10 ตอน ฉากที่ 10 วิญญาณดวงหนึ่งหลงทาง
โดย swaggirlleb
ฉากที่ 10
วิญญาณดวงหนึ่งหลงทาง
อันตรายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเจย์เลนสาเหตุจะมาจากอะไรกันแน่ วันนี้เราอาจได้คำตอบเพราะคังจุนได้ติดต่อคนสำคัญไว้ คอนเน็กชันนี้ได้มาจากกรมทหารเลยนะ ตอนเขาสมัครเข้าไปรับใช้ชาติก็ตัดสินใจอยู่นาน ทว่าทนหลายเหตุผลที่ผลักให้เขาเข้าไปไม่ไหวจึงได้ใช้ที่นั่นเป็นที่พักใจเป็นทหารอยู่สองปีเต็ม
ชายร่างสูงหุ่นล่ำแก้มมีลักยิ้มยืนอยู่หน้าแท่นศิลาสีขาวที่สลักชื่อคนในความทรงจำไว้ด้วยท่าทีเรียบเฉย ทว่าภายในหัวใจจมดิ่งลงเรื่อย ๆ ไปในอ่างน้ำเย็นเฉียบส่งผลให้คนที่มาด้วยเจ็บปวดไปในคราวเดียวกัน
“ขอโทษที่ไม่ได้มาหาเลยนะ ช่วงนี้งานพี่เยอะมากเลย วันนี้พี่เอาดอกไลแลคสีม่วงมาให้ หวังว่านายจะชอบ รู้ใช่ไหมว่าพี่คิดถึง...อย่าน้อยใจพี่นะ ไว้พี่จะหาโอกาสมาอีกบ่อย ๆ” เขาแสดงสีหน้าขมขื่นอมทุกข์แต่ก็ยิ้มให้กับหลุมฝังศพ
สะอาดสะอ้านตรงหน้าราวพยายามจะทำให้ดวงวิญญาณสบายใจไม่เป็นห่วงพี่ชาย
“พ่อครับ แม่ครับ คิดถึงนะครับ” เขาพูดกับหลุมฝังศพที่อยู่ใกล้ ๆ กัน จินกูอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะไหล่หนาของคนที่สูงกว่าเขาไม่กี่เซนติเมตร ลักยิ้มบุ๋มลงเมื่อหันไปหาชายร่างเพรียวข้างตัวเพื่อเป็นการบอกว่าเขานั้นไม่เป็นอะไร
ทั้งสองเดินออกจากสถานที่แห่งความสงบก่อนจะขึ้นรถไปด้วยกัน พวกเขาต้องเข้าไปในโซลเพื่อพบเจอกับคนสำคัญที่นัดไว้ กว่าจะลงตัวเรื่องเวลาไม่ใช่เรื่องง่าย ทหารจะมีวันหยุดที่ตายตัวก็จริงแต่มันไม่ใช่สำหรับหน่วยรบพิเศษ
“นายโอเคใช่ไหมคังจุน” จินกูถามพลางมองทางด้านหน้าเพราะเขารับบทสารถี
“สบายครับ ผมดูแย่เหรอ?”
“มาก”
“แล้วถามจี้ปมทำไมล่ะครับ อยากให้ร้องไห้หรือไง อย่างผมมาร้องไห้เหมือนเด็กน่าเกลียดจะตาย ฮ่า ๆ”
“ร้องมันออกมาบ้างก็ได้นะ พี่ไม่ล้อนายหรอก”
“อยู่กันสองคนผมบอกว่าไงครับ อย่าแทนตัวเองว่าพี่กับผมน่า”
“อะ อะ อะไร ทำไมมองงั้น ขนลุก”
“แวะโรงแรมข้างหน้าหน่อยสิครับ ผมจะลงโทษ...ตามที่ตกลงกันไว้”
“แวะทำไมไอ้บ้านี่! เมื่อคืนก็พึ่งทำกันไป จะมาทำตอนนี้อีกเหรอ เรามีเรื่องต้องไปทำเยอะนะวันนี้ ไอ้บ้ากาม เซ็กส์จัดเอ๊ย นี่ยังระบมอยู่เลยนะ จะเอาอีกแล้ว!” จินกูบ่นเป็นหมีกินผึ้ง บ่นจริงจังไม่พักทั้งที่คังจุนแค่หยอกเย้าเล่นตามประสา
“อยากจะให้หลุดแบบนี้ตอนเราอยู่ในกองจังเลย”
“ฉันไม่หลุดหรอก แล้วยิ้มทำไม?”
“มองแฟนแล้วยิ้มมันแปลกเหรอครับ?”
“O_O” จู่ ๆ ใบหูของคนฟังก็ร้อนขึ้นมาจนเจ้าตัวคิดว่าตอนนี้มันต้องแดงแจ๋จนโดนจับได้แล้วแน่ว่าเขิน
“หึ หูแดง” คนตัวใหญ่จงใจพูดแซว ท่าทีก็ยียวนกวนบาทาเสียจนต้องปี๊ดขึ้นมากลบเกลื่อนความเขิน
“แดงแล้วมันทำไม อากาศหนาวมันก็แดงปะ มาหง มาหึ อะไร ปัญญาอ่อน”
“มนุษย์เมียเป็นงี้ทุกคนปะวะ”
“เพียะ! เพียะ! ทำไม? แฟนเก่านายก็เป็นแบบฉันเหรอ?”
“พูดไปนั่น” เขาลูบแขนตัวเองปอย ๆ แรงแค่นี้ไม่ได้ทำให้เจ็บหรอกแค่คัน
“แล้วมันใช่ไหมเล่าฮะ?!”
“ขี้หึง ขี้โวยวาย ขี้จัดแจง สเป็กเลยครับ” มือที่ง้างขึ้นหมายจะทุบหยุดลงกลางอากาศก่อนจะประคองพวงมาลัยรถตามเดิม ประโยคสุดท้ายช่วยชีวิตคังจุนไว้
“อารมณ์นี่เอาใจยากเหมือนเจย์เลนเลย ท้องปะเนี่ย ผมกำลังจะเป็นพ่อคนปะ” จินกูหันไปมองคนข้างตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วเอ่ยว่า
“ในท้องฉันตอนนี้นะ...มีแต่เบอร์เกอร์”
“ฮ่า ฮ่า ตลกแล้วครับ เมื่อคืนผมปล่อยลูก ๆ ของผมใส่จินนี่ไปตั้งเยอะ” สายตายั่วเย้าส่งไปพลางเคลื่อนใบหน้าหล่อเข้าหาหมายจะหอมแก้มสักทีแต่โดนมือเรียวดันออกไปจนหน้ายู่
“เลิกพูดจาลามกซะ แล้วโทรหากียุลสิ มันอยู่ไหนแล้ว เราจะถึงกันแล้วนะ”
“ขอในรถสักยกแล้วค่อยไปต่อกันไหมครับ เวลาจินนี่ของผมจริงจัง...มันเซ็กซี่มากเลย” คังจุนไม่ยอมแพ้ยังคงแกล้งอยู่แต่ถ้าได้อย่างที่ขอเขาก็พร้อมเอาจริง
“ไม่อยากแก่ตาย?”
รักชีวิตอย่าคิดขัดใจเมียนั่นคือคำที่กียุลบอกคังจุนไว้เสมอ แล้วมันก็ใช้ได้จริง...
Chill Coffee Bar
ประตูทางเข้าของชิลคอฟฟีบาร์เป็นประตูไม้บานใหญ่ มีหลังคาแบบญี่ปุ่นโบราณมุงไว้ส่วนรอบข้างเป็นกำแพงสูงดูมิดชิด พื้นที่โดยรอบสะอาดสะอ้านเป็นส่วนตัวเหมาะกับการคุยเรื่องราวสำคัญ ทั้งสองมาถึงจุดหมายก่อนเวลาและถูกพนักงานเชิญมานั่งที่ศาลาซึ่งมีทิวทัศน์เป็นสวนในแบบของญี่ปุ่นมีทะเลสาบล้อมรอบ
“บาร์ลับจริงด้วยครับ สงบมากเลย ไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ในโซล” มนุษย์หุ่นหมีเอ่ยพลางกวาดสายตามองโดยรอบอย่างตื่นตะลึงในความงดงามประหนึ่งว่าเขาได้หลุดมาอยู่ในอีกโลกที่ตอนนี้หาสัมผัสได้ยาก
“นี่ไม่ใช่ของจริงคังจุน ตอนนี้เราอาจจะนั่งอยู่ที่ริมถนนอยู่ก็ได้ นี่มันภาพลวงตาเทคโนโลยีสร้างที่นี่ขึ้นมาทั้งหมดเลย น่าทึ่งใช่ไหม ฉันมาเจอที่นี่เพราะลูกค้า ตอนปิดดีลโฆษณา”
“อัตราคนตกงานคงเพิ่มสูงขึ้นอีกแน่ ถ้าเทคโนโลยีจะพัฒนาเร็วขนาดนี้”
“ทุกอย่างมันก็มีทั้งดีและเสียแหละ เกิดเป็นคนก็ต้องดิ้นรนกันไปจนกว่าจะตาย”
เป็นความจริงเลยทีเดียวคังจุนพยักหน้าเห็นด้วยทุกประการ จากนั้นไม่นานกาแฟที่สั่งไว้ตั้งแต่อยู่หน้าร้านก็มาเสิร์ฟให้หลังไม่กี่นาทีบุคคลที่รอคอยก็มาถึงเช่นกัน
“เฮ้! กียุล ทางนี้” จินกูยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้รุ่นน้องรับรู้ ผู้กำกับยกมือขึ้นทักทายตอบสนองแล้วก้าวเดินมาด้วยมาดหล่อโดดเด่นราวกับดารา แว่นตาสีชาถูกถอดออกแล้วห้อยไว้ที่คอเสื้อเชิ้ตสีดำ เขาก้าวเดินไม่กี่ก้าวขายาวก็พาเข้ามาถึงที่นั่งบนศาลาดีไซน์ย้อนยุคตามแบบฉบับญี่ปุ่น
“ที่นี่สวยดีนะพี่ แล้วคนที่นัดไว้ยังไม่มาเหรอครับ นึกว่าทหารจะตรงเวลา”
“เอาน่านั่งก่อน ๆ ใจเย็น ๆ แล้วนี่หลบเจย์เลนมายังไง”
“น้องงอนผมอยู่จะมาสนใจอะไรผมล่ะครับ” ร่างสูงว่าก่อนจะนั่งลงข้างรุ่นพี่สีหน้าร้อนใจ
“ก็หาเรื่องเองนี่หว่า ไอ้ทึ่มเอ๊ย” โดนคังจุนด่ารอบที่ล้านได้แล้วกับเรื่องที่ให้โซฮีมาแกล้งทำให้เจย์เลนหึง
“ช่างเรื่องนั้นก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปหาวิธีง้อน้องทีหลัง ตอนนี้ผมเครียดจะบ้าแล้ว อยากรู้ว่าสิ่งที่ตามเจย์เลนคืออะไร จะได้แก้ปัญหาถูก” ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความกังวลเดี๋ยวนั้น เรื่องนี้น่าเป็นห่วงที่สุดเพราะมันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย
“ต้องขอบใจนายมากเลยนะคังจุน ไม่ได้นายฉันบ้าแน่”
“ไม่ต้องขอบใจอะไร เจย์ก็เหมือนน้องชายฉัน จังหวะมันได้พอดีด้วย ฉันพึ่งติดต่อเขาได้ เขาอยู่หน่วยพิเศษไม่ค่อยอยู่โซลไปทั่วโลก เจอตัวยาก”
คล้อยหลังไม่นานนายทหารหนุ่มที่พูดถึงก็เดินเข้ามา การแต่งกายของเขาคล้ายกับว่าออกจากค่ายทหารมาด ๆ ก็ตรงมาที่นี่เลยอย่างไรอย่างนั้น ท่าทางการเดินของเขานั้นหนักแน่น แข็งแกร่งทุกย่างก้าว ร่างกายถูกจัดระเบียบเป็นอย่างดีสมเป็นชายชาติทหารทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อมองเลยไปยังเห็นชายหนุ่มร่างเล็กอีกคนเดินตามมาด้วยใส่ชุดทหารแบก
กระเป๋าเป้มาเหมือนกัน
“สวัสดีครับทุกคน ขอโทษที่ให้รอนะครับ”
พวกเขาทักทายกันตามมารยาทแล้วพึ่งรู้ว่าทหารคนนี้ไม่ใช่คนเกาหลีก็ตอนที่เขาถอดแว่นตาดำออก ใบหน้าของเขาออกไปทางยุโรป ผิวขาว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วเข้ม จมูกโด่ง และสูงราว ๆ 190 เซนติเมตร สูงกว่าพวกเขาทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้โดดห่างกันจนเกินไป
“ทุกคนนี่โรแวนนะครับ เป็นเพื่อนผมตอนอยู่ในค่าย เราได้ฝึกหน่วยพิเศษด้วยกันก็เลยสนิทกัน” ถ้าหากคังจุนเอาดีด้านทหารป่านนี้ก็คงยศสูงลิ่วไปแล้วแต่เขาอยากกลับมาทำงานที่รักมากกว่า จึงไม่ได้เลือกเดินทางสายนั้น
“นี่เฟยลี่เพื่อนผมครับ พวกคุณโอเคไหมถ้าเขาจะอยู่ฟังด้วย หรือให้เขาไปรอข้างนอก?” นายทหารร่างเล็กโค้งร่างกายตามมารยาทอีกครั้งก่อนจะฉีกยิ้มประหม่า ดูแล้วเป็นคนที่ขี้อายน่าดูเพราะไม่ค่อยกล้าสบสายตาใครเสียเท่าไหร่ ดูไม่มีพิษภัยบอบบางแต่แข็งแกร่งอยู่ในทีอย่างประหลาด (ติดตามเรื่องราวของเฟยลี่และโรแวนได้ใน นิยาย Cypher รหัสลับข้ามเวลารัก)
“อยู่ด้วยก็ได้ครับ ไม่เป็นอะไร” จินกูกับคังจุนส่งสายตาถามไปยังกียุลเขาถึงได้ตอบเพราะฮิปนอสคือคนเดียวที่มีสิทธิ์อนุญาตเรื่องนี้
“งั้นเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา แต่ผมคงบอกอะไรมากไม่ได้ ถ้ามันเกี่ยวข้องกับความมั่นคง” โรแวนกล่าวแล้วนั่งลงส่งผลสะท้อนไปยังทุกคนให้นั่งลงตาม แม้ชายชาติทหารจะเอ่ยอย่างนั้นแต่เท่านี้ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว เพราะตามจริงหน้าที่การงานที่เขาทำไม่สามารถแพร่งพรายสิ่งใดเกี่ยวกับรัฐบาลออกมาได้เลย แต่ครั้งนี้เขาจะยอมทำผิดสักนิดเพื่อช่วยเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาจากศูนย์ฝึกทหารหฤโหด
“พูดเกาหลีคล้องมากเลยนะครับ” กียุลเอ่ยชมทะลายความอึดอัดที่โรแวนก่อกำแพงขึ้นกับคนแปลกหน้าอย่าง
พวกเขา
“เป็นลูกครึ่งน่ะครับ เข้าเรื่องเลยสิครับ คุณน่าจะเป็นเพื่อนคนนั้นของคังจุนสินะ สามีของรุ่นน้องเขาใช่ไหม?” ที่เดาได้เพราะกียุลดูกลัดกลุ้มมากที่สุดแม้จะพยายามใจเย็นที่สุดอยู่ก็ตาม
“ครับ ตามที่คังจุนเล่าให้คุณฟังแล้ว ผมอยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ผมเป็นห่วงสามีกับลูกครับ เขาท้องอยู่” บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาถนัดตาเมื่อเริ่มประเด็นการสนทนาแค่คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเจย์เลนอวัยวะภายในก็บิดเขม็งเกลียว ซ้ำร้ายฮิปนอสยังไม่ได้พักผ่อนร่างกายจึงประท้วงหนัก
“ก่อนอื่นผมอยากให้ทุกคนตัดเรื่องเหนือธรรมชาติออกไปก่อนเลยนะครับ ไม่ว่าจะผีหรือด็อพเพิลเก็งเกอร์อะไรนั่นมันไม่ใช่ ทุกอย่างมีเหตุผลมารองรับกับเรื่องนี้ครับ” น้ำเสียงจริงจังของทหารเอ่ยแล้วกวาดสายตามองทุกคนที่ตั้งใจฟังเขาอยู่ คิ้วผูกเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
“นายบอกได้ไหม ว่ามันคืออะไรกันแน่” คังจุนกล่าวแทนกียุลที่กำลังดำดิ่งในความคิด โรแวนพยักหน้ารับแล้วเริ่มพูดต่อ
“ทุกคนคงได้ยินเรื่องคดีฆาตกรรมฝาแฝดกันมาบ้าง ช่วงนี้มันยังคงเกิดขึ้น แต่ถูกปิดข่าว คดีมันเริ่มใหญ่จนมีหลายหน่วยเข้ามาเกี่ยวข้อง กำลังทำการสืบสวนกันอยู่...” โรแวนชั่งใจเล็กน้อยที่จะพูดประโยคถัดไปแต่สุดท้ายเขาก็ยอมเอ่ยออกมาอยู่ดี
“ความจริงแล้วมันเกิดมาจากการทดลองของรัฐบาลเรื่องประตูข้ามมิติ”
“โปรแกรมที่จะเปิดให้ทดลองใช้เร็ว ๆ นี้น่ะเหรอ ที่ว่าจะพาไปมัลติเวิร์สได้”
โรแวนพยักหน้ารับสิ่งที่คังจุนกล่าว เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวที่ว่าออกมาและเจ้าของลักยิ้มจำได้พอดี ไม่น่าเชื่อว่าจะเกี่ยวข้องกัน
“สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงก็คือเวลา แม้ทำการทดลองหลายครั้งก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ สิ่งมีชีวิตนอกโลกมีหลากหลาย มันเลยมีหลายสาเหตุที่เป็นไปได้”
“ช่วยพูดตรง ๆ เลยได้ไหมครับ คุณกำลังจะบอกอะไรพวกเรากันแน่” จินกูทักท้วงขึ้นมาด้วยความไม่มั่นใจ
“ที่ผมจะบอกก็คือ...โลกที่เราอยู่ไม่ใช่เอกพจน์แต่เป็นพหูพจน์ มันเป็นพหุจักรวาล หลายโลกเกิดขึ้นและดับไปตลอดเวลา เราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียว” เรื่องนี้พวกเขาพอจะรู้ ยุคนี้เทคโนโลยีมันไปไกลมากแล้วไม่ได้ไกลตัวจนทำให้ตกใจ ทว่าประโยคต่อมานี่สิที่ทำให้พวกเขาตกใจคล้ายมีใครมากดปุ่มพอสที่สมองพวกเขาเอาไว้
“ทุกการตัดสินใจของเราที่เกิดขึ้น ทำให้โลกหนึ่งปรากฏขึ้นมา เพื่อเดินบนเส้นทางขนานไปด้วยกันกับเรา” โรแวนบอกสิ่งที่รู้ได้จากการเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม
“...”
“...”
“...”
เกิดความเงียบไปพักใหญ่เพราะไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่โรแวนพูด ซ้ำยังสับสนว่าจะรู้สึกอะไรก่อนดีระหว่างตกใจกับงุนงง
“นายจะบอกว่าถ้าการตัดสินใจนั้นของเรามันเกิดผลดี ก็หมายความว่าอีกการตัดสินใจนั้นจะเกิดผลร้าย ตัวเราในโลกนั้นก็จะเผชิญเรื่องเลวร้ายแทนเราใช่ไหมโรแวน” คังจุนเริ่มจับต้นชนปลายถูกหลังจากเงียบไปนาน ปริญญาเอกในมือ
การันตีได้เลยว่าเขาคิดถูกและมันเป็นเช่นนั้นเขาคิดไม่ผิด ในขณะที่ในใจกียุลมีคำถามมากมายเกิดขึ้น…
โรแวนกับคังจุนกำลังจะบอกเขาว่าตัวเจย์เลนในอีกโลกคือบุคคลที่หมายจะทำร้ายเจย์เลนของเขา?
แล้วการตัดสินใจไหน ทำให้เกิดทางเลือกที่แตกออกไปได้ล่ะ?
หรือว่าจะเป็นตอนที่เขาขอคนน้องแต่งงาน...
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะน้องปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขา เมื่อ 7 ปีก่อน อย่างนั้นหรือ?
ถ้าหากเป็นอย่างนั้นเจย์เลนจะโดนตามรังควานได้อย่างไร ในเมื่อทางที่เลือกไม่ได้ทำให้มีความสุขเลย เห็นกันอยู่ชัดเจนว่าน้องเป็นทุกข์มากขนาดไหนกับเจ็ดปีที่ผ่านมา ทรมานไม่ต่างจากเขาเลย
ทั้งสองคนไม่ได้แต่งงานกัน ซึ่งเป็นไปได้แน่นอนว่า ในอีกโลกพวกเขาได้แต่งงานกัน แล้วมันไม่ดีอย่างไร?
“เจย์เลนถูกตัวเองในอีกโลกจะเอาชีวิต? ได้ยังไง? แล้วทำไมมันถึงทำไม่ได้ ก็แค่ข้ามมิติมาเลยสิ” จินกูงงกว่าใครเพื่อน สมองเรียงลำดับช้ากว่าทุกคนแต่ก็พอจะปะติดปะต่อได้ในที่สุด
“อย่างที่ผมบอกไป สิ่งมีชีวิตนอกโลกมีหลากหลาย เราไม่สามารถรู้ถึงเหตุผลทั้งหมดได้ เทคโนโลยีทางนั้นอาจยังวิวัฒนาการไม่มากพอที่จะทำให้ข้ามมิติมาได้ มันเป็นไปได้หมด” โรแวนปิดบังข้อมูลบางส่วนไว้ในเรื่องของคดีฆาตกรรมที่ตอนนี้กำลังวุ่นวาย หากจินตนาการไม่ออกลองคิดดูสิว่ากำลังมีคนคลั่งข้ามมิติตามหาตัวเองแล้วฆ่าตัวเองในทุกโลกทิ้ง เพื่อเป็นหนึ่งเดียวในโลกนี้มันจะบ้าขนาดไหน หนำซ้ำมันยังมีกันเป็นองค์กร เรื่องนี้หากประชาชนรู้ได้แตกตื่นเกิดจลาจลแน่ “ทำไงถึงจะสื่อสารกับคนทางนั้นได้ครับ จะช่วยเจย์เลนยังไง คุณช่วยพวกเราได้ไหมครับ ได้โปรด” กียุลขอร้องอย่างหมดหนทาง น้ำเสียงเขาขึ้นจมูกขณะพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
“เรื่องนี้ผมช่วยไม่ได้จริง ๆ เสียใจด้วย ผมก็อยากจะช่วยนะ” สุดท้ายหยาดน้ำตาอัดแน่นไปด้วยความขุ่นเคืองก็หลั่งไหล กียุลสิ้นหวังที่จะช่วยเจย์เลนและโกรธคนจากอีกโลกที่ทำกับคนรักเขาแบบนี้ ดวงตาโชนไปด้วยความเดือดดาลทุกขณะ คิดแล้วคิดอีกว่าจะทำอย่างไร
“เราใช้โปรแกรมที่รัฐกำลังจะเปิดให้ใช้ ข้ามมิติไปคุยกับเขาได้ไหมครับ” กียุลคิดออกแค่ทางนี้
“ค่าใช้จ่ายมันสูงมาก แล้วก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่ามันปลอดภัย คุณมีสามีและลูก ผมไม่แนะนำให้เสี่ยงใช้วิธีนี้นะ คุณตายได้หรืออาจหลุดไปในโลกไหนก็ไม่รู้แล้วกลับมาไม่ได้” หมดหนทางอย่างแท้จริง กียุลพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อกลั้นน้ำตาไว้โชคร้ายที่มันไม่ยอมหยุดไหล
“แต่ว่าคุณคือคนเดียวที่ช่วยคุณเจย์เลนไว้ได้ใช่ไหมครับ บางทีคุณอาจมีความสำคัญต่อคนจากอีกโลก จนเขาไม่คิดทำร้ายคุณที่เข้ามาช่วยคุณเจย์เลน ไม่เหมือนคนอื่นที่มักจะโดนลูกหลงไปด้วยตอนเข้าไปช่วย”
ได้ยินแบบนี้แล้วปริศนาก็กระจ่างขึ้นมาทันที ไขข้อสงสัยได้แล้วว่าทำไมกียุลถึงช่วยชีวิตเจย์เลนไว้ได้โดยที่ไม่เป็นอะไรอยู่คนเดียว ฮิปนอสพ่นลมหายใจยาวราวกับหลุดพ้นน้ำตาพลันเหือดแห้งและรู้สึกขอบคุณนายทหารมากที่ทำให้ฉุกคิดเรื่องนี้จำได้ขึ้นมาเลยว่าเขาเคยได้ยินเสียงแว่วแปลก ๆ เขาได้คลายความกังวลใจไปได้เปลาะหนึ่ง เมื่อเจอวิธีช่วย
เจย์เลนได้อย่างแน่นอนแล้ววิธีหนึ่ง นั่นคือตราบใดที่เขาอยู่กับเจย์เลนหมายความว่าน้องจะปลอดภัย...
ช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นผ่านไป โดยที่ไม่มีบทสรุปของการแก้ปัญหานอกจากกียุลต้องอยู่กับเจย์เลนเพื่อกันภัย พวกเขาต้องงมเข็มในมหาสมุทรกันต่อไปและช่วยกันดูแลเจย์เลนให้มากขึ้น กียุล จินกู คังจุน กำลังเดินทางกลับไปที่แดกู ทว่า
ผู้กำกับขอแวะซื้อของไปฝากเจย์เลนเสียก่อน ปล่อยให้สองคนนั้นกลับไปด้วยกัน
“กลับพร้อมกันนี่แหละ ไปเยี่ยมซีคมันด้วยกันหน่อยไหมล่ะ”
“ผมต้องไปดูอุปกรณ์กล้องน่ะสิครับ เรียวตะมันรออยู่” กียุลบอกจินกูพลางรับขวดนมสดแต่งกลิ่นกาแฟกับสารพัดขนมที่ดีต่อสุขภาพมาจากพนักงาน ทั้งหมดนี่ของเจย์เลนเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่วายลืมลูกน้องเขาสั่งเพิ่มเพื่อเผื่อแผ่ทุกคน
“หมอนี่มันจะขุนลูกขุนเมียให้อ้วนเป็นหมูเลยมั้ง” คังจุนกวนเบื้องล่างพลางวาดแขนกอดคอจินกูอย่างเคยชิน
“เอาเวลากวนตีนมาช่วยกันบังคับให้เมียฉันกินของดีมีประโยชน์เถอะ โคตรดื้อ กินแต่กาแฟกับฟาสต์ฟู้ด”
“มันติดกาแฟก็เพราะนายนั่นแหละ บ่นไปก็เข้าตัว”
“แต่ฟาสต์ฟู้ด พี่จินกูให้ท้ายเจย์เลนกินนะ”
“อ้าว แวะมาหาฉันแล้ว ไปดีกว่าเว้ย”
คุยกันอีกไม่กี่ประโยคก็แยกย้ายกันไป กียุลขับรถขึ้นสู่ทางอากาศมุ่งหน้าไปยังสตูดิโอเช่าอุปกรณ์ถ่ายทำเจ้าประจำที่ทำงานร่วมกันบ่อยครั้งอย่างคุ้นเคย ไม่นานก็ถึงที่หมายเพราะการเดินทางบนอากาศมันรวดเร็วอยู่แล้ว
“โหลพี่ ถึงละดิ มาเลย ด้านในสุดดูเลนส์อยู่”
“อืม กำลังเดินเข้าไป” ผู้กำกับหล่อตัดสายรุ่นน้องเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงแล้วรีบไปก่อนที่เรียวตะจะสร้างปัญหา เขารู้เลยว่าตัวเองกำลังโดนหลอกล่อให้ไปเสียเงินหลายล้านวอน ดีไม่ดีป่านนี้คงเหมากล้องเหมาเลนส์หมดสตูดิโอแล้ว คิดได้แบบนั้นเขายิ่งต้องรีบจ้ำ
“ทางนี้พี่ เลนส์ตัวนี้อย่างจ๊าบ” พี่ชายยังไม่ทันเดินไปถึงตัวเลย น้องชายก็หยิบเลนส์กล้องขนาดยาวเป็นเมตรขึ้นมาอวดด้วยท่าทีเด็กน้อยเห่อของเล่น
“จะเอาเลนส์เทเลโฟโต้ไปถ่ายไรในหนัง จะไปถ่ายเสือเหรอ เก็บเลย แพงจะตายห่า”
“โหพี่ เผื่อได้ใช้”
“เอาแน่นอน ไม่เอาเผื่อ ได้อะไรแล้วบ้าง แล้วไหน Focus puller
ไม่มาเหรอ Gaffer ก็ไม่มา?” กียุลถึงกับถอดแว่นตาออกที่ DP ไม่เอาผู้ช่วยกับทีมงานแผนกไฟมาด้วย“เรื่องนี้ผมก็กำลังจะบอกพี่เลย...เราโดนเทว่ะ คนของไอ้ประธานนั่นแม่งเทียวดึงคนของเราไปแทบหมด แถมใครออกจากทีมเราไปก็ช้อนไว้เลย”
กียุลได้แต่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกยาวอย่างเซ็ง ๆ เพราะทำอะไรไม่ได้แต่นี่เขาต้องแก้ปัญหาอีกแล้วสินะ หาคนเพิ่ม ทีมกล้องสำคัญมากทีมต้องแน่นไม่งั้นการทำงานจะล่าช้า
“แต่ผมแก้ปัญหาให้พี่ละ ไม่ต้องห่วง เพื่อนผมคนไทยสองคนจะมาช่วย ชื่อบุ๋นกับเนม พี่ก็เคยเห็นมัน ฝืมือสุดยอด”
“อ๋อ จากบริษัททำหนังโป๊อะนะ บริษัทของวาคีณ?”
“ใช่พี่ คนกันเองหมด จะได้ไม่ต้องจูนเยอะ” กียุลวางใจลงได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น พลางเดินล้วงกระเป๋ากางเกงดูเลนส์กล้องมากมายในห้องสี่เหลี่ยม โดยมีรุ่นน้องเดินตามประกบเหมือนลูกชายเดินตามพ่อเพื่ออ้อนขอซื้อของเล่น
“โอเค พรุ่งนี้ให้เขาเข้าไปที่บาร์นเฮาส์ด้วยนะ ไหนได้ไรไปบ้างแล้ว”
“ได้เลนส์ 24-35 มิล เลนส์ 35-70 มิล ผมเอามาละ พี่จะเอาเลนส์14-24 มิล ด้วยปะ ไว้ถ่ายภาพกว้างเท่ ๆ ผมคิดมาแล้วในหัวอย่างสวย”
“เอามาเลย แล้วของทีมไฟที่จะเอาเพิ่มล่ะ พี่เข้าไปดูเมื่อเช้าในห้องเก็บของมีไฟ 2,000 วัตต์อยู่ 2 ตัวเอง”
“ผมว่าจะเอาเพิ่มอีก 2 แล้วก็ใช้ตัวละ 1,000 กับ 800 เอา เช่าถูกกว่าเวลาหลอดไฟแตกจะได้เสียไม่มาก”
หนุ่มหล่อทั้งสองคนเดินดูอุปกรณ์และปรึกษากันอยู่นานสองนานจนบ่ายแก่ถึงได้ออกมาจากสตูดิโอ ระหว่างทาง
กียุลก็พูดเรื่องสำคัญที่ไปคุยกับโรแวนมาในวันนี้ให้เรียวตะฟัง เนื่องจากความสนิทสนมและอยากจะวานขอให้ช่วยเหลือดูแลเจย์เลนด้วย
“ได้ครับพี่ ผมจะเป็นหูเป็นตาให้ แต่พี่เจย์เลนเขาดื้อมากเลยนะครับ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“ดื้อมากเลยแหละ อารมณ์ก็แปรปรวน ถ้าพี่เขาพูดอะไรแรงไปก็อย่าถือสาเลยนะ ยิ่งเป็นเรื่องงานพี่เขาจะจริงจังเป็นพิเศษ แล้วก็เวลาทำงานพี่เขาจะชอบคนว่องไว ตัดสินใจเร็ว ถ้านายช้าโดนด่าแน่ พี่ขอเตือนไว้เลย เจย์เลนด่าเจ็บนะ หึหึ ทำคนร้องไห้มาเยอะแล้ว” เขาส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดูคนที่พูดถึงแล้วหัวเราะในลำคออย่างนึกชอบใจแต่ก็ระอาอยู่ในที
“คลั่งรักมากนะพี่”
“ลองรอมาเจ็ดปีแบบพี่ดิ นายจะต้องเป็นแบบพี่” เรียวตะพยักหน้าแล้วยิ้มแซวให้กับรุ่นพี่ที่ยังยิ้มไม่ยอมเลิกเพราะในหัวยังมีแต่แม่ของลูก
“นึกถึงพี่เจย์เลนได้นะ แต่มีสมาธิขับรถด้วย แล้วฮิปนอสทั้งคันอะพี่ลืมเหรอ” เสียงนุ่มบอกอย่างขยาดกลัวเมื่อนึกขึ้นได้ว่านั่งอยู่บนรถที่มีแต่ฮิปนอส
“นี่จีคลาสรุ่นล่าสุดนะเว้ย ระบบความปลอดภัยหายห่วง ออโต้ไพล็อตก็ได้” โชว์ความเท่ไปทีด้วยการยกมือสองข้างออกจากพวงมาลัยรถให้รถบังคับทิศทางด้วยตัวเอง หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึงในเทคโนโลยีราวกับเด็กน้อย “โคตรเจ๋งเลยพี่ รถเชฟวี่ผมกลายเป็นรถกระป๋องไปเลย”
“สายแข่งในสนามก็ต้องเชฟวี่ดิวะถูกแล้ว เออเดี๋ยวนี้ยังไปแข่งรถกับแทมินอยู่ปะ”
“ก็ไปบ้างพี่ เวลาเครียด ๆ แต่จีคลาสพี่เท่มากจริง ๆ นะ”
“จีคลาสก็ดีแต่เท่แหละ แต่พี่ว่าจะซื้อรถเอสยูสักคันอยู่”
“รถคุณปู่อะนะพี่ จีคลาสเท่กว่าเยอะ”
“พี่เจย์เลนเขาท้องโตขึ้นทุกวัน จีคลาสมันสูงขึ้นยาก ลำบากจะตาย”
“นี่ถ้าพี่เจย์เลนรู้ว่าพี่ห่วงเขาขนาดนี้ น่าจะเลิกงอนพี่นะ”
“ไม่หรอก รายนั้นง้อยาก” เพราะกียุลง้อเจย์เลนมาเป็นอาทิตย์แล้วคนน้องก็ยังวางท่าเหมือนแมวที่ขนฟูตอนโกรธตลอดเวลาใส่เขา หมาโกลด์เดนต์ก็หงอยเลยสิ เพราะจนปัญญาจะง้อ
“สู้ ๆ นะพี่ บางทีผมก็ยังกลัวพี่เจย์เลนเลย ฮ่ะ ฮ่ะ เป็นผู้ชายหน้าสวยที่น่ากลัวโคตร สวนทางกับหน้าหวาน ๆ มาก” แค่นึกถึงก็เสียวสันหลังวาบ
“พูดแล้วก็คิดถึงว่ะ พี่ขับไปทางอากาศดีกว่าจะได้ถึงเร็ว พี่เป็นห่วงพี่เจย์เลนเขา”
ทางด้านอีโบนีคนสวยตอนนี้กำลังคร่ำเคร่งกับการเขียนบทอยู่แต่ด้วยความที่นั่งทำงานมาเป็นเวลานานแล้ว เจ้าของร่างบอบบางจึงทิ้งตัวพิงพนักโซฟาเพื่อผ่อนคลายหลังที่เริ่มปวดเมื่อย มือเล็กกว่าผู้ชายทั่วไปยกขึ้นนวดตาที่ล้าของตัวเองก่อนปรับโฟกัสสลัดความตึงเครียดออกแล้วเตรียมจะลุกขึ้นไปหาของกินเล่น ต้องเติมความหวานเสียหน่อยจะได้
สดชื่นขึ้น ทว่ายืนได้สักพักก็โงนเงนจนต้องจับโซฟาไว้ จู่ ๆ ภาพตรงหน้ามืดลงกะทันหันความรู้สึกวิงเวียนเข้าจู่โจมในหัวต้องทรุดกายลงนั่งตามเดิม
“อ่าา อย่าแกล้งกันเลยนะ แด๊ดดี้กำลังไปหาอะไรให้หนูกินอยู่ไง” ไม่ว่าเปล่าเขาใช้นิ้วคลึงหว่างคิ้วเบา ๆ หวังคลายความวิงเวียน แต่มันไม่ได้ช่วยสักนิด มิหนำซ้ำอาการคลื่นเหียนยังตีขึ้นมาสมทบ
“อึ่ก อื้อ!” รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่อ่างล้างจานในครัวโก่งคออาเจียนจนเหนื่อยแล้ว เรี่ยวแรงราวกับถูกสูบให้เหือดหายมันเป็นดั่งช่องว่างนำส่งสู่ความมรณา
“หยิบมีดขึ้นมาเจย์เลน หยิบขึ้นมาจบชีวิตนาย” เสียงแห่งความตายร้องบอกข้างหู เขาตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งแล้วพยายามตั้งสติไม่ให้ถูกครอบงำ
“อย่ามายุ่งกับฉัน” เสียงเบาหวิวบอก สองแขนหาที่พึ่งเพื่อทรงตัวให้อยู่ เขาคลำทางไปจนถึงเคาน์เตอร์บาร์ใกล้ ๆ
“นายไม่มีสิทธิ์อยู่อย่างสงบสุข หยิบมีดขึ้นมา!”
“ไม่!!”
แรงเฮือกสุดท้ายปัดสิ่งของที่อยู่แถวนั้นร่วงกราวลงกับพื้นรวมถึงตัวเขาเองและมีดทำครัวด้ามยาวที่หล่นอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ชั่วพริบตาความอันตรายก็มาอยู่ในมือ ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อพบเจอภาพหวาดเสียว คนท้องกำลังง้างมีดขึ้นสูงอยู่กลางอากาศองศาคือลำตัวของเขาเอง
“เจย์!!”
เสียงตะโกนนำร่องมา หัวใจแทบกระดอนออกจากอก อัศวินวิ่งไม่คิดชีวิตเพื่อเข้าไปแย่งของมีคมในมือเจ้าชายอันเป็นที่รัก ไปถึงตัวได้เขากระชากแขนมาจนมีดหลุดออกไปทว่าเจย์เลนยังไม่มีสติแม้จะจมอยู่ในอ้อมกอดกียุลแล้วก็ตาม
เสียงหัวใจเต้นรัวจากความกลัวที่กัดกร่อนถึงต้นขั้ว เกือบไปแล้ว... ช้าอีกนิดเดียว ฮิปนอสคงได้ถูกจองจำอยู่ในคุกแห่งความรู้สึกผิดที่ช่วยอีโบนียารักษาหัวใจของตนไว้ไม่ได้
“เจย์!! เจย์!!” ร่างเล็กสลบไปแล้วรู้สึกตัวครั้งล่าสุดก็มาอยู่บนเตียงที่คุ้นเคย ทั้งดวงตาและสมองเบลอไปหมดไม่อาจฝืนลืมตาขึ้นได้อย่างใจหวัง จึงต้องนอนนิ่งหลับตาอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ ความอบอุ่นที่มือทำให้นึกสงสัยว่าใครกันที่อยู่กับเขาแล้วกลิ่นกาแฟที่ชอบก็เป็นคำตอบว่าใครที่กุมมือของเขาอยู่
แกร๊ก
เมื่อมีผู้มาเยือนกียุลถึงได้ตื่นขึ้นมาโดยง่าย ฮิปนอสนอกจากจะนอนยากแล้วยังตื่นง่ายมากอีกด้วย
“น้องเป็นไงบ้าง”
“รอฟื้นครับ ไม่มีไข้ผมดูแล้วไม่ได้เป็นอะไรมากครับ พี่จิน...ผมทนอยู่แบบนี้ไม่ไหว เจย์เลนกับลูกตกอยู่ในอันตรายมาก ทำไงดีครับพี่ ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง” เสียงคนพูดสั่นเครือพลันให้ใจคนฟังกระตุกวูบ แต่ทำทีหลับอยู่ต่อไป
“พี่เข้าใจ แต่... วันนี้เราก็พยายามเต็มที่แล้ว อย่างน้อยเราก็แน่ใจว่าถ้านายอยู่กับน้อง น้องจะปลอดภัย”
“แค่นี้เจย์ก็เป็นทุกข์มากพอแล้ว พี่เห็นใช่ไหมครับว่าแววตาน้องทุกข์ขนาดไหน แล้วไอ้คนนั้นมันจะมาทำน้องอีกทำไม มันเป็นบ้าอะไรของมันนักหนา”
จินกูทำอะไรไม่ได้นอกจากเข้าไปกอดปลอบรุ่นน้องที่พร้อมจะร้องไห้ทุกขณะ เรื่องนี้ต่างรู้กันดีว่าไม่สามารถแก้ไขที่ต้นเหตุจึงทำได้เพียงส่งกำลังใจให้กันแล้วช่วยกันดูแลเจย์เลนไม่ให้คาดสายตาเท่านั้น
“เราจะช่วยกันดูแลเจย์เลน นายไม่ต้องกลัว เรามันก็เหมือนพี่น้องกัน ถือเป็นครอบครัว เจย์เลนคือคนที่นายรักก็เท่ากับเป็นคนในครอบครัวเราเช่นกัน เราจะช่วยกันดูแล”
“ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณครับ ผมรู้สึกอ่อนแอมาก สุดท้ายผมก็ไม่เอาไหนเหมือนเดิม สมแล้วที่น้องไม่แต่งงานด้วย”
“เรื่องนี้เป็นใครก็อ่อนแอทั้งนั้น อย่าโทษตัวเองเลย”
เจย์เลนได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกไม่ดีไว้กับตัวเพียงลำพัง เป็นเขามาโดยตลอดที่ทำให้กียุลต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายทำให้ต้องมาลำบากใจ จากนี้คงจะต้องตั้งสติให้มากขึ้นไม่สร้างปัญหาถ้าเสียงนั้นมาอีกก็จะพยายามต่อสู้ด้วยตนเองไม่ให้กียุลรู้เด็ดขาดเขาจะได้เบาใจลง
จินกูออกไปจากห้องเมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้หลังเจย์เลนแสดงตัวว่าตื่นขึ้นมา กียุลเข้าประคองร่างถามไถ่อาการอย่างเป็นห่วงเป็นใย เขารักเจย์เลนมากแค่ไหนการกระทำทุกอย่างได้บอกออกมาหมดแล้ว
“รู้สึกยังไงบ้าง หื้ม? โอเคไหม? เวียนหัวไหม? ปวดหัวหรือเปล่า?” เจ้าของใบหน้าสวยส่ายหน้าสายตามองกียุลด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“งั้นหิวหรือยัง วันนี้พี่เข้าไปที่โซลซื้อขนมมาฝากด้วยนะ” ใบหน้าหล่อทำสีหน้าปกติอย่างที่ชอบทำเพื่อกลบเกลื่อนความกังวลในใจไม่ให้คนท้องรับรู้
“หิวครับ แล้วพี่กินอะไรหรือยัง”
“ยังเลยครับ”
“งั้นลงไปกินข้าวกันไหม”
“?”
“งงอะไรไปกินข้าวไงครับ คืนนี้ก็มานอนกับผมด้วย จะเป็นซอมบี้อยู่แล้ว ตาโบ๋ขอบตาดำอย่างกับหมีแพนด้า นี่เหรอพ่อของลูกผม ไม่เห็นจะหล่อเลย” แกล้งพูดล้อเล่นเพื่อทำให้กียุลอารมณ์ดีขึ้นนิ้วชี้จิ้มหน้าผากคนหล่อจึก ๆ จนอีกคนฉีกยิ้มกว้างลืมความทุกข์ก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ
“หล่อกว่านี้ นายจะเขินเอานะเวลาอยู่ใกล้” เขายิ้มอย่างมีเลศนัยพลางขยับตัวเข้าหาหมายจะหอมแก้มสักสองที
ในใจคิดไว้เอยู่แล้วว่าคนน้องต้องหลบ แต่ไม่ใช่เป็นเขาเองที่หยุดตัวเองไว้ ปลายจมูกห่างจากแก้มไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
“จะทำอะไรก็ทำสิครับ ผมหิวข้าวแล้ว” กียุลใช้เวลาประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบคว้าโอกาส
“ฟอด~ ฟอด~ ฟอด~ ฟอด~ จุ๊บ” หอมแก้มนุ่นจนพอใจแล้วจึงปิดท้ายด้วยการจุ๊บที่ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นโบนัส
“-_-”
“ครับ? (✪‿✪) ” คนหล่อตีเนียนทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ (≖ᴗ≖✿) เปล่า หิวแล้ว ไปสิครับ ไปกินข้าว ลุก หลบ” แต่แทนที่จะหลบกียุลดันอุ้มเจย์เลนลงมากินข้าวเสียอย่างนั้นซึ่งคนน้องก็ไม่ได้ขัดเจตนาอะไร เขาจะไม่ดื้อเพราะดูเหมือนว่าวันนี้กียุลจะมีเรื่องให้คิดมากพอแล้ว
“ว้าววว หวานจังนะคะผู้กำกับ”
“โอ๊ย อยากมีแฟนอยู่ในกองบ้างครับ รับสมัครแฟนครับ คนโสดอยู่ตรงนี้หล่อแต่ไม่รวย เราจะจนไปด้วยกันครับ ผมมีแต่หัวใจให้คุณคร้าบบบบ”
“แล้วใครจะไปคบกับนายวะ ฮ่า ฮ่า”
ลูกน้องต่างพากันแซวเล่นมุกเมื่อเห็นเจ้านายมีดอกไม้บานในใจ ส่วนเจย์เลนก็ได้แต่บอกว่าเขากับกียุลไม่ได้เป็นอะไรกันที่ยอมให้ผู้กำกับอุ้มมาก็เพราะตนเองแพ้ท้อง แต่มีใครฟังที่ไหนล่ะ
“ทุกคนทานด้วยกันไหมครับ ผู้กำกับซื้อขนมมาเยอะเลย” ผู้ช่วยผู้กำกับเอ่ยชวนทีมงานคนอื่น
“ขอบคุณมากค่ะผู้ช่วย แต่ผู้ช่วยทานเลยค่ะ น้องในท้องจะได้โตเร็ว ๆ พวกเราขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ไปพวกเรา” เมื่อทีมงานขึ้นไปชั้นบนกันจนหมดเขาสองคนจึงได้ทีมีเวลาส่วนตัว
“วันนี้แพ้ท้องเยอะไหมครับ” เสียงนุ่มถามพลางมองดูน้องกินขนมและดื่มนมที่ตัวเองซื้อมาให้
“นิดหน่อยครับ บทผมทำไปถึงซีน 15 แล้วนะครับ พี่ช่วยตรวจดูหน่อยนะว่าจะต้องแก้ตรงไหน”
“น่าจะกินข้าวแทนขนมนะ กินหวานมากไม่ดี” กียุลไม่สนใจเรื่องงานนัก
“อย่าลืมตรวจงานให้ผมก่อนนอนนะครับ” แต่เจย์เลนก็ไม่ได้สนเรื่องตัวเองเช่นกัน
“ตอนแพ้ท้อง นายแพ้จากอะไร จะได้ระวังไว้”
“พี่สนใจงานก่อนได้ปะ -_-”
“มันไม่ใช่เวลางาน”
กระแสไฟฟ้าระหว่างพวกเขาดังเปรี๊ยะ ๆ เป็นระยะ มวยยกที่หนึ่งกำลังจะเริ่มขึ้น มุมแดงมุมน้ำเงินประจำที่รอเพียงสัญญาณจากกรรมการในหัวเท่านั้น...
“เฮ้อ ผมอิ่มแล้ว ไปนอนกันเถอะครับ”
ผิดคาดอย่างแรงเมื่อเจย์เลนยอมอ่อนลงให้กียุล
ทั้งสองกลับขึ้นไปที่ห้องนอนหลังจากหนังท้องตึง ตอนนี้ต่างจัดแจงที่นอนของตัวเองด้วยความเงียบจังหวะที่ฮิปนอสกำลังล้มตัวนอนลงกับพื้นห้องเสียงหวานก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“ขึ้นมานอนด้วยกันสิครับ ผมไม่พูดซ้ำนะ ไม่ต้องถาม”
แม้จะแปลกใจแต่ร่างสูงก็ปีนขึ้นมานอนเคียงข้างด้วย ใช้ความเงียบคุยกันท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดผ่านหน้าต่างเข้ามาในความมืด
“ขอบคุณนะครับ”
“ครับ?”
การกระทำน่ารักกำลังทำให้กียุลหัวใจเต้นแรงหนัก ร่างเล็กหันมานอนกอดเขาซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งอยู่อย่างนั้นคนน้องน่าจะจับได้แล้วว่าเขาตื่นเต้น
“ไม่ต้องกังวลเรื่องผมกับลูก ผมจะดูแลตัวเองกับลูกให้ดี พี่เองก็พักผ่อนบ้าง ผมไม่เคยเห็นพี่ได้พักเต็มที่เลย เอาแต่ห่วงคนอื่น ทำแต่งาน” เมื่อได้ฟังก็อิ่มเอมในใจจนต้องยิ้มออกมาจาง ๆ พลางกอดน้องลูบแผ่นหลังบางแผ่วเบาราวกับจะกล่อมนอน
“นายคือยารักษาของพี่ แค่นายกับลูกอยู่ใกล้ ๆ พี่ก็หายเหนื่อยแล้ว”
“อยากอยู่ใกล้นะ แต่พี่ชอบทำให้ผมโมโห”
“หึ หึ พี่จะปรับปรุงตัวนะครับ แต่นายอย่าไปไกลจากพี่นะ อยู่ใกล้ ๆ พี่ไว้...จะได้ปลอดภัย” รอยยิ้มผลิบานแม้ดวงตาจะปรือปรอยมากแล้วก็ตามกียุลกำลังจะหลับเพราะได้สัมผัสอีโบนีผู้เป็นยาให้หัวใจผ่อนคลายเขาเหนื่อยสะสมมาหลายวันแล้วถึงคราวได้พักผ่อนเสียที
“นอนเถอะ ฝันดีนะครับ” เสียงหวานบอกพ่อของลูกก่อนจะปล่อยให้ความเงียบได้คุยกันต่อ กลิ่นดอกลิลลี่ฟุ้งหอมไปทั่วห้องจากฟีโรโมนของเจย์เลนกำลังทำหน้าที่เยียวยา ในขณะเดียวกันกลิ่นกาแฟจาง ๆ จากกียุลก็ทำให้อีโบนีผ่อนคลายสบายใจ ค่ำคืนนั้นกลายเป็นราตรีที่หอมหวน ต่างเติมเต็มความรู้สึกโหยหา การร่วมนิทรทำให้บาดแผลในใจขนาดใหญ่เลือนรางลง
เจย์เลนไม่ดื้อเลยในระยะ 2-3 วันที่ผ่านมานับตั้งแต่คืนนั้น กียุลเองก็สบายใจที่น้องยอมอ่อนข้อให้ ทว่าวันนี้ทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วเมื่อความเห็นเรื่องงานมันเริ่มต่างกัน
“ไม่ครับ พระเอกจะทำแบบนั้นได้ไง มันไม่ใช่นิสัยเขา”
“อ้าว นายเอกทำได้คนเดียวเลยดิ? เราปูเรื่องมาแบบนี้ ตัวละครตัดสินใจแบบนี้มันก็ถูกแล้ว” หลังกียุลพูดจบ
เจย์เลนขึงตาใส่อย่างขุ่นเคือง จะเอาเรื่องเสียให้ได้แต่หน่ายใจไม่อยากจะคุยอะไรด้วยแล้วนอกจากประโยคที่ว่า…
“พี่เป็นเหี้ยอะไรวะ -__-”
“นี่! ห้ามพูดคำหยาบนะ ลูกได้ยิน”
“แล้วพี่เป็นเหี้ยไรอะ พูดไม่ฟัง จุ๊บ O_O”
ตาเบิกกว้างเมื่อกียุลทำการอุกอาจจูบเขาต่อหน้าทีมงานที่เดินขวักไขว่อยู่แถวนั้น
“อยากตายเหรอวะฮะ!? จุ๊บ”
“:P”
“ไอ้กียุล! จุ๊บ”
“พูดไม่เพราะก็จะทำอยู่แบบนี้แหละ ไม่เชื่อลองพูดอีกสิ” ตั้งท่าพร้อมจะเข้าไปจูบจนคนน้องที่คิดจะลองดีหยุดความคิดที่จะท้าทายเพราะมันอันตรายต่อใจมากเกินไป
“ไอ้ ไอ้... หึ้ย! อ๊าก! ไปไกล ๆ ผมเลยนะ!” โดนผลักหนีด้วยใบหน้าเกลียดแสนเกลียดแต่กลับยิ้มชอบใจคงมีแต่กียุลแล้วล่ะมั้งที่ชอบอะไรแบบนี้ แต่เขาไม่ได้ถอยหนีนะทำตรงกันข้ามโดยการขยับเข้าไปนั่งใกล้มากขึ้นแล้วปล้ำกอดรัดน้องอย่างกับปลาหมึก มือเลื้อยไปทั่วทั้งกอดทั้งรัดทั้งหอมกันอยู่ที่โซฟากลางบาร์นเฮาส์
“ฟอด~ หอมที่สุดเลย แก้มก็นิ่มเหมือนโมจิ”
“โอ๊ย! ปล่อยนะเว้ย แฮ่ก แฮ่ก เหนื่อยละนะ!”
“ก็อย่าดิ้นสิครับ อยู่นิ่ง ๆ ให้พี่กอดพี่หอมหน่อยไม่ได้เหรอ หื้ม? ฟอด~”
“เราเป็นอะไรกัน ผมถึงจะต้องยอม ลืมเหรอว่าเป็นแค่แฟนเก่ากัน?” ร่างเล็กเลิกดิ้นเนื่องจากความเหนื่อยแล้วถามเสียงเรียบถึงความจริงที่ว่าแต่กียุลไม่ค่อยจะสนใจเสียเท่าไหร่
“ใจร้าย...พี่ไม่รักแล้ว ไม่ซื้อขนมให้กินแล้วด้วย กาฟงกาแฟอะไรก็ไม่ชงให้กินหรอก ชิ (T_T) ” พูดถึงกาแฟและขนมหูผึ่งขึ้นมาทันทีมือเล็กคว้าชายเสื้อสเว็ตเตอร์สีน้ำตาลของคนพี่ไว้โดยอัตโนมัติ
“เดี๋ยวสิ จะไปไหนครับ”
“ชิ! งอน ไม่ง้อไม่หายหรอกนะ” รู้นะว่าแกล้งทำแต่เจย์เลนก็ยังตอบรับตามเกม
“พี่จะเอาไร”
“หนึ่งจูบ เดี๋ยวให้กินขนม”
“เยอะไปมั้งครับ...”
“งั้นก็ไม่ครับ พี่ไปละ” ชายเสื้อถูกดึงไว้อีกครั้งพลางคนยื้อก็ครุ่นคิดว่าจะเอาไงดี ตอนนี้ก็ชักจะเริ่มหิวแล้วด้วย
“ห้ามแก้บทนี้ ต้องเอาตามที่ผมบอก ถ้าไม่โอเคไม่ให้จู-”
“ตกลงครับ”
เสียงหวานยังเอ่ยไม่จบประโยคกียุลก็ตอบตกลงพร้อมกับจับคนน้องมาจูบอย่างว่องไว เล่นเอามวลท้องราวกับว่ามีผีเสื้อนับร้อยบินอยู่ในนั้นหัวใจจะกระดอนออกมาจากอก ลมหายใจที่ถูกพรากไปทำให้หวามไหวอารมณ์เตลิด ร่างเล็กเริ่มถูกชักจูงให้นอนราบไปตามความยาวของโซฟา เรียวลิ้นที่เกี่ยวตวัดหยอกล้อกันทำสมองขาวโพน เสียงครางผะแผ่วพอใจของทั้งคู่ทำให้ขนกายลุกซู่ไปทุกอณู การแสดงความรักของพวกเขาทำให้ทีมงานหยุดชะงักไม่กล้าเดินผ่านต้องเดินกลับไปทางเดิม
“อื้อ! แฮ่ก ช้า ๆ สิครับ” ขึ้นมาจากทะเลที่ซาบซ่านได้เสียงหวานจึงรีบเอ่ยทว่าก็ถูกครอบงำด้วยริมฝีปากบางที่กดจูบลงมาอย่างออดอ้อนดึงความสนใจและยิ่งทำให้เคลิบเคลิ้มไปอีกโดยการบีบนวดตัวนุ่มนิ่มผ่านเสื้อผ้า เจย์เลนอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างของกียุลเช่นเดียวกับเทียนที่ถูกรนด้วยไฟร้อนแรง
“จุ๊บ หึหึ เคลิ้มเชียวนะ” คนตัวโตกว่าผละจูบออกมาดูคนน่ารักที่ไร้การต่อต้าน ดวงตาเชื่อมหวานนี้ทำกลางกายเขาคับแน่น ถ้าขืนยังจูบกันต่อได้เกิดเรื่องฉาวกลางห้องนั่งเล่นแน่
“ไหนขนมอะ” ตั้งสติกลับมาได้จึงรีบถามหาขนมตามจริงเจย์เลนแค่อยากหาจุดสนใจให้ตัวเองใหม่น่ะ เพราะภาพที่มองคนด้านบนอยู่มันก็ทำเขาแข็งขืนขึ้นมาเหมือนกัน ดวงตาเซ็กซี่ของกียุลทำเขาอยากจะเสียตัวให้รู้แล้วรู้รอดไป
“อยากเหรอ?” สายตามีเลศนัยส่งมาอย่างรู้ใจ
“มาก”
ไม่รู้คุยเรื่องเดียวกันไหม แต่ใบหน้าฟ้องออกมาทั้งคู่ว่าในหัวต่างเปลื้องผ้าของอีกฝ่ายจนล่อนจ้อนแล้ว คู่นี้เขาศีลเสมอกัน มองตาก็รู้ใจ
“เฮ้! หวานกันไม่พักเลยนะคู่นี้” จินกูเดินเข้ามาตามจริงจะเข้ามานานแล้วล่ะแต่ต้องถอยออกไปเมื่อมาพบฉาก
อีโรติกของผู้กำกับและผู้ช่วย
“หวานอะไรครับพี่ ผมจะฆ่าเขาอยู่แล้ว” ร่างเล็กรีบดันคนพี่ออกไปห่างตัวลุกขึ้นนั่งตามปกติแล้วตีหน้าหงุดหงิดใส่
“เมื่อเช้าก็เห็นอุ้มกันลงมากินข้าวนะ”
“ก็ผมแพ้ท้องนี่ครับพี่จินกู เขาก็ยังจะลากผมมาทำงานข้างล่าง”
“อยู่ในห้องนอนมันอุดอู้ไงครับ”
ร่างสูงว่าพลางลุกไปที่ครัวใกล้ ๆ กัน รินนมใส่แก้ว นำคุกกี้ใส่จานมาให้คนท้องกินอย่างดีตามที่สัญญากันไว้
“พักผ่อนบ้างเจย์เลน หลานพี่จะตัวเล็กเอา กินเยอะ ๆ นอนมาก ๆ หยุดเดินไปเดินมาด้วย”
“ผมจะเป็นหมูเอานะครับพี่”
“คนท้องที่ไหนผอมเพรียวล่ะ อย่าดื้อให้มากนักเราน่ะ กียุลมันเหนื่อย”
“ไม่เหนื่อยหรอกครับพี่ ดื้อกว่านี้ก็เอาอยู่”
“ไม่ใช่เด็กนะ ถึงมาพูดว่าผมดื้อ”
“ไม่ได้ว่าเป็นเด็กเล็กเสียหน่อย นายเป็นเด็กพี่ต่างหาก”
“จะอ้วก”
“แพ้ท้องเหรอ?”
“เหม็นขี้หน้าพี่ต่างหากล่ะ”
“ไม่ใช่แล้ว หล่อขนาดนี้ นายก็ชอบ”
จินกูคนกลางหนึ่งเดียว ณ ตอนนี้ได้แต่ส่ายหัวเอือมระอากับสองคนที่เถียงกันได้เถียงกันดี ไม่เคยจะยอมกัน คนเด็กกว่าก็ดื้อแพ่ง คนโตกว่าก็ชอบกวนประสาทให้ตัวเองโดนด่า สมกันจริง ๆ
“พี่ ๆ คะ ทำอะไรกันอยู่เอ่ย นี่บทถึงไหนแล้วคะเนี่ย” โซฮีเดินเข้ามาร่วมวง เล่นเอาคนท้องอารมณ์บูดขึ้นมากะทันหัน
“ใกล้แล้วล่ะ อยากดูไหม?” กียุลเอียงโน้ตบุ๊กให้หญิงสาวดูจนเกิดความใกล้ชิดซึ่งคนท้องอ่อนไม่พอใจเป็นอย่างมากเดาได้เลยผ่านสีหน้าที่ตอนนี้บึ้งตึงจนจินกูนึกสยองผองขนแทนรุ่นน้องที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาแต่เล่าถึงบทหนังให้น้องสาวเขาฟังอยู่นั่น
ภาพตรงหน้าทำให้เจย์เลนใจกระตุกไปจังหวะหนึ่ง คล้ายมีคนโยนก้อนหินถ่วงหนักลงในใจของเขา รสชาติของนมที่ดื่มอยู่ขมเฝื่อนขึ้นมาทันตาเป็นครั้งแรกที่อีโบนียอมรับว่าหึงหวง รู้สึกฉุนเชียวไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย
“เจย์เลนจะไปไหน ไม่ทำงานต่อเหรอ”
“ผมจะไปพักที่ห้องนอน พี่ก็ให้โซฮีช่วยไปสิ น่าจะช่วยพี่ได้เยอะเลย พี่ก็น่าจะชอบด้วย”
“เอางั้นเหรอ ให้พี่ไปส่งที่ห้องไหม?”
“แค่ห้องนอนเองพี่อยู่นี่แหละ ผมดูแลตัวเองได้ไม่ต้องห่วงผมกับ..ลูกของเราหรอกครับ” ว่าจบก็ยิ้มหวานแล้วมองไปทางโซฮี นัยน์ตาย้ำชัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกียุลให้หญิงสาวได้รับรู้
“ฮะ?! พี่กียุลคือพ่อของลูกพี่เจย์เลนเหรอคะ?” โซฮีรับบทไม่รู้เรื่องมาก่อน
“ถามพี่เขาเองเลยนะครับ พี่เหนื่อยมากเลย ขอตัวก่อน ^^”
คนหน้าสวยรีบหันไปปกปิดรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ทิ้งระเบิดไว้แล้วก็รีบเดินหนีไปอย่างนางพญา
“ร้ายไม่เบาเลยนะเจย์เลน” จินกูว่าในขณะที่กียุลยิ้มแก้มปริ
“เขาหึงผมแหละพี่ >O<”
“โอ๊ยยยยย ยังจะมามีความสุข น้องจะโดนต่อยวันไหนก็ไม่รู้” โซฮีว่าไม่จริงจังแต่ก็แอบกลัวอย่างที่ว่า เจย์เลนมีรังสีความน่ากลัวอย่าบอกใครเลยล่ะ และใบหน้าของโซฮีก็ทำให้พี่ชายทั้งสองคนระเบิดหัวเราะออกมายกใหญ่
.
.
.
.
.
.
●—————◦◉◦—————●
โปรดติดตามตอนต่อไป...
กระจ่างขึ้นกันเลยใช่มั้ยคะว่าเสียงที่ล่อลวงเจย์เลนคืออะไร แงงงง สงสารน้องนะคะ แล้วมันจะใช่เพราะปฏิเสธแต่งงานหรือเปล่าถึงทำให้เส้นทางมันแตกออกเป็นสองโลก ลุ้นกันต่อไปค่ะเพระาถ้าไม่ใช่ก็คงแก้ปัญหากันไม่ได้ ฮืออออออ แต่น้องเจย์เลนน่ารักขึ้นเลยนะคะพอรู้ว่าพี่กียุลไม่สบายใจ ดอกสุดท้ายนี่ก็ร้ายไม่เบา แสดงตัวเฉยเลยยย ทั้งที่บอกคนอื่นว่าไม่ให้บอกใคร แหมมมมมมมหนูลูกกกก
*มีคอมมิกมาให้อ่านเล็กน้อยฮะ น้องเจย์เลนเรียกร้องอยากมาหา*
สงสารพี่กียุลไม่ไหวแล้วค่ะสนามอารมณ์ของน้องมาก55555555 วันนี้ลาไปก่อนนะฮะ
ฝากทวิตเตอร์นัดวาดด้วยนะครับผม เผื่อชอบลายเส้นกัน
มาคุยเล่นเม้านิยาย หวีดพี่กียุลกับน้องเจย์เลน ได้ที่แฮชแท็กในทวิตเตอร์ #อรุณสวัสดิ์ความรักของผม
รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ เหงาฝุด ๆ
ฝากกดติดตาม กดหัวใจ เก็บเข้าชั้น คอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะที่รัก
1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ
จะตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ
ปกติจะลงทุกวัน ศุกร์-เสาร์ นะคะ สายฟรีรอ 2 วันนี้เลยนะคะ
วันอาทิตย์จะลงเป็นตอนล่วงหน้าให้อ่านกันค่ะ (อันนี้ติดเหรียญน้าา)
ลงจบเรื่องแล้วจะติดเหรียญนะคะ มาอ่านไปพร้อม ๆ กันก่อนติดเหรียญนะคะ (เขียนจบแน่นอนค่ะเรื่องนี้เขียนตุนไว้เกือบจบแล้วค้าบ)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เล่นแท็ก คอมเมนต์ไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ รักนะคับ!
สแว็กเกิร์ล หัวใจ คุณนักอ่าน