ฉากที่ 17

สายลมอบอุ่นหลังพายุ

 

 

 

“คังจุน ทางเดียวที่ฉันคิดได้ตอนนี้คือ...ต้องหาทางติดต่อกับเจย์เลนในโลกนั้น ฉันทบทวนหลายครั้งแล้ว” กียุลเอ่ยอย่างหนักใจ เขาอาศัยช่วงพักกองถ่ายทำปรึกษากับเพื่อนคนสนิท

“มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ โรแวนก็ติดต่อไม่ได้ แล้วเรื่องโปรแกรมไซเฟอร์ที่รัฐบาลปล่อยออกมามันก็เสี่ยงโรแวนเอ่ยปากเตือนเราไว้ขนาดนั้น หมายความว่ามันไม่ใช่ทางที่ดี”

“ยังไงเราก็ต้องทำให้เขาปรากฏตัวขึ้นมา แล้วฉันจะคุยกับเขาเอง” เขาว่าพลางชำเลืองมองหาเจย์เลนให้อยู่ในสายตาเสมอ

“มั่นใจได้ไงว่านายจะเห็นเขา แล้วเขาจะยอมเจรจากับนาย”

“ฉันต้องมีความสำคัญเขาแน่นอนเพราะฉะนั้นเขาจะไม่ปฏิเสธฉัน ทางไหนฉันก็จะลองดู ฉันปล่อยเจย์เลนกับลูกไว้ในอันตรายต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมาฉันชะล่าใจเกินไป” คังจุนพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจแต่ในหัวก็ยังไม่ได้เลิกคิดหาทางช่วยอื่น ๆ

“งั้นนายต้องบอกเรื่องนี้ให้น้องฟัง ให้รู้ว่าสิ่งที่ตามน้องอยู่คืออะไรกันแน่ น้องจะได้ให้ความร่วมมือ”

“ไว้จะหาจังหวะแล้วกัน ขอฉันคิดแผนเพิ่มก่อน เราต้องล่อให้เจย์เลนคนนั้นออกมา แต่มันก็เสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจย์ ฉันต้องคิดให้รอบคอบบุ่มบ่ามไม่ได้”

“อืม ฉันเห็นด้วย ยังไงก็ต้องยึดความปลอดภัยของเจย์เลนกับลูกก่อน” กียุลพยักหน้าตอบรับเรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว เขาไม่มีทางละเลย

“ส่วนเรื่องแทมินเมื่อวานน้องมันฟื้นแล้วใช่ไหม” สองอาทิตย์เต็ม ๆ ที่แทมินรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล

“อื้อ กลับบ้านแล้ว เรียวตะมันดูแลตลอด รายนั้นก็จะตายแล้วทั้งมากองทั้งไปหาแทมินที่โรงพยาบาลทุกวัน นอนมันก็ไม่ค่อยได้นอน พอ ๆ กับโซฮี สามคนนี้เป็นห่วงกันมากเลย”

“เห็นแล้วล่ะ ฉันเลยว่าจะพักกองสัก 2-3 วันให้พวกเขาได้พักผ่อนกันหน่อย ทำงานต่อไปกันแบบนี้ไม่น่าจะไหว เรายังต้องถ่ายทำกันอีกหลายเดือน จากนี้ฝากนายช่วยเป็นหูเป็นตาให้ฉันหน่อยนะ ถ้าเห็นเจย์เลนตกอยู่ในอันตรายให้รีบบอกฉัน อย่าทำอะไรเองให้เจ็บตัว ฉันไม่อยากให้ใครต้องมา... เป็นแบบนี้อีก”

“ไม่ต้องห่วง ฉันดูแลเจย์มาตลอด น้อยครั้งที่มันจะเกิดอะไรขึ้น สบายใจเถอะ” เพียงพูดให้เพื่อนสบายใจเท่านั้นเพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจย์เลนต่อให้ต้องโดนหน้าผาไปช่วยคังจุนก็จะกระโดดลงไปช่วยก่อนคิดอยู่แล้ว

“ฉันฟังมานานแล้ว ขอพูดบ้างนะ ก่อนอื่นนายช่วยทำตัวปกติกับเจย์เลนก่อนได้ไหม แบบนี้ไม่เครียดกันเหรอ?” จินกูแทรกขึ้นมาหลังจากนั่งเงียบมานาน

“...”

“น้องท้องอยู่เผื่อนายลืมนะกียุล ไหนจะเรื่องแฝดในอีกโลกอีก นายห่างเหินกับน้องมากรู้ไหม”

“น้องต้องได้บทเรียนบ้างนะครับพี่ ผมก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอก แต่มันจำเป็น”

“ตะคอกใส่น้องไปขนาดนั้น แต่สุดท้ายก็ไล่ทีมงานคนนั้นออก นายนี่มัน...”

“เรื่องที่กองถ่ายวันนั้นไม่ใช่ปัญหาหลักหรอกครับ ผมดูพฤติกรรมเขามาตลอด เตือนไปก็หลายหน เขาไม่ได้ปรับปรุงตัว ไหนเขาจะเอาเรื่องเจย์เลนมาพูดเสีย ๆ หาย ๆ ดูถูกเจย์อีก ไม่ให้ผมไล่เขาออกจะให้ทำไงล่ะครับ ขึ้นเงินเดือน?” เลิ่กคิ้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนี้พี่ใหญ่ถึงกับไปไม่เป็น บอกแล้วว่ากียุลโหมดจริงจังก็ใช่เล่น ความปากร้ายก็ไม่เป็นรองใครด้วย แต่ไม่บ่อยนะที่จะได้เห็นร่างนี้ของเขา

“ไม่เห็นต้องกวนตีนงี้เลย อะ ๆ อย่าให้มันมากเกินแล้วกัน น้องมันเครียดแล้วจะส่งผลกับลูกนายนั่นแหละ”

“ครับ รู้แล้ว ผมฝากทุกคนด้วยนะครับ ช่วยดูแลน้องให้ผมด้วย”

“มันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะ อ้อ ให้โซฮีคอยอยู่กับเจย์เลนไว้สิ มีอะไรจะได้บอกนายทัน นายจะได้วางใจด้วย” จินกูเสนอทางช่วยดูแลเจย์เลน

“โซฮีจะตกอยู่ในอันตรายสิครับ ไม่เอาหรอก”

“ต้องมีคนตามประกบสิ ยังไงสองคนนั้นก็ทำงานด้วยกันอยู่แล้ว ตัวติดกันเป็นแฝด น้องฉันมันจิตแข็งจะตายไม่ตายง่ายหรอก เดี๋ยวฉันไปคุยให้ พูดไม่ทันจบประโยคคงรับปากแล้วล่ะ” กียุลคิดหนักและแน่นอนว่าจินกูดำเนินการเอง
เสร็จสรรพ

 

ย่างเข้าสู่เดือนที่หกของการตั้งครรภ์วันนี้เจย์เลนมาหาหมอตามนัดของคนท้องกับโซฮีเนื่องจากพ่อของลูกติดงานซึ่งคนบ้างานอย่างเจย์เลนก็เข้าใจ ทว่าตั้งแต่วันที่ทะเลาะกันวันนั้นจนถึงตอนนี้กียุลกับเจย์เลนก็เหินห่างกัน เขายังรักกันเหมือนเดิมเพียงแค่งานกับความรู้สึกบางอย่างมันขวางกั้นพวกเขาไว้จนเกิดความกระอักกระอ่วน

“ทำไมคนมองแปลก ๆ ล่ะคะพี่ ตั้งแต่เราเข้ามาแล้ว”

