ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่คฤหาสน์หรูของเศรษฐีใหม่ชื่อดังของสระบุรี เลิศรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งคอยเฝ้าจับตาดูเขาอยู่ จะว่าวิตกจริตไปเองเหตุจากเมื่อยล้ายามขนย้ายกระสอบดินเป็นสิบๆ เที่ยวก็คงจะไม่ใช่ เพราะเมื่อบ่ายโมงวันนี้ดวงตากลมบ๊อกคู่เดียวกับที่เขาเห็นก็ยังคอยชะเง้อหาตน พวกคนรับใช้เรียกผู้ชายผิวขาวซีดคนนั้นว่า คุณมน แม้จะไม่เคยมีโอกาสได้พบกันซึ่งๆ หน้า แต่เลิศกลับจำชื่อนี้ได้ขึ้นใจ

คุณมนจะทานอะไรคะ

คุณมนจะทานที่ไหนคะ

สาวใช้วิ่งวุ่นกันทั่วบ้านราวกับวิ่งตามเด็กเพิ่งหัดเดิน แต่น่าแปลกที่แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ คุณมน ของทุกคนกลับไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้ต้นลีลาวดีที่เขาเพียรพรวนดินให้ต้นนี้เลย

สถานที่โปรดของลูกชายคนเล็กของบ้านเห็นจะเป็น ศาลากลางแจ้ง ที่ทำด้วยเหล็กทาเคลือบสีขาวหลังนั้นเสียมากกว่า เพราะไม่ว่าเลิศจะเดินผ่านไปกี่ครั้งก็จะเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นสวมที่ครอบหูพร้อมกับอ่านหนังสือในมือไปด้วย

ดอกกุหลาบที่เลื้อยเป็นเถานั้นเฉาแล้ว

นักทำสวนพูดกับเจ้าของบ้านตัวน้อยในใจ เขาอยากรื้อทุกกระถางไม้ดอกรอบศาลานั้นขึ้นมาเพาะชำใหม่ ติดตรงที่ไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำออกไปอย่างไร เพราะตนมีหน้าที่ดูแลสวนไม่ได้มีหน้าที่แสดงความคิดเห็น หากเจ้านายชอบ พึงพอใจในสิ่งที่พวกเขามี เลิศก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปสอด

มองอีกแล้ว

เลิศถอนหายใจพลางเอนตัวไปด้านหลังแสร้งว่ากำลังยืดเส้นยืดสายก่อนจะหันไปสบเข้ากับตาใสที่ลอบมองเขาจากระเบียงชั้นสอง คุณคนเล็กของบ้านชิงเบี่ยงหน้าหนีก่อนใคร ทิ้งให้ชายหนุ่มขบคิดเป็นปริศนาว่าเพราะเหตุใดลูกชายของเจ้านายถึงได้ขยันจับผิดงานการของเขานัก

เขาทำอะไรผิดหรือ

เลิศถามคำถามที่ไม่มีผู้ฟังกับตัวเองอีกหน แต่คุณหนูเจ้าอารมณ์กลับรูดม่านหนีเขาเสียอย่างนั้น

"ประหลาดคน"

พวกลูกเศรษฐีคงมีนิสัยเอาแต่ใจอย่างที่ใครๆ เขาว่า หากภายในสามวันเจ็ดวันเลิศถูกบังคับให้ลาออกขึ้นมา ชายหนุ่มคงไม่ต้องไปสืบหาตัวการที่ไหนไกล สุดท้ายก็คงไม่พ้น คุณมนพัทธ์ ที่คอยทำตัวลับๆ ล่อๆ สอดแนมเขาราวกับเป็นสายลับคนนี้แน่

“นายเลิศ!” หญิงวัยกลางคนตะโกนเรียก

เจ้าของชื่อขานตอบเสียงดังก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ลานกว้างที่เชื่อมกับห้องครัว บริเวณนั้นเป็นพี่พักผ่อนหย่อนใจของคนงานภายในบ้านแทบทั้งสิ้น นอกจากจะมีม้าหินอ่อนเย็นๆ ให้นอนรับลมแล้ว กับข้าวกับปลาในสำรับก็อร่อยอย่าบอกใคร

"มีอะไรหรือครับ"

เมื่อสาวเท้ายาวไปจนถึงหน้าประตู คนตัวสูงก็หอบหายใจเล็กน้อยพร้อมชะโงกหน้าเข้าไปด้านใน

"ฝากวางชากับขนมนี่ไว้ที่ศาลากลางแจ้งทีนะ อีกห้านาทีคุณมนจะลงมาทาน"

เธอพูดพลางก้มหน้าก้มตาจัดแจงจานแก้วใส่ในถาดสีเงิน นอกจากนั้นยังมีถ้วยชาที่ดูจะมีราคาวางเอาไว้ข้างๆ กันด้วย

"แค่วางไว้ใช่มั้ยครับ" เลิศถามซ้ำ

"ใช่จ้ะ" เธอพูดต่อ "รออีกเดี๋ยวนะ ชายังต้มไม่ถึงสามนาที"

เลิศได้ฟังก็รำพันในใจ อยู่มาจนอายุได้สามสิบกว่าปีชายหนุ่มคนนี้ก็ยังไม่รู้ความแตกต่างของรสชาติ ชาสามนาที กับชาที่ชงขายกันทั่วไปเลยสักนิด ยิ่งมีขนมหน้าตาประหลาดที่ดูผิดแผกไปจากเค้กและคุกกี้ที่เขาเคยพบเห็นคนสวนคนใหม่ของบ้านก็ยิ่งประหลาดใจ

"คุณมนนี่ก็เหลือเกินนะ รู้ทั้งรู้ว่าศาลาหลังนั้นทั้งร้อนทั้งแมลงเยอะก็ยังไม่วายไปนั่ง ป้าก็เหนื่อยที่จะพูดแล้ว ไหนๆ ฝากนายเลิศดูแลพวกมดพวกแมลงทีนะ เมื่อวานเธอก็โดนมดดำตัวใหญ่กัดเอา นิ้วนี่บวมเป่งเชียว"

"เพราะทานแต่ขนมล่ะมังครับ"

เลิศพึมพำ สายตาหลุบต่ำมองขนมก้อนกลมตรงหน้า

"อะไรนะจ๊ะ"

"อ๋อ ผมบอกผมจะดูให้ครับ"

"ฝากด้วยนะ เห็นเธอโอดโอยแล้วป้าไม่สบายใจเลย"

คนฟังยิ้มแหย เท่าที่เขาสังเกตรูปพรรณสัณฐาน คุณมน คนนี้คงอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว หากจะถูกมดสักตัวกัดคงจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไร ถ้ามีอาการแพ้จนต้องหามส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลก็ว่าไปอย่าง ชายหนุ่มคงจะพอเข้าใจได้ว่าทำไมหญิงวัยกลางคนคนนี้ถึงได้เป็นห่วงเป็นใยนัก

หลังจากฝากฝังหน้าที่ให้เขากำจัดมดปลวกเพิ่มแล้ว ป้าแก้ว แม่บ้านคนเก่าคนแก่ก็ยกกาเซรามิกสีขุ่นขึ้นเทน้ำชาร้อนลงในถ้วยขอบสีทองใบโปรดของคุณมนพัทธ์

"ชาอะไรหรือครับ หอมดี"

เลิศมองตามเศษใบชาสีเข้มที่วนเป็นวงกลมอยู่บนผิวน้ำ

"คาโมมายล์จ้ะ"

กว่าที่เขาจะได้คำตอบมันก็จมลงไปนอนแน่นิ่งเป็นตะกอนอยู่ก้นถ้วยเสียแล้ว

เลิศประคองถาดสีเงินไปจนถึงศาลากลางแจ้งอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มกลัวว่าจะไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้คืนหากเขาทำถ้วยชาราคาแพงใบนี้แตก เขาเงอะๆ งะๆ เพราะไม่รู้ว่าจะวางชุดอาหารว่างของคุณหนูคนดีของบ้านไว้ตรงไหน สุดท้ายเลิศก็ทิ้งมันไว้กลางโต๊ะไม้ฉำฉาก่อนจะเดินออกมา

เลิศสวมถุงมือ วางหมวกสานปีกกว้างลงบนหัว ก่อนเอาเสื้อแขนยาวมาพันหน้าพันตาเพื่อเตรียมตัวเข้ารกเข้าพง ชั่วโมงหนึ่งต้องกำจัดวัชพืช อีกชั่วโมงหนึ่งต้องไปพรวนดิน จากที่คิดไว้ว่างานของคนสวนคงจะลำบากลำบน เลิศก็ได้ลำบากลำบนสมใจ

ดีแล้ว

เลิศไม่อยากนึกถึงเรื่องของฉาย เขาตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่ทำงานอยู่ประจำเพื่อสมัครเข้ามาเป็นคนงานในคฤหาสน์หลังโต เพราะเขาคิดเอาเองว่าสักวันหนึ่งคงจะลืมเรื่องของภรรยาที่เพิ่งจะเสียชีวิตลงไปได้

จากนั้นไม่นานเสียงเพลงที่ไม่คุ้นหูก็ดังออกมาจากบริเวณที่เลิศเคยทิ้งขนมหวานเอาไว้ ไม่รู้มีภูตไม้ที่ไหนเชื้อเชิญให้เลิศเดินเข้าไปใกล้ เขาพิงพลั่วกับไม้พรวนดินไว้ข้างเสา ชะเง้อชะแง้มองหาว่าต้นตอของเสียงดังออกมาจากต้นไม้ต้นไหน

♪ Same lips red, same eyes blue

Same white shirt, couple more tattoos

But it's not you and it's not me

ทันทีที่เดินพ้นทางเดินคับแคบเลิศก็เจอเข้ากับภูตไม้ที่เขาตามหา ที่แท้ก็เป็นชายหนุ่มผิวขาวซีดคนนั้นนั่นเองที่กำลังนั่งร้องเพลงอยู่ใต้ร่มเงาของศาลาหลังโปรดปราน นอกจากจะมีถ้วยชาและจานขนมที่เขายกมาจากในครัวให้กับมือแล้ว ข้างกายคุณคนเล็กของบ้านยังมีกีต้าร์โปร่งคู่ใจหนีบเอาไว้อีกด้วย

อารมณ์ดีจังนะ

จังหวะที่เลิศจะหันหลังกลับเพราะปริศนาในใจได้ถูกคลี่คลายแล้วเท้าเจ้ากรรมก็ดันไปเหยียบเข้าที่กิ่งไม้แห้งเกิดเสียงดัง กร่อบ จนเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกลหันขวับมามองที่เขาทันที

ซวยฉิบ!

"ใครน่ะ" มนพัทธ์ลุกขึ้นตะโกน

เลิศหยุดชะงัก หากถูกเจ้าของบ้านเข้าใจผิดว่าเป็นโจรเข้ามาย่องเบาคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ชายหนุ่มจึงค่อยๆ หันหลังกลับมาประจันหน้าเพื่อให้คุณหนูที่อยู่ไกลออกไปเกือบสิบเมตรคลายความกังวลใจ

"ถามว่าใครก็พูดสิ" มนพัทธ์ดุ

คนสวนคนใหม่ทอดถอนใจ เขาไม่มั่นใจว่าหากพูดชื่อของตนออกไปแล้วเด็กเอาแต่ใจที่คอยตะเบ็งคอใส่คนนี้จะได้ความกระจ่างหรือไม่ เลิศจึงเอื้อมมือไปปลดปมผ้าที่อยู่ด้านหลัง ดึงเสื้อยืดสีดำที่ใช้ปิดบังใบหน้าของตนเองจากแดดร้อนมาตลอดบ่ายออก จากที่มนพันธ์ได้เห็นเพียงแค่ตาคมก็เพิ่มด้วยจมูกโด่งและคิ้วเข้ม มันเป็นแบบเดียวกับผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่เขาคอยหลบเลี่ยงมาตลอดทั้งวัน

"ผมชื่อเลิศ เป็นคนสวนคนใหม่"

มนพัทธ์ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ เขาไม่อยากสนทนากับนายเลิศที่คอยพรวนดินให้ต้นลีลาวดีต้นนั้น

"ไม่รู้ว่าคุณรู้จักมั้ย"

สิ้นคำนั้นก็มีลมเย็นหอบหนึ่งพัดผ่านจนขนอ่อนของเด็กหนุ่มพากันลุกเกรียว ผู้หญิงผมยาวคนเดิมที่เดินวนเวียนอยู่ภายในรั้วบ้านของเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งจากด้านหลังของชายร่างสูงที่มนพัทธ์ไม่รู้จักแม้แต่หัวนอนปลายเท้า

"ผมว่า...คุณไปทำบุญน่าจะดีกว่านะ"

"ครับ?" เลิศร้องเสียงหลง

เจ้าของบ้านค่อยๆ หลับตา พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาราวกับท้าทาย

"ผมเห็นนะ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณ"

เลิศมั่นใจว่าไม่มีสาวใช้คนไหนเดินตามเขามาจากทางโถงกระจก เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งรอให้เจ้าของบ้านสาธยาย

"ใส่ชุดขาว ไว้ผมยาว เป็นสัมภเวสีแน่อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ"

มนพัทธ์พูดต่อ

"ผมเห็นเขาตามคุณไปทุกที่เลย โผล่ทางนั้นบ้างทางนี้บ้าง ผลุบๆ โผล่ๆ จนผมประสาทจะกิน หาเวลาไปเข้าวัดเถอะถือว่าผมขอร้อง พ่อผมเสียเงินจ้างคนสวนมาทำสวนให้คนอยู่นะ ไม่ได้จ้างคนสวนมาให้เลี้ยงผี"

พลั่วด้ามยาวที่เคยพิงอยู่ข้างเสาถูก นายเลิศ คนดีของแตงยกฟาดใส่กระถางต้นไม้ที่อยู่ใกล้จนแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ้าของบ้านที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่นานกลืนคำสาปแช่งวิญญาณที่ทำให้เขาชีวิตไม่สงบสุขลงคอ เพราะมนพัทธ์จำกระถางใบนั้นได้ กระถางต้นไม้ใบนั้นเด็กหนุ่มตั้งใจเลือกซื้อมันเองกับมือ

"ไอ้เลิศ!!"