ก่อนอ่านอยากให้ลองฟังเพลงตามเพลย์ลิสต์ของเรื่องด้วยค่ะ เป็นเพลงที่ไมนด์เปิดฟังบ่อยๆ เวลาเขียนเรื่องนี้ 

ตอนแรกลังเลยังไม่อยากบอกเพลย์ลิสต์กลัวสปอยเนื้อเรื่อง แต่คิดอีกทีอยากให้ฟังก่อนจริงๆ นะ ถ้าถึงเวลาน่าจะอินขึ้น

sds

sds

 

ภายในห้องจัตุรัสขนาดใหญ่มีกองผ้าห่มผืนหนาขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ปลายผ้าทั้งสองข้างห่อเด็กหนุ่มผิวขาวซีดไว้ด้านใน มันโป่งพองเป็นก้อนหนาลักษณะคล้ายดักแด้ มีแค่ส่วนหัวของลูกชายคนเล็กของรัศมีโผล่พ้นจากทบผ้าขนาดเท่าฝ่ามือเพียงเท่านั้น เด็กหนุ่มในห่อผ้ากำลังหลับฝัน เขาฝันถึงการเดินฝ่าฟันทะเลทรายทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ร่างกายสวมใส่ผ้าทึบสีถ่านที่ไม่ทนต่อแสงแดดจ้าของดวงอาทิตย์ดวงมหึมา มันกำลังแผดเผาผิวกายของมนพัทธ์จนสุกแดง

ร้อน

เด็กหนุ่มครวญในใจ เขาพลิกตัวไปด้านซ้าย ขมวดคิ้วโค้งทั้งสองข้างเข้าหากัน

ร้อน

มือยกปัดป่ายไรผมชุ่มเหงื่อไคลให้พ้นหน้าผาก

"อื้อ..."

มนพัทธ์ครางในลำคอ เปลือกตาที่หนักเหมือนหินลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า เขากลอกดวงตาไปทั่วบริเวณห้อง มันมืดสลัว ไม่มีแม้แต่แสงบอกสถานะการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ

ที่ไหนวะ เด็กหนุ่มคิด

มนพัทธ์จำภาพห้องนอนของตนเองไม่ได้ไปชั่วขณะ เขายกหัวขึ้นจากที่นอนอย่างมึนงงขณะสมองฉายความทรงจำสุดท้ายที่เหลืออยู่ก่อนสติจะวูบดับ คืนนั้นเขาอยู่ในบาร์พร้อมกลุ่มเพื่อนที่เหลืออยู่ไม่กี่คน จากนั้นบาร์เทนเดอร์ที่มนพัทธ์ส่งยิ้มหวานให้อยู่นานสองนานก็จงใจพูดกับเพื่อนร่วมอาชีพเสียงดังฟังชัดว่า 'จะไปเข้าห้องน้ำ' เด็กหนุ่มผู้เมามายจึงเดินตามติดไปยังสถานที่ที่เข้าใจว่านัดหมาย พวกเขาจูบกันจนปากบวมเจ่อ สักพัก ไอ้ทศ เพื่อนรักก็เข้ามาขวาง เสียงแหบตะโกนลั่นว่า 'ทำเหี้ยอะไรเนี่ย' จากนั้นก็หิ้วร่างกายอันไร้เรี่ยวแรงของหนุ่มขาเป๋ออกไป

และ...

มนพัทธ์หยุดคิด

แล้วจากนั้นทำอะไรวะ!?

"อะ..."

ขมับทั้งสองข้างปวดจี๊ด มันเต้นตุ้บๆ เหมือนมีพยาธิสองตัวดิ้นอยู่ในหัว เด็กหนุ่มร้องโอดโอย เขายกฝ่ามือทุบที่กะโหลกสองสามทีจนผ้าห่มที่เคยปกคลุมร่างร่วงแผ่กับเตียง มนพัทธ์มองตาม และเริ่มไล่สายตาไปสุดมุมห้อง ไม่นานทัศนะของเขาก็เริ่มชินกับความมืดทีละน้อยจนคนที่เพิ่งสร่างเมามองเห็นลักษณะของเฟอร์นิเจอร์รอบห้อง

เหมือนของเราเลย

มนพัทธ์สะบัดหน้าไปอีกทาง ทางที่คิดว่าน่าจะเป็นหน้าต่าง เขาพบกับราวผ้าม่านสีดำกว้างสามเมตรที่เป็นแบบเดียวกับที่ตื่นมาเจอในทุกเช้า

นี่ห้องเรานี่...

เด็กหนุ่มพูดกับตนเอง

กลับมาได้ไงวะ

เจ้าของห้องหันซ้ายแลขวา สองมือลูบคลำทั่วเตียง เขาหาอวัยวะที่สามสิบสามที่อันตรธานไปพร้อมปากพร่ำพูดว่า 'โทรศัพท์...โทรศัพท์' แต่ควานหาอย่างไรก็ไม่พบของสำคัญ

"เชี่ย"

มนพัทธ์หน้าถอดสี เขาหย่อนขายาวลงข้างเตียงก่อนยกผ้าห่มสะบัดสุดแรง แต่ก็ไร้วี่แววว่าจะมีเจ้าวัตถุทรงสี่เหลี่ยมยาวแบนร่วงหล่นลงมา

ไม่มี!

เด็กหนุ่มค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นไม้ขัดเงา ขาเก้งก้างเขย่ารัวราวกับเด็กที่หัวใจดวงน้อยแตกสลาย เขาไม่ควรทำมือถือของตัวเองหาย ข้อมูลที่บันทึกไว้ในเครื่องมือสื่อสารเป็นข้อมูลสำคัญ แม้มันจะถูกตั้งรหัสรักษาความปลอดภัยไว้เป็นอย่างดี แต่การที่มันสูญหายจะทำให้งานของมนพัทธ์ล่าช้า เด็กหนุ่มนั่งน้ำตาคลอ เขาพยายามหลับตาระลึกถึงคืนสวาทที่ต่อให้ยกเอาสมองออกมาคั้นเป็นน้ำมนพัทธ์ก็จำเหตุการณ์ได้เพียงครึ่งเดียว เด็กหนุ่มจึงรีบผุดลุกขึ้นกระโดดกระต่ายขาเดียวไปหยิบไม้ค้ำ เขาเดินกะโผลกกะเผลกไปยังปีกคฤหาสน์ฝั่งตรงข้าม ด้วยใจหวังว่าจะเจอรัศมีผู้เป็นแม่นั่งดูรายการช้อปปิ้งอยู่ในห้องนอน

"แม่!"

มนพัทธ์โหวกเหวก เขาผลักประตูห้องนอนโดยที่ไม่เคาะ แต่หญิงวัยกลางคนที่ตามหาไม่ได้นั่งอยู่ตรงที่เขาคาด คนเป็นลูกฟึดฟัด ขาพันเฝือกพยายามเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่ไม้ง่อนแง่นจะพาไปไหวไปยังชั้นล่าง ณ นาทีนั้นมนพัทธ์เกลียดบ้านของตนเองขึ้นมาจับใจ มันช่างกว้างขวาง เงียบงันและแสนเย็นชายิ่งกว่าการรักใครสักคนเพียงข้างเดียว

เด็กหนุ่มสูดหายใจ สายตาทอดไปยังสุดทางเดิน เขาพยุงตัวเองลงบันไดทีละก้าวอย่างระมัดระวัง พอพ้นขั้นสุดท้ายมนพัทธ์ก็รวบไม้พยุงมาถือไว้ด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็กระโดดเหยงๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่ถัดไปหกเมตร

"แม่!" ลูกชายคนเล็กตะโกน

เขาเกือบล้มหน้าคะมำแต่มือจับเอาขอบประตูได้เสียก่อน รัศมีที่ได้ยินเสียงตึงตังปรายตามองเพียงปราดเดียวก่อนจะหันกลับไปสนใจละครเกาหลีบนหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ต่อ

"เสียงดังอะไรแต่เช้าลูก"

"โทรศัพท์มนหาย"

รัศมีไม่มีทีท่าตกใจ เธอยังคงจ้องที่หน้าตาสะสวยของนางเอกบนจอแก้วต่อ

"หาดีแล้วเหรอจ๊ะ บนโต๊ะเขียนหนังสือก็ไม่มีเหรอ แม่เห็นบางทีเราก็เอาไปวางไว้ตรงนั้น"

คนฟังขมวดคิ้ว ตอนที่วิ่งวุ่นออกมาบนโต๊ะเขียนหนังสือของเขาไม่มีสิ่งอื่นอยู่นอกจากกองเอกสาร

"ดีแล้วนะ แต่มันไม่มีจริงๆ มนคิดว่ามนอาจลืมไว้ที่บาร์ แต่มนไม่รู้เบอร์ร้าน อีกอย่างมนจำชื่อไม่ได้ด้วย แถมมนยังจำไม่ได้อีกว่ากลับมาบ้านได้ยังไง เมื่อคืนไอ้ทศมันมาส่งมนใช่มั้ย ถ้ามันมาส่งมันต้องรู้แน่ว่าโทรศัพท์อยู่ไหน"

"อืม น่าจะอย่างนั้นมั้งจ้ะ ทุกทีไปเที่ยวกันก็เห็นทศขับมาส่งตลอด คงต้องไปถามนายเลิศ"

"ทำไมต้องไปถามมะ..."

คนเป็นลูกชะงัก เขาเกือบหลุดพูดว่า 'มัน'

"เขาด้วย"

"เห็นหมายว่าเลิศเป็นคนไปเปิดประตูให้แน่ะ"

"หา"

มนพัทธ์ร้องเสียงหลง

"รายละเอียดแม่ไม่รู้หรอก แม่จะมารอถามเรานี่ล่ะ ไม่ได้เอารีโมตประตูบ้านไปด้วยเหรอ หรือจำไม่ได้อีก"

"ก็...มนน่าจะลืม แล้วก็หลับด้วยมั้ง ว่าแต่นายเลิศเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย"

"เมื่อเช้าแม่กับพ่อถามหมายว่าลูกกลับมากี่โมง หมายเขาก็บอกว่าเขาไม่แน่ใจ เลิศเป็นคนไปเปิดประตูให้แบบนี้น่ะจ้ะ แต่วันหลังไม่เอาแล้วนะลูก ปาร์ตี้สนุกยังไงก็อย่าให้เมาไม่ได้สติแบบนี้ มันอันตราย"

มนพัทธ์ไม่ได้ฟังสิ่งที่แม่ของตนพูด เขาหอบสังขารกับไม้ค้ำไปยังห้องครัวที่น่าจะเป็นที่กบดานของไอ้ตัวร้าย แต่กลับไม่เจอใครอื่นนอกจากป้าแก้วกับแตงที่นังชันเข่าจิ้มมะม่วงกับน้ำปลาหวานเป็นของว่างยามสาย หญิงสาวที่นั่งตรงกับประตูพอเห็นหน้าคุณหนูคนเล็กเธอก็ทำหน้าฉงนพร้อมหย่อนเท้าลงจากเก้าอี้โดยไว

"คุ คุณมน มะ มีอะไรรึเปล่าคะ"

แตงถามตะกุกตะกัก

"นายเลิศล่ะ"

สองสาวหันมองกันเลิ่กลั่ก เพราะพวกเธอสังเกตเห็นคราบน้ำลายที่ติดอยู่ที่มุมริมฝีปากบางกับชายเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยจากกางเกง ผิดกับวิสัยโดยปกติของมนพัทธ์ที่ต่อให้ตื่นสายแค่ไหนก็จะลงมารับประทานอาหารหลังจากอาบน้ำจนสะอาดสะอ้านแล้วเท่านั้น

"พี่เลิศไปซื้อปุ๋ยค่ะ ออกไปเมื่อกี้นี้เอง"

มนพัทธ์เดาะลิ้นไม่พอใจ

"บอกรึเปล่าว่าจะกลับกี่โมง"

"มะ ไม่ได้บอกค่ะ"

"แล้ว...ได้ฝากอะไรไว้มั้ย"

แตงสะกิดแก้ว

"พี่เลิศได้ฝากอะไรไว้มั้ยป้า"

"ไม่นะ ไม่มีนะคะคุณมน ไอ้เลิศมันไม่ได้พูดอะไรเลย"

มนพัทธ์ตอบ 'งั้นเหรอ' ก่อนหันหลังกลับ เขามุ่งหน้าไปยังห้องนอนของตนเองเพื่อจะไปค้นหาโทรศัพท์มือถือที่หายไปอีกหน แต่เมื่อกลับมาถึงห้องเด็กหนุ่มก็สังเกตเห็นไฟหน้าแท็บเล็ตที่วางอีเหละเขะขะบนหนังสืออ่านเล่นสว่างวาบขึ้นมา ปรากฏเป็นข้อความจากทศส่งผ่านข้อความทางเอสเอ็มเอสมาว่า 'มึงลืมมือถือไว้บนรถกู' มนพัทธ์จึงหายกังวล

"เฮ้อ" เด็กหนุ่มถอนหายใจ

เขาหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาตั้งไว้บนเตียง จากนั้นก็สัมผัสรูปหูโทรศัพท์โทรออกหา ไอ้ทศ เพื่อนรัก

(ว่า)

ทศเปล่งเสียงแหบพร่าที่ไม่ได้แตกต่างกับมนพัทธ์มากนัก

"เมื่อคืนกูกลับมาบ้านได้ไง"

ทศจามทีหนึ่ง

(กูก็มาส่งดิ อย่างเคยนั่นแหละ)

"กูหลับไปตอนไหน"

(มึงจำได้แค่ไหนล่ะ)

"...ห้องน้ำ แล้วก็วูบ"

(เออ ก็คงจะเป็นห้องน้ำ แหวะ สกปรกฉิบหาย ขอเหอะถ้าจะล้วงกันอย่าไปล้วงในห้องน้ำสาธารณะได้มั้ย มันลำบากคนอื่นเขา)

"ห้องน้ำวีไอพีมันก็มีแค่เราไม่ใช่เหรอวะ แล้วกูจะไปแคร์เหี้ยอะไรอะ"

(แคร์หน่อย เผื่อแม่งรูดมึงหมดตัว นี่กูไปเจอก่อนก็นับว่าดีแค่ไหนละ)

"คิดมากไปได้ ใครมันจะยอมเอางานมาเสี่ยงแบบนั้น"

(คนที่มันยอมทิ้งงานมาเอาลูกค้านี่แหละไอ้สัด แถมลูกค้าใส่เฝือกข้างนึงด้วย หวานหมูเลย ดีนะไม่มีอะไรหาย มึงรู้ปะกูกับไอ้ก้องต้องช่วยกันลากมึงขึ้นรถอะ มึงตัวหนักฉิบหาย ตั้งแต่ตกบันไดนี่มึงน้ำหนักขึ้นมากี่โลแล้ว)

"กูอ้วนขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอวะ"

(เออดิ สงสารพี่เขาเลยต้องมาแบกหมูเผือกอย่างมึงขึ้นบ้าน)

"พี่ไหน"

(พี่อะไรน้า... นึกไม่ออก คนที่มาเปิดประตูบ้านให้อะ เห็นในโทรศัพท์มึงเมมไว้ว่าพี่อะไรซักอย่าง ที่คุยสายล่าสุดเลยคิดว่าน่าจะเป็นคนที่บ้าน)

"เลิศเหรอ"

(มั้ง ก็บอกอยู่ว่าจำไม่ได้ ที่เขาสูงๆ หน่อย ตาโตๆ คิ้วเข้มๆ คนที่ชื่อเลิศอะไรนั่นลักษณะแบบนี้รึเปล่าล่ะ ถ้าใช่ก็เออ กูโยนมึงให้เขาไปอะ)

"โยนเหรอ"

(ส่งให้ก็ได้ กูต้องพูดว่าไร คือส่งมึงให้เขาไปจัดการ เพราะพวกกูไม่อุ้มมึงขึ้นบ้านแน่ เมาอ้วกจะแตกแล้วยังต้องมาแบกมึงอีกนี่ก็ไม่ไหวว่ะ)

"..."

(โหล โหลลล ไอ้มนฟังอยู่ปะเนี่ย)

"มึงเอาโทรศัพท์กูมาคืนภายในวันนี้เลยนะ ช้ากว่านี้มึงตายแน่"

(กลัวตายแหละไอ้สัด กูวางละ ขอลงไปกินข้าวก่อน แจกันจ้ะ)

ทศตัดสายจากเพื่อนรัก เขาทิ้งให้มนพัทธ์จมดิ่งกับความทรงจำที่ไม่ถูกบันทึกลงในสมอง

ปวดหัว

เด็กหนุ่มนึกเรื่องราวตามที่ใครๆ ก็ว่าไว้ไม่ออก ต่อให้เขามุดหัวลงในอ่างอาบน้ำ หรือใช้ไดร์ร้อนเป่าขมองอยู่นานสองนานก็ไม่สามารถรีดช่วงเวลาดังกล่าวถักทอตามเส้นเวลาได้ มันหายไป ไอ้เรื่องที่ใครๆ ก็ว่าเหล่านั้น

จนกระทั่งเกิดเสียงเคาะสามครั้งที่บานประตู มนพัทธ์โยนผ้าขนหนูสำหรับเช็ดผมลงตะกร้าพร้อมอ้าปากถามแขกผู้เป็นปริศนา

"ใครครับ"

"...ผมเอง เลิศ" เจ้าของห้องลมหายใจสะดุด "ป้าแก้วกับแตงบอกว่าคุณเรียกหาผม"

เวร

มนพัทธ์สบถ ใจหนึ่งเขาต้องการใครสักคนมาไขเรื่องราวชวนฉงนให้กระจ่าง ส่วนอีกใจหนึ่งเขากลับหวาดกลัวเรื่องราวที่จะได้ยินขึ้นมาจับใจ เพราะมนพัทธ์ได้ยินเสียงตนเองพูดกับเงาดำในความฝัน เงาดำนั้นหน้าตาละม้ายคล้ายนายคนสวนคนใหม่ ที่เขาร้องขอให้จับ ร้องขอให้จูบ มนพัทธ์วิตกกลัวว่าเลิศจะได้ยินคำร้องขอเหล่านั้น

"ขะ...เข้ามาสิ"

เลิศก้าวขายาวเข้ามาเหยียบพื้นห้อง เขาปิดบานไม้ลงล็อกและเดินเข้ามาใกล้คุณหนูที่นั่งเช็ดผมอยู่ริมหน้าต่างทุกทีๆ

"เมื่อคืน..." มนพัทธ์เป็นฝ่ายเริ่มถาม "ผมลืมโทรศัพท์ไว้บนรถของเพื่อน"

ปอดแหกฉิบ

เด็กหนุ่มก่นด่าตนเองที่พูดอ้อมค้อม

"ผมนึกว่าโทรศัพท์อยู่ที่ตัวคุณ ผมเลยไม่ได้ไถ่ถามคุณทศ หากจะตำหนิ..."

"ไม่ๆ" มนพัทธ์รีบขัด "ไม่ได้จะว่าอะไร แค่...แค่บอกเฉยๆ ทศมันบอกแล้ว แล้วก็จะเอาโทรศัพท์มาให้วันนี้"

"อ่อ ครับ"

เลิศก้มลงเล็กน้อย ส่วนมือทั้งสองข้างก็ไขว้ไว้ด้านหน้า เตรียมรับคำสั่งไม่ก็คำก่นด่าจากมนพัทธ์

"ไป...ซื้อปุ๋ยมาเหรอ"

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่ามนพัทธ์จะถามเรื่องปุ๋ย

"คุณอยากพูดอะไรกันแน่"

แน่นอนว่ามนพัทธ์ลิ้นแข็งเป็นท่อนไม้ เขาไม่กล้าเอ่ยปากถามคนสวนว่าเมื่อคืนพวกเขามีสัมพันธ์สวาทกันหรือไม่

"หรือเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน"

ใช่! นั่นแหละ

"ผมเมา" เด็กหนุ่มแก้ตัว

"ผมรู้"

เลิศจ้องตาเขม็ง

"เรา...ได้ทำอะไรไม่ดีกันไปรึเปล่า เมื่อคืนผมฝัน เป็นฝันที่ค่อนข้างลามกและผมกลัวว่ามันจะ..."

"ทำ" เลิศตอบเสียงแข็ง

"หา ทำอะไร"

"คุณฝันว่าอะไรเราก็ทำแบบที่คุณฝันนั่นล่ะ"

มนพัทธ์ทิ้งตัวใส่ผนังพิงเต็มแรงจนมันเอนหงายไปด้านหลัง เลิศที่ยืนอยู่ไม่ไกลจึงรีบรุดมารับเก้าอี้ไม้นั้นไว้ก่อนที่กะโหลกหนาของคุณหนูคนเล็กจะฟาดกับพื้น

"โอ๊ย" มนพัทธ์ร้อง

"ยังไม่ถึงพื้นซักหน่อย"

เด็กหนุ่มร้อง อ้าว และจ้องใบหน้าคมเข้มที่อยู่ห่างเพียงแค่เอื้อมตาปริบๆ

ตาแบบนั้น

จมูกแบบนั้น

แล้วก็ปาก...

เหมือนที่เขาเห็นในฝันไม่มีผิดเพี้ยน

เลิศมองคนดีของป้าแก้วที่ตกอยู่ในภวังค์พลางถอนใจเล็กน้อย จากนั้นจึงรวบแรงทั้งหมดดันเก้าอี้เจ้าปัญหาให้ตั้งตรงอย่างเดิม

"เราจูบกันมั้ย"

"ฮะ" เลิศร้อง

"ไม่ได้หมายถึงตอนนี้ หมายถึงเมื่อคืนต่างหาก"

เลิศไม่คลายคิ้วที่ขมวด เขาไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์พิลึกพิลั่นอย่างตอนนี้เท่าไหร่นัก

"จูบ"

"แล้วคุณรู้สึกยังไง"

"ผมต้องบอกคุณด้วยหรือ"

มนพัทธ์พยักหน้า "แน่สิ"

เลิศพรูลมหายใจยาวยืด เขาล้าเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับมนพัทธ์ ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะถอยกรูดไปนั่งริมขอบโต๊ะเขียนหนังสือของห้องนี้แทน

"ผมบอกคุณแล้วว่าผมคิดว่าคุณเป็นเด็กห้าขวบ"

"คุณพูดเหรอ ขอโทษนะแต่จำไม่ได้หรอก"

"คุณจำได้แค่ไหน"

"อืม..."

มนพัทธ์พยายามรื้อฟื้น เขาไล่มองเลิศตั้งแต่หัวจดเท้า โดยหวังว่าจะเจอร่องรอยความทรงจำอยู่ที่ไหนสักที

"ผมจูบคุณ ที่ปาก แล้วก็เอ่อ...นิ้วมั้งถ้าจำไม่ผิด แล้วก็ได้กลิ่นหอมๆ คือ ผมเพิ่งมาคิดได้ตอนอาบน้ำว่าผมอาจจะไซ้คอคุณด้วย นอกนั้นจำไม่ค่อยได้"

เลิศไม่กล้าสาวความยืดว่าเขาถูกเด็กผู้ชายที่อายุห่างกันหลายปีดูดยอดถันเขาจึงปิดปากเงียบ รอคอยปฏิกิริยาของมนพัทธ์ที่เลิศเองก็ยังเคลือบแคลง

"ขอโทษ"

มนพัทธ์กล่าวเสียงหนักแน่น

"ไม่คิดว่าจะกลายเป็นไอ้บ้าจูบเลย ผมไม่คิดว่าจะเป็นคุณด้วย ผมคิดว่าเป็นคนอื่น"

"คุณกลัวผมรู้เข้าหรือ"

มนพัทธ์เงยหน้า จ้องตาคมที่เพ่งพินิจตนเองอยู่

"รู้อะไร"

"ว่าคุณอยากจูบผม เมื่อคืนคุณบอกผมว่าเพราะนี่เป็นความฝันคุณหมีก็จะไม่รู้ พี่เลิศก็จะไม่มีทางรู้"

คนสวนออกเสียง พี่เลิศ เสียงดังฟังชัดจนคนเป็นน้องรีบมุดหน้าหนี

"คุณทศก็เรียกแม่คุณว่าคุณหมี ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นชื่อที่คุณเรียกเล่นในกลุ่มเพื่อน"

"นั่นมัน..."

เลิศปล่อยให้มนพัทธ์พูด เขาอยากได้ยินคำแถลงสักคำจากริมฝีปากเล็กคู่นั้น แต่มนพัทธ์กลับปิดปากเงียบยกเว้นสายตาที่ดูกระวนกระวาย

"คุณชอบผมหรือ" เลิศโพล่ง

"บ้าสิ ไม่ได้ชอบ"

"ก็เห็นคุณอยากจูบผมแทบจะไล่ปล้ำ"

"นั่นมันเพราะ..."

"เพราะ?"

เด็กหนุ่มทอดถอนใจ

"มานี่หน่อย ตรงนี้"

มนพัทธ์ตบที่ตักของตนเอง เลิศเลิกคิ้วกังขา เขาไม่ควรละเลยความบ้าบิ่นของเด็กคนนี้

"จะทำอะไร"

"ไม่จูบหรอกน่า มานี่เถอะ"

เลิศไถตัวลงจากโต๊ะเขียนหนังสือก่อนเดินเข้าไปหาเจ้าของห้องแต่โดยดี

"คุกเข่าด้วย"

"แปลกๆ แล้วนะ"

"ก็คุณตัวสูงนี่"

"ไหนบอกว่าไม่จูบ"

"ก็ไม่ได้จะจูบซักหน่อย นั่งสิ นั่งลง"

คนเป็นน้องคว้าท่อนแขนของเลิศข้างหนึ่งไว้ก่อนพยายามดึงให้คนตัวสูงลงมานั่งยอง เลิศนึกรำคาญ เขาส่งเสียงฟึดฟัดเล็กน้อยและยอมนั่งตรงตำแหน่งที่มนพัทธ์กะเกณฑ์

"ตรงนี้"

มืออุ่นฉวยโอกาสประคบที่หน้าแก้ม มันเป็นที่เดียวกับที่มนพัทธ์เคยฝากรอยแดงปื้นเอาไว้

"ที่ผมเคยตบคุณ" เด็กหนุ่มพูดต่อ "มันรู้สึกยังไง ร้อนมั้ย หรือมันเจ็บ หรือมันปวด"

เลิศคล้ายเป็นใบ้ไปชั่วขณะ เขาไม่เคยถูกใครถามถึงความรู้สึกที่โดนทุบตีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นจากคุณครู หรือจากคนในครอบครัว

"ยังไง มันรู้สึกยังไง" มนพัทธ์คาดคั้น

"...เจ็บมั้ง แต่หายแล้ว คุณไม่ใช่คนแรกที่ตบหน้าผมหรอก"

เพราะพ่อของเขาเคยทำมาก่อนหน้ามนพัทธ์

"แต่กับผมมันไม่หาย"

คนเป็นน้องพูดต่อ

"ที่ที่คุณจูบผมมัน...ร้อน ต่อให้เอาน้ำแข็งประคบ หรือให้ใครหน้าไหนมาจูบซ้ำมันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม แย่ใช่มั้ย"

"ขอโทษ"

เลิศรับผิด เขาไม่ควรจูบมนพัทธ์

"ผมไม่ควรจูบคุณ"

"ผมก็ไม่ควรตบหน้าคุณ และ...ผมขอโทษที่ทำแบบนั้น"

มนพัทธ์จ้องลึกเข้าไปในดวงตา เขาลูบบริเวณแก้มตอบอย่างเบามือ โดยมีเลิศส่งเสียงผ่านลำคอเพียง อืม คลอไปกับการพยายามฝังกลบความทรงจำในวัยเยาว์ที่ผุดโผล่ขึ้นมาพร้อมคำขอโทษของมนพัทธ์

"เราอย่าทำแบบนี้เลย" เลิศปราม

"แบบไหน"

"ล้ำเส้น"

"แต่ผมไม่ได้เป็นคนขีด"

เลิศเงยหน้ามองคนดื้อแพ่ง เขาพอจะรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันภายใต้คฤหาสน์แสนเย็นชา

"ผมรู้"

บางทีความไร้เหตุผลในวันที่เลิศตัดสินใจจูบลูกชายของรัศมีอาจมาจากก้นบึ้งของหัวใจ หากวันแรกที่พบพานมนพัทธ์ไม่ได้เป็นลูกนกในกรงทอง เลิศก็จะยอมรับอย่างซื่อตรงว่าเขาเองก็อาจจะสนใจเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่ไม่น้อย

"ผมจะมองว่าคุณเป็นเด็กห้าขวบ"

"ไปอีกนานแค่ไหน จะได้ทำใจ"

"ไม่รู้สิ แต่คงอีกสักพัก" เลิศคลี่ยิ้ม

มันเป็นรอยยิ้มแรกที่มนพัทธ์ได้รับจากชายหนุ่มตรงหน้า

"แล้ว...เด็กห้าขวบจูบคุณลุงได้มั้ย"

"ไม่ได้ ต้องโตก่อน"

มนพัทธ์โอดครวญ เลิศสบโอกาสเขาจึงลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มหันหลังกลับ เดินดุ่มๆ ตรงไปยังประตูหน้าและปิดบานไม้ลงอย่างเบามือ ทิ้งให้ เด็กห้าขวบ นั่งถวิลหาชั่วโมงหอมหวานที่จะได้ครอบครองริมฝีปากหนา