Content Warning

เลือด / อุบัติเหตุ / การเข้าโรงพยาบาล / ความรุนแรง

***********************

"เลิศ!"

รัศมีกรีดร้องปานจะขาดใจ เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวโยน เขารีบฝากโถข้าวและถาดเงินไว้กับหมายคนขับรถ จากนั้นก็วิ่งหน้าตั้งเข้าไปในตัวคฤหาสน์สองชั้นที่มีเสียงสะอึกสะอื้นดังผ่านช่องหน้าต่างออกมาไม่ขาดสาย

"หมาย!"

รัศมีคร่ำครวญ เธอบังคับมืออันสั่นเทาเข้าประคองใบหน้าของลูกชายสุดที่รักที่เปรอะเปื้อนเลือดสีแดงก่ำไปเกือบครึ่ง

"มน! น้องมน!"

ผู้เป็นแม่ตะโกนเรียก ใจหวังให้ร่างกายที่แน่นิ่งฟื้นขึ้นมาสบตา ช่วงเวลานั้นเองชายหนุ่มที่เธอพร่ำเรียกหาก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาใกล้ เธอหันไปหาผู้มาใหม่ ปากอ้าออกคำสั่งโดยที่น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย

"ตาม..." รัศมีสะอื้น "ตามรถพยาบาลที"

เลิศลนลาน เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินฉับพลันทันด่วน แต่ปลายสายกลับถามหาที่อยู่ที่คนต่างถิ่นอย่างเขาไม่สันทัดนัก คนเป็นนายที่จึงถือวิสาสะคว้าเอาโทรศัพท์ของเขาไปด่าทอเสียเอง

"หูหนวกรึไง บอกว่าหมู่บ้านทิพย์วิมาน ขับมาสิ ทิพย์วิมาน!"

เสียงเล็กแหลมของรัศมีคล้ายกับเข็มเล็กแหลมเสียดแทงเข้าไปในรูหู เธอเดินเป็นวงกลม พร่ำพูดถึงสถานที่ตั้งของบ้านซ้ำไปซ้ำมาจนคนตัวเล็กที่นอนแน่นิ่งอยู่นานส่งเสียงครางในลำคอ

"อือ..."

มนพัทธ์ลืมเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เขาเห็นวิสัยทัศน์ตรงหน้าเป็นเพียงเงาบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปร่างเคลื่อนไปมาเท่านั้น เด็กหนุ่มพยายามกระดิกปลายนิ้วแต่ไม่เป็นผล ร่างกายของเขาไม่ตอบสนองคำสั่ง มันทำได้แต่กะพริบแพขนตาจนกระทั่งเลิศสังเกตเห็นนัยน์ตาใสกลับมาเคลื่อนไหวชายหนุ่มจึงรีบถลาเข้าไปหา

"คุณ! คุณ!"

ฝ่ามือหนาตบบริเวณแก้มป่องระรัว มนพัทธ์ไม่ได้ยินเสียงของเขา มิหนำซ้ำยังจวนเจียนจะสิ้นสติลงอีกหน

"คุณนายครับ คุณมนเธอ..."

เลิศพูดได้ไม่จบคำหมายคนขับรถก็หุนหันพลันแล่นเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน พวกเธอกรีดร้องกันระงมหลังจากเห็นคุณหนูคนดีล้มคว่ำอยู่ที่พื้น

"คุณมนคะ"

แก้วปรี่ออกจากแถว มาเกาะท่อนแขนข้างหนึ่งของมนพัทธ์ที่บวมเป่ง

"อย่าจับครับ" เลิศส่ายหัว "ห้ามเคลื่อนย้ายเองครับ ต้องรอกู้ภัย"

แก้วได้ฟังก็เดือดดาล คนดีของเธอเจ็บปางตายแต่ไม่มีใครสักคนเหลียวแล

"ทำไมเอ็งยังใจเย็นอยู่ได้ คุณหนูเธอเป็นขนาดนี้ ทำไมไม่รีบพาเธอไปโรงบาล!"

"ไม่ได้ครับ"

เลิศยืนยันหนักแน่น

"เราไม่รู้ว่าคุณมนได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง เกิดไปยกสุ่มสี่สุ่มห้าอาจเกิดอันตรายได้"

"จะบอกให้ยืนดูเฉยๆ เหรอ"

คนเป็นแม่บ้านเหลือจะทน เธอเตรียมจะตวาดอีกหนแต่เสียงสัญญาณจากรถกู้ภัยดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

"รถมานั่นแล้ว"

รัศมีกระวีกระวาดวิ่งไปกระโดดเหยงๆ กวักมือเรียกรถตู้คันใหญ่ให้เข้ามาจอดในบ้าน

"ทางนี้! ทางนี้"

เมื่อรถกู้ภัยจอดสนิทคนหนุ่มสองสามคนก็พรวดพราดออกมาจากรถ พวกเขาเอาแผ่นพลาสติกสีแสบตาสอดเข้าใต้ร่างของคุณหนูคนเล็ก ตรึงศีรษะแสนบอบช้ำให้ตั้งตรง และรั้งเชือกพลาสติกเส้นใหญ่ไว้ไม่ให้ร่วงหลุดจากเปล จากนั้นก็รวบรวมเรี่ยวแรงยกแบกหาม สี่เท้าก้าวฉับๆ มุ่งไปยังท้ายรถที่เปิดประตูคอยไว้ท่า

"คนไหนญาติครับ"

รัศมีหูผึ่ง เธอวิ่งเป๋เหมือนเด็กหัดเดินเข้าไปหาชายแปลกหน้า เขาถามเธอหลายต่อหลายคำถาม แต่เลิศอยู่ห่างเกินกว่าจะได้ยินเสียง ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจหนึ่งรัศมีก็กระโดดตามเข้าไปในรถ เข้าไปนั่งลูบเรือนผมที่เริ่มจับตัวเป็นก้อนของลูกชายด้วยหัวใจที่แตกสลาย และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เลิศเห็นก่อนโครงเหล็กขนาดใหญ่จะเหวี่ยงลงมาบดบัง

พอช่วงสายภายในคฤหาสน์ก็ยุ่งกันหัวหมุน เพราะ คุณหม่อง ผู้เป็นเจ้าของบ้านตื่นขึ้นมาพบกับคราบเลือดของดวงใจกระจายอยู่ตามขั้นบันได ชายแก่หัวเสีย เขาเดินกระฟัดกระเฟียดชี้นิ้วป้อมไปทั่วสารทิศ คำรามเสียงดุดันคาดคั้นให้เหล่าลูกจ้างแจกแจงเหตุการณ์ คนเหล่านั้นไหล่ห่อ ตัวลีบ ไม่มีใครกล้ามีปากเสียงยกเว้นเลิศ

"ผมได้ยินเสียงคุณนายร้องเรียก" เลิศอธิบาย

เขาเล่าเรื่องโดยละเอียดให้ชายแก่ฟัง เริ่มเรื่องด้วยเสียงกรีดร้องและร่างที่คุดคู้อยู่บนกระเบื้องหินอ่อนอันเย็นเฉียบ

"พาฉันไป" หม่องออกคำสั่ง

"ไปไหนครับ"

"โรงพยาบาลสิ"

เลิศไม่รู้ทาง มิหนำซ้ำเขายังไม่ใช่คนขับรถ หากใช้เขาไปแทนที่หมายผู้เป็นนายมีแต่จะเสียเวลา เลิศจึงสะบัดหน้าไปหาเจ้าของตำแหน่งที่ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ด้านหลัง

"พี่หมาย คุณผู้ชายจะใช้รถ"

"เอ๊ะ"

"รถครับพี่" เลิศท้วงอีกหน

"อะ เอ้อ ชะ เชิญครับคุณท่าน"

หมายสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติของตนเองจากนั้นชายแก่ทั้งสองก็จ้ำอ้าวออกไปทางโรงจอดรถ เลิศทิ้งตัวลงนั่ง สอดนิ้วยาวเข้าไปขยี้กลุ่มผมอย่างหัวเสีย

เหี้ยอะไรวะเนี่ย

ชายหนุ่มรำพึง เขาเพ่งพินิจขั้นบันไดที่คุณหนูคนเล็กเพิ่งร่วงหล่นลงมาโดยละเอียด

มันมีพรม เด็กนั่นไม่น่าลื่น หรือถ้าลื่น...

เลิศหยุดความคิดทันทีเมื่อสังเกตเห็นกล้องวงจรปิดขนาดเล็กติดอยู่บนเพดาน

"ผมขอดูกล้องวงจรปิดได้มั้ยครับ"

แก้วกับแตงหันมองหน้ากันตาปริบ

"ดูไม่ได้หรอกพี่เลิศ ต้องรอคุณๆ เขากลับมาที่บ้านก่อนถึงจะถอดเทปได้"

แก้วรีบเสริม

"เอ็งติดใจอะไร ไม่ใช่ว่าเธอพลัดตกลงมาหรือ"

"หรือคุณนาย!" แก้วรีบปิดปาก

"เบาๆ อีแตง อยากโดนไล่ออกหรือยังไง"

"ก็ตอนนั้นมันมีแค่คุณนายกับคุณมนนี่ ฉันก็พูดตามที่พี่เลิศบอกคุณท่านนั่นแหละ"

"ผมแค่อยากแน่ใจอะไรบางอย่างเฉยๆ ครับ ไม่เกี่ยวกับคุณนาย"

"แน่ใจอะไรจ๊ะ" แตงรีบสอด

เลิศยิ้มขืน เขาไม่กล้าเอ่ยถึงสมมุติฐานที่คิดเอาไว้ในหัวให้แตงฟัง

"ไม่สำคัญอะไรหรอก"

ชายหนุ่มทิ้งท้ายก่อนเดินหายเข้าไปในสวนด้านหลัง เลิศมีงานกองพะเนินที่ต้องทำต่อ ทั้งตัดแต่งสวนและเริ่มเพาะชำ แม้ใจหนึ่งจะนึกหวั่นว่าจะได้ยินข่าวคราวไม่สู้ดีนักของครอบครัวที่ให้อาศัยอยู่ใต้ชายคา

"เห็นว่าเธอหัวแตก"

เลิศได้ยินเสียงของแตง มันดังลอดออกมาจากชั้นสอง ตอนที่เขากำลังคีบหนอนแก้วตัวอ้วนออกจากต้นเฟื่องฟ้า และอีกสองชั่วโมงต่อมาก็ยังคงเป็นแตงที่คอยรายงานความเป็นไปของคุณมนพัทธ์

"แขนหักอีก พี่หมายบอกว่าหน้าแข้งร้าวด้วยนะป้า แล้วอะไรอีกนะ เอ้อนิ้วซ้น ฟันหน้าหักซี่นึง ตอนนี้เธอฟื้นแล้ว เธอร้องไห้จ้าเลย แหมก็ฟันหักเป็นฉันฉันก็ร้องนะ"

เลิศส่ายหัว เขาเหมือนกำลังฟังเรื่องของเด็กห้าขวบพลัดตกจากจักรยานเสือภูเขา

"เอ้อ เห็นว่าวันศุกร์นี้พวกเราถึงไปเยี่ยมได้ แต่งตัวสวยๆ ไปกันเนอะป้าเนอะ ไปปลอบใจเธอหน่อย พี่เลิศจะไปมั้ย" แตงตะโกนถาม

เจ้าของชื่อที่แอบนอนเอกเขนกอยู่ในห้องพักจึงโผล่หน้าออกมาส่ายหัวปฏิเสธ

"ทำไมล่ะพี่ เขาไปกันหมดบ้านเลยนะ"

"ไม่ชอบโรงบาล"

"ไม่มีใครชอบหรอกพี่ แต่ที่เขาไปกันเพราะเธอเป็นเจ้านาย"

เลิศนึกขันความเจ้าสั่งการของเหล่าคนงานในบ้านหลังนี้

"ไปกันหมดก็ขาดคนเฝ้าบ้าน ผมอยู่น่ะดีแล้ว เผื่อมีขโมยขโจรย่องเข้ามา"

แตงพยักหน้า เธอจิ้มมะม่วงเปรี้ยวกับน้ำปลาหวานและโยนใส่ปากโดยที่ไม่รบเร้าเลิศต่อ สัปดาห์ถัดมาเลิศจึงได้พบกับมนพัทธ์อีกหน เด็กหนุ่มคนนั้นมีปลาสเตอร์แผ่นใหญ่แปะที่หัว ส่วนขาและแขนก็ถูกพันด้วยเฝือกอ่อนสีดำสนิท เขาขยับเขยื้อนไปไหนแทบไม่ได้หากไม่มีรถเข็นไฟฟ้าคู่ใจ

"บ้านเราไม่มีลิฟต์นี่นา เนี่ยคุณคะ หมีก็บอกแล้วว่าไปหาฤกษ์ทำมาซักที"

"บ้านเรามีชั้นอยู่แค่นี้เองใครมันจะไปรับทำ"

สามีภรรยาถกเถียงกันอยู่หลายนาทีจนคนเป็นลูกต้องรีบแจ้นด้วยความเร็วของรถเข็นออกมาจากบริเวณนั้น

"อุ้มหน่อย"

มนออกคำสั่งเมื่อเห็นเลิศเดินเงอะงะอยู่ไม่ไกล

"ครับ?" ชายหนุ่มร้องเสียงหลง

"ปวดฉี่"

เลิศขมวดคิ้วเป็นปม ปริศนาสองสามพยางค์ของมนพัทธ์ยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ

"ยกผมกับวีลแชร์ขึ้นไปหน่อย ปวดฉี่"

เลิศเตรียมปฏิเสธแต่รัศมีตามมาเห็นดีเห็นงามด้วยเสียก่อน

"พอดีเลยนายเลิศ ช่วยยกน้องขึ้นไปที คุณผู้ชายเองก็หลังไม่ค่อยดี ฝืนสังขารไม่ไหวละ ไอ้ฉันมันก็ไม่มีแรงซะด้วย มีแต่นายเลิศนี่ล่ะที่พอจะพึ่งพาได้"

เจ้าของชื่อยิ้มเจื่อน เขามองแม่ลูกจอมบงการที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างท้อแท้ใจ

"มาหนูมาเกาะไหล่แม่ เดี๋ยวให้พี่เขายกวีลแชร์ขึ้นไป พอยกเสร็จแล้วให้พี่เขาลงมารับ มา หนึ่ง สองฮึ่บ!"

รัศมีหิ้วแขนข้างหนึ่งของลูกชายขึ้นพาดบ่า เป็นสัญญาณให้เลิศทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เขาแบกรถเข็นไปตามความชันจากนั้นก็เดินกลับลงมาช้อนร่างเล็กที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นยาขึ้นอุ้ม และเยื้องย่างไปยังชั้นสอง

หนักฉิบหาย

เลิศบ่น

หนักเหมือนยกซุง

มนพัทธ์ตวัดรอบแขนเกี่ยวไว้ที่ลำคอหนา เขาบดเบียดเนื้อตัวเข้าไปใกล้เสียจนลมหายใจอุ่นพรมอยู่ข้างใบหูของเลิศ

"ผมโดนผลัก" มนกระซิบ "มันผลักผม"

คนฟังใจเต้นไม่เป็นส่ำ สิ่งที่เลิศคาดการณ์เอาไว้ถูกต้องทุกประการ ชายหนุ่มเหลียวมองคนในอ้อมแขนอย่างหวาดหวั่น เขากลัวเหลือเกินว่าจะทำร่างกายแสนบอบช้ำในอ้อมแขนร่วงหล่นลงไป

"มีใครรู้บ้าง" เลิศถาม

"แค่คุณ...ตอนนี้มีแค่คุณ"

เลิศกลืนน้ำลาย ความลับที่มนพัทธ์ร่วมแบ่งปันกับเขานั้นช่างหนักอึ้ง หนักเสียจนเขาเผลอถอนหายใจเมื่อวางร่างอรชรลงบนเบาะของรถเข็นได้สำเร็จ

"อาบน้ำไปด้วยเลยนะลูก"

สองหนุ่มสะบัดหน้ากลับไปหารัศมี

"อะไรนะครับ"

มนเลื่อนล้อรถเข็นไปริมระเบียงก่อนตะโกนถาม

"อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเลยจ้ะ โรงพยาบาลเชื้อโรคเยอะ เดี๋ยวป่วย"

"จะอาบยังไงล่ะครับ ปกติพี่พยาบาลเขาเช็ดตัวให้นะ"

"นายเลิศไง"

"หา!" ทั้งคู่คำราม

"เดี๋ยวแม่ให้คนหาพลาสติกมาคลุมเฝือกเอาไว้ให้ ส่วนตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ฝากน้องด้วยนะ โตเป็นหนุ่มแล้วจะให้แม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็ยังไงอยู่ น้า ยังไงฝากนายเลิศด้วยนะ ฉันต้องไปสั่งงานในครัวละ"

"แม่!"

คนเป็นลูกร้องเรียกแต่รัศมีวิ่งปรู๊ดหายไปอีกทาง ทิ้งให้คนสวนพ่วงตำแหน่งบุรุษพยาบาลจำเป็นยืนจังงังอยู่กับที่

"แม่งเอ๊ย" มนพัทธ์สบถ

เขาเคลื่อนรถเข็นด้วยความเร็วเต็มพิกัดไปที่ห้องนอนของตัวเอง ก่อนเปิดประตูกระแทกกับข้างฝาเสียงดังสนั่น

"ไม่ต้องทำหรอก"

"ทำอย่างกับผมอยากทำนัก"

เลิศที่เดินตามมากลอกตา เขาถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าและคว้าเอาชุดลำลองที่สวมได้ทางหัวของมนพัทธ์ออกมาวางเรียงบนเตียง

"ทำอะไร"

"หยิบถึงรึไง"

เด็กหนุ่มตอบ ไม่ ในใจเสียงดัง ลำพังแค่จะลุกยืนเป็นกระต่ายขาเดียวก็ถือว่าเกินกำลัง

"เดี๋ยวยืนหลับตาให้ ติดขัดตรงไหนคุณก็บอกแล้วกัน" ชายหนุ่มเสนอ

"ติดทุกตรง อย่าบ้าจี้ตามแม่ได้มั้ย"

เลิศถอดทอนใจ

"มือก็เดี้ยง แขนก็เดี้ยง จะไปทำอะไรเองไหวได้ไง"

"ไม่ไหว แต่เดี๋ยวเรียกแม่มาทำให้"

เด็กหนุ่มกดปุ่มให้รถเข็นเคลื่อนไปด้านหน้า แต่พยาบาลจำเป็นกลับหมุนให้มันกลับมาประจันหน้าเขาอย่างเดิม

"ทำๆ ไปให้มันจบเถอะคุณ อย่ามากความนักเลย ผมมีอีกหลายงานที่ต้องไปทำต่อ"

"ไอ้นี่" มนพัทธ์แยกเขี้ยว

เลิศไม่พูดพร่ำ เขายื่นมือเข้าไปถกชายเสื้อยืดตัวโคร่งของคุณคนเล็กออกทางหัว คนถูกรุกรานตาถลึง ปากอ้าจะด่าให้เจ็บแสบแต่เสี้ยววินาทีนั้นมือหนากลับยุ่มย่ามอยู่ที่ตะขอกางเกงของเขาเสียก่อน เด็กหนุ่มจึงต้องกลืนคำด่าทอลงคอหอย

"อ๊ะ"

เศษเสี้ยวกิริยาหยาบโลนแสนหน้าไม่อายของนายเลิศสัมผัสถูกจุดกลางกายจนคุณชายต้องห่อไหล่เข้าหากันจนตัวงอ

"โทษที ไม่คิดว่าจะโดน"

"ทุเรศ"

"ไม่ได้ตั้งใจ"

"ก็ยังทุเรศอยู่ดี" มนพัทธ์เบือนหน้าหนี

"คนที่หัวนมตั้งเพราะแค่มีผู้ชายมาถอดเสื้อให้กล้าพูดแบบนี้เหรอ"

"ไอ้เลิศ!"

คนเป็นนายเหลือจะทน เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งตอบโต้คำพูดไร้มารยาทเต็มแรงหนึ่งฉาดจนใบหน้าเจ้าเสน่ห์เบ้ไปอีกทาง

ชนะแล้ว

มนพัทธ์ยิ้มผยอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีเจ้าของดวงตาดุดันราวพญามัจจุราชก็หันกลับมายัดเยียดจุมพิตร้อนให้เด็กหนุ่มผู้ลำพองใจ