16 ตอน ฉากที่ 16 ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็เจ็บปวด
โดย swaggirlleb
ฉากที่ 16
ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็เจ็บปวด
สิ่งที่กียุลกลัวกำลังเกิดขึ้น แฝดปีศาจกำลังอาศัยช่วงที่กียุลไม่อยู่มาทำร้ายเจย์เลนอีกแล้ว แต่มันไม่ง่ายหรอกเพราะคนท้องก็พยายามสุดกำลังที่จะสลัดเสียงบ้านี่ออกไป
“พี่เป็นอะไรไหมครับ” แทมินถามเพราะจับสังเกตบางอย่างได้
“ไม่เป็นไร ดูผู้กำกับไว้เถอะ เดี๋ยวผิดคิว”
“ไปซะเจย์เลน คนอย่างนายอยู่ไปก็พลันจะทำให้คนที่รักโชคร้าย นายเคยคิดแบบนี้นี่มันถูกแล้วล่ะที่คิดแบบนั้น เพราะงั้นจบชีวิตตัวเองซะ”
มือเล็กยกขึ้นนวดขมับตัวเองเพื่อตั้งสติแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไร ซ้ำร้ายวันนี้เจย์เลนทำงานมาทั้งวันร่างกายก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะต่อต้านเสียงในหัวได้
“พี่ครับจะเดินไปไหนครับ พี่!”
ร่างเล็กสาวเท้าเดินตรงไปเบื้องหน้าตอนที่รถของนักแสดงกำลังขับเข้ามาด้วยความเร็วสูง ฉากนี้รถทั้งสองคันจะต้องประสานงากันและตอนนี้เจย์เลนกำลังเดินไปตรงกลาง
“พี่ครับ!!”
ตู้มมมมม!!!!
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด!!!!
ไฟโหมกระหน่ำจากระเบิดที่ทำงานก่อนปล่อยคิวท่ามกลางเปลวเพลิง กองถ่ายทำหยุดชะงักเมื่อรถสองคันจอดก่อนจะประสานงาเพราะกียุลออกคำสั่งผ่านอุปกรณ์สื่อสารเมื่อเขาเห็นเจย์เลนเดินเหม่อลอยไปยังถนนตั้งแต่ไกล ๆ
“เจย์เลน!! หยุด! หยุดนะ!!” กียุลที่รีบออกมาจากรถวิ่งตรงไปหาแม่ของลูกไม่สนว่ารอบข้างนั้นจะมีไฟกำลังปะทุและมันสามารถระเบิดขึ้นมาอีกได้ตลอดเวลา
“เจย์!!! หยุดเดินนะ!” เสียงตะโกนของคนที่รักดังเข้ามาในโสตประสาทปลายเท้าหยุดก้าวเดิน ขายาวของฮิปนอสวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปปกป้องสองดวงใจ
ตุบ!!
ก่อนที่เจย์เลนจะเดินเข้ากองไฟก็ถูกโอบกอดโดยอ้อมอกอุ่นเสียก่อน แรงกระแทกจากกียุลจะทำให้เจย์เลนล้มลงไปกับพื้นหญ้าข้างถนน
“ดับไฟเร็ว!! ตามหมอสนามมา!!” จินกูรีบเข้าควบคุมสถานการณ์
“แทมิน!! หมอครับ! เขาสลบไปแล้วครับ! แทมิน! อยู่กับฉันก่อน!” เรียวตะที่วิ่งตามหลังกียุลมารีบเข้าไปดูแทมินที่สลบอยู่
“พี่ครับ พี่กียุล ฮืออออ”
“เจ็บตรงไหนไหม อย่าพึ่งขยับนะ หมอกำลังมา ไม่เจ็บท้องใช่ไหม”
“ผมไม่แน่ใจ ฮืออ ลูกเราครับพี่ ลูก ฮือออ ผมได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว มันให้ผมเดินเข้าไป มันกลับมาอีกแล้ว ฮืออ” คนท้องกำลังขวัญเสียจากความตกใจจนไม่รู้จะรับมืออย่างไรไม่มีสติพอที่จะรับรู้รอบข้าง ตัวมันชาหนึบไปหมด หูอื้อตาเริ่มลายประคองสติแทบไม่ไหว
“ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่นี่แล้ว ช่วยนายได้แล้วไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ลูกเราจะปลอดภัย”
ถึงปากจะบอกอย่างนั้นแต่ความกังวลก็ไม่ได้น้อยเลย เมื่อสักครู่เจย์เลนล้มลงแรงมากไหนจะตัวเขาที่กระแทกไปโดนอีกถ้าเจย์เลนกับลูกเป็นอะไรขึ้นมากียุลคงไม่พ้นโทษตัวเอง...
ในวันนั้นก็ต้องยกเลิกการถ่ายทำไปเพราะผู้ช่วยผู้กำกับและอาร์ตไดเร็กเตอร์เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ตามจริงพวกเขาสามารถทำงานกันต่อได้แต่ผู้กำกับไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน เมียกับลูกและเพื่อนอยู่โรงพยาบาลหลังจากเจอเรื่องอันตรายขนาดนั้นเขาจะไปทำงานได้อย่างไร กียุลกอบกุมมือเจย์เลนไว้ตลอดในขณะที่ร่างเล็กนอนหลับอยู่ที่เตียงคนไข้ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล
“มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้ว ไอ้แฝดปีศาจอะไรเนี่ย ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยปักใจเชื่อเท่าไรหรอกนะ แต่เป็นขนาดนี้ฉันเชื่อแล้ว ระเบิดมันทำงานได้ยังไง แม่ง! ฉันชะล่าใจเห็นว่ามันหายไปนาน แต่กลายเป็นว่าพอมีโอกาสมันก็ออกมาเลย หรือน้องอาจมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับสมองและจิตใจปะวะ ฉันน่าจะพาเจย์เลนไปหาจิตแพทย์ตั้งนานแล้ว ฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันมีจริง...แฝดปีศาจ คนจากโลกคู่ขนานอะไรวะ!” แววตา น้ำเสียง สั่นเทาด้วยความกังวล แม้พยายามสั่งตัวเองให้ไม่คิดมากฟุ้งซ่าน แต่ภาพเหล่านั้นที่เจย์เลนตกอยู่ในอันตรายก็ฉายวนซ้ำ ๆ ในสมอง
“ถ้าสงสัยว่าเจย์เลนจะเป็นโรคจิตเภทขอบอกว่าไม่ใช่แน่นอน ฉันเคยพาน้องมันไปตรวจหมดทุกอย่างแล้ว กียุล อย่างที่ฉันเคยบอก ฉันพาไปหายันหมอผีบนภูเขาโน้น นายต้องเชื่อว่าสิ่งที่โรแวนบอกคือเรื่องจริงได้แล้ว”
“ไม่เข้าใจว่ะ โลกมันมาถึงไหนแล้ววะ ฉันตามไม่ทัน” เขาสับสนหนัก
“ทุกอย่างวิวัฒนาการหมดแล้ว มนุษย์ยังกลายพันธุ์ มีทั้งไซบอร์ก หุ่นยนต์ โคลนนิ่ง เดินปะปนกันอยู่กับเรา ผู้ชายยังสามารถท้องได้ หรือแม้แต่สัตว์บางชนิดยังพูดได้เลย แล้วนายคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้เหรอ ล่าสุดรัฐบาลเราเปิดประตูมิติไปมัลติเวิร์สได้แล้วนะ นายก็เห็นข่าว ยอมรับเถอะว่าเรากำลังสู้อยู่กับสิ่งที่เกินจะรับมือเพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเอง”
กียุลพูดอะไรไม่ออกที่คังจุนพูดมา ส่วนที่เขาคิดว่าถูกก็มีคือโลกเราเปลี่ยนไปมานานแล้ว มันพัฒนาไปไกลจนบางอย่างก็ไม่สามารถเข้าใจได้หรือรู้ว่ามีอยู่
“เจย์เลนอีกคนจากโลกอื่นคือคนที่จะทำร้ายเจย์ เราต้องยอมรับได้แล้ว” คังจุนพูดสิ่งที่เผชิญเพื่อย้ำสติเพื่อน
“ถ้าเป็นแบบที่นายพูดแล้วเจย์เลนคนนั้นมาทำร้ายเจย์เลนของฉันทำไม? ฉันพยายามคิดหาเหตุผลแล้วนะ มันไม่ควรเป็นแบบนี้หรือเปล่า คนเราจะฆ่าตัวเองในอีกโลกไปทำไม หึงฉันเหรอ? ถ้าเพราะเหตุผลนี้มันก็บ้ามากนะ แล้วจะมาหึงทำไมในเมื่อโลกนู้นก็ต้องมีฉันอยู่กับเขา จริงไหม?”
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรมันก็เป็นไปได้ทั้งหมดนั่นแหละ ใจมนุษย์ซับซ้อนจะตาย”
“แล้วฉันจะปกป้องเจย์เลนกับลูกยังไง ฉันเครียดว่ะคังจุน”
“ฉันเข้าใจ ฉันก็ห่วงน้องฉันกับหลานฉันเหมือนกัน” พี่ชายต่างสายเลือดคนนี้เป็นห่วงเจย์เลนไม่น้อยไปกว่าใครเลย
“นี่แทมินก็มาเจ็บไปด้วย ปัญหาอะไรนักหนาวะ ฉันเหนื่อยแล้วนะ โคตรเฮงซวยเลย นี่พึ่งจะเปิดกล้องเอง” มือหนายกขึ้นคลึงสันจมูกตัวเองแล้วหันไปจับมือคนบนเตียงมาหอม เพื่อให้กำลังใจตัวเขาที่เครียดหนัก
“พี่จะไม่ยอมให้เป็นแบบนี้อีก พี่จะปกป้องนายกับลูกให้ดี ให้ดีกว่าเดิม จะหาทางสื่อสารกับคนในโลกนั้นให้ได้”
“อย่างหนึ่งเลยนะกียุลที่ฉันมั่นใจ นายคือคนเดียวที่ช่วยเจย์เลนได้โดยที่ไม่เป็นอะไรจริง ๆ จำที่ฉันเคยบอกได้ไหมตอนฉันพยายามช่วยเจย์เลนที่แม่น้ำฮันแล้วเกือบตาย นี่แทมินที่พยายามจะช่วยก็หนักเหมือนกัน ส่วนนายไม่เป็นอะไรเลยสักครั้ง”
“อ่า... นายพยายามจะบอกอะไรฉันก็บอกมาเถอะน่า ฉันขี้เกียจจะคิดแล้ว”
“ฉันไม่รู้ มันแปลกก็ตรงนี้แหละ เหตุผลมันคืออะไร ทำไมเป็นแบบนั้น เขากลัวนายหรือเปล่า ถ้าใช่ แล้วทำไมต้องกลัว นายมีไรน่ากลัวตรงไหน หรือไม่ได้กลัว อาจจะเป็นรักหรือหึงที่นายอยู่กับเจย์”
“เจย์เลนไม่คู่ควรกับพี่ ทิ้งมันซะ...”
ขวับ!
กียุลหันขวับเมื่อได้ยินเสียงประหลาดอยู่ข้างหูขนลุกเกรียวจากสัมผัสเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
“นายได้ยินอะไรเมื่อกี้ไหม”
“ไม่ นายได้ยินอะไร”
“เจย์เลนไม่คู่ควรกับพี่ ทิ้งมันซะ... น้ำเสียงเย็น ๆ ฉันยังขนลุกอยู่เลยเนี่ย” กียุลลูบแขนตัวเองแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างไม่ไว้วางใจทำเอาคังจุนระแวงไปด้วย เรื่องเครียดก่อนหน้าถูกพับเก็บเมื่อความกลัวผีขึ้นสมองครอบงำ
“ยะ ยะ อย่ามาพูดเป็นเล่น โรงพยาบาลคนตายเยอะนะเว้ยกียุล ฉันไปหาแทมินห้องข้าง ๆ ดีกว่า”
“เฮ้ย! จะมาทิ้งกันแบบนี้ได้ไงวะ คังจุน!” ไวติดจรวดพ่อหนุ่มหุ่นหมีหายไปจากห้องแล้วทิ้งให้กียุลอยู่กับเจย์เลนที่ยังไม่ได้สติเพียงสองคน
เกิดความเงียบขึ้นในห้องบรรยากาศวังเวงเหมือนในหนังผี อีกไม่นานได้มีตัวอะไรโผล่มาแน่กียุลคิดแล้วสยอง
ขนลุกชัน เย็นสันหลังวาบ...
ความเงียบทำให้ยิ่งหวาดระแวง...
“พี่ครับ”
“ฮะ!? วะ ว่าไง เจย์เลน”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น อย่างกับเห็นผี”
“อย่าพูดถึงสิเจย์เลน ไม่เอา ๆ เป็นยังไงบ้างเจ็บท้องไหม” กียุลพยายามตั้งสติแล้วมาสนใจอีโบนีคนสวยแทน
“ไม่ครับ ลูกปลอดภัยใช่ไหม”
“ลูกเราปลอดภัย แต่นายต้องนอนดูอาการก่อนอาจมีอะไรกระทบกระเทือนกับลูก ถ้าปวดท้อง เจ็บท้องรีบบอกพี่นะเบบี๋ แล้วอย่าพึ่งขยับตัวเยอะด้วยนะ” ฝ่ามือใหญ่ลูบที่กลุ่มผมสีบลอนด์แผ่วเบาแล้วหอมแก้มนิ่มแสดงความรักและห่วงใยส่งผ่านกำลังใจให้น้องคลายกังวล
“ครับพี่ แต่ว่าเรื่องงานล่ะเอายังไง แบบนี้มันเสียหายนะครับ พรุ่งนี้ให้ผมออกจากโรงพยาบาลเถอะ ผมไม่น่าเป็นอะไรหรอก”
“ไม่ได้ นายต้องอยู่ก่อน ให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรกระทบถึงลูกเราและนายไม่ได้เป็นอะไร พี่ถึงจะให้กลับไปทำงาน”
“พี่ครับ... งั้นพรุ่งนี้พี่กลับไปถ่ายงานเลย ผมอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องเป็นห่วงจะมาเฝ้าผมอยู่แบบนี้ได้ไง งานรออยู่”
“พี่เป็นห่วงนะ ถ้าพี่ไม่อยู่ด้วยแล้วได้ยินเสียงขึ้นมาอีกจะทำยังไง พี่ช่วยนายได้คนเดียว”
“พี่คิดมากหรือเปล่าครับ อาจจะบังเอิญ”
“นายรู้ว่าไม่ใช่แบบนั้น”
“...”
“...”
เกิดความเงียบระหว่างพวกเขาเมื่อต่างฝ่ายต่างใช้ความคิด
“ผมรู้สึกกลัว นึกว่าเขาจะหายไปแล้วแท้ ๆ เขาไม่มานานแล้วนะครับ”
“เบบี๋ ไม่มีอะไรต้องกลัวถ้าพี่อยู่ตรงนี้ ที่เขาไม่ได้ออกมาคงเพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด นายจะปลอดภัย เราจะผ่านมันไปได้ พี่จะแก้ปัญหานี้ให้ได้ เราจะไม่ห่างกัน”
“เราจะแก้ปัญหานี้ด้วยกันนะครับ เพื่อลูกของเรา” มือบางเลื่อนมากุมมือหนาของกียุลเพื่อให้กำลังใจและย้ำว่าต้องการที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคไปด้วยกัน ก่อนทั้งคู่จะเลื่อนมือไปสัมผัสที่หน้าท้องกลมโตสื่อสารกับลูกในท้องเจย์เลน
“ไม่ต้องกลัวนะลิตเติ้ลเบบี๋ คุณป๋ากับคุณแด๊ดจะปกป้องหนูเองนะครับ จุ๊บ” ริมฝีปากบางว่าจบก็จูบท้องกลมเป็นการย้ำกับลูกสร้างรอยยิ้มให้พวกเขาเบาใจลง
แกร๊ก...
เสียงเปิดประตูทำให้เขาสองคนหันไปสนใจแล้วปรากฏตัวผู้มาเยือน ชายร่างสูงลุคเจ้าสำอางเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวลแต่ไม่นานก็ยิ้มให้กับผู้อยู่ในห้อง
“เป็นไง ดีขึ้นไหมเจย์เลน”
“ครับพี่จินกู ผมโอเค แล้วแทมินเป็นยังไงบ้างครับ”
“สมองกระทบกระเทือนต้องรอดูอาการ ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย” ได้ยินดังนั้นเจย์เลนยิ่งรู้สึกผิด
“ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นอุบัติเหตุ”
คนท้องพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อย่างพยายามอดกลั้นความรู้สึกไม่ดี
“อย่าเครียดนะเจย์เลน เดี๋ยวจะปวดท้อง” กียุลกำชับพร้อมกับเลื่อนมือไปกอบกุมทับซ้อนมือเล็กเอาไว้อีกที
“นายทำใจสบาย ๆ นะ เดี๋ยวหลานพี่เครียดแล้วงอแง พี่มีทางออกให้แล้วเรื่องงาน ซีคมันจะมาช่วย มันพอจะกลับมาทำงานได้แล้ว”
“มันยังไม่ได้ถอดเฝือกเลยพี่”
แกร๊ก...
“เฮ้ มีใครพูดถึงฉันหรือเปล่าน้า ฉันมาแล้วเพื่อนนนน ไม่เครียดกันสิ ๆ ซีคอยู่นี่แล้ว สอ บอ มอ ยอ หอ สบายมากอย่าห่วง” ผู้ช่วยผู้กำกับตัวจริงมาทั้ง ๆ ที่ใส่เฝือกและไม้ช่วยพยุงก็อยู่ในมือ
“มาได้ไงเนี่ย ดูสภาพนายสิ” ถึงพูดอย่างนั้นก็เดินไปช่วยเพื่อนให้มานั่งที่โซฟา
“มาช่วยนายไง อีกสามอาทิตย์ก็เอาเฝือกออกได้แล้ว เจย์เลนเป็นไงบ้าง”
“โอเคครับพี่ ห่วงก็แต่แทมินน่ะครับ น้องอาการหนักกว่าผม”
“พี่ไปหามันมาแล้วล่ะ นายไม่ต้องคิดมากนะ พี่มาช่วยแล้ว เรื่องงานพี่จัดการเอง นายรักษาตัวให้หายดีแล้วค่อยกลับมาทำด้วยกันนะ” หนุ่มลูกครึ่งผมสีน้ำตาลอ่อนบอกด้วยรอยยิ้มสดใสตามสไตล์คนที่มองโลกในแง่ดี ส่งผลให้เจย์เลนคลี่ยิ้มตามจนตาหยี
“ขอบคุณครับพี่” บรรยากาศในห้องคลายความตึงเครียดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อซีคเข้ามาช่วยเหลือทุกคนไว้
“พรุ่งนี้นายต้องไปทำงาน ให้เจย์เลนนอนดูอาการอยู่นี่กับโซฮี พรุ่งนี้ยัยนั่นจะมาอยู่กับเจย์เลนแต่เช้าเลย” จินกูบอกพลางนั่งลงข้าง ๆ ซีค ใบหน้าหล่อของเขาเหนื่อยล้าจนใครก็รู้สึกได้
“ไม่ได้หรอกครับพี่ ถ้าผมไปเจย์เลนจะมีอันตราย เรื่องแฝดปีศาจไงครับพี่ก็รู้”
“แต่เราพึ่งเปิดกล้องจะให้ปิดเลยหรือไงเล่า ค่าสถานที่จ่ายไปแล้วไม่ไปถ่ายทำมันก็เสียหาย ไปเลื่อนวันก็ไม่รู้ว่าสถานที่เขาจะว่างอยู่ไหม เรายิ่งมีปัญหาเรื่องงบกันอยู่นะ นี่พี่ก็ช่วยไปส่วนหนึ่งแล้ว” จินกูควักเงินตัวเองออกไปมากแล้วโดยที่ไม่ได้บอกใครเลยก่อนหน้านี้ แต่ที่เขาต้องพูดก็เพราะอยากเตือนสติรุ่นน้องว่ามันมีปัญญาเกิดขึ้นและยังแก้ไขไม่ได้
“พี่ไม่เห็นต้องทำงี้เลยครับ เอาเงินผมสิถ้ามันขาด”
“มันไม่ใช่เรื่องจะมาเกี่ยงกันหรอกนะ เราก็หุ้นส่วนกัน มันจำเป็นพี่ออกก่อนได้ ปัญหาคือนายไม่ยอมกู้เงินพี่บอกนายแล้วนะว่ามันต้องทำ” ความตึงเครียดลอยคลุ้งอยู่ในอากาศเสียจนอึดอัดไปตาม ๆ กัน แต่นั่นไม่มากเท่าความรู้สึกอยากช่วยแก้ปัญหาแต่ทำไม่ได้
“เราขาดอยู่เท่าไหร่ครับ ผมช่วยได้นะครับ” เจย์เลนเสนอตัว เขาเกิดในกลุ่มตระกูลแชโบลถึงแม้ตอนนี้จะหลุดออกมาแล้วก็ตามเพราะธุรกิจของพ่อแม่ล้มละลาย แต่เขาก็ยังมีฐานะร่ำรวยอยู่จากสิ่งที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย
“ฉันก็ช่วยได้ ฉันก็มีหุ้นอยู่ในบริษัทนะ”
“ถ้าไม่อยากให้ใครเดือดร้อนก็กู้เงินซะ เชื่อพี่ ไม่ต้องกลัวเรื่องดอกเบี้ยที่ต้องเสีย เราคืนเงินตรงเวลามันยื่นลดดอกเบี้ยได้ มันจะทำให้เรามีเครดิตด้วย ตอนนี้บริษัทเรามันโนเนมเพราะไม่มีเครดิต เราไม่เคยกู้ก็เท่ากับว่าไม่มีเครดิตที่ดี นี่โชคดีมากนะที่ธนาคารเขาติดต่อมาหาเราเอง ไม่ใช่ใคร ๆ ก็จะโชคดีแบบเรานะกียุล บริษัทเรามันมีมูลค่า”
“...เข้าใจแล้วครับ กู้ก็กู้ แต่ว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ขอผมอยู่กับเจย์เลนก่อน ชีวิตลูกเมียผมสำคัญที่สุดพี่เข้าใจผมนะครับ” เข้าใจมาก ๆ แต่งานจะชะงักแบบนี้ก็ไม่ได้จินกูเลยไม่ตอบอะไรกลับไปในทันที
“เอางี้ไหมครับพี่ ๆ ก็ให้พี่กียุลอยู่กับผมที่นี่ กำกับที่นี่เลย พวกพี่ก็จัดการหน้างานกันไปแล้วให้พี่กียุลใช้ AR และ VR ส่งสัญญาณไปที่กองเพื่อกำกับจากระยะไกล โทรหาทีมกล้องให้มาเลยครับ เตรียมอุปกรณ์มาเซ็ทที่นี่เลย พี่กียุลจะเหมือนอยู่ในกองถ่ายกับทุกคนเลยครับ” นางฟ้ามาโปรดทุกคนเมื่อเจย์เลนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้อย่างง่ายดายเก่งสมเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ชวนให้กียุลเข้าไปหอมแก้มเป็นรางวัลฟอดใหญ่
“โอ๊ยยย พี่ ๆ เขาก็อยู่น้าา >_<”
“ไม่สนหรอก นายเก่งแบบนี้พี่ก็ต้องให้รางวัลสิ”
“ให้พวกฉันออกไปก่อนไหมล่ะ” ซีคแซวในขณะที่โปรดิวเซอร์คนหล่อเดินออกไปคุยโทรศัพท์กับทีมกล้องแล้ว
“ได้ก็ดีนะซีค”
“ได้ ๆ แต่เบา ๆ กันนะ หลานฉันอยู่ในท้องเจย์เลนนะเว้ย”
“พี่ซีคก็เป็นไปกับเขานะครับ” เสียงหัวเราะดังขึ้นในห้องเมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง เห็นชัดแล้วว่าทีมเวิร์คเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำงานขนาดไหน
เช้าวันต่อมาคุณหมอก็ได้เข้าตรวจอาการเจย์เลนและตกตะลึงไม่น้อยที่ในห้องมีอุปกรณ์ของผู้กำกับภาพยนตร์เต็มไปหมด หากรู้ว่าเยอะขนาดนี้คำอนุญาตใช้สถานที่คงไม่ได้รับการอนุมัติ
“เดี๋ยวเรามาอัลตร้าซาวด์กันนะครับ ดูให้แน่ใจอีกที เพราะคุณพ่อมีอาการเจ็บหน่วง ๆ ที่ท้องเล็กน้อย หมออยากให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นอะไรน่ะครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอ ยังไงผมขอให้เช็คอย่างละเอียดที่สุดเลยนะครับ แอดมิตหลายวันเลยก็ได้ครับ”
“กียุล อีกยี่สิบนาทีจะรันกองแล้วนะ” จู่ ๆ ภาพและเสียงของซีคก็เด้งขึ้นมากลางอากาศให้ทุกคนรับรู้ไปด้วย
“รู้แล้วน่า ใช้เวลานานไหมครับคุณหมอ” เขาหันไปถามด้วยความกังวลเพราะจะต้องรีบกลับไปทำงาน
“ไม่นานครับ เหมือนตอนที่มาพบหมอตามปกติเลย”
“ผมไปคนเดียวได้นะครับ ไม่มีอะไรหรอก พี่อยู่ทำงานเถอะ เดี๋ยวผมก็มา”
“พี่อยากไปดูหน้าลูกด้วยนี่นา (‘^’) ”
“เดี๋ยวหมอเอาอุปกรณ์มาทำที่นี่ได้ครับ คุณพ่อยังขยับตัวมากไม่ได้ด้วย” ในตอนนั้นบุรุษพยาบาลก็มาพอดีพร้อมอุปกรณ์ ได้ยินดังนั้นกียุลจึงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
“ซีคฉันขอครึ่งชั่วโมงนะ แป๊บเดียว”
“ได้อยู่แล้วเพื่อน” ฮิปนอสดีใจออกนอกหน้ายิ้มเสียจนตาเป็นสระอิส่งผลให้อีโบนียิ้มตามไปด้วยอีกทั้งยังปลื้มใจที่
กียุลรักลูกในท้องเขาขนาดนี้
การอัลตร้าซาวด์มันก็เป็นไปตามวิธีการทั่วไปอย่างที่เจย์เลนทำมาบ่อยครั้งเจลเย็น ๆ ถูกปาดลงที่หน้าท้องกลมก่อนจะมีเครื่องมือมาสัมผัสทำให้เห็นคนที่นอนอยู่ในท้องได้อย่างชัดเจน
“ลิตเติ้ลเบบี๋อยู่นั่นไงครับ” คุณหมอเอ่ยสรรพนามเดียวกันกับคนเป็นผู้ให้กำเนิดทั้งสองทำให้ทั้งคู่ยิ้มขึ้นมาด้วยความเขินที่ถูกแซว
“แข็งแรงมากเลยนะครับเนี่ย แต่ตัวเล็กไปนิดหนึ่ง คุณพ่อต้องทานให้มากขึ้นนะครับ” คุณหมอหันไปบอกเจย์เลนที่กำลังจ้องภาพในจอมอนิเตอร์อยู่
“เขาทานเยอะนะครับคุณหมอ แต่ก็ชอบเดินเยอะ หาอะไรทำทั้งวัน ไม่ค่อยนอนพักเลยครับ” กียุลได้ทีฟ้อง
“คุณพ่อต้องนอนกลางวันนะครับ พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์แล้วลิตเติ้ลเบบี๋ของคุณพ่อทั้งสองคนจะได้แข็งแรงนะครับ”
“ครับคุณหมอ แต่ผมงานเยอะน่ะครับ”
“ใครให้ทำไม่ทราบครับ” กียุลยังไม่ยอมเลิกแขวะแต่ปากแจ๋วตอนนี้ไม่ใช่การดีเพราะโดนหยิกไปทีอย่างว่องไวจากฝีมือแม่ของลูกทว่าเขาไม่ยอมแพ้
“จนตอนนี้ยังไม่เลิกดื่มกาแฟด้วยนะครับคุณหมอ”
“กาแฟควรหยุดดื่มได้แล้วนะครับ ระยะครรภ์ไตรมาสต์ที่สองแบบนี้ต้องเคร่งเรื่องอาหารและการพักผ่อนให้มาก กาแฟไม่ควรดื่มเกินวันละ 200 มิลลิกรัมนะครับ หากดื่มมากกว่านี้จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการแท้งบุตรหรือคลอดก่อนกำหนดได้ น้องก็จะตัวเล็กออกมาไม่แข็งแรงนะครับ” เจย์เลนได้ยินถึงกับตกใจที่กาแฟส่งผลเสียกับคนท้องขนาดนี้
“ผมจะเลิกดื่มครับคุณหมอ” กียุลหันขวับไปมองแม่ของลูก เขาพูดมาตั้งนานไม่ยอมเลิกดื่มกาแฟ หมอหล่อพูดคำเดียวหยุดเลยเหรอ?
