1 ตอน 1
โดย pynox
“น้าโกครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
โกมองคนเดินข้างกันกับตน “หือ” เขาขานรับแบบไม่ทันฟังนัก “โทษที ตะกี้เราว่าอะไรนะ”
“ผมถามว่าน้าเป็นอะไรหรือเปล่า” อรัณถามอีกครั้ง เสียงทุ้มสุภาพอันเป็นข้อเด่นหนึ่งของเจ้าตัว เริ่มเปลี่ยนจากแค่สงสัยเป็นกังวล คิ้วขมวดมองคนอายุมากกว่าผู้เปรียบเสมือนญาติแท้ๆ ของตน อันที่จริง อรัณกับน้าจริงทางสายเลือดนั้น แค่ชื่อจริงยังจำกันไม่ได้ “เลยร้านน้ำมะพร้าวแล้วนะครับ” ชายหนุ่มชี้ย้อนกลับไปยังแผงขายน้ำมะพร้าวข้างหน้าจุดขายเครื่องดื่มในสวนสาธารณะ โกหันขวับแล้วทำท่าลังเล ก่อนจะปัดมือเชิงบอกให้เดินกันต่อ แต่ก้าวได้แค่สองก้าวก็วกกลับไปซื้อเครื่องดื่มโปรด
สองคู่หูต่างวัยมายืนดูดน้ำมะพร้าวด้วยกันแถวถังขยะ อรัณไม่ถามอะไรอีก เพียงยื่นดูดหลอด สายตามองคนเดินคนวิ่งผ่านตา
“เจ้าโณมันบอกน้าเมื่อคืน ว่ามันชอบผู้ชาย”
“อ๋อ”
ดูดน้ำต่อ
คนก็เดินก็วิ่งผ่านหน้าพวกเขาต่อ
ยามสายวันเสาร์
โกหันขวับ “นี่รู้อยู่แล้วเหรอ?!” ชายวัยกลางคนร้องถาม หน้าตาแตกตื่น ส่วนคู่สนทนามัวใจเย็นเอาหลอดเขี่ยเนื้อมะพร้าวก้นแก้ว
“น้าโกรับไม่ได้เหรอครับ”
“ไอ้รับได้นี่…” เขาครุ่นคิด “มันใช่เรื่องน้าต้องไปรับได้ไม่ได้เหรอวะ ไม่รู้ว่ะ ดูมันไม่เกี่ยวกับน้าเปล่าวะ แต่ประหลาดใจน่ะ ชัวร์ เห็นมันมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตั้งหลายคน เลยไม่เคยคิดเรื่องมันจะเป็นเกย์”
“โณเป็นไบครับ น้า”
“เออไง เสือไบ” เขายกมือข้างหนึ่งทำท่าเลียนแบบกรงเล็บเสือ
“ไบหมายถึงชอบเพศเดียวกับตัวเอง แล้วก็เพศอื่นที่ไม่ใช่เพศเดียวกับตัวเองด้วยครับ” หนนี้อรัณต้องหันไปดู “โณไม่ได้อธิบายเหรอครับ”
“มันบอกแค่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แค่มันอยากให้น้ารู้ว่ามันชอบผู้ชายด้วย” เขาฮึดฮัด เพิ่งตระหนักว่าลืมน้ำมะพร้าวไปแวบหนึ่งจึงรีบดูดต่อให้น้ำแห้งหมดแก้ว จะได้กระดกกินทั้งน้ำแข็งกับเนื้อมะพร้าว “น้าเลยบอกไปว่า ‘เออ ไปอาบน้ำสักที เหม็นเปรี้ยว’ แล้วน้าก็เข้านอน” ส่วนหลานชายร่วมสายเลือดตัวจริงยังนอนไม่ตื่นฟื้นไม่มี มั่นใจว่ากลับถึงบ้านไปก็ยังเป็นซากแอ้งแม้งจะตกมิตกแหล่จากเตียงตามเคย “แต่น้านอนคิดเลยนะ อรัณ น้าว่ามันยังบอกน้าไม่หมด”
“ผมอธิบายไปแล้วนี่ครับ”
“ม่าย ไม่ใช่เรื่องนั้น เออ ถึงอันนั้นน้าจะยังงงเหมือนกันก็เหอะ เดี๋ยวไว้คุยอันนั้นใหม่ ต๊ะไว้ก่อน” โกรีบบอก “แต่น้าว่าไอ้โณมันมาบอกน้าแบบนี้ มันต้องมีแฟนหนุ่มแน่ ๆ” มีเสียงไอ “แล้วมันอยากพามาเปิดตัวกับน้า” เสียงไอดังไม่หยุด
พอหันไปดู ปรากฏว่าอรัณกำลังสำลักตัวโก่ง “อ้าวเฮ้ย อรัณ ทำใจดีๆ ไว้ลูก” เขาตบแผ่นหลังในเสื้อเทาขึ้นสีเข้มจากเหงื่อ ปลายนิ้วมือข้างถือแก้วคีบปลายผมหางม้าออกให้พ้นหน้า “บอกแล้วให้กินเนื้อมะพร้าวไปพร้อมน้ำแข็งเลย จะได้รู้ตัวแต่แรกแล้วเคี้ยวให้หมด ไม่งั้นคิดกินแต่เนื้อ พอกระดกแก้วละน้ำแข็งมันไหลเข้าปากก็ตั้งตัวไม่ทัน” โอกาสอันดีจะนำเสนอหนทางการกินของตัวเอง สัมผัสตอนเคี้ยวลงตัวระหว่างความกรอบของน้ำแข็งกับความนุ่มของเนื้อมะพร้าวออกจะเพิ่มความสนุกระหว่างดื่ม
“ผม -- ไม่ชอบ -- เคี้ยวน้ำแข็ง --” ฝ่ายสำลักจะเป็นจะตายยังไม่ยอมแพ้ เรื่องนี้เถียงกันมาหลายปี ตั้งแต่ครั้งแรกที่โกตามอรัณมาเริ่มกิจวัตรวิ่งทุกเช้าวันเสาร์ด้วยกัน วิ่งรอบครึ่ง เดินครึ่งรอบ แวะซื้อน้ำ เขาน้ำมะพร้าว ส่วนอรัณจะเปลี่ยนเมนูตามอารมณ์
โกตบๆ หลังคนสำลักต่อไป จนเสียงไอเริ่มน้อยลง เอาแค่พอเป็นมารยาทว่าคนที่มากับตนสำลักแล้วเขาไม่ได้ทำเพียงยืนส่งกำลังใจทางสายตาอย่างอาดูร
“เออ ใช่ แล้วอรัณคิดว่าไง” พอเริ่มเดินกันต่อให้ครบรอบเพื่อออกประตูสวน ชายอาวุโสกว่าเพิ่งนึกได้ว่ายังคุยกันไม่จบ
“ครับ?”
“เจ้าโณมันมีแฟนหนุ่มเตรียมมาเซอร์ไพรส์น้าใช่รึเปล่า”
“ไม่…ทราบ…..ครับ”
ช่างเว้นแต่ละพยางค์ได้เลิกลั่กอะไรเช่นนี้
เขาให้อรุโณทัย ลูกของพี่สาวคนโตมาอยู่กับเขา ตอนหลานตัวแสบอยู่ม.หนึ่ง เพราะไม่อย่างนั้น พ่อแม่ลูกบ้านนั้นคงทะเลาะกันทุกวันยาวหลายทศวรรษ
ฝั่งบุพการีอยากรอให้ลูกชายเรียนจบปริญญาตรีก่อน พวกตัวเองค่อยไปตามฝันทำงานที่ต่างประเทศ เพราะจะพาลูกชายไปด้วย เจ้าโณทั้งติดเพื่อนที่โรงเรียนขนาดหนัก แถมยังไม่แน่นอนว่างานจะรุ่ง ไม่อยากเอาลูกไปลุ้นโชคต่างแดนด้วยกัน ส่วนทางเจ้าลูกรักก็ไม่อยากให้พ่อแม่รอนานขนาดนั้น โกแวะไปหาทีไร เจอพ่อแม่ลูกพูดจาเหน็บแนมแซะกันไม่หยุด พ่อแม่ย้ำทีว่าลูกนิสัยโคตรเซ่อซ่า จะให้ทิ้งไว้ไม่มีคนดูแลได้ยังไง เดินตกท่อตายไม่มีใครขุดกลับขึ้นมาพอดี ลูกก็กระเทือนที พอลูกสวนว่ากว่าตนจะเรียนจบ พ่อแม่คงเอวเดี้ยงแค่นั่งเครื่องบินไปให้ถึงเจเอฟเค พ่อแม่ก็สะเทือนกันไปคนละทีสองที
หลานชายเขาเป็นเด็กดี “น้าโกเหงาอ่ะดิ แชร์ห้องนอนกับแม่มาตลอดจนแม่แต่งงานย้ายออกไม่ใช่อ่อ เขาว่าเตียงเนี่ย ปล่อยว่างไว้จะมีอย่างอื่นมานอนนะน้า” เป็นเด็กเวรที่เป็นเด็กดี (กัดฟัน) แม่เขาก็รัก ทีแรกแอบค้านว่าไม่ควรไปยุ่งเรื่องครอบครัวพี่สาว ลูกควรอยู่กับพ่อแม่ พอพามาอยู่ด้วยจริง โกบอกไม่ถูกว่ากำลังเผชิญสภาพ ‘พ่อแม่เอ็นดูหลานกว่าเอ็นดูลูก’ หรือนี่มัน ‘พ่อแม่ค้านไม่ให้เลี้ยงหมา พอเอาหมามาเลี้ยงจริง รักหมามากกว่ารักกูอีก’ กันแน่ ซึ่งเขาชอบตัดพ้อไปงั้น แต่ที่จริงไม่ได้ว่าอะไร
“อรัณ วันนี้อยากกินอะไรลูก เอาทับทิมกรอบดีไหม” คุณนายนกยูงแดงถามเสียงรักใคร่ทันทีที่เห็นลูกชายกับเพื่อนหลานเดินเข้ามาในห้อง วางถุงใส่ผลไม้ซื้อจากตลาดหน้าสวนสาธารณะลงบนโต๊ะ แต่ทักคนเดียว
นอกจากไม่ว่าอะไร พออรัณเข้ามาในชีวิตพวกเขา เจ้าโณก็ย้ายสำมะโนครัวมาตกกระป๋องเดียวกับโกเรียบร้อย
“อยากทานทุกอย่างที่คุณป้าทำ” โกฟังคนอยู่เป็นตอบพลางช่วยเก็บผลไม้เข้าตู้เย็น
หมูสามชั้นทอดเทลงจาน โกยกขึ้นชั้นสอง ปล่อยเสียงเจื้อยแจ้วของมารดาไว้ด้านล่าง เขาเปิดประตูห้องนอนแรกสุด อดีตห้องเขากับพี่สาว ปัจจุบัน รังของอรุโณทัย เปิดเข้าไปคือเกมกับระเบิด ไม่อาจบอกได้ว่ามันทิ้งอะไรไว้บนพื้นบ้าง มีตัวอะไรสักอย่างนอนหัวตกขอบเตียง แขนกลับเหยียดตรงชิดขอบ มือเกาะตรงมุมเตียง ต้องย่องหาพื้นว่างไปถึงเตียงเพื่อเอาจานหมูสามชั้นวนใต้จมูก ดูมันทำจมูกฟุดฟิด ค่อยถอยหลังออกมาข้างนอก ปิดประตู
นับหนึ่ง สอง สาม
“หมูทอด!”
“อยากกินก็ลงมา!” โกป้องปากบอกข้างในห้อง เดินหยิบหมูสามชั้นใส่ปาก ลงบันได บ้านพวกเขาไม่เชิงแคบ ไม่กล้าเรียกว่ากว้าง เปิดประตูบ้านเข้ามามีห้องรับแขกขนาดย่อม ลึกเข้าไปคือห้องครัว แล้วเอาโต๊ะยาววางตรงกลาง แทนทั้งโต๊ะเกาะวางขอทำครัว อีกครึ่งเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ลุกจากโต๊ะสามก้าวถึงบันได ข้างบันไดเป็นห้องน้ำ โกเดินยังไม่ทันพ้นบันไดดี แขกขาประจำตรงโต๊ะกินข้าวโยนห่อข้าวเหนียวไปด้านข้างบันได มีเสียงมือจับห่อข้าวเหนียวดังอยู่ด้านหลัง แล้วสัตว์ประหลาดขี้เซารักหมูสามชั้นก็เอาก้นไถราวบันได แย่งจานจากมือกันตรงนั้น
อรุโณทัยวิ่งกลับขึ้นชั้นสอง
“ไอ้เว้ง เอาคืนม้า!” น้าขึ้นเสียงแหลม วิ่งตาม ฝีเท้าดังตึงตังบนบันได
“ถ้าหมูตกพื้น สองตัวก็เช็ดทั้งบันไดเลยนะ” คุณนายนกยูงแดงบอกไล่หลัง หยุดทั้งสองตัวที่ว่าไว้นิ่งสนิทบนชานบันไดตรงกลาง “อ้าว ไม่แย่งกันแล้วเหรอ” ปากถาม มือทาเล็บสวยเงาวับกระดิกนิ้วเรียก ลูกชายกับหลานชายบรรจงทำให้เมื่อหลายวันก่อนตามบัญชา เล็บสีชมพูประกายมุขชี้ให้กลับลงมานั่งรับประทานมื้อเช้าด้วยกันตรงโต๊ะ “อรัณนี่ดีจริง ๆ มาหาป้าบ่อย ๆ แต่ไม่ต้องไปเล่นกับพวกมันนะลูก”
“บ่อยกว่านี้คือให้มันมาอยู่นี่แล้วนะ แม่” โกพูด ข้าวเหนียวคลุกหมูอยู่ในปาก
“ห้องหนังสือเราชั้นบน ที่จริง เปลี่ยนเป็นห้องนอนก็ดีเนอะ ชั้นหนังสือเก่าแบบนั้น คนเดี๋ยวนี้เขาอ่านอีบุ๊คกันหมดแล้ว โละไปบ้างไม่เห็นเป็นไร เก็บไว้ใช่ว่ามีใครอ่าน แถมสองหน่อนี่ขยันซื้อเพิ่มาให้ฝุ่นเกาะอีก”
“ครึ่งหนึ่งที่รก ๆ นี่ของอรัณวางทิ้งไว้ทั้งนั้นนะ” อรุโณทัยชี้แจ้ง
นั่น โป๊ะ มิน่าเจ้าลูกรักนั่งตักข้าวต้มกินเงียบกริบ ไม่เออออขานรับคุณป้ายูงของมัน
“อุ๊ย พอดีเลย ป้าชอบเล่มที่อยู่ตรงโต๊ะโซฟาจัง ของอรัณเหมือนกันเหรอ อ่านเก่งนะเรา”
เรื่องแค่นี้ไม่รบกวนพลังอวยหนุ่มอรัณของแม่ยกยูงสักนิดเดียว สองตัวตกกระป๋องต่อไปอีกสามชาติมองหน้ากันเอง โกพลันนึกถึงเมื่อคืน เขานั่งตรวจข้อสอบเด็กนักเรียนอยู่ตรงนี้ (ต้มมาม่าไปด้วย) แล้วโณผู้เพิ่งกลับเดินมานั่งบนเก้าอี้ถัดไป มองจนเขารู้ตัวว่าโดนมอง “มีอะไร” มานิ่งแบบนี้มักลงเอยที่ขอให้เขาช่วยทำอะไรเกี่ยวกับงานละครมันประจำ ขอให้ช่วยไปหา (หลอก) นักเรียนที่สนใจแสดงมารับบทเด็กบ้าง ขอให้ช่วยติดต่อ (ตะล่อม) ให้โรงเรียนเขาเอาละครของมันไปแสดงบ้าง
“น้าโก” โณเว้นช่วงนานสองนาน มือตีเบาะเก้าอี้ไม่มีจังหวะ “โณ…ชอบผู้ชาย”
“หา…เออ เหรอ”
“นั่นแหละ แค่อยากให้น้ารู้ไว้ ที่เหลือก็เหมือนที่ผ่านมาแหละ ไม่มีอะไร”
“เออ ๆ ไปอาบน้ำไป เหม็นเปรี้ยว”
แล้วเขาควรรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้เล่า น้ำเสียงอรัณตอนถามฟังดูเหมือนเขาต้องรู้สึกอะไรสักอย่าง เดี๋ยวนี้เห็นคู่เกย์ออกเกร่อ เวลาเห็น ตนก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก คิดว่าเป็นชีวิตคนอื่น คนแปลกหน้า โรงเรียนเขาเองมีนักเรียนชายที่พวกนักเรียนและพวกครูพูดลับหลังกันว่าเป็นเกย์เป็นตุ๊ดไม่น้อย ไหนจะพวกเด็กนักเรียนหญิงมาดหล่อเท่ พวกรุ่นน้องก็ชอบหัวเราะคิกคักเวลาเดินสวน เห็นแล้วนึกถึงฉากพวกสาวน้อยรุ่นน้องหวีดสาวรุ่นพี่คนคูล แค่ทอนจากยืนเกาะกลุ่มบรรยายสรรพคุณดังลั่นให้ตัวเอกได้ยิน มาเป็นสะกิดๆ ให้เพื่อนหันไปดูแล้วมากระซิบกระซาบกันเอง กับสติ๊กเกอร์หัวใจท่วมเสื้อรุ่นพี่คนนั้นวันวาเลนไทน์ พวกเรื่องซุบซิบในหมู่นักเรียนก็ใช่ว่าโกจะไม่เคยได้ยิน บางเรื่องทำเอาครูหลายรายอยากเอาไปคุยกับผู้ปกครองเสียด้วยซ้ำ บอกว่าถ้าปล่อยไว้จะดูไม่ใส่ใจ แต่ครูที่เหลือทัดทานว่าทำแบบนั้นจะดูเหมือนว่างมากกว่า
คิดเทียบดูแล้ว เอาเป็นว่าเขาไม่รู้สึกอะไรแล้วกัน
อืม!
“อาจารย์คนทา เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เหอ” โกเงยหน้าหาเพื่อนร่วมห้องทำงาน เขาเป็นหนึ่งในสามครูชั้นแปด เพราะทั้งชั้นมีสามห้องเรียน ครูชั้นไหนต้องรับผิดชอบเป็นครูประจำชั้นหนึ่งห้องในชั้นนั้น แล้วใช้ห้องทำงานร่วมกัน ครูที่เหลืออยู่แยกห้องตามหมวดหมู่วิชาที่ชั้นบน ตึกโรงอาหาร เพื่อนร่วมห้องอีกสองคน คนหนึ่งคือเจนธรรม หญิงเสียงเล็ก ใบหน้ากลมจิ้มลิ้ม สอนวิชาภาษาอังกฤษ
เธอขยับเก้าอี้เพื่อเปิดลิ้นชัก หยิบแผงยาระบายกรดขึ้นมาชู “ท้องอืดอีกแล้วหรือเปล่าคะ เลิกก๊งวันอาทิตย์เถอะ สี่สิบแล้ว ต้องเผื่อเวลาพักไว้สักหนึ่งวัน for your organs to miraculously regenerate นะคะ”
“สามสิบเก้า!” คุณเธอทำหน้าไม่เชื่อ “มียาพอแล้วแหละ คุณให้ผมมาตั้งหลายแผง”
“As if you could find it.” ตาเจ้าหล่อนหรี่มองยังตั้งกองสมุด กองเล่มรายงาน ปึกเอกสารตึก ถังข้าวโพดคั่ว กล่องใส่ปากกาซ้อนกันสามใบ ถังลูกอมผสมเปลือกขนม ขวดน้ำตั้งค้างมาสองสัปดาห์ เทียบกับโต๊ะฝั่งตรงข้าม ใกล้หน้าต่างบานแคบบานเดียวของห้อง โต๊ะคุณเธอมีของวางเต็มไปหมดพอกัน ตุ๊กตาแต่งบนจอคอมพิวเตอร์ โพสอิท ตั้งแฟ้มเรียงกัน หัวเกี่ยวกระเป๋าไว้ข้างโต๊ะลายไอออนแมน แถมมีไม้ปัดฝุ่นเสียบบนชั้นด้านหลังเก้าอี้อีก
เพื่อนร่วมห้องอีกคนเรียกโต๊ะเจนธรรมว่าครึกครื้น เรียกโต๊ะเขาว่ารก รกเหมือนหน้าอาจารย์คนทานี่เอง พวกนักเรียนชอบล้อลับหลังดังไปหน่อย ว่าเป็นห้องพักครู ‘โฉมงามกับยักษ์ผ้าเน่า’ โกตัวสูงสันทัด ไว้หนวดเคราบางๆ เน้นเข้มตรงคางอันเป็นจุดที่มารดาชอบบ่นอยากหาปัตตาเลี่ยนไถ หรือเอาฝอยขัดหม้อถู สลับกับบ่นอยากจับเขาตัดผม จึงรับบท ‘ผ้าเน่า’ ในสายตานักเรียน
อาบน้ำทุกวัน หมั่นเพียรแต่งเคราแท้ๆ นี่ทรงที่อยากไว้มาตั้งแต่ยังเลี้ยงเคราไม่ขึ้นเชียวนะ “มันดูขวางทางดาวเสาร์ของโกนะ โกรู้ตัวไหม” ทีกับเจ้าโณ ผมยาวกระเซิงเกือบถึงบ่า แถมมันยังมัดครึ่งหัวแบบมีบางกระจุกโป่งขัดตาอยู่กลางหัวประจำ แม่บอกเข้ากับความอาร์ตของหลานชายดี ขนาดตกกระป๋องยังตกไม่เท่ากัน
ส่วนอรัณที่รักของคุณนายนกยูงน่ะหรือ รายนั้นสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็น่าจะเลี้ยงยาวตลอดปิดเทอมหลังจบมัธยมปลาย ถึงได้ยาวทัดหลังหูได้แล้ว คุณนายนกยูงก็บอกเรียบร้อยน่าเอ็นดู เจ้าตัวก็ไว้ผมยาวมาตลอด โกเห็นมีเล็มมีตัดบ้างแต่พอยาวเลยบ่าแล้วไม่เคยกลับไปสั้นกว่านั้นอีกเลย ท่านแม่ผู้เที่ยงธรรมก็บอกว่าเหมาะ ดูเป็นคนช่างเอาใจใส่ หล่อจริงหล่อจัง ผมยาวแล้วดูทำให้ไหล่กว้าง ยิ่งภูมิฐาน มันเหมาะเหม็งไปหมดขนาดนั้นแล แล้วแชมพูแม่หมด เจ้าโกเจ้าโณไม่ต้องไปเลือกให้แม่นะ แม่ไม่ไว้ใจเจ้าพวกขี้เกียจไร้ความละเอียดละอ่อน เอาน้ำราดหัวแล้วลืมใส่แชมพู ก็เอาสบู่ที่ถูตัวอยู่ขยี้ผมตัวเองด้วยเฉย
ความยุติธรรมไม่มีในโลก หน้าถูกโฉลกใจแม่ยกเท่านั้นจะดำรงอยู่
“เอ๊ย เดี๋ยวนะ ผมไม่ได้ท้องอืดนี่หว่า” เขาเพิ่งกลับไปความคิดเดิมก่อนโดนทัก
“เห็นนั่งหน้าเครียด ศินะก็อปวิกิพีเดียมาส่งอีกแล้วเหรอ” คราวนี้เพื่อนร่วมห้องทำงานอีกคนแจม กันตพิชญ์ หรือ ปราชญ์ รุ่นพี่เขาเองสมัยเรียนมัธยมที่นี่ คนนี้ผมสั้นหน้าเกลี้ยง คางแข็งแกร่ง ส่วนคนตาดุแบบพี่ปราชญ์คนนี้รับผิดชอบส่วน ‘ยักษ์’ เป็นอาจารย์สอนวิชาหมวดศิลปกรรม-ทั่วไป
ตรง ‘ศิลปกรรม’ นั้นสอนศิลปะตามแต่จะยื่นแผนการสอนเทอมนั้นผ่านไหม ส่วนตรง ‘ทั่วไป’ พี่ท่านต้องเหมาหมด ทั้งวิชาช่างไม้ วิชาถ่ายภาพ วิชาพิมพ์ดีด วิชาคหกรรมขนมไทย นักเรียนร่ำลือว่าวิชาอื่นเป็นมนุษย์ พอถึงวิชาพิมพ์ดีด กลายเป็นยักษ์จำแลงเฉย
ตอนพวกเขาเจอกันครั้งแรกในห้องประชุมรวมบุคลากร ทั้งคู่ชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วระเบิดหัวเราะเย้ยหยันใส่กันจนทั้งห้องมองอย่างหวาดระแวง
สองพี่น้องร่วมสถาบันรู้นิสัยและวีรกรรมสมัยเรียนกันดีว่า มาเป็นอาจารย์แบบนี้ คือมานอนรอให้กรรมที่ก่อไว้สมัยเรียนตามทัน
“เรื่องอื่น”
“ถ้าจะโดดประชุมศุกร์นี้อีกจะโกรธแล้วนะคะ อาทิตย์นี้ตาฉัน ห้ามโกง” เจนธรรมรีบดัก สายตามุ่งมั่นปานว่าเตรียมข้ออ้างหนีประชุมไว้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา
“ด่าพี่ปราชญ์สิ อาทิตย์นั้นมันตาผม พี่ปราชญ์ต่างหากที่ลัดคิว!”
“อาทิตย์นั้นมันตาพี่ว้อย!”
“ตอนนั้นใครผิดก็ช่าง แต่อาทิตย์นี้ของฉัน!” สายตาเดือดมองถลึงข้ามกองงานมา สองชายวัยกลางคนยกมือสาบานจะให้หญิงสาวโดดประชุมอย่างราบรื่น
“อะแฮ่มๆ อาจารย์เจน” ปราชญ์ทำเสียงกระแอมปลอม “กระเหี้ยนกระหือรือจะโดดขนาดนี้ มีแผนพิเศษวันนั้นหรือเปล่า”
“แฟนบินมาเยี่ยมค่ะ เครื่องลงหกโมงเย็น” เธอถึงขั้นหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะมานำเสนอวงสีแดงเน้นย้ำเตือนใจ ซึ่งคงไม่ได้เตือนตัวเองแต่เตือนคนอื่นมากกว่า ว่าห้ามมากวนกำหนดการวันนั้น “วันเสาร์วันเกิดเขา จะไปฉลองกันที่หัวหิน”
สองผู้ฟังผิวปาก ปรบมือแสดงความยินดีแก่แผนวันหยุดสุดสัปดาห์
“แฟนคุณ คนอะไรนะ” เขาจำได้เลือนรางเพียงเธอมีแฟนเป็นคนต่างชาติ
“อเมริกัน” รอยยิ้มติดเขินนิดหน่อยเผยบนดวงหน้าจิ้มลิ้ม เวลาเจนธรรมยิ้มแบบนั้น โกมั่นใจว่าตนลืมภาพเจ้าหล่อนตบโต๊ะ ตะโกนบอกให้นักเรียนทั้งโรงอาหารเข้าแถวตั้งแต่วันแรกที่หล่อนมาสอน ทุกคนรวมถึงคณาจารย์ฟังด้วย กระทั่งพวกอาจารย์อาวุโสที่มาบ่นทีหลังว่าครูหญิงไม่ควรตวาดเสียงดังเช่นนั้น “แต่เขาไปเรียนต่อปริญญาเอกที่สก็อตแลนด์”
“ปีที่แล้ว เจนเขาไปหาถึงที่กลาสโกว์” ปราชญ์บอก
“โห สมัยเรียน พี่ปราชญ์ไม่ยอมไปซื้อข้าวมันไก่กลับมาให้น้องในกลุ่มด้วยซ้ำ พี่แม่ง”
“คนละเรื่องเลยไหม ไอ้นี่ รึจะให้ฉันทวงที่แก --” มันต้องมีงัดวีรกรรมมาแฉ มันต้องมี
“กลาสโกว์ งี้ก็หนาวน่าดูเลยสิ ที่ตอนนั้นคุณบอกว่ามีแผนยาวสำหรับสงกรานต์แล้วใช่ไหมนะ” โกรีบถามต่อ ตัดบทรุ่นพี่
“ว่าจะหนีร้อนไปหาหนาว แต่ที่จริงคือหนีสาดน้ำไปเจอฝนตกตลอดทั้งทริป” เจนธรรมโอดครวญ แต่ปากกลับยิ่งยิ้มกว้าง “แต่เลยทำให้ได้ใส่เสื้อผ้าเขาตั้งเยอะ ฉันอิจฉาแต่ละชุดของแฟนมานานแล้ว นางก็รู้ตัวเถอะ เวลาสไกป์กันทีไร ฉันทักชุดนางตลอด” เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิด ลากนิ้วหารูปอวดพวกเขา โกยื่นหน้าเข้าไปดู ส่วนปราชญ์ทำท่าทำนองว่าเคยเห็นแล้ว บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นรูปเจนธรรมสวมเสื้อกันฝนตัวใหญ่ทับเสื้อผ้าหนา กระโปรงยีนส์ลายดอกไม้สีอ่อนถึงเข่า รองเท้าบู๊ต ข้างกายเธอเป็นสาวฝรั่งผมย้อมแดงหยิกลอน ใบหน้าพราวรอยกระกับยิ้ม “ชอบกระโปรงตัวนี้มาก เขา promised like ages ago ว่าถ้าเจออีกตัวจะซื้อให้ฉัน ไม่เห็นโผล่มาสักที”
โกกะพริบตาปริบ ๆ
“แฟน…แฟนคุณ?”
เจนธรรมพยักหน้า ไถรูปอื่นให้ดู ภาพเธอถ่ายจังหวะที่ตัวเองจูบแก้มหญิงฝรั่งคนเดิม
เขายกมือขอเวลานอก
เกาหูยิก ๆ ครุ่นคิด
มองเจนธรรมอีกครั้งหนึ่ง
“แฟนอาจารย์เจน…ผู้หญิงเหรอ”
ถึงคราวเจนธรรมกะพริบตาปริบ ๆ เธอหันไปหาปราชญ์ “เขาไม่รู้เหรอ”
ปราชญ์ลูบคาง “ท่าทางจะเป็นงั้น”
“อาจารย์คนทา คุณคิดว่านี่อะไร” หญิงสาวชี้ไปยังผนังข้างโต๊ะทำงานซึ่งเธอแขวนกรอบรูปสีแดงล้อมภาพถ่ายรูปเธอกับสาวฝรั่งผมทองเข้ม เจนธรรมฉีกยิ้มมองกล้อง มือซ้ายกุมกับมือสาวฝรั่ง โดยผู้หญิงคนนั้นกำลังโน้มหน้า เอาจมูกแตะนิ้วที่เกี่ยวกุมกัน ปากยิ้ม ท่าทางมีความสุขดี
“รูปคุณกับ…เพื่อนฝรั่ง?”
“นั่นคนเดียวกับในมือถือเขาเลยว้อย” พี่ปราชญ์ขยำกระดาษปาใส่หลังรุ่นน้องเก่า
“ผมจำหน้าคนไม่เก่ง!”
“ไม่ใช่ประเด็น!”
“Seriously? ฉันคุยเรื่องแฟนฉันกับอาจารย์ปราชญ์เวลาคุณอยู่ในห้องด้วยตั้งบ่อย”
“ผมไม่ได้ตั้งใจฟัง นั่นน่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?!” รีบปกป้องตัวเอง
“มึงถ่ายรูปท่านี้กับเพื่อนเรอะ” ปราชญ์ถามเสียงแห้งเหือด
“ฮ่า! พี่เอาความมั่นใจมาจากไหนว่าผมมีเพื่อนให้ถ่ายรูปด้วย!” เขาชี้หน้าปราชญ์อย่างผู้ชนะ เจนธรรมเอามือกุมหน้า เอื้อมมือไปยันผนัง ท่าทางลังเลระหว่างยืนพูดต่อหรือลงไปนอนสักครู่ โกผายสองมือ หันไปมา “อะไรเนี่ย ทำไมอยู่ ๆ ทุกคนก็เป็นเกย์”
“BITCH PLEASE I’VE ALWAYS BEEN GAY”
สัญญาณเข้าแถวเคารพธงชาติดัง
Comments (0)