หญิงสาวถามเมื่อพวกเขากำลังเดินออกจากแผนกสูติ-วีรเวช ซึ่งเป็นแผนกที่เหมือนกับแผนกสูติ-นรีเวชทุกอย่างเพียงแค่ให้บริการเฉพาะผู้ชายที่ท้องได้ (แผนกสูติ-วีรเวช ไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงสิ่งที่นักเขียนสร้างขึ้นเองเท่านั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

“ก็อย่างนี้แหละปกติ โรงพยาบาลเก่าโดนมองหนักกว่านี้อีก นี่พี่กียุลเขาพาย้ายมา ที่นี่มีแผนกสูติวีรเวช”

“พี่โอเคใช่ไหมคะ”

“โอเคสิ ชินแล้ว ห้ามคนไม่ให้นินทาก็เหมือนห้ามหมาไม่ให้งับหางตัวเอง”

“ไม่ใช่สิคะ หมายถึงเรื่องพี่กับพี่กียุล”

“พี่เวียนหัวแล้วเธอช่วยไปเอารถมารับพี่ที่หน้าประตูได้ไหม พี่ไปไม่ไหว เดี๋ยวพี่นั่งรอตรงนี้”

“พี่ไม่ควรอยู่คนเดียวนะคะ พี่กียุลกำชับฉันไว้”

“คนเยอะแยะ ไม่มีอะไรหรอก ไปเถอะแล้วรีบมา”

“ได้ค่ะพี่ ฉันจะรีบมานะคะ”

เจย์เลนเปลี่ยนเรื่องคุยส่วนเรื่องเวียนหัวนั้นเป็นเรื่องจริง แล้วเขาก็ยังปวดสะโพก ปวดขา ปวดหลัง อาการพวกนี้มีมากขึ้นจนหงุดหงิดกับร่างกายทำอะไรก็เชื่องช้าลงขัดวิสัยคนใจร้อนที่สุด ไม่นานเกินรอทั้งสองก็ขึ้นรถไปด้วยกันตอนนี้โซฮีแทบจะถูกปลดออกจากการเป็นผู้จัดการกองถ่ายเพราะต้องมาคอยอยู่กับเจย์เลนตลอดเวลาเนื่องจากพี่ชายขอไว้และเธอเต็มใจช่วยมาก มันคือทางแก้เดียวเมื่อกียุลต้องทำงานและไม่รู้ว่าแฝดปีศาจอะไรนั่นจะออกมาทำอันตรายเจย์เลนเมื่อใด ถึงอย่างนั้นฮิปนอสก็คอยโทรเช็กอีโบนีตลอด ว่าอยู่ไหน ทำอะไร

“แวะร้านขนมหน่อยสิ พี่หิว”

“หิวก็ต้องกินข้าวสิคะ หมอบอกให้พี่กินอาหารที่มีประโยชน์เยอะ ๆ นะคะ”

“อ่า ขี้บ่นจังเลยเนี่ยฮะ งั้นกลับแดกูเลย ไม่กินแล้ว”

“ฉันฟ้องพี่กียุลนะคะ ถ้าพี่ดื้อ” เจย์เลนได้แต่มองค้อนใส่รุ่นน้องแล้วนวดขาตัวเองไปพลาง ๆ เนื่องจากความปวดที่ตอนนี้พัฒนาไปถึงขั้นบวม ในขณะที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการบีบนวดให้ตัวเองโดยที่ไม่มีสติมากพอเสียงซ่อนเร้นก็เริ่ม
คลืบคลานเข้ามา…

“เอื้อมไปหักพวงมาลัยรถสิเจย์เลน เร็วเข้า...”

ทุกการกระทำหยุดชะงักก่อนจะสะบัดหัวไล่เสียงนั้นไปเพราะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าคนในเงามืดกำลังเข้าควบคุม

“เจย์เลน...ทำตามที่ฉันบอกสิ แล้วนายจะหลุดพ้น...”

ศีรษะเริ่มปวดหนึบราวกับมีตัวอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นมันดิ้นจนปวดจี๊ดผสมกับเสียงในหัวที่เริ่มดังขึ้น

“เงียบทำไมคะพี่” โซฮีที่ขับรถอยู่เริ่มเอะใจเมื่อคนข้างตัวเงียบไป

ครืดดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดด

“พี่คะโทรศัพท์ พี่เจย์เลน พี่กียุลหรือเปล่าคะ ไม่รับเดี๋ยวเขางอนเอานะ”

พอได้ยินชื่อพ่อของลูกเข้ามาในโสตประสาทสติก็เริ่มคืนกลับมา เครื่องสื่อสารยังคงสั่นไปพร้อมกับแผดเสียงเรียกไม่หยุดหย่อนกระทั่งเจย์เลนเอื้อมมือไปหยิบและกดรับสายได้ เสียงลวงนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ครับ ว่าไงครับ” เสียงหวานเอ่ยกับปลายสายหัวใจยังไหวกระเพื่อมแรง

“ถึงไหนแล้ว เปิดกล้องให้พี่หน่อย” เมื่อได้ยินก็ทำตามอย่างว่าง่ายตั้งแต่ถูกกียุลงอนรายนี้ก็หยิบความดื้อรั้นเก็บใส่ลิ้นชักไป

“กำลังกลับแดกูครับ พักกองเหรอ พี่ไปพักเถอะไม่มีอะไรหรอกครับ” คนปลายสายมองพิจารณาอีโบนีไปพร้อมกับการยกข้าวกล่องมาตักกิน

“กินข้าวหรือยัง... โซฮี แวะร้านประจำหน่อยพาพี่เขากินข้าวแล้วค่อยมานะ ขับมาบนถนนทางอากาศนะถนนข้างล่างรถติดกว่าจะถึงมันนาน ข้างบนไวกว่า” ไม่ทันรอเจย์เลนตอบกียุลก็หันไปคุยกับรุ่นน้องเสียอย่างนั้น คนท้อง
ขี้น้อยใจเลยรู้สึกไม่ดีอาการคลื่นเหียนตีขึ้นมาปั่นป่วนทั้งอารมณ์และในท้อง อาการวิงเวียนศีรษะก็ยังเข้ามาสมทบ

“ค่ะพี่ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันดูแลพี่เจย์เลนได้”

“พี่กินข้าวเถอะครับ ไม่มีอะไรหรอก ไปพักเถอะ”

กียุลไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมาแต่ตักข้าวกล่องเข้าปากไม่ได้สนใจไม่หือไม่อือเช่นกัน บ่งบอกว่าเขาจะไม่ไปไหนจะเฝ้าเจย์เลนอยู่ตรงนี้ ถึงสิ่งที่เขาทำจะมีความห่วงใยส่งผ่านมาแต่ใครต่างก็รู้สึกว่าระหว่างพวกเขามีคลื่นมวลความลำบากใจต่อกันแฝงอยู่มันหมดแล้วช่วงเวลาอบอวลไปด้วยไอหมอกสีชมพู

“นายไม่เห็นความลำบากของพี่กียุลเหรอ ทั้งหมดเพราะนายนะเจย์เลน นายจะอยู่ทำให้เขาโชคร้ายไปถึงไหน เขารักนายแล้วก็มีแต่ทุกข์จริงไหม...ลองคิดดูสิว่าฉันพูดถูกหรือเปล่า” เสียงก้องในหัวดังให้ยิ่งขบคิดอีโบนีตอกย้ำเสียงจากแฝดปีศาจด้วยสีหน้าแห่งความกลัวที่ชัดเจน เจย์เลนกำลังคิดหนักทว่าจะให้จากกียุลไปแบบนี้มันก็ไม่ใช่หนทางที่ดี อีกทั้งเขายังเคยสัญญากับพ่อของลูกไว้แล้วว่าจะไม่จากไปไหนอีกเด็ดขาด จะให้ทำผิดสัญญาก็คงไม่ได้แต่ถ้า
กียุลเป็นคนขอห่างเองอันนี้ก็คงได้ เจย์เลนจะไปในทันที

“พี่เจย์คะ ระวังนะคะ ฉันจะเอารถขึ้นข้างบน” โซฮีทำให้คนท้องออกมาจากภวังค์ความคิดก่อนจะระวังตัวตามที่รุ่นน้องบอก พวงมาลัยรถถูกหักทิศทางเข้าที่โซนเตรียมพร้อมสำหรับการออกตัว มือเล็กของผู้หญิงเอื้อมไปกดปุ่มบางอย่างเบื้องหน้าคอนโซลรถ

“กำลังเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน กรุณาระวังความปลอดภัย ระบบขับเคลื่อนทางอากาศพร้อมทำงาน” สิ้นเสียงระบบล้อรถทั้งสี่ถูกเก็บไปด้วยกลไกอัจฉริยะก่อนจะทะยานขึ้นสู่อากาศราวกับเป็นยานขับเคลื่อนชนิดหนึ่ง

สายตาเศร้าเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง เบื้องหน้ามีวิวตึกสูงและท้องฟ้าใสอยู่ใกล้กันเป็นทัศนวิสัยที่เห็นได้ง่ายในยุคนี้ รถและโดรนอากาศยานไร้คนขับบินบนผืนอากาศแต่ไม่ได้หนาแน่น ทันใดนั้นเจย์เลนก็เห็นตึกหนึ่งเข้าพลันให้ความทรงจำไหลผ่านเข้ามาราวสายน้ำ

“โซฮีจอดตรงนั้นให้พี่หน่อยสิ” มันคือหน้าตึกสูงที่มีเรดาร์กันความปลอดภัยกางอาณาเขตอยู่รุ่นน้องทำตามอย่างระมัดระวังก่อนจะจอดนิ่งในอากาศอยู่อย่างนั้นด้วยความสงสัย

“พี่รู้จักเหรอคะ ดูเหมือนจะเป็นตึกบริษัทอินเตอร์ไลฟ์นะคะ ฉันยังไม่เคยเข้าไปเลยแต่เห็นว่ามีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกเยอะมาก ที่นี่ส่งออกหุ่นยนต์ไปทั่วโลกเลยนะคะ”

“อืม...เมื่อก่อนมันคือที่ที่พี่เคยอยู่”

ตึกสูงตระหง่านของหนึ่งในตระกูลแชโบล JL Group บริษัทอสังหาริทรัพย์ที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของเกาหลีในอดีตหลังจากถูกฟ้องให้ล้มละลายบัดนี้ได้มีผู้อื่นเข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์มันเหลือเพียงความทรงจำเท่านั้นที่ย้ำเตือนเจย์เลน สุดท้ายแล้วใครที่รักเขาก็จะมีอันต้องจากไปทุกที และพวกเขาล้วนเสียสละทุกอย่างเพื่อเจย์เลน

“ไม่รู้เธอจำได้ไหม สมัยเรียนด้วยกัน เราจะมาถึงโรงเรียนพร้อมกันตลอดเลย”

“จำได้สิคะพี่ รถที่มาส่งพี่หรูจนใครก็มอง ฉันลงรถมานี่หมองเลยนะคะ ไม่ได้อยากจะมาพร้อมพี่เลยแต่ลงจากรถมาก็เจอกันทุกที” ทั้งคู่เริ่มรื้อความทรงจำ กียุลที่ทานข้าวไปก็ฟังอยู่เงียบ ๆ ผ่านจอโทรศัพท์

“พ่อพี่จะมาส่งพี่ที่โรงเรียนเองทุกเช้า ไม่เคยยอมให้คนขับรถมาส่งเลย ตอนเย็นพ่อกับแม่ก็จะมารับพี่กลับบ้านด้วยกันถึงพี่จะโตจนอยู่เกรดสิบสองแล้วก็ตาม” รอยยิ้มจางผุดขึ้นเมื่อนึกถึงครอบครัวที่คิดถึงทว่าความเศร้าก็ยังเจือปน

“ฉันเห็นประจำเลยล่ะค่ะ บางทีพี่กียุลก็จะกลับบ้านกับพี่ด้วย”

“ใช่ แต่พ่อพี่เขาไม่ค่อยปลื้มพี่กียุลเท่าไหร่หรอก ฮ่า ๆ” ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึงทว่ากียุลก็ไม่ได้ฟังในจุดนี้เขากำลังคุยเรื่องงานกับจินกูอยู่

“ทำไมล่ะคะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน เขาคงรู้มั้งว่าพี่กับพี่กียุลชอบกัน”

“อ๋า หวงลูกชายนี่เองสินะคะ แล้วตอนนี้พ่อกับแม่พี่เป็นยังไงบ้างคะท่านสบายดีไหม”

เป็นคำถามที่ผิดจังหวะแต่ก็ไม่แปลกที่จะถูกถามอยู่แล้วเจย์เลนรู้แต่อดไม่ได้ที่จะสะอึกกับสิ่งที่ต้องตอบ

“พวกท่านเสียไปหลายปีแล้วล่ะ ข่าวออกทั่วเกาหลีเลย เธอไม่คุ้ยบ้างเหรอ ที่ผู้บริหาร JL Group และภรรยาเกิดอุบัติเหตุปีนเขาเสียชีวิต หลังบริษัทล้มละลาย...” เขาเล่าต่อไม่ได้เพราะนึกถึงความทรมานที่เจอ

“ฉันขอโทษที่ถามนะคะพี่ ฉันไม่รู้จริง ๆ ฉันเสียใจด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรน่า มันหลายปีแล้วพี่ทำใจได้แล้วล่ะ” ไม่...เขาไม่เคยทำใจได้และโทษตัวเองมาโดยตลอด

“โอ๊ะ จริงสิ ข้างหน้ามีไดร์ฟทรูร้านกาแฟพี่ดื่มไหมคะ มีขนมด้วยนะ”

“พี่ไม่กินกาแฟแล้ว แต่เอาขนมก็ได้ พี่อยากกินต๊อกไส้ถั่วแดงกับเค้กส้มนมสด”

“ได้เลยค่ะพี่ ฉันจะซื้อให้กินทุกอย่างเลย ลิตเติ้ลเบบี๋ต้องรักคุณอาให้มาก ๆ น้าา” รุ่นน้องเอื้อมมือไปสัมผัสหลานและตั้งใจทำให้ตามคำขอเพื่อหวังจะให้รุ่นพี่คลายความเศร้าเมื่อสักครู่ลงหรือทำให้ลืมสิ่งที่ตัวเองพูดไปอย่างไม่รู้ความ ไปจี้จุดพี่เขาซะได้เธออยากจะหยิกตัวเองเสียให้เขียวจริง ๆ ทว่าในตอนนั้นเจย์เลนที่พึ่งนึกถึงพ่อของลูกได้แล้วมองหน้าจอที่วิดีโอคอลค้างไว้อีกครั้งก็พบภาพเหตุการณ์ชุลมุนมีคนมุงอยู่รอบตัวกียุลด้วยความแตกตื่น

“เฮ้! เกิดอะไรขึ้นครับ ทุกคน! หันมามองหน่อยสิครับ เกิดอะไรขึ้น นี่!”

“อะไรคะพี่”

“พี่กียุลเป็นอะไรครับ ทุกคน!!” เจย์เลนจะร้องไห้อยู่แล้วเพราะเป็นห่วงคนที่รักกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรจนในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นเขาซึ่งคือซีคนั่นเอง

“มันเป็นลมน่ะแต่อาการดูไม่ดีเลยกำลังพาส่งโรงพยาบาล นายรีบตามมาที่โรงพยาบาลแดกูนะ” เขาบอกเท่านั้นแล้วรีบหยิบโทรศัพท์กียุลติดมือไปด้วย

“ไม่ต้องวางสายนะครับพี่ พี่ขึ้นรถไปกับพี่กียุลก็อย่าวางสายผมนะ” เจย์เลนบอก ก่อนเขากับโซฮีจะรีบตรงไปที่โรงพยาบาลแดกูทันที

เมื่อไปถึงเจย์เลนกระวนกระวายไปหากียุลให้เร็วที่สุดแทบจะลืมว่าตัวเองท้องแล้วจะวิ่ง ดีที่รุ่นน้องติงเอาไว้ก่อน สองขาเรียวจึงก้าวเดินยาวแทน สองมือก็ประคองท้องโย้ที่เพิ่มน้ำหนักให้เขาทำทุกสิ่งช้าลงเอาไว้ กระทั่งพบเจอรุ่นพี่แล้วเข้าไปหาพ่อของลูกที่กำลังหลับอยู่ด้วยฤทธิ์ยาในห้องพักผู้ป่วย น้ำตาที่กลั้นไว้ยังคงอดกลั้นได้ต่อไปแต่ใคร ๆ ต่างเห็นว่าเจย์เลนเป็นห่วงกียุลมาก

“พวกพี่จะออกไปก่อน นายคุยกับหมอเลยนะ” ซีคกล่าวแล้วเดินออกไปจากห้อง

“หมอครับ ผมเป็นสามีเขาครับ เขาเป็นยังไงบ้างครับ ทำไมเป็นแบบนี้”

“คุณเป็นอีโบนีคู่ของเขาใช่ไหมครับ”

“ครับ ช่วยบอกอะไรที่ผมควรรู้ด้วยนะครับ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ในเมื่อเราก็สัมผัสร่างกายกันตลอด”

“สัมผัสกันแบบไหนบ้างครับ บอกหมอมาตรง ๆ ครับ ไม่ต้องอาย”

“ทุกอย่างยกเว้นเซ็กส์ครับ ผมท้องอยู่เราก็เลยไม่กล้า” หมอจดบางอย่างลงในชาร์ตก่อนจะขยับแว่นคุยกับ
เจย์เลนจริงจังมากขึ้น

“หมอขอแจ้งก่อนนะครับว่า ร่างกายของคนไข้ไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มมากพอ สมองเหนื่อยล้าเพราะร่างกายทำงานอย่างหนักเมื่อไม่ได้พักผ่อนก็เลยเป็นแบบนี้ จากประวัติเขาเป็นฮิปนอสที่เจอได้ยากครับ เขาดื้อยาและหมอสันนิษฐานว่าตอนนี้การสัมผัสร่างกายกับอีโบนีเพียงเล็กน้อยจะไม่ได้ช่วยเขาได้มากเท่าเดิม ตรงนี้หมอจะต้องตรวจให้ละเอียดอีกทีครับถึงจะบอกได้ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ แต่เบื้องต้นหมอแนะนำว่าลองใช้เซ็กส์รักษาดูครับ คุณท้องกี่เดือนแล้วครับ”

“หกเดือนครับ”

“ยังสามารถมีเซ็กส์ได้นะครับแต่ต้องใช้ท่าทางที่ปลอดภัย หมอแนะนำให้ได้นะครับ หรือถ้าคุณไม่สบายใจเป็นห่วงเด็กในท้องก็ลองติดต่อไปที่ศูนย์บำบัดฮิปนอสดู อันนี้นามบัตรครับ ส่วนคนไข้ต้องรอดูอาการก่อนสักคืนแล้วถ้าหากพรุ่งนี้ไม่มีอะไรก็กลับบ้านได้ แล้วหมอจะทำเรื่องส่งเขาไปตรวจอย่างละเอียดที่โซลในโรงพยาบาลเฉพาะทางนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ”

เจย์เลนคร่อมศีรษะลงตามมารยาท เมื่อหมอไปก็จ้องมองนามบัตรในมือแล้วถอนหายใจแรง ให้ตายเหอะใครจะส่ง
พ่อของลูกเขาไปที่นี่ล่ะมันไม่ต่างอะไรกับการส่งสามีไปให้คนอื่นมีเซ็กส์ด้วยเลยนะ เพราะมันคือศูนย์บำบัดฮิปนอส
ด้วยเซ็กส์จากอีโบนีจิตอาสา กระนั้นเขาก็เก็บนามบัตรใส่กระเป๋าไปโดยไม่คิดอะไรมากให้อารมณ์เสียกว่าเดิม

จากเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นมันยิ่งซ้ำเติมความกลัวลึก ๆ ภายในใจว่า ใครรักเขาก็จะต้องเป็นทุกข์อยู่แบบนี้ ตั้งคำถามกับตัวเองอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยวางความคิดที่ว่าเขาควรอยู่คนเดียว เรือโดยสารแห่งความเศร้าไม่ยอมถึงจุดหมายเสียทีเอาแต่พาวนเวียนอยู่กลางมหาสมุทรอยู่อย่างนั้นทั้งที่สถานีแห่งความสุขอยู่ตรงหน้าก็ทำได้เพียงแค่มอง คนท้องนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยความเงียบดวงตาสีน้ำทะเลจ้องมองผู้ที่นอนอยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกระทม กระทั่งฮิปนอสรู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก

“พี่ครับ รู้สึกยังไงครับ ให้ผมตามหมอไหม?”

“เจย์เลน... กี่โมงแล้ว”

“ตีหนึ่งครับ”

“ทำไมไม่นอน”

“พี่ช่วยห่วงตัวเองก่อนได้ไหมครับ ขอร้องล่ะ” เสียงหวานกระแทกใส่ให้กียุลต้องรีบสังเกตอารมณ์

“นายเป็นอะไร”

“เหอะ ช่างเถอะครับ นอนต่อเถอะ”

“นายเป็นอะไรก็บอกพี่ได้ไหม พี่จะได้ทำตัวถูก”

“ผมหรือเปล่าที่ต้องพูดแบบนั้น พี่เป็นอะไรครับ ฮึก” สุดท้ายก็ทนอึดอัดในใจไม่ไหวร้องไห้ออกมา

“เจย์...”

“ช่างมันเถอะครับ ผมไม่อยากทะเลาะ แค่นี้ผมก็งี่เง่าในสายตาพี่มากพอแล้ว”

“ทำไมพูดแบบนั้น”

“พี่ไม่เหมือนเดิม เราห่างกันพี่ไม่สังเกตเหรอ ผมอึดอัดจะตายอยู่แล้ว ฮืออ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมันเป็นแบบนี้ก็จบเถอะครับ เราคงไปกันไม่ได้จริง ๆ อย่าฝืนเลย ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านี้แค่เลี้ยงลูกด้วยกันก็พอนั่นแหละดีแล้วสำหรับเราทั้งคู่” กียุลนิ่งผิดกับที่ผ่านมา ถ้าหากได้ยินประโยคแบบนี้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเขาคงรั้งเจย์เลนทุกทาง

“พี่ก็เหนื่อยแล้วเหมือนกันที่ต้องวิ่งตามอยู่ฝ่ายเดียว รู้ไหม...นายพูดถูกนะที่ว่าเวลาตอนเราคบกันน้อยกว่าเวลาที่เราเลิกกันซะอีก บางทีเราสองคนอาจไม่เคยรู้จักตัวตนของกันและกันเลย” ใบหน้าหวานถอดสีเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินพลันตอนนั้นก็เจ็บท้องขึ้นมากะทันหันจนต้องนิ่วหน้าแต่เขาเก็บความรู้สึกเอาไว้เช็ดน้ำตาให้ตัวเองก่อนจะหนีเข้าห้องน้ำไป ร่างเล็กที่เริ่มท้วมค่อย ๆ ทรุดกายลงที่พื้นเมื่อเจ็บท้องจนแทบทนไม่ไหว

“ฟู่ว ฟู่ว แด๊ดจะไม่เครียดโอเค๊? โอเค ใจเย็น ๆ นะตัวเล็ก ฟู่ว คุณป๋าเขาแค่ยังโกรธอยู่เพราะแด๊ดทำตัวไม่ดีแต่ป๋าเขารักหนูนะ” คนพูดพยายามกำหนดลมหายใจเข้าออกในขณะเดียวกันลูกน้อยก็ดิ้นส่งสัญญาณ

“อึ่ก แด๊ดดี้เข้าใจแล้วครับ หนูอย่าเครียดนะ” เขานั่นแหละที่ไม่ควรเครียดกว่าใคร นั่งสงบสติอยู่นานเมื่อทุกอย่างปกติอีโบนีก็ออกมาจากห้องน้ำตอนนั้นกียุลกำลังคุยกับจินกูเรื่องงานผ่านทางโทรศัพท์

“ครับพี่ พรุ่งนี้ผมจะออกให้ได้ ไม่ต้องยกกองนะครับ ผมไหว จริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเลย เหรอครับ? พ่อกับแม่ผมเหรอ เอ่อ...” เจ้าของใบหน้าหล่อหันไปหาเจย์เลนเหมือนจะมีคำถามแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเขาตัดสินใจเองไปเลย

“เดี๋ยวผมโทรหาท่านเองครับ ดีแล้วครับที่ไม่ได้บอกเขาว่าผมอยู่โรงพยาบาล ครับพี่จินกู ขอบคุณครับ” มือหนาวางโทรศัพท์ลงแล้วขยับร่างกายนอนลงกับเตียงตามเดิมพยายามไม่สบตาอีกคนที่กำลังเดินไปเก็บข้าวของลงกระเป๋าเตรียมกลับที่พักทั้งที่วิงเวียนศีรษะอยู่นิดหน่อยแต่เขาไม่สามารถอยู่กับกียุลได้มันอาหลักอาเหลื่อเกินไป

“ดึกป่านนี้จะกลับเหรอ? พี่ไม่ให้กลับนะ”

“ผมเรียกรถแล้ว”

“ก็ยกเลิกสิ ตัวเองท้องอยู่มันอันตราย ก็น่าจะรู้นี่” หมอให้ยาอะไรพี่กียุลที่แสนดีของเขากันนะทำไมตื่นมาถึงปากร้ายขึ้นขนาดนี้อีโบนีกลิ่นดอกลิลลี่คิด

“พี่ไม่ต้องมายุ่ง ผมจะกลับ ผมโตแล้วรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ผมก็รักลูกไม่น้อยไปกว่าพี่หรอก อย่ามาทำเหมือนผมเป็นเด็ก” กระแทกกระทั้นทางคำพูดเสร็จก็เตรียมหมุนตัวออกไปให้พ้นหน้าพ่อของลูก ในเมื่อฮิปนอสจะใจร้ายใส่เขาแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะใจเย็นด้วยอีกต่อไป

“เจย์ หยุด หยุดก่อน” เมื่อเห็นท่าว่าน้องจะไปจริงฮิปนอสก็อดใจไม่ได้ที่จะรั้งไว้ ความเป็นห่วงมันมีมากกว่าสิ่งใด

“ปล่อยครับ อย่ามายุ่ง!”

เจย์เลนหันไปตะคอกใส่คนพี่ที่รีบลงมาจากเตียงโดยไม่สนว่าตัวเองจะเจ็บจากแรงดึงเข็มสายน้ำเกลือออกหรือไม่ มือหนาจับแขนเรียวแน่นก่อนจะกอดไว้จากทางด้านหลังเมื่อคนน้องดื้อไม่เลิกดึงดันจะไม่ท่าเดียว

“ฮึก ฮือ ปล่อยนะ! อย่ามากอดนะ”

“พี่ไม่ให้นายไปหรอกนะ ยังไงก็ไม่ให้ไป”

“ใจร้ายใส่กันแล้วมาทำแบบนี้ทำไมครับ ปล่อยนะ!” เจย์เลนไม่ยอมไม่รู้ว่าไปเอาแรงจากไหนมามันมากพอจะทำให้คนด้านหลังเว้นระยะห่างออกไปได้ กระนั้นก็เข้ามากอดใหม่ในทันท่วงที กียุลไม่ยอมเด็ดขาด เหตุผลเพราะความเป็นห่วงและนั่นเป็นที่หนึ่งอยู่แล้วแต่อีกสิ่งที่ทำให้เขายื้อแม่ของลูกไว้ก็คือเขาทนไม่ไหวอีกแล้วที่ทั้งคู่ต้องอยู่ในความอึดอัดกันแบบนี้มันมากพอแล้วที่ผ่านมาเขาจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว

“ฮืออออออ ปล่อยเถอะ ให้ผมไป ผมไม่อยากอยู่ ผมอึดอัดที่เราเป็นแบบนี้ ผมรู้นะว่าผมทำตัวไม่น่ารักแต่พี่ต้องทำกับผมแบบนี้จริง ๆ เหรอครับ แถมยังทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้อีกทำไมถึงไม่บอกผมล่ะว่าอาการพี่มันแย่แค่สัมผัสกันเล็กน้อยมันไม่พอ รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงมาก ฮืออออ พี่ใจร้ายมาก ฮืออออ พี่เป็นอะไรขึ้นมาผมกับลูกจะอยู่ยังไงเคยคิดถึงตรงนี้บ้างไหมครับ” สุดท้ายทุกอย่างก็พังครืนแต่เมื่อได้พูดออกไปก็ทำให้โล่งอกขึ้นมาอย่างประหลาด ถ้าหากพวกเขาคุยกันถึงปัญหาตั้งแต่แรกคงไม่ต้องอึมครึมใส่กันมาตั้งนานให้เครียดกันทั้งคู่

“พี่ขอโทษครับ ฮึก พี่ขอโทษ พี่จะไม่ทำแบบนี้อีก”

“ไหนบอกว่ามีอะไรเราจะคุยกัน ไม่เลย พี่ไม่บอกอะไรผมเลย พี่เย็นชา ตีตัวออกหาก ถึงจะดูแลผมเหมือนเดิมแต่ก็เหมือนทำเพราะหน้าที่ พี่จะเอายังไงก็บอกมาเลยครับ ผมพร้อมจะไปถ้าพี่ไม่ต้องการผมแล้ว ฮืออ ฮืออ ผมไม่เอาแล้วผมเหนื่อย ไม่เอาแล้ว”

“ฮือ ทำไมคิดแบบนั้นได้เจย์ พี่ไม่เคยคิดที่จะให้นายไปจากพี่แม้แต่สักวินาทีเดียว ฮึก ฮืออ พี่รักนาย พี่แค่เหนื่อยจากหลายเรื่อง แล้วพี่ก็ไม่อยากให้นายใจร้อนอยากให้ทบทวนสิ่งที่ทำก่อนจะทำอะไร แต่พี่ผิดที่เย็นชา พี่ไม่พูดออกไปตรงๆ พี่ขอโทษครับ” น้ำตาหยดลงที่ไหล่เล็กจนเปียกชื้นให้สัมผัสได้ชัดเจน ต่างคนต่างมีพายุโหมกระหน่ำในใจเจ็บปวดไม่ต่างกันเพราะมีความรักที่มากล้นไม่ต่างกัน รักมากย่อมเจ็บมากเป็นธรรมดาอย่างที่โบราณเขาบอกไว้ไม่มีผิด

“หันหน้ามาหาพี่ก่อนนะคนดี พี่ขอโทษ” คนสูงกว่าค่อย ๆ หมุนตัวคนท้องมาเผชิญหน้ากับตนเองแล้วเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ส่งผลให้ในหัวใจอีกคนอุ่นวาบเมื่อได้รับสัมผัสละมุนราวกับคนตรงหน้ากำลังเอาหมุดที่ปักในอกออกให้แล้วบรรเทาความเจ็บปวด

“ว่ามาเลยจะเอายังไงครับ ผมจะได้ทำตัวถูก ฮึก โอ๊ย!” เจย์เลนนิ่วหน้าเมื่อถูกคนในท้องเตะเข้าอย่างจังทั้งที่ป่านนี้ควรจะนอนได้แล้วทำไมยังมาแกล้งกันอยู่แบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกับรู้ว่าผู้ให้กำเนิดทั้งสองกำลังทะเลาะกัน

“เจ็บท้องเหรอ พี่ขอโทษ อย่าเครียดนะ ค่อย ๆ หายใจ ค่อย ๆ นะ พี่จะพาไปนอนที่เตียง” ร่างเล็กไปตามอย่างว่าง่ายถึงจะไม่เจ็บท้องแต่แรงเตะก็ทำให้จุกหน่วงอยู่เหมือนกัน

“พี่ตามหมอนะ”

“ไม่ครับ ไม่ได้เจ็บท้อง แค่...ลูกเตะ”

“หือ? ยังไม่นอนอีกเหรอ” เมื่อเจย์เลนล้มตัวลงนอนคนพ่อก็เอาหูไปแนบหน้าท้องโตทันทีประหนึ่งจะสื่อสารกับคนข้างในให้ได้ “อย่าทำแด๊ดดี้สิครับ นอนเลยนะ เดี๋ยวป๋าโกรธนะตัวเล็ก”

“อย่ามาดุลูกนะครับ ดุผมคนเดียวยังไม่พอใช่ไหม?” ไม่ว่าเปล่ายกมือตัวเองปาดคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่ออกแล้วเบือนหน้าหนี เจย์เลนโกรธจริง ๆ นะคราวนี้ เพราะกียุลทำเกินไป

“โอ๋ ๆ คนดีพี่ผิดไปแล้วครับ พี่มีเรื่องให้คิดเยอะเลย พี่ผิดหลายอย่างพี่รู้ แต่พี่ก็งอนนายเหมือนกันนะ”

“งอนอะไรไม่ทราบครับ พี่ทำคนท้องเครียดรู้ไหม มันควรปะ!? ผมท้องอะ พี่จะเอาไรกับคนท้องฮะ!?” นั่นไงเจย์เลนร่างก่อนท้องมาแล้ว

“...” เล่นเอากียุลไปไม่เป็น เพราะมันไม่ผิดเสียทีเดียวที่เจย์เลนพูดมา

“ผมเครียดมาก ๆ แล้วลูกเป็นอะไรขึ้นมาพี่จะทำยังไง ผมขอโทษเรื่องตอนนั้นที่ไปด่าลูกน้องพี่ ทำเกินหน้าที่ทำตัวไม่น่ารัก แล้วพี่ต้องลงโทษผมโดยการเย็นชาใส่ผมมาตั้งแต่วันนั้นเลยเหรอครับ แถมยังไม่ดูแลตัวเองอีก พี่เป็นอะไรไปผมก็อยู่ไม่ได้นะ!!”

“ทำไมถึงอยู่ไม่ได้ล่ะ”

“ก็ผมรักพี่ไง!”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ พูดออกมาแล้ว”

“O__O”

“ยอมบอกรักพี่แล้ว ฮือออ พี่ดีใจที่สุดเลย” หมาตัวใหญ่กระโจนกอดแมวเหมียวเต็มเปาทั้งที่อยู่บนเตียง

“ห๊า! อย่าบอกว่าทำทั้งหมดนี่เพราะอยากจะให้ผมบอกรักเหรอ? ไอ้พี่บ้านี่! เพียะ! เพียะ!”

“โอ๊ย ๆ ๆ ๆ เจ็บนะ ไม่ใช่สักหน่อย แต่นายพูดขึ้นมาแล้วพี่ก็เลยดีใจ >__<”

“ผมโกรธจริง ๆ แล้วนะ” กียุลหยุดหัวเราะเมื่อน้องร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างหนัก

“ฮืออออออ ผมไม่อยากร้องไห้ แต่หยุดไม่ได้ ผมกลัวพี่ตายมากรู้ไหม ฮือออ ยังจะมาขำอีก ใครอยู่กับผมก็โชคร้ายกันหมด ถ้าพี่ตายไปเหมือนพ่อกับแม่เพราะผมอีกล่ะ ผมจะทำยังไง ฮืออออออ” กำแพงความรู้สึกพังทลายเจย์เลนเริ่มพรั่งพรูทุกอย่างออกมา ส่งผลให้คนพี่นิ่งเงียบกะทันหันแล้วกอดน้องไว้ในอกอุ่นรู้เลยว่าตัวเองเล่นไม่ถูกเวลา

“ไม่เอาไม่ร้องแล้วครับ เดี๋ยวปวดหัวนะ ไม่เอานะ พี่ขอโทษ มันไม่ใช่ความผิดนายเลยนะที่พี่เป็นแบบนี้”

“แต่ผมเป็นอีโบนีของพี่นะครับ ทั้งที่ผมอยู่กับพี่แต่พี่มาเป็นแบบนี้มันควรเหรอ ผมผิด เพราะผมสิ ผมคือตัวต้นเหตุที่ทำให้คนรอบตัวโชคร้าย ใครรักผมก็จะเผชิญกับความโชคร้ายทั้งนั้น ฮึก พ่อแม่ผมก็ตายเพราะผม... ที่พี่เคยถามว่าผมไปเจออะไรมาบ้างตอนที่เราเลิกกัน เจ็ดปีที่ผ่านมาของผมมันทรมานมาก ผมคิดว่า... ฮึก” คนพี่ตระกองกอดคนน้องไม่ห่างหลังจากแทรกตัวไปนอนเคียงข้างได้โชคดีที่เตียงของโรงพยาบาลกว้างมากพอสำหรับเขาสองคน

“คิดว่า ฮึก ว่าผมจะทำตามแผนการใช้ชีวิตที่วางไว้ได้แต่มันพัง ผมรู้เลยว่าเพราะทำผิดกับพี่ ทำให้พี่เสียใจผมถึงได้โดนในแบบเดียวกัน หลังจากเราเลิกกันไปปีหนึ่ง ฮือออออ ครอบครัวผมก็โดนฟ้องให้ล้มละลาย... ฮึก ละ ละ ฮือออ แล้วพ่อกับแม่ก็เลยต้องจัดฉากการตายของตัวเองขึ้นว่าเป็นอุบัติเหตุเพื่อที่จะเอาเงินประกันไว้ให้ผมได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างไม่ลำบาก พวกเขารักผมถึงมีจุดจบแบบนั้น ฮืออออ พวกท่านฆ่าตัวตายเพราะผม ส่วนพี่ขอผมแต่งงานก็เสียใจเพราะผมปฏิเสธทรมานกับความเสียใจมาหลายปี ฮึก ฮือ เห็นไหมว่าใครอยู่กับผมก็โชคร้าย เหมือนที่แฝดปีศาจบอกผมเลย ผมมันตัวนำโชคร้ายมาสู่คนที่รัก ฮืออออ”

กียุลอึ้งกับสิ่งที่ได้รับรู้แท้จริงเรื่องมันก็เป็นแบบนี้เอง เจย์เลนของเขาไม่สดใสเหมือนอย่างเคย เพราะความเจ็บปวดที่เอาแต่โทษตัวเอง ลงมือผูกปมในใจเสียแน่นจนหาทางแก้ออกยาก

“เก่งแล้วนะที่ผ่านมาได้ เก่งแล้ว ฮึก นายเก่งมากแล้ว ฮือ คนเก่งของพี่” มือหนาลูบกลุ่มผมสีบลอนด์อย่างอ่อนโยนแล้วร้องไห้ไปด้วยอีกหน เจย์เลนก็ไม่ได้หยุดร้องไห้เพราะสิ่งที่เจอมามันไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็นต้องเผชิญกับความเจ็บปวดซ้ำ ๆ เรื่องเดิม ๆ ในระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา ลงโทษตัวเองมาตลอดเป็นคนอมทุกข์ตีตัวออกจากทุกคนเพราะกลัวว่าตัวเองจะมีความสุข เจย์เลนคิดว่าหากเขามีความสุขมันจะไม่แฟร์กับครอบครัวที่เสียสละให้เขาและกียุลที่เขาทำให้เสียใจจากความเห็นแก่ตัว

“นายคือความรัก คือโชคดีของพี่ นายคือของขวัญที่พี่ได้รับ ได้มารู้จักและได้รักนาย พี่มีความสุขมากก็เพราะนาย ได้โปรดอย่าโทษตัวเองแบบนั้น นายมีค่ามาก อย่างน้อยก็มีค่าสำหรับพี่และลูก มันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป ปกติพี่จะไม่พูดเรื่องอนาคตเพราะพี่คิดว่ามันเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่เรื่องนี้พี่มั่นใจว่ามันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พี่รักนาย นายคือสิ่งมีชีวิตที่มีค่าต่อพี่มากที่สุด เชื่อพี่เถอะ จุ๊บ” กล่าวจบก็จุมพิตที่หน้าผากได้รูปเป็นการยืนยันถึงความรักที่มีให้

“ผมสมควรได้รับความรักเหรอครับ หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น ผมทำพี่เสียใจ ทำให้พ่อกับแม่ตาย ฮืออ”

“นายคือคนที่ควรได้รับความรักที่สุดความสุขของพี่ อย่าได้หาข้อกังขาใดมาบอกว่าตัวเองไม่สมควรได้รับเพราะพี่จะมอบความรักให้นายไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พี่มีเหตุผลเป็นล้านข้อที่จะรักนาย”

“พี่กียุล ฮืออออ ฮึก ฮือออออ” ลำคอตีบตันด้วยก้อนสะอึกที่แล่นขึ้นมาจนพูดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ หยดน้ำตาไหลทะลักอาบแก้มอย่างหนักตัวก็สั่นเทาส่งผลให้กียุลต้องกอดคนน้องแน่นกว่าเดิม ถึงแม้จะอยากช่วยบรรเทาทุกข์ขนาดไหนเขาก็ทำได้แค่นี้ เป็นต้นไม้ใหญ่ที่โอบกอดร่างเล็กเอาไว้ด้วยกิ่งก้านสาขาที่แตกแขนงแม้จะช่วยบังแดดและลมฝนไม่ได้ดีนัก เขาก็ไม่ได้สนขอแค่ได้ปกป้องสักนิดก็ยังดี

บทเรียนสำคัญในชีวิตคู่ที่พวกเขาได้เรียนรู้ตอนนี้มันแจ่มแจ้งมากและสิ่งนั้นก็คือหากมีปัญหาอะไรพวกเขาจะต้องคุยกันทันทีต้องไม่ปล่อยให้เนื้อร้ายลุกลามไปทั่วจนเกินเยียวยาและรักษาไม่ได้ รักคือความเข้าใจอีกทั้งรักก็คือความไม่เข้าใจซึ่งจะนำมาสู่การพูดคุยที่จะทำให้หัวใจแน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น

รักกันในวันที่ไม่เข้าใจกัน รักกันในวันที่เข้าใจกัน นี่แหละคือความรัก

“คนดีไม่ร้องแล้วนะครับ พี่รู้นะว่ามันยากที่จะเลิกคิดแบบนั้นได้ แต่พี่อยากให้พยายามไปกับพี่ พี่จะอยู่ข้างนายเองนะ การที่พ่อกับแม่ทำแบบนี้แน่นอนว่าเขารักนายมากแล้วนายทำไมไม่รักตัวเองล่ะ ในเมื่อท่านสองคนเสียสละมอบชีวิตให้นายได้มีชีวิตต่อไป ก็ควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้ท่านเห็นสิ ท่านถึงจะมีความสุข สมกับเจตนาของพวกท่านที่ปรารถนาให้นายอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขราบรื่น”

“ผมไม่เคยคิดแบบนี้ได้เลย” เพราะจมอยู่กับทะเลแห่งความตรมจึงมองอะไรไม่เห็น พอจะขึ้นฝั่งมาได้ระลอกคลื่นก็ลากเขาลงไปดำผุดดำว่ายกลางวังวนอีก

“ตอนนี้ก็คิดแบบนี้สิ ใช้ชีวิตให้ดีมีความสุขให้พวกท่านเห็น มันยังไม่สาย ไม่มีอะไรสายไปเลยเจย์ พี่เชื่อว่าทุกอย่างที่เข้ามามันเป็นเวลาที่ดีที่สุดของมัน ทุกสิ่งที่เราเผชิญหน้ามันอาจเจ็บปวดในบางครั้งแต่เชื่อเถอะมันจะนำพาไปสู่บางสิ่งที่ดีกว่าแน่นอน อย่างนี่ไง เราได้มาเจอกันอีกครั้ง ได้เข้าใจกันมากขึ้น ในเวลาที่เราต่างก็โตแล้วไปพบเจอเรื่องราวมากมายมาระหว่างที่เราหายไปจากกัน เพื่อมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้กันฟังในวันนี้ เพื่อเยียวยากัน เห็นไหมไม่ดีเหรอที่พี่อยู่กับนายตอนนี้ ที่นายอยู่ในอ้อมอกของพี่”

“ดีครับ มันดี ดีที่สุด”

“งั้นก็เชื่อพี่เถอะนะ ต่อไปนี้จะรักตัวเอง จะยอมให้ตัวเองมีความสุขใช่ไหม? ตอบพี่สิครับ”

“ครับ ผมจะรักตัวเอง จะมีความสุขให้พ่อกับแม่เห็น ผมจะไม่ใช่ความโชคร้ายของคนที่รักผมอีกต่อไป”

“ใช่แล้ว เก่งมาก นายไม่ใช่ความโชคร้าย กลับมาสดใสอีกครั้งนะครับ” ใบหน้าสวยพยักหน้าตอบรับอยู่ข้างอกแกร่งสัญญาว่าต่อไปนี้จะใช้ชีวิตในแบบใหม่ที่จะไม่โทษตัวเองและรักตัวเองให้มากขึ้น ความคิดเขาเปลี่ยนไปแล้ว

“แล้วพี่ล่ะครับ เจ็ดปีที่ผ่านมาเจอกับอะไรบ้าง”

“เจอกับนายในฝันทุกวันเลย แล้วก็คิดถึงนาย”

“เจ็บปวดแย่เลยสิครับ”

“เกือบตายเลยล่ะ เหมือนมีมีดปักอกพี่อยู่ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา พี่ถามตัวเองทุกวันเลยว่า... ทำไมนายไม่แต่งงานกับพี่ แล้วก็คิดได้ว่าตัวเองไม่มีอะไรดีพอที่จะทำให้นายอยากใช้ชีวิตร่วมด้วย”

“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะครับ” น้ำเสียงแสดงความปลอบโยนพลางมือน้อย ๆ ก็ลูบที่อกแกร่งไปมา

“พี่คิดตลอดก็เลยพยายามทำให้ตัวเองดีขึ้นในทุกทาง มีงานที่ดี ประสบความสำเร็จให้ได้ มีเงิน มีชื่อเสียง พี่พยายามทำทุกอย่างให้มันเกิดขึ้น เวลาไปออกกองแต่ละทีหรือไปทำงานที่บอไหน พี่ภาวนาทุกครั้งเพื่อให้เจอนาย เพราะพี่รู้ว่าความฝันของนายคืออะไร นายอยากเป็นผู้กำกับและนายเก่ง พี่คิดว่ายังไงเราก็จะได้เจอกันในบริษัทสื่อชั้นนำของประเทศสักที่ แต่ไม่เคยเจอนายเลย...”

“ผมพยายามหนีครับเพราะละอายใจกับพี่ แต่ก็อดคิดถึงพี่ไม่ได้เลยไปทำงานอยู่ที่อีโบนีโฮสต์คลับ เผื่อว่าพี่จะมาเที่ยวแล้วเราจะได้บังเอิญเจอกันบ้าง”

“แล้วเราก็ได้เจอกันจริง ๆ เห็นไหม ทุกอย่างมีเวลาของมัน พี่ไม่ได้จมอยู่กับความทรมานจากเจ็ดปีก่อนอีกแล้วนะ เพราะมันทำให้เรามีวันนี้ นายกับลูกมาถูกเวลาที่สุด ตอนนี้พี่พร้อมทุกอย่าง พร้อมจะดูแล พร้อมจะเป็นพ่อที่ดี เป็นสามีที่ดี จะทำให้นายกับลูกอยู่อย่างสุขสบายได้แน่นอน”

“เหมือนกำลังถูกขอแต่งงานเลยครับ” คนท้องจงใจแซวแล้วดันตัวขึ้นไปหอมแก้มพ่อของลูกส่งผลให้โดนหอมคืน

“เปล่าซะหน่อย บอกแล้วไงว่าถ้าจะขอ พี่จะบอกก่อน” เสียงหัวเราะหึหึดังจากใต้คางกียุลพลางเจ้าของเสียงหวานก็กอดเขาแน่นขึ้น

“รู้สึกสบายใจจังเลยครับ ผมไม่มีอะไรในใจแล้วล่ะ”

“เหมือนกันครับ อ่าา จะตีสองแล้วนอนกันเถอะ”

“เดี๋ยวก่อนครับ ยังไม่หมดเรื่องนี่ เรื่องงาน บอกมาเลยครับจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา ตอนนี้พี่มีปัญหาอะไร เรื่องงบประมาณแก้ได้หรือยัง”

“นั่นปัญหาสำคัญเลย เพราะพี่มาป่วยอยู่แบบนี้ด้วยอะไรก็ช้าไปหมดถ่ายทำก็จะไม่ทัน งบโปรโมตก็ไม่พอ สปอนเซอร์ก็ไม่พอ แถมมีปัญหากับการส่งหนังไปที่งานเทศกาลด้วย พี่ปวดหัวมากแต่ก็กำลังพยายามแก้ไปทีละจุด”

“ก็บอกว่าให้ผมช่วยเรื่องเงินไง ผมให้ยืมก็ได้ถ้าพี่ไม่อยากรบกวน หนังฉายค่อยเอามาคืน ส่วนสปอนเซอร์กับการ
โปรโมตผมว่าเราทำออนไลน์ได้ไม่ยาก ผมวางแผนให้ได้ครับผมจบโทการตลาดมา ส่วนอาการพักผ่อนไม่เพียงพอของพี่ผมก็ช่วยได้นะ... ช่วยตอนนี้เลยก็ได้ถ้าพี่อยาก...ให้ช่วย” กียุลฟังมาถึงตอนนี้แล้วหัวใจมันก็สูบฉีดขึ้นมาอย่างหนักคล้ายว่าเขากำลังจะได้รับอะไรบางอย่างที่ต้องการมานาน

และยิ่งร้อนรุ่มเมื่อคนน้องเริ่มปูไต่ไปตามตัวเขาให้ขนลุกเกรียวสะท้านไปทั้งร่างจนต้องเอื้อมมือไปจับปูตัวซนไว้ก่อนที่มันจะหายเข้าไปในสาบเสื้อแล้วทำให้เขาสติเตลิด

“เบบี๋ครับ พี่ก็อยากแต่ว่านี่ตีสองกว่าแล้วนอนเถอะ ลูกง่วงแล้ว อีกอย่างพี่รอให้ลูกออกมาก่อนดีกว่า พี่เป็นห่วงเขา มันอันตรายนะ พี่รอได้”

“พรุ่งนี้จะไปทำงานนี่ครับ ถ้าไม่ทำคืนนี้พรุ่งนี้จะไหวเหรอ ทำเถอะ ทำกันเลย ไม่ต้องห่วงลิตเติ้ลเบบี๋หรอกครับ หมอบอกว่าถึงหกเดือนแล้วก็ยังทำได้ นะ มาทำกันเถอะ นะคุณป๋า” มือน้อยลงไปจับกล่องกลางใจจนได้ส่งผลให้กียุลสูดปากขึ้นมาเดี๋ยวนั้นแล้วหายใจกระหืดกระหอบคล้ายคนจะจมน้ำ

“ใจเย็นสิ นอนเถอะ ซี้ดดด เบบี๋”

“มาเถอะครับ พรุ่งนี้พี่จะได้มีแรงไปทำงานทั้งวันทั้งคืนเลยนะ”

“นี่โรงพยาบาลนะ ห้องมันไม่เก็บเสียง อ่าา อย่าพึ่งซนที่รัก”

“ผมอดทนมาตั้งนานนะครับ ผมก็อยากเหมือนกัน พี่น่ะแสดงออกมาตลอดพอให้เอาทำไมไม่เอาล่ะ” เมื่อโดนขัดใจก็เริ่มน้ำเสียงเปลี่ยน กียุลจึงต้องยื่นข้อเสนอพลางมองเวลา

“ตีสองกว่าแล้ว ลูกง่วงแล้วที่รัก อื้มมม ไว้พรุ่งนี้เราไปทำงานด้วยกันอีกสองวันก็พักกองพอดี ไว้วันนั้นพี่จะทบต้นทบดอกให้โอเคไหม ไปที่ห้องพี่กัน พี่จะจัดให้อิ่มเลย”

“พูดแล้วนะ”

“สัญญาครับ”

“โอเค แต่...ขอกินไอติมก่อนเดี๋ยวนอน”

“ห๊าา เจย์ เจย์เลน ซี้ดดดด ใจเย็นครับ พี่ พี่...”

กลัวจะมีคนไม่สบายจริง ๆ กินไอศกรีมอุ่นเก่งขนาดนี้ระวังไข้ขึ้นนะเจย์เลน

 

.

.

.

.

.

.

.

โปรดติดตามตอนต่อไป...

*อาทิตย์นี้ไม่มีตอนอ่านล่วงหน้านะคะ แต่มีตอนพิเศษแชทของพี่กียุลและน้องเจย์เลนให้อ่านน้าา*

 

เช็กลิสอาหารโปรดของน้องเจย์เลน 

- ไอติมอุ่น

- ปลาหมึกตัวใหญ่

 - กาแฟส้ม 

ตอนนี้คือละมุนมากกก คลายปมในใจกันหมดแล้ว ฮือออ ต่อไปเราจะเติมหวานกันรัวๆค่าาาา

เตรียมหาหมอด่วนนนน

*ฝากคำถามนิดหนึ่งค่ะ ทุกคนอยากให้มีเรื่องแยกของพ่อแม่น้องเจย์เลนมั้ยคะ

หรืออยากอ่านเรื่องแยกของคู่ไหนคอมเม้นมาบอกกันได้นะคะ เผื่อสแว็กเกิร์ลจะสร้างจักรวาลให้โลกนี้ขึ้นมาอีกหลายๆคู่เลย*

 

ขอบคุณคุณนักอ่านที่น่ารักที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์ให้นะคะ แงงง

รักทุกคนเลย มันเป็นกำลังใจสำคัญของไรท์มาก ๆเลยค่ะ

 

มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม

รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ

 

 

ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก

1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ

จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ

วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)

ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!

สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน