกรธจัดจดจ้องไปที่ลูกเขยที่เคยไว้ใจ

“ผมขอโทษครับ แต่ผมไม่เคยนอกใจน้องจริง ๆ นะครับ”

“นิยามการนอกใจของแกมันเป็นแบบไหนฮะ!”

“ขอโทษครับ ผมจะปรับปรุงตัว ผมจะไม่ทำให้น้องเสียใจอีกผมสัญญา อย่าให้เราหย่ากันเลยครับ”

“ไปขอโทษ ไปสัญญากับลูกฉัน ไม่ใช่มาบอกฉัน แล้วลมปากเน่า ๆ ของแกมันน่าเชื่อถือตรงไหน แกบอกฉันมาสิว่ามันเชื่อได้แค่ไหน!” ร่างสูงของฮิปนอสทรุดลงกับพื้นวางมือสองข้างไว้เหนือหัวคำนับอย่างยอมจำนนกราบกรานขอโอกาสกับทุกคนในห้องนี้

“ผมขอโทษครับ คุณพ่อ คุณแม่ พี่ขอโทษนะเจย์ ต่อไปนี้พี่จะดูแลนายกับลูกให้ดีจะรักนายคนเดียว ให้โอกาสพี่นะ” มีแต่ความลังเลอยู่ในดวงตาของคนบนเตียงมันทำให้กียุลใจเสีย ถึงแม้เขาจะเผลอไผลไปบ้างแต่เขาไม่เคยหมดรักเจย์เลนนั่นคือเรื่องจริง

“ผมรับไม่ได้กับเรื่องนอกกายหรือนอกใจ ไม่ว่าพี่จะมีอะไรกับใครไหม แต่ถ้าผมรับรู้ถึงสัมผัสคนอื่นจากตัวพี่...เราจะหย่ากันทันที และลูกจะต้องอยู่กับผมพี่จะไม่มีสิทธิ์เลี้ยงดูเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมไม่มีทางยอม”

“ได้ เพราะพี่จะไม่ผิดสัญญา”

“ถ้ามีอีกแกตายแน่” พ่อเจย์เลนขู่ซ้ำก่อนจะพาแม่เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้พ่อแม่ป้ายแดงอยู่ด้วยกันเพื่อเคลียร์ปัญหาใจทั้งที่เขาไม่อยากจะให้เกิดขึ้นก็ตามเพราะเขารู้สันดานผู้ชายอย่างกียุลดี

“พี่ขอโทษนะคนดี พี่เครียดกับงาน เครียดหลายอย่าง พี่นอนน้อยมาก พี่ขอโทษที่หงุดหงิดใส่นาย ขอโทษจริง ๆ พี่รักนายกับลูกนะ และยืนยันอีกครั้งพี่ไม่เคยนอกกายหรือนอกใจ” ฮิปนอสสืบเท้าเข้าไปข้างเตียงจับมือบางขึ้นมาเพื่อย้ำให้เชื่อมั่น

“ผมจะลองเชื่อใจพี่อีกสักครั้ง...อุ้มลูกมาให้ผมหน่อยสิ ผมจะป้อนนมเขา อุ้มเป็นใช่ไหม?” เจย์เลนทดสอบ

“เป็นสิ อย่าคิดว่าพี่ไม่เอาไหนขนาดนั้น พี่ดีใจนะที่เรามีลูกพี่ต้องศึกษาทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกอยู่แล้ว” เขาว่าพลางช้อนลูกน้อยขึ้นมาจากรถเข็นเพื่อเข้าสู่อ้อมอกอุ่นของผู้เป็นแม่

“ลูกน่ารักจัง เจย์ลีนคนสวยของป๋า สวยเหมือนแม่หนูเลยนะคะ” เขาชมเชยในขณะที่ตัวน้อยดูดนมจากอกเจย์เลนอย่างน่ารักน่าชัง

“ก็ชื่อลูกหมายถึงผู้หญิงที่สวยมากไง จำได้ไหมใครเลือกชื่อนี้”

“จำได้สิ พี่เลือกเองกับมือเพราะอยากให้ลูกสวยเหมือนนาย”

“นึกว่าจะลืมหมดแล้ว”

“โถ่ คนดี พี่ขอโทษครับ จากนี้พี่จะกลับไปเป็นกียุลคนเดิมของนาย”

“ทำให้เห็นดีกว่าครับ ไม่ต้องพูด ผมไม่อยากเจ็บอีก”

หลังจากนั้นพฤติกรรมกียุลก็ไปในทิศทางที่ดีขึ้นช่วยเจย์เลนเลี้ยงลูก ตอนกลางคืนก็รับหน้าที่ดูแลลูกเองให้เจย์เลนนอนแล้วเช้าเขาก็ไปทำงาน เขาใช้คุณสมบัติของฮิปนอสพลิกข้อบกพร่องในชีวิตให้เป็นโอกาสที่ดีในการดูแลลูก แต่มันก็ส่งผลให้เขาเหนื่อยไม่น้อย ออกกองถ่ายทำละครเป็นงานหนักเอาเรื่องอยู่แล้วและต้องกลับมาเลี้ยงลูกอีก ชั่วโมงการนอนของเขาติดลบหนัก ครั้นจะให้เจย์เลนช่วยน้องก็เจ็บแผลผ่าคลอดอยู่เขาถึงได้เดินทางผิดอีกครั้ง…

“วันนี้ไม่มีออกกอง” เจย์เลนเอ่ยพลางวางเครื่องปั๊มน้ำนมลงขณะที่กียุลเดินเข้าบ้านมาสีหน้าอีโบนีเฉยชาเหมือนไม่เดือดร้อนอะไรแล้วเดินไปแช่ขวดนมสำรองไว้ให้ลูกกินที่ตู้เย็น

“มีพรีโปรละครเรื่องใหม่น่ะ ประชุมกันยาวเลย พี่ไปดื่มกับซีคมานิดหน่อย ไม่เชื่อโทรหามันได้ พี่ไปอาบน้ำก่อนนะเดี๋ยวลูกเหม็น”

“หึ กลัวลูกเหม็นเหล้าหรือกลัวผมจะได้กลิ่นอีโบนีคนอื่นจากตัวพี่?” ร่างเล็กเดินไปเผชิญหน้าดีที่ตอนนี้เจ้าตัวน้อยหลับอยู่ในห้องนอนของตัวเอง

“นายไม่ไว้ใจพี่เหรอ” กียุลพยายามกลบเกลื่อนทั้งที่กลิ่นมันฟ้องเจย์เลนได้กลิ่นชัดเจน

“ถ้าอย่างนี้ก็หย่ากันไปเถอะ ผมรับไม่ได้ โอกาสของพี่หมดแล้ว” พูดจบก็เดินหนีแต่มือแกร่งก็รั้งแขนบอบบางกว่าเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“พี่ไม่หย่า พี่รักนาย ทำไม? ก็นายให้พี่ไม่ได้ พี่ก็ไม่บังคับ แต่พี่จำเป็นไง”

“ยาพี่ก็มีกิน พี่ไปรักษาอาการดื้อยามาแล้ว เลิกหาข้ออ้างเถอะ คนรักกันไม่ทำกันแบบนี้ ปล่อย ผมจะไปดูลูก”

“ไม่ พี่ไม่ผิดนายจะมาทำเหมือนพี่ผิดไม่ได้ พี่มีเหตุผลนะ พี่ต้องไปทำงานกินยามันก็ช่วยให้พี่หลับไม่ได้มาก กลับมาพี่ก็มาช่วยนายเลี้ยงลูกอีก พี่แทบไม่ได้นอนแล้วพี่จะอยู่ยังไง เข้าใจพี่เถอะนะที่รัก” ร่างหนาเข้าไปกอดคนตัวเล็กกว่าแนบแน่นหวังว่าจะได้รับความเห็นใจ

“ดูแต่ละคำที่พี่พูดออกมาสิ พอเถอะ ผมเหนื่อย จะไปนอน”

“ให้พี่สิ แล้วพี่จะไม่ไปหาคนอื่น” ไม่ว่าเปล่าริมฝีปากร้ายเริ่มซุกซนไล้เล็มที่ซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นดอกลิลลี่ที่เขาชื่นชอบและทำให้หลับสบาย

“อื้อ ผมจะไปนอน”

“เดี๋ยวพี่พาไปนะครับ” สายตาเย้ายวนสื่อความหมายลึกซึ้งถึงความต้องการแล้วช้อนร่างที่เล็กกว่าไปที่เตียงนอนสุดท้ายเจย์เลนก็ใจอ่อน ใจอ่อนหลายครั้งจนกียุลได้ใจ ในคราแรกทุกอย่างเป็นดั่งที่ฮิปนอสบอกทุกประการเรื่องความจำเป็นเรื่องอาการนอนไม่ได้แล้วต้องไปให้คนอื่นช่วย ทว่าเมื่อผ่านไปสักระยะเขาดันตักตวงความใคร่จากทั้งในบ้านและนอกบ้านไปเสียอย่างนั้น…

“อุแว้ อุแว้ อุแว้”

“ฮือออ แม่ครับ เจย์ลีนร้องไห้ไม่หยุดเลยครับ ฮือออ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว” เจย์เลนปวดหัวใจที่เห็นลูกน้อยทรมานแต่ช่วยอะไรไม่ได้

“พี่เขาไม่อยู่ครับยังไม่กลับมา ฮือออ ก็เลยไม่มีรถไป ฮึ่ก ผมโทรตามแล้วแต่เขาไม่รับสาย เดี๋ยวก่อนนะครับแม่ พี่เขาโทรกลับมา” เจย์เลนรีบกดรับสายทั้งสูดน้ำมูกหายใจเข้าอย่างพยายามตั้งสติลูกน้อยก็ยังร้องไม่หยุดในอ้อมกอด

“เจย์เลนพี่ยังไปไม่ได้ เรียกรถเลย”

“อุแว้ อุแว้ แต่ลูกไม่สบายนะครับ ฮือออ พี่รีบกลับมาเดี๋ยวนี้นะ” ถ้ากียุลอยู่ด้วยเจย์เลนก็จะอุ่นใจขึ้นและเขาเป็นพ่อจึงต้องควรมามันจะมีอะไรสำคัญไปกว่าลูกเล็กที่ไม่สบายอีกเหรอ

“ไม่ได้ แค่นี้นะ” ปลายสายถูกตัดไปกะทันหันทำให้เจย์เลนร้องไห้โฮไปกับลูกแต่ต้องตั้งสติอีกครั้งเมื่อเห็นลูกร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ

“เจย์ลีน...แด๊ดจะดูแลลูกเองนะครับ ไม่ร้องนะ แด๊ดจะพาหนูไปหาหมอเอง ฮึ่ก ฮือออ”

 

นั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่เจย์เลนมีให้กับกียุล...

 

“หย่า!! ยังไงผมก็จะหย่ากับพี่! ที่ผมยอมกลับมากับพี่ก็เพราะจะมาคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ที่บ้านพ่อกับแม่” พวกเขาเริ่มมีปากมีเสียงกันหลังไปรับเจย์เลนกับลูกกลับมาจากบ้านพ่อแม่เพราะเขาทะเลาะกันจนพ่อลูกอ่อนหอบลูกหนีไป

“พี่ไม่หย่า ยังไงก็ไม่!” กียุลหันไปเถียงด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองแต่เมื่อมองเห็นลูกที่นอนอยู่บนตักเจย์เลนเขาก็พยายามจะสงบลง

“ผมจะหย่า!! จะอยู่กันแบบนี้ไม่ได้หรือพี่ยอมให้ผมไปเอากับคนอื่นบ้างไหมล่ะ?”

“มันไม่เหมือนกัน”

“ไม่เหมือนยังไง? ไหนบอกมาสิ พี่ไปเอากับคนอื่นได้ แต่ผมไม่ได้เนี่ยนะ เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า หรือคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายแล้วจะทำแบบนี้ได้ ผมก็เป็นผู้ชายนะเราไม่เหมือนกันยังไง พอผมเป็นเมียพี่แล้วก็คิดว่าเราไม่เหมือนกันเหรอ? ถ่างตาดูหน่อยเถอะว่าผมก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ แล้วใช่ว่าเป็นเมียพี่แล้วจะเป็นเมียคนอื่นไม่ได้อีก ผมยังเป็นผัวคนอื่นได้ด้วยเผื่อพี่ไม่รู้อย่าเห็นแก่ตัวให้มากนัก ผมสะอิดสะเอียน”

“มันจะมากไปแล้วนะเจย์เลน!!” กียุลตะคอกใส่ด้วยความเดือดดาลสุดขีดพลางหันไปมองหน้าแม่ของลูกอย่างไม่อยากจะเชื่อหู

“ก็หย่ากันไปสิ!” เจย์เลนแผดเสียงกลับไม่ไว้หน้า จ้องมองอย่างเอาเรื่องเช่นกัน

“พี่ไม่น่าขอนายแต่งงานเลย!”

“ผมก็ไม่น่าตกลงแต่งงานกับพี่เหมือนกัน! เฮงซวย!”

ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

“อ๊ากกกกกก!! ระวัง!!”

โครม!!

อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เจย์เลนสูญเสียแก้วตาดวงใจไปตลอดกาลและทำให้เขาแยกทางกับกียุลอย่างไม่มีทางหวนกลับในขณะที่กียุลรู้สึกผิดเสียศูนย์ขนาดที่ใช้ชีวิตไม่ได้เช่นเดียวกับเจย์เลน พวกเขาต่างเผชิญกับความเจ็บปวดและรับมือไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นภายในหนึ่งปีที่พวกเขาแต่งงานกัน

จากนั้นเจย์เลนก็พบตัวเองในอีกโลกด้วยความช่วยเหลือของพี่ชายแท้ ๆ อย่างคังจุนที่รู้เรื่องเทคโนโลยีเป็นอย่างดีและรู้ว่าจะค้นหาตัวเองจากโลกอื่นได้อย่างไร

“นั่นไงตัวนายที่ไม่ได้แต่งงานกับกียุล”

“ทำงานที่บาร์โฮสเนี่ยนะ เขาไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้เลย ไม่ได้เป็นผู้กำกับ แย่มากเลย โคตรไม่เอาไหน”

“อาจจะมีอะไรผิดพลาดก็ได้ ตัวนายไม่ใช่คนแบบนั้น” เจย์เลนไม่สนใจคำพูดคังจุนมากนักในใจมีแต่ความคิดด้านลบและความผิดหวัง

“แล้วผมจะไปที่โลกนั้นยังไงพี่จุน”

“ไปก็ไปอยู่ในโลกนั้นไม่ได้ นายจะอยู่ในโลกที่มีตัวเองสองคนไม่ได้ จักรวาลจะเสียสมดุล”

“ผมสามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ได้เริ่มต้นใหม่ พี่กียุลในโลกนั้นจะต้องแสนดีมากแน่ ๆ ผมจะไปอยู่กับเขาจะสร้างครอบครัวกับเขาใหม่ พี่ช่วยผมเถอะนะครับ พี่ก็เห็นว่าผมสูญเสียไปมากเหลือเกิน ฮือออ ฮึ่ก ให้ผมได้มีความสุขบ้างเถอะครับ ได้โปรดช่วยผมด้วยนะครับพี่ ฮือออ เจย์เลนในโลกนั้นเขาไม่ต้องการพี่กียุลอยู่แล้วอย่างที่เห็น” คังจุนหนักใจ

“เจย์เลนในโลกนั้นท่าทางจะรักสนุก เขาไม่คู่ควรกับพี่กียุลที่แสนดีหรอกครับ ผมคู่ควรที่สุดแล้วผมพร้อมที่จะสร้างครอบครัวพร้อมดูแลและรักเขาคนเดียวไปตลอดชีวิต ฮือออ ผมอยากมีลูก อยากให้เขากลับมาหาผม ผมจะเลี้ยงเขาให้ดีไม่ให้เป็นแบบนี้อีก ฮึ่ก ฮือออ ขอร้องล่ะครับ หาพี่กียุลคนนั้นให้ผมนะ” ร่างเล็กทรุดกายลงกอดขาอ้อนวอนร้องไห้อย่างน่าสงสาร

“หาไม่ได้หรอก เราหาได้แค่ตัวตนของเรา หาของคนอื่นไม่ได้ ถ้าไม่มีร่างจริงอยู่ก็หาตัวเราอีกคนไม่ได้”

“งั้นก็เฝ้าดูเจย์เลนคนนั้นไว้ครับ สักวันอาจได้เจอพี่กียุลอีก นะครับ ผมขอร้อง ฮืออออ”

จนคนเป็นพี่ต้องยอมที่จะช่วยนับแต่นั้นพวกเขาก็เฝ้าดูเจย์เลนในอีกโลก ทว่าก็ไม่สามารถรับรู้สิ่งที่เจย์เลนพบเจอได้ตลอดเวลาเนื่องจากเทคโนโลยีในโลกนั้นไม่ได้เสถียรภาพมากเท่าโลกของเจย์เลนคนที่ปฏิเสธการแต่งงานอยู่ ความเข้าใจและสารที่รับรู้จึงถูกบิดเบือนไปบ้างทำให้เจย์เลนผู้สูญเสียลูกเคียดแค้นสิ่งที่ผู้เสมือนเป็นแฝดได้รับ

“นายไม่สมควรได้รับสิ่งที่ดีเลย นายทิ้งพี่กียุลให้เขาทรมานด้วยเหตุผลโคตรเห็นแก่ตัว ในเมื่อเราสองคนอยู่ในโลกเดียวกันไม่ได้ ก็เป็นนายนั่นแหละที่ต้องเสียสละ เพราะฉันสูญเสียมามากพอแล้ว” นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเจย์เลนถึงได้ยินเสียงเรียกแห่งความตายมาโดยตลอดนั่นเอง...

 

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

โปรดติดตามตอนต่อไป...

 

พอรู้เรื่องของเจย์เลนอีกคนแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ แอบเห็นใจเลยใช่มั้ยคะ ฮืออออ

แล้วแบบนี้เขาจะมาทำอะไรเจย์เลนของพวกเราอีกมั้ยคะ อ่ยย หลานก็จะเกิดแล้ว แกหยุดดดดดด

 

 

 

ขอบคุณคุณนักอ่านที่น่ารักที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ให้นะคะ แงงง

รักทุกคนเลย มันเป็นกำลังใจสำคัญของไรท์มาก ๆ เลยค่ะ

 

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ

 

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ

วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)

ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!

สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน