Chapter 2 : Part 2

อีกฝั่งหนึ่ง ณ อาคารที่พักในเขตกรมอัศวินแห่งอาโพโลเนีย

ชายหนุ่มผมสีเงินประกายงดงาม นัยน์ตาข้างขวาของเขาที่เป็นสีแดงดั่งโลหิต ข้างซ้ายกลับเป็นสีอำพันประกาย ช่างดูงดงามหาที่ใดเปรียบ ชายหนุ่มผู้มีนามว่า ไอนส์ ลูซิเฟอร์ ณ ตอนนี้เขาเป็นเพียงอัศวินฝึกหัดและยังต้องฝึกฝนอยู่ที่นี้อีก 2 ปีเพื่อผ่านการประเมินต่างๆ จึงจะสามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในราชวังได้ ทุกคนต่างรู้ว่าความสามารถของเขานั้นไม่ธรรมดา ในอนาคตข้างหน้าต้องได้เป็นอัศวินองครักษ์ขององค์จักรพรรดิเป็นแน่

ภายในห้องพักของอัศวินในตอนนี้ที่มีเพียงเขา ชายหนุ่มถอดหน้ากากสีดำบดบังครึ่งหนึ่งของใบหน้าที่ใช้บดบังบาดแผลบนใบหน้าของเขาออก บาดแผลที่เป็นทางยาวราวกับถูกฟันผ่าผ่านเปลือกตาและดวงตาที่งดงามดวงนั้นมันช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก แต่ทว่า...บริเวณใบหน้าภายใต้ดวงตาสีอำพันนั้นจู่ๆ กลับมีสัญลักษณ์สีทองปรากฏขึ้นมา

นาฬิกาทรายที่มีทรายอยู่เต็มเรือน มันคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเขาคือใคร เมื่อผู้ใดเห็นสัญลักษณ์นี้ก็สามารถรับรู้ได้ทันที เพราะมีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะมี ‘นาฬิกาทรายแห่งอายุขัย’

 

เมื่อ 12 ปีก่อน ณ ราชวังอาโพเลีย

เสียงฝีเท้าของเด็กชายวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งไปรอบราชวัง ใบหน้าของเขาแสดงถึงความตื่นเต้นกับบางสิ่งบางอย่างเป็นอย่างมาก เมื่อถึงจุดหมายอัศวินองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูบานใหญ่ก็เปิดประตูให้กับเขาทันทีก่อนที่ร่างของเด็กชายนั้นจะวิ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานที่มีเอกสารวางกองอยู่มากมาย

“ท่านพ่อ! ท่านพ่อ!” ทันทีที่เห็นผู้เป็นพ่อของตัวเอง เด็กชายก็เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและแววตาเป็นประกายทันทีพร้อมกับฝีเท้าที่วิ่งเข้าไป เมื่อผู้เป็นพ่อเห็นเช่นนั้น เขาก็วางเอกสารตรงหน้าลงทันทีพร้อมกับเดินเข้าไปหาและอุ้มเด็กชายเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

“มีอะไรรึอาชูร่า?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามทันที เขาคือองค์จักรพรรดิแห่งอาโพโลเนียที่ 8 นามว่า อพอลโล ดิ คิวรินุส ลาเบนซิส เรือนผมสีครามราวกับท้องฟ้าในยามค่ำคืนและนัยน์ตาสีมรกตนั้นมีเช่นเดียวกับเด็กชายที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา อาชูร่าเปรียบเสมือนว่าเป็นอีกร่างของเขาไม่มีผิด ต่างกันเพียงอายุเท่านั้น ใบหน้าและสายตาที่อ่อนโยนนั้นจ้องมองบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา อาชูร่า ดิ คิวรินุส ลาเบนซิส บุตรชายที่เขารักและหวงแหนมากที่สุด ซึ่งเกิดมาจากบุคคลที่เขารักมากที่สุด เดียร์อาน่า ดิ คิวรินุส ลาเบนซิส เขายอมมอบทุกอย่างเพื่อเด็กชายคนนี้ไม่ว่ามันจะยากมากเพียงใด เขาก็จะหามาเพื่อบุตรชายของเขา เขาเชื่อว่าเด็กคนนี้สักวันจะต้องขึ้นมาเป็นองค์จักรพรรดิแทนเขาและจะต้องเป็นองค์จักรพรรดิที่ดีที่สุดซึ่งสามารถทำทุกอย่างได้ดียิ่งกว่าเขาอย่างแน่นอน

“ดูสิท่านพ่อ! ตรงนี้อยู่ๆ ก็มีอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ! งดงามมากเลยพ่ะย่ะค่ะ!” อาชูร่าเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม นัยน์ตางดงามคู่นั้นของเขากลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว ท่าทางของเด็กชายในตอนนี้ดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก นิ้วของเขาจิ้มที่บริเวณแก้มของตัวเองที่มีสัญลักษณ์สีทองบางอย่างขึ้นมา

“โอ้! เจ้ามีนาฬิกาทรายแห่งอายุขัย ปรากฏขึ้นมาแล้วล่ะ” อพอลโลกล่าวพร้อมรอยยิ้มและภาคภูมิใจยิ่งนัก โดยปกติแล้วนาฬิกาแห่งอายุขัยนั้นจะปรากฏขึ้นมาในช่วงอายุ 8-10 ปี แต่สำหรับอาชูร่านั้นมีอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้นแต่กลับมีนาฬิกาแห่งอายุขัยเสียแล้ว

“หมายความว่ายังไงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“หมายความว่าเจ้าคือองค์ชายอย่างเต็มตัวแล้วยังไงล่ะ” อพอลโลเอ่ยพร้อมกับบีบปลายจมูกเล็กๆ ของเด็กชายตัวน้อยด้วยความเอ็นดู สำหรับอาชูร่าแล้ว อพอลโลไม่เพียงแต่เป็นพ่อสำหรับเขาแต่ยังเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถปกป้องผู้คนมากมาย เขาจึงพยายามทุกอย่างไม่ว่าจะเรียนด้วยตัวเองหรือแอบไปฝึกซ้อมกับเหล่าอัศวินก็เพื่อที่สักวันจะแข็งแกร่งอย่างผู้เป็นพ่อ เขาอยากปกป้องผู้คนมากมายรวมถึงท่านพ่อท่านแม่และบุคคลสำคัญที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด ผู้มีนามว่า สตาร์ลิ่ง บลูคลิน “นาฬิกาแห่งอายุขัยจะมีเฉพาะคนที่มีเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ซึ่งในตอนนี้มีเพียงเจ้ากับข้ายังไงล่ะ”

“ท่านแม่ไม่มีเหรอพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่มีหรอก”

“แล้วทำไมที่ใบหน้าของท่านพ่อไม่เห็นมีเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” เด็กชายจ้องมองที่ใบหน้าของผู้เป็นพ่อ ใบหน้าคมคายที่มีความอ่อนโยนแฝงอยู่และมันให้ความรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่เขาอยู่ข้างๆ ผู้เป็นพ่อ

มันจะปรากฏขึ้นมาเมื่อเจ้าไปสัมผัสกับมันหรือเมื่อใดก็ตามที่เจ้าอยากจะเห็นมันยังไงล่ะ และมันจะอยู่กับเจ้าตลอดชั่วชีวิต ไม่สามารถกำจัดมันออกจากร่างกายได้หรอกนะ” อพอลโลอธิบายให้เด็กชายตรงหน้าฟัง “นาฬิกาแห่งอายุขัยน่ะ หน้าที่ของมันก็เหมือนกับชื่อมันเลยล่ะ เอาไว้ดูอายุขัยยังไงล่ะ”

“ดูอายุขัย?”

“ดูอายุขัยของร่างกายว่ามีขีดจำกัดเท่าไหนยังไงล่ะ ทรายที่ตกลงมายังด้านล่างของขวดแก้วนั่นคือเวลาของชีวิตที่เจ้าใช้ไปแล้ว ส่วนทรายที่ยังอยู่ด้านบนนั้นก็คือเวลาของชีวิตที่เจ้าเหลืออยู่” อพอลโลอธิบายพร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสที่ใบหน้าของตน ทันทีที่สัมผัสสัญลักษณ์นาฬิกาทรายสีทองก็ปรากฏขึ้นมาทันที นาฬิกาทรายที่มีทรายจากด้านบนค่อยๆ ไหลลงด้านล่างอย่างช้าๆ เช่นเดียวกับเวลาชีวิตของเขานั้นค่อยๆ ลดลงในทุกวินาที เมื่อได้เห็นเวลาชีวิตของตัวเองที่ลดลงมันก็น่าใจหายยิ่งนัก “และที่สำคัญอีกอย่าง มันเอาไว้คาดคะเนว่าเจ้าจะสามารถครองบัลลังก์สิ้นสุดเมื่อใด ก่อนที่เวลาของเจ้าจะหมด เจ้าก็สามารถเลือกคนที่เจ้าไว้วางใจมากที่สุดขึ้นบัลลังก์แทนได้ยังไงล่ะ”

“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ...” อาชูร่าพยักหน้า เขาจ้องมองไปยังนาฬิกาทรายสีอำพันบนใบหน้าของผู้เป็นพ่อ ปริมาณของมันทั้งด้านบนและด้านล่างนั้นมีเท่ากัน ภายใต้สัญลักษณ์นั้นมีตัวหนังสือสีทองที่เปลี่ยนไปทุกวินาที..

IX IV VI VII II VIII IX IX IX (946,728,999)

IX IV VI VII II VIII IX IX VIII (946,728,998)

IX IV VI VII II VIII IX IX VII (946,728,997)

IX IV VI VII II VIII IX IX VI (946,728,996)

IX IV VI VII II VIII IX IX V (946,728,995) …

(946,728,999 วินาที เป็นเวลาประมาณ 30 ปี)

อาชูร่าได้แต่จ้องมองตัวหนังสือพวกนั้นที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจตัวตัวหนังสือที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทุกวินาทีนี้คือเวลาชีวิตของท่านพ่อที่เหลืออยู่แต่ไม่รู้เลยว่ามันเหลือมากน้อยสักเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากที่จะใช้ชีวิตอยู่กับท่านพ่อของเขาให้มีความสุขมากที่สุด

“นี่ไงล่ะ เวลาชีวิตของเจ้าสามารถอยู่ได้อีก 82 ปีเชียวรึ อาชูร่าเจ้านี่อายุยืนจริงๆ ” อพอลโลสัมผัสที่แก้มของบุตรชายของตนและเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง ภายในใจเขานึกถึงภาพอาชูร่าที่เติบโตขึ้นและคงจะมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น อาชูร่าจะต้องเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ เป็นแน่แต่ทว่าเขากลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาชีวิตที่เหลือของเขานั้นจะหมดก่อนที่จะได้ชื่นชมภาพเหล่านั้นหรือไม่

“แล้วของท่านพ่อล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” ฝ่ามือเล็กจับที่ใบหน้าของผู้เป็นพ่อ

“ของข้าไม่ยั่งยืนเท่าของเจ้าหรอก” อพอลโลยังคงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนแต่กลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด “แต่จำไว้อีกอย่างนะ นาฬิกาแห่งอายุขัยนี้เพียงบอกแค่อายุขัยของร่างกายเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะมีอายุถึงตามที่มันบอกไว้จริง ๆ ถ้าเกิดวันหนึ่งโดนลอบสังหารก่อนถึงขีดจำกัดของร่างกาย ก็โทษมันที่ไม่ได้บอกอะไรเจ้าไม่ได้นะ”

“ขะ..เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเด็กชายก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย คำว่า ลอบสังหาร นั้นสำหรับเด็กอายุเพียงห้าขวบอย่างอาชูร่าก็ต้องมีความกลัวเป็นธรรมดา แต่มันเป็นสิ่งที่อพอลโลเลี่ยงที่จะเอ่ยไม่ได้เพราะมันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องรู้สำหรับเชื้อพระวงศ์ทุกคน

“แต่มันจะไม่มีวันนั้นแน่ อย่าได้กลัวไป ข้านี่แหละจะปกป้องเจ้าเอง อาชูร่า”

 

ภายในห้องที่เงียบสงัด ริมฝีปากหยักของชายหนุ่มผมสีเงินประกายเหยียดยิ้ม นัยน์ตาที่ไม่สามารถอ่านความรู้สึกของเขาได้ ภายในหัวที่กำลังนึกถึงเรื่องราวในอดีต สัญลักษณ์นาฬิกาทรายบนใบหน้าค่อยๆ จางหายก่อนที่จะลุกขึ้นสวมหน้ากากสีดำเพื่อบดบังบาดแผลอันแสนทรมานที่เกิดขึ้นในอดีต...

“ปกป้องงั้นเหรอ? น่าขัน”

อดีตที่ภายในราชวังโชกไปด้วยเลือด

 

 

 

สามารถพูดคุยได้ใน #อิชสตาร์ ทางทวิตเตอร์ได้นะคะ ^^

>>>ข้อความด้านล่างเป็นตะปอย+คำใบ้เร้กๆ น้อยๆ นะคะ ให้คุณนักอ่านตะหงิดใจเล่น ๆ แหะ ๆ <<<

'

'

'

'

'

'

'

'

'

องค์จักรพรรดิอพอลโลที่ทุกคนเห็นในปัจจุบันอาจจะ ไม่ใช่คนเดียวกันกับเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ก็เป็นได้... 

การบรรยายจะเป็นของน้องสตาร์ส่วนใหญ่ในเรื่อง จะเป็นสิ่งต่างๆในมุมมองของน้องมุมเดียว ซึ่งสิ่งที่เห็นในบางครั้งมันอาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้นะคะ :) 

Enjoy and See ya next week ka <3