“ดีแล้วครับเพื่อน้องนะครับ แล้วนี่คุณพ่อทั้งสองทราบเพศน้องหรือยังครับ”
“ยังเลยครับ น้องไม่ยอมให้พวกเราเห็น ตั้งแต่สี่เดือนจนนี่จะหกเดือนแล้วก็ยังไม่ให้ดูเลยครับ” กียุลกล่าว
“ตอนนี้น้องให้ดูแล้วนะครับ อยากรู้ไหมครับ หรือไว้ลุ้นตอนคลอดดี” ทั้งสองมองหน้ากันเพราะชั่งใจขึ้นมาสุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะเอาไว้ลุ้นตอนคลอดดีกว่าเพราะไม่ว่าลูกจะเป็นเพศอะไรพวกเขาก็ยินดีทั้งนั้น
“หมอน่ารักดีนะครับ เรียกลูกเราว่าลิตเติ้ลเบบี๋ด้วย ฮ่า ๆ” กียุลหันคอแทบหลุดเมื่อได้ยินเมียชมผู้ชายคนอื่นหลังจากที่คุณหมอออกไปได้ไม่กี่นาที
“ชมคนอื่นต่อหน้าพี่นี่คิดดีแล้วใช่ไหม T/T”
“ก็เขาน่ารักจริง ๆ นี่ครับ” เขาชมอย่างบริสุทธิ์ใจเลยนะไม่ได้คิดอะไรเสียหน่อยแต่คุณป๋าเขาดันหึงงอนตุ้บป่องกอดอกนั่งอยู่ที่โซฟาเสียอย่างนั้น เจย์เลนถึงกับหัวเราะออกมาเพราะมันน่ารักปนตลกมาก นึกภาพคนหล่อนั่งกอดอก บึนปากยื่นออกมาแล้วหันหน้าหนีรอคนไปง้อสิ
“ยัง ยัง หัวเราะ? ยังไม่มาง้ออีก”
“อีกสิบนาทีจะถึงเวลาถ่ายทำแล้วนะครับ ไม่รีบเหรอ?” เจย์เลนกำลังแกล้ง
“ชิ”
“เดินไปหาไม่ได้หรอกนะครับติดสายน้ำเกลือ ท้องก็โตขนาดนี้ ถ้าอยากให้ง้อต้องเดินมาเอง” ว่าเสร็จก็นอนราบไปกับเตียงที่ยกหัวขึ้นสูง คนเป็นป๋าได้ยินดังนั้นก็เดินกอดอกบึนปากมาให้ง้อแต่โดยดียิ่งทำให้คนท้องขำออกเสียงแทบตาย
“ขำเหรอ ใช่สิ พี่มันน่าตลก ไม่ได้น่ารักเหมือนหมอคนนั้น ชิ! (T_T) ”
“ฮ่า ๆ ๆ พี่ก็น่ารักครับ ให้หนึ่งจูบแล้วหายงอนนะครับ”
“หนึ่งจูบกับให้กินนม ไม่งั้น งอน (T_T) ”
“เอาสักทีเถอะครับ เดี๋ยวก็ไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง จะรันกองแล้ว” ในเมื่อต้องทำเวลาขนาดนี้ตัวเลือกกินนมจึงต้องถูกปัดตกไปสินะ ยกกองซะดีมั้งกียุลคิดในใจ
“ยกกองไหม”
“ก็เหี้ยแล้วครับ”
“พูดไม่เพราะพี่จะตีนะ!” ตีด้วยปากน่ะสิ เพราะคนมือไวใจเร็วได้คว้าคนน้องมาจูบแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“แฮ่ก แฮ่ก ก็แค่นี้เองครับ หายงอนแล้วใช่ไหม อื้มม อย่ามือซนสิครับ เดี๋ยวพี่ซีคก็มาแล้วนะ อ๊ะ!” จูบที่ปากแล้วก็ต้องจูบแก้มลามไปจนถึงลำคอขาวหอมกรุ่นกลิ่นดอกลิลลี่ด้วยสิ ส่วนมือก็บีบเคล้นหน้าอกที่เริ่มขยายใหญ่คัดเต้าไปด้วยแต่สัมผัสที่เรียกเสียงครางได้มากที่สุดก็คงจะเป็นแรงดึงและดูดที่ซอกคอนี่แหละไหนจะลมหายใจที่ลดรินอยู่ใกล้ ๆ หูอีก ขนกายมันลุกชันจากแรงอารมณ์ทุกอณูเลย
“อ๊ะ พี่ครับ พอก่อน เดี๋ยวใครมาเห็น” พยาบาลเข้ามาเห็นได้ยุ่งแน่ ไหนจะซีคที่ไม่รู้ว่าจะโผล่มาตอนไหน แต่ถึงอีโบนีคนสวยจะพูดอย่างนั้นขาก็แหวกออกกว้างอัตโนมัติ เมื่อมือหนาหายเข้าไปในชุดคนไข้ที่เป็นกระโปรงแล้วบีบลูกพีชกลมเด้งนิ้วก็เฉียดไปมากับช่องทางแกล้งกันไม่ยอมสอดนิ้วเข้าไปเสียที บวกกับความตื่นเต้นกลัวใครจะมาเห็นมันรู้สึกดีเป็นบ้า
“อยากให้พี่เอาเข้าไปไหมเบบี๋” เข้าถามพลางสอดนิ้วกลางเข้าไปนิดเดียวแล้วดึงออกนั่นทำให้สมองเจย์เลนตีกันจนรวนเพราะความต้องการ
“มะ มะ ไม่ครับ อื้อออ อย่าแกล้งกันสิครับ เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะ”
“จริงเหรอ ไม่จริงหรอก แต่ถ้าอยากได้...คืนนี้ต้องแลกกัน”
“ตกลงครับ ๆ ฮือออ พี่แกล้งผมอ่า จะโกรธแล้วนะ” กียุลยิ้มปนกลั้วหัวเราะแล้วเข้าไปกอดเจย์เลนที่เอามือปิดหน้าตัวเองอยู่เพราะความเขินอาย แสดงความรักกันอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเริ่มทำงานกันอย่างจริงจังเมื่อซีคติดต่อมาแล้ว
กียุลรีบเดินไปที่หน้าจอทรงสี่เหลี่ยมสีใสใกล้กับหน้าต่างหันหลังให้เตียงเจย์เลนก่อนจะนำคอนแท็คเลนส์มาใส่ เพื่อเป็นตัวเชื่อมต่อกับระบบ AR ที่อยู่ในกองถ่ายทำภาพยนตร์
เทคโนโลยี AR เป็นเทคโนโลยีที่นำวัตถุ 3 มิติ มาจำลองเข้าสู่โลกจริงของเรา โดยมีหลักการทำงานคือใช้ Sensor ในการตรวจจับภาพ, เสียง, การสัมผัส หรือ การรับกลิ่น แล้วจะสร้างภาพ 3 มิติขึ้นมา ด้วยการประมวลจาก Software โดยผู้ใช้งานจะต้องมองผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่แสดงภาพได้ ตัวกลางที่พวกเขาเลือกใช้คือเป็นคอนแทคเลนส์ ที่เป็น Hardware นำส่งข้อมูล
ส่วนทางด้านกียุลที่อยู่โรงพยาบาลจะใช้เทคโนโลยี VR มาช่วยในการกำกับภาพยนตร์
เทคโนโลยี VR เป็นเทคโนโลยีที่จำลองสถานที่ขึ้นมาเป็นโลกเสมือน โดยผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับสถานที่หรือสิ่งแวดล้อมที่จำลองขึ้นมาได้ผ่านอุปกรณ์ เช่น แป้นพิมพ์, เมาส์ เป็นต้น ในที่นี้กียุลสามารถปรากฏตัวไปอยู่ที่กองถ่ายได้เลยเพราะเรียวตะได้ติดตั้งเครื่องสแกนร่างกายพิเศษมาให้แล้ว ขอแค่กียุลยืนอยู่ที่หน้าจอสี่เหลี่ยมสีใสนี้เท่านั้นภาพก็จะยิงตรงไปที่กองถ่ายเลยโดยไม่ต้องใส่อุปกรณ์เสริมใด ๆ
“ทดสอบสัญญาณกันก่อนนะว่านายเห็นภาพทั้งหมดในฉากไหม ตอนนี้ทางฉันเห็นนายอยู่ที่นี่แล้ว”
“หล่อเหมือนตัวจริงปะวะ” กียุลยิงมุกตลกแล้วพยายามมองไปรอบ ๆ โดยมีเจย์เลนมองอยู่จากด้านหลังตลอดเพื่อรอเข้าไปช่วยเหลือหากมีอะไรที่เขาพอช่วยได้ เรื่องของเรื่องคือความเป็นผู้ช่วยผู้กำกับมันอยู่ในสายเลือดน่ะคนท้องอยากจะลุกไปทำงานจะแย่แล้ว
“หล่อแหละ แต่กวนตีนไปหน่อย มาเล่นไรตอนนี้วะฮะ สัญญาณเป็นไง”
“โอเค เห็นทั้งหมดแล้ว ไฟด้านขวาเอาซอฟต์เจลไปใส่หน่อยดิ หน้านักแสดงแข็งมาก”
“ในจอที่นี่ไม่เห็นนะ น่าจะเป็นที่สัญญาณภาพแล้วล่ะ” เห็นได้ชัดว่าถึงแม้เทคโนโลยีจะล้ำสมัยแค่ไหนก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติยังคงต้องใช้ความสามารถของมนุษย์อยู่ดี
“โอเค งั้นฉันจะดูแค่องค์ประกอบหลักก็แล้วกัน ฝากนายดูรายละเอียดด้วยนะซีค”
“ได้เลยครับผู้กำกับ”
“มาเริ่มกันเลย”
ตอนนี้กียุลเริ่มเห็นข้อดีของเทคโนโลยีแล้วล่ะหลังจากที่ต่อต้านมานานทว่าที่จริงเขาก็รู้ว่ามันจะอำนวยความสะดวกให้มากแต่ในยุคนี้มนุษย์แทบจะถูกเทคโนโลยีแย่งงานไปหมดแล้ว โดยเฉพาะด้านงานศิลปะที่เขาคิดว่าควรเป็นมนุษย์เท่านั้นที่จะสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ มันก็เลยตะขิดตะขวงใจที่จะใช้ พอมาตอนนี้เขาก็หยวน ๆ ให้ได้แล้วล่ะ เพราะมันทำให้งานดำเนินต่อไปได้และเขาก็ได้อยู่กับเจย์เลนด้วย
“โอเค พักกองได้ ย้ายโลเสร็จแล้วบอกฉันนะ” กียุลบอกกับคนฝั่งนั้นเมื่อถ่ายทำกันมาสองฉากแล้วถึงเวลาเปลี่ยนสถานที่เพื่อถ่ายฉากต่อไป
“ได้ อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกัน” ทั้งห้องกลับมาเป็นปกติเหลือเขาเพียงสองคน กียุลหันกลับไปหาแม่ของลูกเตรียมที่จะหาเมนูมาให้ทานแต่ก็ขัดใจเมื่อเห็นดวงตาแป๋วสีน้ำทะเลนั้นจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว
“บอกว่าให้นอนไง มาดูพี่ทำงานทำไม”
“หูย ใครจะไปหลับลงครับ เสียงดังขนาดนี้ เนาะลูกเนาะ ออมม่านอนไม่ได้เยยเพราะเสียงคุณป๋า”
“ฮะ? ออมม่าเหรอ ฮ่า ๆ ๆ” กียุลแปลกใจเพราะพึ่งเคยเห็นเจย์เลนแทนตัวเองว่าออมม่ากับลูก ปกติจะแทนตัวเองว่าคุณแด๊ดตลอด
“อะไรครับ แปลกตรงไหนล่ะ ก็ผมเป็นทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ให้ลูกนี่”
“ไม่แปลกหรอก พี่ก็จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกเหมือนกัน แค่มันเอ็นดู นายน่ารักเหมือนตอนที่เราอยู่มหาลัยกันเลย อ่า ลิตเลิ้ตเบบี๋ของคุณป๋าหิวหรือยังน้า กินอะไรกันดีครับ” เขาว่าพลางบิดขี้เกียจเดินไปหาเจย์เลน ก่อนจะทาบมือลงที่หน้าท้องกลมโตแล้วจูบลงไปให้เจย์เลนยิ้มตอบรับจนแก้มล้น
“แสดงว่าผมไม่น่ารักเลยเหรอ ตั้งแต่กลับมาเจอกัน”
“ดุอย่างกับหมาเอาไรมาน่ารักครับ”
“ขนาดนี้ไม่ต้องครับก็ได้มั้ง ไปเลยไม่ต้องจับลูกเลยนะ อย่าไปฟังเสียงคุณป๋านะครับ อย่าฟังนะ ๆ” มือเล็กปิดท้องตัวเองไว้ทำท่าทีเหมือนแม่ไก่หวงไข่ก็ไม่ปาน
“ถ้าไม่สั่งเบอร์เกอร์กับชีสบอลมาให้กินไม่ต้องมาจับเลยนะ” เสียงหวานบีบเสียงเล็กเสียงน้อยจนกียุลขำแทบตกเก้าอี้ไป
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ อยากกินเองจนต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ฮ่า ๆ ๆ โอเค ๆ พี่สั่งให้ครับ ว่าแต่เอาปลาหมึกด้วยไหม เห็นเบบี๋ชอบกินนะเดี๋ยวนี้” ใจไม่อ่อนยังไงไหวแม่ของลูกน่ารักถึงเพียงนี้แล้วบัดนี้ก็ยังส่งสายตาหวานกะพริบปริบ ๆ มาให้อีกด้วยนะ แต่คำแซวประโยคหลังทำเอาคนสวยตาโตขึ้นมา
“บอกว่าห้ามแซวไง เดี๋ยวก็ไม่ให้กินนมซะหรอก” กียุลหัวเราะหึหึในลำคอเพราะความน่ารักจู่โจม
“ยอมแพ้แล้วครับคนสวย ถ้าไม่ได้กินนมเบบี๋ก่อนนอนทุกคืน พี่ขาดใจตายแน่เลย”
“ทำตัวดี ๆ กับผมเข้าไว้เลยนะครับ ฮ่ะ ฮ่ะ เริ่มจากตามใจผมสั่งกาแฟส้มยูสุให้หนึ่งแก้วด้วยนะครับ นะครับ ๆ ๆ นะ ๆ ใส่กาแฟนิดเดียวก็ได้” 1 นาที 3 อารมณ์ กียุลงงไปหมดแล้ว
“ไหนใครบอกจะเลิกแล้ว พึ่งพูดเมื่อเช้าเอง”
“มันไม่เกิน 200 มิลลิกรัมนี่ครับ น้าา คุณป๋าาาา”
“โอ๊ย!”
“พี่เป็นอะไรครับ!”
“นายเรียกพี่คุณป๋าอะ รับไม่ไหว หัวใจจะวาย โอ๊ยยย พี่ไม่ไหวนะครับ”
“โอ๊ย! ไอ้พี่บ้านี่ นึกว่าเป็นอะไร ฮ่า ๆ ๆ คุณป๋าอย่าพึ่งตายนะ สั่งเบอร์เกอร์กับชีสบอลให้กินก่อนกาแฟส้มด้วย มาตายก่อนแล้วใครจะจ่ายเงินล่ะ”
“ห่วงกินจริง ๆ เลย ไม่รู้ลูกหรือแม่จะกินเนี่ย แถมขี้งกอีก” กียุลบ่นไม่จริงจังพลางกดโทรศัพท์ก่อนจะปรากฏเป็นเมนูอาหารขึ้นมาเป็นภาพสามมิติ เขาจิ้ม ๆ เอาสิ่งที่เจย์เลนอยากกินมาเยอะแยะเต็มไปหมดจนคนท้องตาลุกวาว
“เค้กส้มด้วยครับ”
“ซัมเกทังด้วยไหม” ไก่ตุ๋นโสมของชอบเจย์เลนเขาล่ะกียุลรู้ใจเป็นที่สุด
“เอาครับ ซุนแดมาด้วย”
“นายไม่ชอบกินนี่” เขาชะงักมือยังไม่กดสั่ง
“แต่พี่ชอบกินนี่ครับ สั่งมาด้วย” ฮิปนอสยิ้มจนเมื่อยหน้าเพราะอีโบนีทำตัวน่ารักไม่พักเลยน่ะสิ
“น่ารักอีกแล้วนะครับ พี่จะไปไหนรอดเนี่ย รักนายตายเลย พี่รักนายเหมือนควายตัวหนึ่งเลย”
“ดูพูดเข้า ฮ่า ๆ ๆ มานั่งนี่สิครับ เหนื่อยไหม ผมนวดให้”
“พี่สิต้องนวดให้นาย ปวดหลังหรือเปล่า เท้าบวมไหมพี่นวดให้”
“ไม่ครับ พี่มานอนที่เตียงด้วยกันสิครับ อยากกอด พี่ดูเหมือนคนอดนอนเลย” ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนตัวติดกันอาการนอนหลับเองไม่ได้ของฮิปนอสก็ดีขึ้น แต่สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขามากมายนักเมื่ออาการเขาหนัก หลายครั้งที่กียุลแกล้งหลับเพื่อให้อีโบนีสบายใจเพราะครั้นจะขอให้มีเซ็กส์กันมันก็ไม่ได้มากสุดก็แค่ช่วยกันและกันให้เสร็จจากภายนอกเท่านั้น มันพอจะช่วยอาการนอนหลับได้อยู่บ้างแต่ไม่นานเพียงพอ
“ไม่หรอกพี่นอนอิ่มมากเลย อยู่กับนายตลอดขนาดนี้ไม่ได้นอนได้ยังไงเล่า พี่แค่เครียดหลายเรื่อง” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำที่ติดนุ่มนวลล้มตัวลงนอนข้างเจ้าของเสียงหวานจนได้ แต่ก็ระวังอันตรายนอนชิดติดริมเตียงจนแทบหล่นเพราะกลัว
เจย์เลนจะอึดอัดแค่ต้องอุ้มท้องใหญ่เป็นแตงโมมันก็อึดอัดจะแย่แล้ว
“ผมรู้ว่าพี่อยากไปกำกับงานที่นู่นด้วยตัวเองนะ เพราะมันสะดวกกว่าได้ฟีลกว่า สัญญาณก็หลุดบ่อยด้วย เสียเวลาไปเยอะเลยมันไม่สมูธ ประณีตก็ไม่ค่อยได้”
“รู้ใจพี่จริง ๆ เลยนะ หรือมันเป็นเซนส์ของผู้กำกับด้วยกัน?”
“ผมเป็นผู้ช่วยครับ ก็ต้องเห็นสิ่งที่ผู้กำกับเห็นสิ” ใบหน้าหล่อหันไปหาแม่ของลูกด้วยท่าทีจริงจังขึ้น
“ลองกำกับดูไหม พี่อยากเห็นฝีมือนายเหมือนสมัยเรียน”
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวงานพี่จะเสีย”
“มันคืองานของเราสิ บทเราก็เขียนด้วยกัน ทำไมจะกำกับด้วยกันไม่ได้ล่ะ ไม่ลองกำกับจากงานนี้หน่อยเหรอ ไม่มีหนังเรื่องแรกจะมีหนังเรื่องที่สองได้ไง จริงไหม?” เจย์เลนครุ่นคิดแล้วหันไปหาพ่อของลูกฉกจูบว่องไวก่อนจะยิ้มหวานกลับไป “ขอบคุณครับ ไว้พี่เหนื่อยเมื่อไหร่ ค่อยส่งไม้ต่อมาให้ผมนะ” ปฏิเสธได้น่ารักแบบนี้กียุลก็จะไม่คาดคั้น เขาเชื่อนะว่ามันจะถึงเวลานั้นของเจย์เลนบ้างเพราะอีโบนีคนสวยของเขาเป็นคนเก่งสักวันคนอื่น ๆ ก็จะได้รู้แบบเขา แล้วฝันของ
เจย์เลนจะสำเร็จในไม่ช้า เขานี่แหละจะเป็นคนผลักดันเอง
1 สัปดาห์ ผ่านไป
เวลาเดินไปอย่างว่องไวทุกสิ่งผ่านไปได้ด้วยดี เจย์เลนออกจากโรงพยาบาลแล้วงานที่กองถ่ายก็เหมือนจะไปได้ดี...ละมั้ง “ทันน่าทัน ให้เวลากียุลมันหน่อย มันต้องปั้นซีนนี้มันลวกไม่ได้”
“ปั้นบ้าอะไร เจ้าของสถานที่เขามาไล่ออกแล้ว”
“จริงพี่ เราต้องเก็บของแล้วพี่ ไม่งั้นต้องจ่ายค่าล่วงเวลา”
เสียงโปรดิวซ์เซอร์ ผู้จัดการกองถ่าย และผู้ช่วยผู้กำกับ กำลังเถียงกันด้วยเสียงกระซิบด้านหลังผู้กำกับที่กำลังจดจ่ออยู่กับการถ่ายทำตรงหน้า
“คัท!! ไปคุยกันที่อื่นได้ไหมวะ ต้องถ่ายใหม่เลยเนี่ยเสียงมันเข้า ฉันไม่มีสมาธิไปคุยกันข้างนอก” กียุลหันมาพูดด้วยความหัวเสียต่างไปจากนิสัยเดิมที่มักใจดีอ่อนโยน เนื่องมาจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวัน นอนก็ไม่ค่อยได้นอนขนาดได้สัมผัสจากอีโบนีแล้วนะมันก็ไม่เพียงพอ ถ่ายงานก็ไม่ได้ดั่งใจ ทุกอย่างสุมเข้ามาในหัวเขาจนหนักอึ้ง
“พักกอง 15 นาทีครับ” เสียงเนือย ๆ บอกทีมงานแล้วฟุบหน้าลงไปที่โต๊ะวางจอมอนิเตอร์ถึงจะหลับไม่ลงก็พยายามข่มตาให้สมองได้พักผ่อนกระทั่งใครคนหนึ่งกำลังเดินอุ้ยอ้ายผ่านผู้คนมา ฮิปนอสถึงได้กลิ่นที่คิดถึงชวนให้เคลิบเคลิ้มและเมื่อใครคนนั้นเดินมาใกล้ดอกลิลลี่ก็ชัดเจนขึ้นผสมกับกลิ่นกาแฟในตัวเขาเองแล้วลงตัวขนาดนี้ ไม่บอกกียุลก็รู้ว่าใครกำลังมา “คุณป๋าเป็นยังไงบ้างครับ” เมื่อได้ยินเสียงหวานผู้กำกับก็ขยับตัวเงยหน้าขึ้นไปหาด้วยท่าทีเซื่องซึม เจย์เลนรู้ได้ทันทีเลยว่าฮิปนอสเหนื่อยมากขนาดไหนอดแปลกใจไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ได้ห่างจากกียุลเลยนะแต่ทำไมอีกคนถึงเหมือนไม่ได้พักผ่อนแบบนี้
“จับมือผมไว้นะ พี่งีบสักหน่อยเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมมาช่วยพี่แล้ว” ฮิปนอสเห็นเพียงรอยยิ้มจางในภาพสุดท้ายก่อนจะผล็อยหลับไป
“พี่กียะ-”
“ชู่ววว...” โซฮีจะเข้ามาคุยเรื่องงานแต่เจย์เลนทำสัญญาณว่าให้เงียบไว้ก่อน เมื่อเห็นดังนั้นสาวเท่จึงไม่ได้เรียก
ฮิปนอสผู้น่าสงสารกระนั้นก็ไม่สามารถปล่อยผ่านปัญหาไปได้
“พี่เจย์เลนคะ เจ้าของสถานที่ให้เราเก็บของออกตอนนี้เลยค่ะมันเลยเวลามากแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะเก็บค่าล่วงเวลาค่ะ” โซฮีกระซิบบอกสีหน้าเครียดเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพราะกียุลยืนยันจะถ่ายต่อ
“พี่กียุลไม่ยอมปล่อยผ่านซีนนี้ใช่ไหม มีเทคไหนที่พี่เขาพอจะโอเคบ้าง เพลย์แบล็คให้พี่ดูหน่อย พี่ขอรีพอร์ตด้วยนะ แล้วเธอไปค่อย ๆ เคลียร์ทีมงานออกเลย ใครหมดหน้าที่แล้ว อุปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้วก็ทยอยเก็บเลยนะ พี่ฝากด้วย ให้พี่กียุลเขางีบสักแป๊ปเดี๋ยวพี่จะปลุกเขาให้” อีโบนีพูดอย่างใจเย็นและเสียงเบาเพราะกลัวคนที่รักจะตื่นกระนั้นก็ยังหงุดหงิดเล็กน้อยที่ในกองถ่ายดูวุ่นวายขึ้นมาทันทีเพียงแค่เขากลับไปที่บาร์นเฮาส์เพื่อเอาวิตามินที่ต้องกิน (อาศัยช่วงที่กียุลยุ่ง ๆ ขับรถไปคนเดียวเสียด้วยนะ ดีที่ไม่เป็นอะไร)
“ได้ค่ะพี่”
โซฮีเดินจากไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว เจย์เลนได้รับรายงานการถ่ายทำและเทปการถ่ายทำย้อนหลังเรียบร้อยกำลังนั่งดูอย่างพิจารณา จินกูก็เดินเข้ามากับซีคสีหน้าเคร่งเครียดทั้งคู่หลังจากไปคุยกับเจ้าของสถานที่แล้วเกิดปัญหาใหม่
“เจย์เลนไปไหนมา” จินกูเดินเข้ามาและพูดด้วยเสียงที่เบาเพราะเห็นแล้วว่ากียุลหลับอยู่ จากนั้นก็หยิบเก้าอี้มาให้ตัวเองและซีคที่ยังเดี้ยงอยู่นั่ง
“ไปเอาของมาครับ ทำไมพี่สีหน้าไม่ดีกันเลย” เสียงสวยกล่าวแล้วถอดหูฟังครอบหูออก
“พี่บอกน้องมันดิ ผมว่าให้น้องไปคุยให้อาจจะดีนะ เจย์เลนหน้าตาน่ารักอะเขาอาจใจอ่อนให้ถ่ายต่อ พวกเรามันหน้าทรงโจรไม่โดนใจเขา” ซีคเสนอแนะติดตลกกับพี่ใหญ่ที่ตอนนี้กำลังดื่มน้ำอย่างกระหาย
“ได้นะพี่ คุยเรื่องไรอะ ผมไปคุยให้ พี่ก็ใช้ช่วงนี้รีบถ่ายกันเลย คัทสั้น ๆ เองนี่ ผมดูเพลย์แบล็คแล้ว”
“คุยยากนะ คือ...ทีมเราไปทำปลาเขาตาย”
“ฮะ? ปลาอะไรครับพี่ซีค”
“คือมีทีมงานเราไปสูบบุหรี่แล้วทิ้งก้นบุหรี่ใส่บ่อปลาคาร์ปเขา ไม่รู้ใครทำแล้วไม่รู้ว่ามันเจตนาไหมนะ แต่ปลาตายไป 2 ตัว ตัวอย่างใหญ่ ตัวละ 1,700,000 วอน 2 ตัวก็ 3,400,000 วอน”
“ฉิบหาย...” คนฟังอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาก่อนจะปลุกคนที่หลับอยู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับความโกรธในใจที่ทีมงานทำแบบนี้
“พี่กียุล พี่ครับ ตื่นได้แล้วนะ มาทำงานกันต่อเถอะ”
“อื้อออ โอเค พี่ขอน้ำเย็น ๆ หน่อยสิ” มือเล็กหันไปหยิบขวดน้ำต่อจากจินกูแล้วส่งให้ตามคำขอก่อนจะขอปลีกตัวออกไป “พี่ถ่ายต่อเลยนะ เดี๋ยวผมมา ขอเร่งนะครับพี่ ปั้นได้แต่อย่าเยอะเกิน” อีโบนีประคองท้องตัวเองเดินไปด้วยความเร็วที่สุดที่คนท้องจะทำได้เป็นจังหวะเดียวกับที่โซฮีกลับมาจึงเปลี่ยนทิศทางเดินตามเจย์เลนไปเป็นเพื่อนกัน
30 นาที ผ่านไป...
ระเบิดเวลากำลังลงใน 3 2 1…
“คัท!! เก็บของได้ ไปซีนต่อไป! เก่งมากทุกคน”
“หยุดก่อนครับ เก็บของแล้วฟังผมไปด้วยก็ได้ แต่ใครที่สูบบุหรี่แล้วทิ้งใส่บ่อปลาคาร์ปช่วยตอบคำถามผมหน่อยครับ คุณไม่มีสมองคิดเหรอว่าไม่ควรทำ สูบบุหรี่รบกวนชาวบ้านก็แย่พอแล้ว นี่ยังไม่มีมารยาทและไม่รู้จักความเป็นมืออาชีพด้วยเหรอ?” เสียงหวานแข็งกร้าวขึ้นประกาศบอกทุกคนพร้อมชูถุงซิปล็อกที่บรรจุก้นบุหรี่โชว์ให้ทุกคนดู
“เจย์เลนใจเย็นก่อนนะ เกิดอะไรขึ้น”
“เย็นไม่ได้ครับพี่กียุล 3,400,000 วอน คือเงินที่เราต้องจ่าย ยังดีที่เจ้าของสถานที่ไม่บวกค่าล่วงเวลาเพิ่มที่เราเบรกแตกกัน ทุกคนก็รู้ว่าสถานะทางการเงินเราไม่ค่อยดี ทำไมไม่ช่วยกันระวังล่ะครับ ใครครับที่เป็นคนทำ บอกผมมาคุณจะรับผิดชอบยังไง”
“เจย์เลนหยุดก่อน นายกำลังใช้อารมณ์” กียุลเตือนเป็นครั้งที่สองเขาดูไม่พอใจอยู่ในทีที่เจย์เลนด่าลูกน้องของเขาอย่างไม่ไว้หน้า
“ใช่ ผมใช้อารมณ์ แล้วลูกน้องพี่ใช้สมองบ้างไหม!”
“เจย์เลน!!!”
“ครับ...” น้ำตาเริ่มคลอจากความน้อยใจที่กียุลตวาดใส่เสียงดัง
“นาย...ไม่มีสิทธิ์มาด่าทีมงานแบบนี้ ถึงเขาจะทำผิด ก็คุยกันด้วยเหตุและผลสิ ไม่ใช่มาใช้อารมณ์แบบนี้”
สิ้นเสียงดุน้ำตาก็ไหลอาบแก้มเจย์เลน แต่ไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาสักแอะเพราะเจ้าของอดกลั้นมันเอาไว้ ดวงตาคู่สวยที่เอ่อด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าพ่อของลูกไม่วาง
“งั้นถ้าผมไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ผมก็ไม่ขออยู่ต่อ ผมลาออก อึ่ก!” ความเจ็บจี๊ดแล่นเข้ามาที่ท้องน้อยโดยไม่รู้สาเหตุแต่นั่นไม่ได้ทำให้เจย์เลนหยุดเดินหนีไปและที่น่าตกใจคือกียุลไม่ได้ตามไปง้อเหมือนอย่างเคย
“ไม่ตามไปวะกียุล”
“ไม่อะพี่ ผมตามใจเขามากไป เขาเลยเป็นแบบนั้น เขาจะไม่เปลี่ยนนิสัยจะอารมณ์ร้อนแบบนั้นไม่ได้ครับ เขาจะเป็นพ่อเป็นแม่คนแล้ว ผมไม่ง้อเขาหรอก ถ้าพี่จะไปพี่ก็ไป ผมจะแก้ปัญหาตรงนี้เอง” กียุลพูดจบก็เดินไปอยู่ท่ามกลางทีมงานทิ้งให้จินกู มองตามแผ่นหลังเขาเท่านั้น
“ใครทำครับ...ผมหวังว่าเราจะไม่ต้องพูดกันเยอะนะ ทุกคนรู้ว่าผมเป็นยังไงใช่ไหม?” สิ้นเสียงทุ้มนุ่มชายคนหนึ่งก็ก้าวเท้าออกมาซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่นินทาเจย์เลนเสีย ๆ หาย ๆ ด้วย
“ผมมีเรื่องคุยกับคุณหลายเรื่องเลยครับ เชิญทางนี้” และกียุลรู้มาโดยตลอดเกี่ยวกับคำนินทาเหล่านั้น นี่จะถือเป็นโอกาสรวบยอดความผิดของชายปากไม่สร้างสรรค์คนนั้น
อีกด้านในเวลาเดียวกัน
“พี่เจย์เลน พี่คะ! หยุดก่อน หยุดเดินก่อนค่ะ” โซฮีตะโกนเรียกแล้ววิ่งไปดักหน้าเพื่อห้ามไม่ให้คนท้องอารมณ์กำลังแปรปรวนขับรถออกไปตอนนี้ทั้งที่ไม่มีสติมากพอ
“เธอจะตามมาทำไม ไปอยู่กับพี่เขาสิ โอกาสเธอมาแล้วเพราะฉันจะไม่มาที่กองนี้อีก” เสียงหวานกระแทกใส่ระคนสั่นเครือจากความน้อยใจส่งผลให้รุ่นน้องถือวิสาสะจูงมือคนท้องเกือบหกเดือนไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้แถวนั้น
“พี่นั่งลงก่อน ค่อย ๆ หายใจค่ะ ฉันจะบอกอะไรให้ฟัง” เจย์เลนนั่งลงตามมีท่าทีต่อต้านเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธจริงจังทำให้เธอต้องรีบพูดเรื่องสำคัญออกไปเพื่อยุติการเข้าใจผิดเสียที ไม่สนแล้วว่ากียุลจะเม้งแตกใส่อย่างไร
“ฉันไม่เคยชอบพี่กียุล ไม่เคยเลย ตั้งแต่พี่อยู่เกรดสิบสองนั่นก็ไม่เคย พี่กียุลก็ไม่ได้ชอบฉันด้วย เขาแค่ขอให้ฉันช่วยเรื่องพี่เพื่อที่พี่จะได้เป็นแฟนกับพี่กียุลในตอนนั้น ส่วนตอนนี้เขาก็ให้ฉันมาช่วยทำให้พี่หึงเขา พี่พอจะเข้าใจทั้งหมดแล้วใช่ไหม ทั้งหมดนี้เป็นแผน สบายใจได้แล้วนะเรื่องนี้” อีโบนีหน้านิ่วคิ้วขมวดกว่าเดิมเสียอีกเมื่อได้ยินความจริงที่ถูกปกปิดมานานความโกรธในเรื่องเมื่อสักครู่ถูกพับเก็บไปชั่วคราวเลยทีเดียว
“จะให้เชื่อเหรอ?”
“เชื่อเถอะ ว่าพี่กียุลคิดแผนนี้ขึ้นมาจริง ๆ พี่น่ะขี้หึง ปากแข็ง พอมีฉันพี่ก็แสดงตัวตนของพี่ออกมาจริงไหมล่ะ พอเห็นฉันพี่ก็แสดงตัวว่ารักพี่กียุล” จะปฏิเสธก็คงไม่ได้หลักฐานมันชัดเจนเลยพยักหน้าตอบรับไปเนือย ๆ หนึ่งนาทีสี่ห้าอารมณ์ไปเลยสิอีโบนีหน้าสวยไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับอารมณ์คนท้องของตัวเอง เลยผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ ควบคุมสติโดยมีรุ่นน้องให้กำลังใจอยู่เงียบ ๆ
“พี่ขอโทษแล้วกันนะที่พูดแบบนั้นใส่”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ ฉันเข้าใจมาก ๆ”
“อยู่นี่เองเจย์เลน” เป็นจินกูที่เดินมาเจอและกล่าวทัก เขาตั้งใจมาทำให้รุ่นน้องใจเย็นลงแต่ดูเหมือนจะไม่ต้องแล้ว
“ผมคงมาที่กองถ่ายไม่ได้แล้วล่ะครับ ขอโทษพี่ด้วยนะครับ แต่ผมรู้สึกเป็นส่วนเกิน” เสียงหวานเอ่ยเรียบนิ่งเขานิ่วหน้าเล็กน้อยจากความเจ็บในท้องซ้ำยังรู้สึกเวียนหัว เมื่อจินกูได้ยินดังกล่าวก็รีบนั่งลงคุยด้วยท่าทีจริงจังมากขึ้น
“นายใจร้อนเกินไปนะ ขอโทษที่พี่ต้องพูดตรง ๆ แต่พี่หวังดี” เสียงหวานรีบแก้ต่างให้ตัวเองทันทีหลังฟังคำรุ่นพี่จบ “พี่รู้ไหมว่าเจ้าของสถานที่เขาพูดกับผมว่ายังไง เขาบอกว่าเราไม่เป็นมืออาชีพ มันส่งผลเสียกับชื่อเสียงบริษัทกับ
หนังของเรานะครับ” เจย์เลนรู้ถึงผลกระทบดีหากชื่อเสียงด้านลบนี้แพร่ออกไปวันข้างหน้าไปที่ไหนก็จะไม่มีใครต้อนรับ จะหาสถานที่ถ่ายทำยาก กียุลจะเป็นคนที่โดนด่าคนแรกด้วยซึ่งเขายอมไม่ได้เลยเดือดดาลไปขนาดนั้น
“พี่เข้าใจแล้ว แต่นายต้องเข้าใจนะว่า กียุลคือหัวหน้า เป็นเจ้าของบริษัท นายจะทำข้ามหน้ากียุลแบบนั้นไม่ได้ ทีมงานทุกคนเป็นลูกน้องของกียุล เป็นลูกน้องของพี่ที่เป็นโปรดิวเซอร์และหุ้นส่วนบริษัท ถ้าจะมีอะไรต้องตำหนิพี่สองคนต้องเป็นคนตำหนิลูกน้อง” พี่ใหญ่ไม่พูดต่อแต่ปล่อยให้รุ่นน้องได้คิดทบทวนเองว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกหรือไม่ซึ่งเจย์เลนก็เข้าใจได้ในทันทีเมื่อใจเย็นลงก็พบว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
“นายไม่กลับเข้าไปตอนนี้ก็ได้ แต่นายต้องมาทำงานในวันพรุ่งนี้นะ ถ้าไหว วันนี้กลับไปพักก่อนพี่จะให้โซฮีไปส่ง พี่ต้องไปจัดการข้างในแล้ว ดูแลตัวเองกับหลานพี่ดี ๆ นะ”
“แล้วพี่กียุลเขา...”
“เดี๋ยวพี่คุยให้ นายสบายใจเถอะ ไปพักผ่อน โซฮีขับรถไปส่งเจย์เลนนะอยู่เป็นเพื่อนกันไปเลย ไม่ต้องห่วงทางนี้กัน พี่ฝากด้วยนะโซฮี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรีบโทรหาพี่นะ”
เวลาล่วงเลยมายามที่พระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าด้านนอกที่เคยสว่างก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดมิด โซฮีได้พาเจย์เลนมาถึงที่บาร์นเฮาส์เป็นที่เรียบร้อย
“พี่อยากกินอะไรคะ ฉันจะทำให้”
“ขอนมสักแก้วพี่ยังไม่อยากกินอะไร พี่เวียนหัว คลื่นไส้ด้วย พี่ขอนอนพักก่อนนะ เธอจะไปทำอะไรก็ไปเถอะพี่อยู่ได้” ร่างเล็กของผู้ชายพาตัวเองไปนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่นก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างที่บอก วันนี้เขาเหนื่อยล้ามากรู้สึกไม่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ หากเขาไหวเขาคงจะขับรถกลับโซลเลยไม่กล้าอยู่สู้หน้าเจอกียุลหรอกแต่นี่เขาไม่ไหวที่จะกลับไปก็เลยต้องมาเป็นกังวลเครียดอยู่แบบนี้
ทันทีที่ความมืดมิดมาเยือนเมื่อเปลือกตาปิดสนิทเจย์เลนก็ยืนอยู่ระหว่างเส้นแบ่งเขตของความจริงและความฝัน ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตาที่ไม่มีทางออกคนท้องยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพังด้วยความสับสน หันซ้ายแลขวาก็ไม่พบสิ่งใดหรือใครทั้งสิ้น
“เฮ้!! ที่นี่ที่ไหน” เจย์เลนถามทั้งที่ไม่เห็นใครในห้องนี้
“มาขังฉันไว้ทำไม”
“นายต่างหากที่กักขังฉันให้ฉันอยู่ในโลกบ้า ๆ นี่ แล้วนายก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในโลกนั้น”
“เสียงใครน่ะ!” ความตื่นกลัวทำให้บุคคลที่เฝ้ามองอยู่นั้นได้ใจ
“เสียงคนที่โชคร้ายต้องมารับความทุกข์แทนนายไงเจย์เลน นายคู่ควรที่จะมีความสุขตรงไหนฉันไม่เข้าใจ แค่เพียงฉันเลือกอีกทางที่คิดว่ามีความสุขแต่ทำไมถึงกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้” น้ำเสียงที่ดังกังวานสะท้อนอยู่ในห้องมันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองปนความโศกเศร้า
“พูดเรื่องอะไร ฉันไปทำอะไรให้”
“เพระนายเลือกทางนั้นไง นายไม่แต่งงานกับพี่กียุล!!” สายลมรุนแรงพัดเข้ามาเฉียดร่างกายจนเซราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นผลักเจย์เลนหวังจะให้ล้มลงแต่ดีที่เขาทรงตัวไว้ได้พร้อมกับโอบกอดท้องของตัวเองไว้แน่นเพื่อปกป้องลูกด้วยสัญชาตญาณ
“แต่งหรือไม่แต่งมันเกี่ยวอะไรด้วย”
“นายทำให้ฉันเผชิญกับฝันร้าย ตายซะเถอะ! แล้วคืนพี่กียุลคนที่แสนดีของฉันมา!! อ๊ากกกกก!!”
“อ๊ากกกกก อย่าเข้ามานะ!!!”
เฮือก!!!
หัวใจสูบฉีบเลือดอย่างหนักราวกลองชุดที่ถูกตีระรัวเมื่อตื่นจากฝันร้ายก่อนคนท้องจะร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวหันไปก็ไม่พบใครให้พึ่งพิงเลย โซฮีก็ขึ้นไปทำธุระส่วนตัวที่ชั้นบน เจย์เลนรู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน
“ฮืออออ ลิตเติ้ลเบบี๋ของแด๊ด อยู่เป็นเพื่อนกันนะครับ ฮึก ฮือออ”
ตุบ ๆ ตุบ ๆ
“หือ? นั่นหนูเหรอ หนูดิ้นเหรอตัวเล็ก” น้ำตาพลันเหือดแห้งไปมีเพียงรอยยิ้มผุดขึ้นมาแทน มือเล็กรีบเปิดเสื้อฮู้ดตัวใหญ่ของตัวเองออกดึงกางเกงวอร์มขอบยืดลงเผยให้เห็นหน้าท้องกลมที่ตอนนี้มีจุดเล็ก ๆ นูนขึ้นมาให้รู้สึกตึงหน้าท้องเล็กน้อยไม่ถึงกับเป็นความเจ็บปวด
“ขยับอีกสิครับ ได้ยินแด๊ดไหม โอ๊ะ ฮ่า ๆ ๆ ได้ยินเสียงเหรอครับ ฉลาดจริง ๆ นะตัวแค่นี้ ขอบคุณที่ออกมาปลอบแด๊ดนะ แด๊ดรักหนูนะครับ” ฝ่ามือลูบไล้หน้าท้องตัวเองแผ่วเบาประกอบการคุยกับลูกน้อยที่ตอนนี้มีพัฒนาการขึ้นมาก
“หนูหิวหรือยังนะ แด๊ดจะไปหาอะไรให้กินนะครับ เดี๋ยวป๊ะป๋าก็กลับมาแล้วน้า แด๊ดจะบอกว่าหนูเป็นเด็กดีออกมาอยู่เป็นเพื่อนแด๊ดด้วย หึหึหึ” ในตอนที่ยิ้มอยู่พอนึกถึงพ่อของลูกก็หน้าสลดขึ้นมา นึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำเรื่องไม่น่ารักเอาไว้
“แต่ไม่รู้ว่าคุณป๋าเขาจะยังรักแด๊ดอยู่ไหมนะครับ แด๊ดทำตัวไม่น่ารักให้คุณป๋าไม่สบายใจ แด๊ดรักใครก็ทำให้เขาเจ็บปวดไปหมดเลย แด๊ดถึงได้อยู่คนเดียวมาตลอด จนมามีหนูกับป๊ะป๋าเข้ามาในชีวิต แด๊ดมีความสุขมากเลยรู้ไหมครับ”
เจย์เลนคุยกับลูกอยู่นานสองนาน หัวเราะสลับกับร้องไห้อยู่คนเดียวกระทั่งหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ โซฮีมาดูเพื่อที่จะเรียกให้ทานข้าวก็ไม่กล้าเพราะเจย์เลนดูเหนื่อยล้าและเธอก็ไม่มีแรงมากพอจะอุ้มคนท้องขึ้นไปนอนดี ๆ ที่ห้องนอนชั้นบน จึงต้องปล่อยให้นอนอยู่ที่โซฟาอยู่อย่างนั้นและเมื่อสี่ทุ่มถึงเวลาที่ทีมงานกำลังทยอยกลับมาหลังจากเลิกกองมลพิษทางเสียงก็เริ่มเข้ามาแต่คนท้องที่นอนเปิดท้องป่องอยู่ก็ไม่ได้ตื่น
“ไม่เข้าไปกันล่ะครับ”
“เอ่อ คือ...ผู้ช่วย...” กียุลขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองตามทีมงานที่ไม่กล้าเข้าไปในบ้าน
“เข้ามาเถอะครับ แต่รบกวนเสียงเบากันหน่อย เขาเหนื่อยมากน่ะครับ” ผู้กำกับเปิดประตูให้ทีมงานที่ถือของอยู่เข้าไปก่อนจะเดินตามหลังตรงไปหาแม่ของลูกที่หลับไม่รู้เรื่อง
“อ่า...ทำไมไม่ใส่เสื้อให้มันดี ๆ นะ” มือหนาจับเสื้อที่เปิดอยู่ให้ปิดลงพลางคิ้วขมวดไม่สบอารมณ์เขาจะทำยังไงกับคนดื้อดีกียุลคิดหนัก
“ปลุกน้องขึ้นไปนอนข้างบนไป เดี๋ยวทีมงานมากันหมดจะเสียงดังกว่านี้ตื่นมาจะหงุดหงิด” ฮิปนอสหน้าหล่อ
เท้าเอวมองอีโบนีไม่รู้จะเอายังไงดีงอนคนน้องอยู่ก็งอนนะ แต่จะให้ปลุกก็สงสารเพราะเจย์เลนดูเหนื่อยมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจอุ้มแม่ของลูกขึ้นไปนอนบนห้องนอนของพวกเขาเอง
“ระวังนะ อุ้มดี ๆ จะหกเดือนแล้วมาอุ้มงั้นได้ไง ไอ้หมอนี่ โอ๊ยยย ฉันอยากจะบ้า” จินกูอยากจะด่าให้ลั่นแต่ทำไม่ได้ทำได้แค่ทำท่าทางชี้นิ้วด่าเบา ๆ กับการกระทำของกียุลที่กล้าอุ้มเมียท้องห้าเดือนขึ้นไปชั้นบนอย่างนั้น
เขาวางร่างเล็กที่หนักอึ้งลงเตียงนอนแสนนุ่มแล้วหันหลังให้หมายจะไปชำระล้างร่างกาย วันนี้ปัญหาเยอะจนเขาอยากจะเอาหัวไปไว้บนหมอนให้เร็วที่สุด
“โอ๊ะ อื้ออ ตัวเล็กอย่าเตะกันสิครับ แด๊ดเจ็บนิด ๆ แล้วนะเนี่ย ฮืออ นอนซะนะ แด๊ดง่วงแล้ว เดี๋ยวคุณป๋าก็มาแล้วนะ แจ๊บ ๆ” ร่างสูงหันขวับไปมองว่าเจย์เลนคุยกับใครก่อนจะตาลุกวาวรีบเข้าไปหาคนที่หลับต่อไปไม่รู้สถานการณ์
“ขยับตัวอีกแล้วเหรอครับ ป๋าขอดูอีกทีได้ไหม แต่อย่าทำแด๊ดเขาแรงนะ” รอยเท้าเล็ก ๆ ที่นูนออกมาทำให้ขอบตาเขาร้อนผ่าวจะร้องไห้ให้ได้เพราะความตื้นตัน
“เก่งมากครับ ตัวเล็กของป๋า ดูแลแด๊ดช่วยป๋าด้วยนะครับ รู้ไหม แด๊ดเขาดื้อมาก”
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะและหอมหน้าผากได้รูปอยู่ดี วันนี้เขาเองก็ใช้อารมณ์ใส่เจย์เลน กียุลรู้สึกผิดไม่น้อยจะอ้างว่าเครียดเรื่องงานก็ไม่ดีเขาไม่ควรเอาพลังงานด้านลบไปสาดใส่คนท้องอย่างนั้น ฮิปนอสห่วงความรู้สึกของทีมงานมากกว่าคนอุ้มท้องลูกตัวเองมันถูกที่ไหน ถึงอย่างไรเจย์เลนก็ทำไม่ถูกอยู่ดีความใจร้อนคือสิ่งที่เจย์เลนต้องปรับลดลง
“พี่ขอโทษนะ โปรดเข้าใจพี่ด้วย พี่ทำเพื่อนายกับลูก”
จุมพิตอุ่นประทับที่ริมฝีปากอวบอิ่มแผ่วเบาก่อนผู้กระทำจะลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัว ทิ้งความอบอุ่นนั้นไว้ให้อีกคนที่หลับปุ๋ยฉีกยิ้มจางอยู่ราวกับกำลังฝันดี
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป...
จะว่าพี่กียุลใจร้ายกับน้องก็ไม่เต็มปากเพราะน้องดื้อ แต่อย่างอน้องเจยืนานเลยนะคะพี่สงสารน้อง
น้องท้องอยู่แงงงงงง ตอนหน้าต้องดีกันนะคะ
มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม
รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ
ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก
1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ
จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ
ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ
วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)
ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!
สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน