4.- Cigarette

 

 

            เวลาได้ล่วงเลยมาหนึ่งสัปดาห์และขึ้นวันศุกร์ใหม่ จูโตะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเมื่อครั้งนั้นแล้ว และคิดว่าต่อจากนี้ระหว่างเขากับคันนงซากะซังคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก จนกระทั่ง...

            คันนงซากะซัง?!”

            ผมที่กำลังจะเข้าแมนชั่นตัวเองก็พบกับบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันอีก ชายผมยุ่งสีหน้าอิดโรยในชุดทำงานที่ดูจะไม่ค่อยเรียบร้อยยืนรออยู่ที่หน้าแมนชั่น เขายืนคุยกับสาวร่วมชั้นเดียวกันกับผมที่อายุมากกว่าผมสักหน่อย เธอคนนั้นผมจำได้ดีเพราะเธอชอบซื้ออะไรมาฝากผมบ่อยๆ

            อิรุมะซัง?! ขอโทษครับ พอดีผมจะขอขึ้นไปหาคุณที่ห้อง จะเอาเสื้อผ้ามาคืนน่ะครับ และมาเอาชุดทำงานผมที่ฝากไว้น่ะครับ

            ผมมองชายร่างเล็กกว่าผม(ซึ่งความจริงร่างของเราก็มีสัดส่วนไม่ต่างกันมาก แค่เขาเตี้ยกว่าผมเท่านั้นเอง) ผมถอนหายใจ นึกว่าระหว่างเราจะไม่ต้องได้มาเจอกันอีกซะแล้ว แต่สงสัยครั้งนี้ผมจะคิดน้อยไป ทั้งที่จะเอาเสื้อผ้าผมไปขายต่อก็ได้แท้ๆ ขายเสื้อผ้าผมชุดนั้นเขาก็คงได้เงินไปซื้อชุดทำงานใหม่สักชุดสองชุดแล้วล่ะมั้ง ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีเลยแฮะ

            ครับ งั้นตามผมมาผมเดินนำเขาเข้าห้องตัวเอง และบอกให้เขารอที่โซฟาตัวเดิม ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาคืนเขา เขารับไว้ แต่เมื่อผมกำลังจะไล่เขากลับ ท้องผู้น่าสงสารของเขาก็ร้องโครกครากเชิญชวนเสียก่อน เขานิ่งไปสักพัก จากนั้นก็หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะขอโทษผมอีกตามเคย

            กินข้าวก่อนสิครับ กินเสร็จค่อยกลับก็ได้

            เพราะสงสารหรอกนะ ถ้าขืนให้ไปนั่งรถไฟกลับด้วยสภาพท้องยังร้องตลอดทางมีหวังขายหน้าตาย

            ครับ ขอบคุณครับเขาขานรับด้วยตาเป็นประกายวิบวับ

            ดูสิ แค่นี้ก็ส่ายหางตอบแล้วหรอ

 

            ผมมองเขาที่กำลังเหม่อมองผมเช่นกัน พอเขารู้ตัว(สักที)ว่าผมรู้ตัวแล้ว เขาก็รีบกลับไปคีบข้าวกินเงียบๆ ไม่แสดงอาการขวยเขินหรือร้อนรนใดๆ จนผมต้องยอมแพ้ก้มหน้ากลับไปกินข้าวในถ้วยตามเดิม

            อร่อยขนาดนั้นเลยหรอครับ คันนงซากะซังแต่แล้วเสียงที่ไม่คาดคิดว่าจะเอ่ยออกมาเสวนากับผมก็ถามขึ้น ผมรีบเงยหน้าละจากถ้วยข้าวตัวเองไปสบตากับเขา และรอบนี้เราทั้งคู่ก็ไม่ได้หลบสายตาไปไหน

            ครับ! อร่อยดีครับ ..อร่อยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณเป็นคนทำเองกับมือผมบ่นพึมพำในประโยคสุดท้าย เขามุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

            เคยกินแล้วแท้ๆ นะครับ ยังไม่ชินอีกหรอ

            ผมยกยิ้มเก้อเขิน เริ่มไปต่อไม่ถูก รู้สึกว่ามันยากที่จะเริ่มบทสนทนากับใคร แต่พอนึกถึงเวลาอันใกล้ที่จะถูกไล่กลับบ้าน ผมจึงต้องเค้นมันสมองจากทุกส่วนเพื่อมาสานต่อยื้อช่วงเวลานี้ไว้

                                           กินเสร็จ-”

            ผมชอบคุณครับ!”

            “…”

            “…”

            เขาเงียบ ผมเงียบ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ แต่หัวใจผมไม่เงียบตาม

            ทันทีที่ผมคิดเค้นหาเรื่องคุยมากจนเกินไป สมองผมก็เกิดรวนจนเผลอหลุดประโยคต้องห้ามออกไป

            แย่ซะแล้ว

            อ่า.. ขอบคุณครับ สำหรับความตรงไปตรงมาของคุณ คันนงซากะซัง แต่ผมก็บอกไปชัดแล้วนี่ครับว่าไม่ได้

            เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่รอยยิ้มที่ผมเห็น ผมมั่นใจเลยว่ามันช่างฝืดฝืนยากเย็น

            ครับ.. ขอโทษด้วยครับ ขอโทษครับอิรุมะซังผมร้อนรน ทำอะไรไม่ถูกนอกจากพ่นคำขอโทษพร่ำพรื่อ

            พอ ไม่เป็นไรครับ เลิกขอโทษได้แล้ว เอาเป็นว่าผมพอเข้าใจคุณอยู่หรอกน่า

            เข้าใจ? เข้าใจอะไรครับ ขนาดผมเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย

            คุณเคยสารภาพรักตรงๆ หรอครับผมถามมันออกไปตรงๆ อย่างไม่คิดอ้อมค้อม เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะอ้อมมันยังไง

            เปล่า หน้าตาผมดีนะ ไม่ต้องไปสารภาพก็มีคนมาชอบเองแล้วเขาตอบอย่างมั่นหน้า

            อะไร คุณมองอย่างนั้นหมายความว่าอะไร ก็มันจริงมั้ยล่ะ ดูอย่างคุณสิ ขนาดคุณยังมาสารภาพกับผมเลยเขาพูดมันออกมาง่ายๆ ราวกับว่าความรู้สึกที่ผมได้สารภาพออกไปมันไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาเลย

            ผมรวบตะเกียบและเก็บถ้วยขึ้นไปล้างให้เขา เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้ผมช่วยล้างเงียบๆ และพอเสร็จ จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาราวกับเป็นใจ

            คันนงซากะซังช่วยผมเก็บผ้าหน่อยครับ!”

 

            และแล้วเวลาที่ผมจะต้องถูกเชิญ(ไล่)กลับก็ถูกแทนที่ด้วยการวิ่งวุ่นเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ของอิรุมะซัง พอเสร็จก็พบว่าพวกเรามีสภาพไม่ต่างกับลูกหมาตกน้ำ

            ฮ่ะๆ แย่เลยเนอะ คันนงซากะซัง ผมทำคุณต้องมาเปียกด้วยกันซะแล้วสิเขายิ้มขำ แล้วมองสภาพผมก่อนที่จะเอื้อมมือมาปัดผมหน้าที่โดนน้ำฝนจนผมหยิกหยักศรกของผมมันลู่ปรกปิดหน้าผมมากกว่าเดิม

            อืม...เขาตีหน้ายุ่งนิดๆ หลังจากลูบผมของผมอย่างเบามือ ผมไม่นึกรังเกียจ แต่กลับชอบสัมผัสนี้เสียด้วยซ้ำ

            มี.. อะไรหรือเปล่าครับผมพูดติดขัดอึกอึก กลัวว่าเขาจะดูออกว่าผมกำลังหน้าร้อนกับสัมผัสของเขาแบบนี้

            ผมหนาจัง น่าอิจฉาจังนะครับเขากลับมาสบตากับผมที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าระยะห่างระหว่างเราตอนนี้มันแค่ครึ่งไม้บรรทัดยาว

            ใกล้.. ใกล้เกินไปแล้ว ใกล้จนเห็นแพขนตาเหนือนัยน์ตาสีมรกตนั่น หลังเวนส์แว่นทรงเหลี่ยมที่เข้ากับรูปหน้าเขาแบบสุดๆ

            อยากจูบ อยากสัมผัส อยากฟังเสียงหวานปนเซ็กซี่ของเขาอีก

            ...ชักจะเหมือนโรคจิตเข้าไปทุกทีแล้วสิ ตัวผมนี่

            คันนงซากะซังเขายกมือขวามากันใบหน้าผมที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าเป็นผมเองที่เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เขา และไม่ใช่แค่นั้น เขายกมืออีกข้างมาวางบนหลังมือของผมที่ผมเองก็เพิ่งรู้ว่ามันวางอยู่บนต้นขาเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเขาก็จัดการจับมันออกจากต้นขาตัวเอง

            ขะ ขอโทษครับ! ขอโทษจริงๆ ครับ!”ผมรีบคุกเข่าก้มขอโทษแบบโคเกะซา¹รัวๆ

            ไม่เป็นไรครับ คุณไปอาบน้ำเถอะ สภาพคุณตอนนี้ดูไม่จืดเลยนะครับเขาลุกขึ้นหลังจากว่าจบ แล้วเข้าห้องนอนตัวเองไป จากนั้นก็ส่งเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนอีกชุดพร้อมผ้าขนหนูก่อนจะหายเข้าไปในห้องนอนจริงๆ        

            เวร นี่ผมทำบ้าอะไรลงไปวะ!

            หลังจากไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ของอิรุมะซัง ผมก็ไปนั่งรอที่โซฟาตัวเดิม หวังเพียงให้เขาออกมา เพื่อที่ผมจะได้มีจังหวะขอโทษเขาแบบจริงๆ จังๆ อีกครั้ง

            ขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ผมไปส่งคุณไม่ได้แล้ว ฝนตกหนักมาก กลัวว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุน่ะครับ แถมคงต้องรอเสื้อผ้าคุณแห้งอีก ขอโทษด้วยนะที่ต้องให้คุณมาช่วยแบบนี้เขาออกมาพร้อมผ้าเช็ดผม ผมเขายังคงเปียกชื้นไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ เพราะเราเพิ่งสระผมกันมาหลังวิ่งตากฝนเมื่อครู่

            ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่ทำให้คุณวุ่นวาย...

            เพราะความเอาแต่ใจของผม

            เฮ้อ.. คุณนี่น้า ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องไปโทษตัวเองอะไรขนาดนั้น คุณนี่ไม่ไหวเลยนะเขาบ่นใส่ผมพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะวางผ้าเช็ดผมของตัวเองลงมาบนศีรษะของผม แล้วจัดการเช็ดผมให้อย่างเบามือ เขายืนเช็ดสลับกับนวดให้เบาๆ จนผมเริ่มรู้สึกเคลิ้ม...

            อ่ะ เสร็จแล้วครับเขาหยิบผ้าชื้นๆ  นั่นไปพาดกับพนักเก้าอี้ตากไว้เพื่อให้มันแห้ง แทนการเอาไปตากข้างนอกระเบียงที่ฝนกำลังตก แล้วหลังจากนั้นก็เดินมาหย่อนสะโพกลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน แต่นั่ง

___________________________________

¹โดเกะซา(土下座) คือการคุกเข่าก้มโค้งคำนับ มักใช้เมื่อได้กระทำผิดร้ายแรง ซึ่งในปัจจุบันมักไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว

ห่างจากผมไปสักหนึ่งที่นั่ง

            ผมทำทีว่ากำลังดูหนังที่ฉายอยู่บนทีวี ส่วนหางตาผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองอีกคนที่เอาแต่นั่งสไลด์จอมือถืออยู่ท่าเดียว

            มีอะไรหรือเปล่าครับ คันนงซากะซังเขาหันไปถาม เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาของอีกคน

            อ่ะ! คือ...

            คืออะไรหรอครับเขามุ่นคิ้วเล็กน้อย จ้องผมด้วยความรู้สึกที่เมื่อได้เห็น มันแทบไม่ต่างอะไรจากการถูกสอบปากคำอยู่เลย

            แล้วแบบนี้ผมควรจะพูดอะไรออกไปดีล่ะเนี่ย!

            คันนงซากะซัง ถ้าคุณไม่พูดผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ

            ขะ ขอโทษครับ ผมแค่.. แค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น แต่ผมพอจะเข้าใจอยู่หรอกครับ ผมเป็นผู้ชายนี่ เรื่องแบบนี้มันคงแปลกๆ แถมผมเองก็ดูจะไม่ค่อยมีอะไรดีเท่าไหร่ ผมทั้งมืดมน ทั้งไม่เข้าสังคม คนแบบผมมันคงไม่เหมาะกับ-”

            คันนงซากะ ดปโปะ!”

            ครับ?!”ผมตอบรับเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขาก็เรียกชื่อเต็มของผม

            อย่ามองตัวเองในแง่ร้ายแบบนั้นสิครับ ตัวคุณมีดีกว่าที่คิดนะ คุณเป็นคนที่เอาใจใส่คนเก่งนะครับ ดูคนเก่งด้วย อย่างน้อยก็สำหรับผม ผมไม่รังเกียจคุณหรอกนะครับ เพียงแต่...เขาเงียบไป ทิ้งประโยคที่ขาดท่อนความหมายสำคัญ พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าชวนให้เป็นห่วงและสงสัยในเวลาเดียวกัน

            เพียงแต่อะไรหรอครับผมเม้มปากทีหนึ่งด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอถามออกไปทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควร เขาที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมาสบตากับผม แล้วส่งรอยยิ้มฝืดฝืนที่ปนความเห็นใจมาให้

            ผมไม่รู้ว่ามันจะโอเคสำหรับคุณมั้ยนะครับ ถ้าคุณฟังคุณจะไม่เสียใจทีหลังใช่มั้ยครับเขาตั้งคำถามกลับ ตอนนี้ผมเองก็เริ่มจะเกิดความลังเลขึ้นในใจ ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าหลังจากที่ผมได้ฟังมัน เรื่องราวระหว่างเราจะแย่ลงหรือเปล่า

            “…ครับ

            แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าอยากจะฟังมัน แม้จะลังเลและกังวลอยู่บ้างก็ตาม

            เขาที่ได้ยินดังนั้นก็ส่งยิ้มจางๆ มาให้ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองพร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างอ่อนแรงทีหนึ่ง

            คุณกลับมาอีกแล้ว ตัวตนที่สิ้นหวัง เศร้าสร้อย ไร้หนทาง และแสนจะเปราะบางต้องการที่พึ่งพิง

            ผมเริ่มรู้สึกผิดที่ขอให้คุณพูดแล้วสิครับ อิรุมะซัง

            อิรุ-”

            ความจริง.. ก่อนอื่นผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมแกล้งคุณครั้งนั้น ตอนนั้นผมแค่กำลังหงุดหงิดและหาอะไรเอาคืนเรื่องที่คุณมาอ้วกดักทางผมเท่านั้นเอง เงินนั่นจะเอาคืนก็ได้นะครับ เพราะยังไงผมก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินอะไรหรอกครับเขาพูดติดตลก เพื่อที่จะกลบเกลื่อนความกังวลของตัวเอง

            หมายถึงตอนนั้นเองสินะ แต่มาบอกว่าที่ทำไปเพราะเหตุผลนั้นนี่ก็นิสัยแย่จริงๆ

            แต่ก็คงสมกับที่เป็นคุณแล้วล่ะนะ

            อ่า จะว่าไงดี.. เรื่องนี้ขนาดซามาโทกิกับริโอผมยังไม่กล้าปรึกษาเลยนะครับ

            ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ คุณถึงดูกังวลขนาดนี้

            ทำไมล่ะครับ นั่นเพื่อนคุณเลยนะ

            เพื่อนที่ดูจะสนิทกันด้วย ต่างจากผมที่ไม่ใช่ทั้งเพื่อนหรือคนสำคัญอะไรของคุณ ผมเป็นเพียงแค่หมาหน้าโง่ที่มีสิทธิ์แค่แอบชอบคุณ และทำได้เพียงหน้าที่ที่ปรึกษาของคุณเท่านั้น...

            ก็พวกเขาจะด่าผมน่ะสิ! แล้วก็.. ว่าหมอนั่นด้วย ไม่ชอบเลยน่ะครับ...เสียงเขาในช่วงท้ายเริ่มเบาลง แต่ผมพอจะจับใจความได้ว่าเขาพูดอะไร

            แต่ใครกัน หมอนั่น ที่ว่า เขาคนนั้นคือสาเหตุที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้หรอครับ

            เขาคนนั้นคือใครหรอครับผมเผลอคาดคั้นด้วยความใคร่รู้ที่ยากจะหักห้าม มันเป็นความอยากรู้ที่แม้สักเสี้ยววินาทีก็ไม่อยากที่จะรอ...

            เขาเป็น.. สามีของผมน่ะครับ

            โดยที่ผมไม่ทันได้คิดว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นนี้

            ความเงียบเข้าครอบงำ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ในใจผมตอนนี้เหมือนมีดวงจันทร์ร่วงหล่น

            ผมพอจะปะติดปะต่ออะไรบางอย่างได้แล้ว ว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นกับผม ทำไมต้องผลักไสผมออกไป ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว...

            ขอโทษนะครับ ผมไม่น่าพูดเรื่องนี้กับคุณเลยเขาพูดเสียงราบเรียบ ทั้งที่ขอบตากลับเริ่มเปียกชื้น จากนั้นมันก็ร่วงหล่นลงบนตักอย่างห้ามไม่ได้ จนเขาต้องใช้นิ้วปาดมันออกอย่างลวกๆ

            ขอโทษด้วยนะครับ บ้าจริง ทั้งที่คุณไม่ควรได้มาฟังผมพูดเลยแท้ๆ งั้น.. ฝันดีนะ-”

            เดี๋ยวครับ!”ผมรั้งแขนเขาไว้เมื่อเห็นว่าเขาลุกขึ้นเตรียมจะหนีกลับเข้าห้องนอนตัวเอง เขาตกใจและทันทีที่ผมเห็นใบหน้าที่เปียกปอนไปด้วยน้ำตานั่นก็ชวนให้ผมอยากจะดึงเขาเข้ามาปลอบ แม้จะรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้วก็ตาม

            คุณกำลังร้าวราน กำลังจะแตกหัก เพราะงั้นได้โปรด...

            ...ให้ผมเยียวยาคุณแทนเถอะนะครับผมเงยหน้ามองคนที่ยืนค้างนิ่งอย่างอ้อนวอน เขาเบิกตากว้าง ตกใจจนนิ่งงัน และในเมื่อเขาทำอะไรไม่ถูก ผมจึงใช้จังหวะนั้นดึงเขาลงมากอดแนบชิดอย่างถือวิสาสะ ผมคิดว่าตอนนี้ผมคงขาดซึ่งความเกรงใจและเกรงกลัวไปพร้อมกับขาดสติในการยับยั้ง น้ำตานั่นอาจเป็นมนต์กระตุ้นให้ผมทำแบบนี้ก็ได้ แต่ผมขอยังไม่สนมันในชั่วขณะนี้ แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่ผิดต่อคุณ สามีคุณ หรือผมก็ตาม...

            คันนงซากะซัง?!”เขาเรียกผมด้วยความตื่นตระหนก เมื่อผมยกนิ้วโป้งขึ้นปาดไล่น้ำตาให้เขา

            คุณร้องไห้อยู่นะครับ อิรุมะซัง ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือสามีคุณ แต่ผม.. ผมคิดว่าผมยังยืนยันคำเดิมนะครับ ว่าผมชอบคุณและผมก็ไม่ชอบเลยที่เห็นคุณเป็นแบบนี้ เพราะงั้นล่ะครับ... อิรุมะซัง ให้ผมเป็นคนช่วยคุณเถอะนะครับ ให้ผมได้ปลอบคุณเถอะนะครับผมก้มลงซบซอกคอของเขา กลิ่นตัวเขาเด่นชัด กลิ่นสบู่และแชมพูที่ใช้ร่วมกัน เพียงแต่พอคุณเป็นคนใช้มันกลับพิเศษไปกว่าเดิม

            นะครับ อิรุมะซังผมอ้อนวอนเสียงกระซิบก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าตัวเองจนริมฝีปากผมประกบเข้ากับเขาอย่างแผ่วเบา

            ภาพที่คุณเคยช่วยตัวเองครั้งนั้นมันฉายชัดในหัวผม อยากสัมผัส อยากปลอบประโลม อยากกลืนกินและถูกกลืนกิน อยากได้ยินเสียงแสนหวานสุดเซ็กซี่นั่นอีกครั้ง อยากรับรู้คุณจากภายในตัวคุณ...

            คันนง... อื้ม!”เขาพยายามจะเรียกผมอีกครั้ง แต่ไม่ทันไรเสียงนั้นก็จมหายไป ทิ้งเพียงเสียงครางหวานในลำคอ ผมที่รีบเร่งจนเกินไปจึงทำให้ฟันของเรากระทบกัน ผมขอโทษเขาด้วยการไล่เลียริมฝีปากนุ่มของเขาพร้อมกับสลับดึงดูดมันเบาๆ เพื่อผ่อนความตระหนกให้ทั้งกับตัวเองและเขา จนในที่สุดเขาก็พร้อมตอบรับลิ้นร้อนรสจูบสัมผัสของผมอย่างลืมตัว ก่อนที่ปลายนิ้วสวยของเขาจะสอดเข้าไปใต้กลุ่มผมของผม

            อื้อ! พอก่อน...นิ้วมือเรียวอีกข้างจิกลงบนแขนเสื้อของผม แล้วช้อนมองมาอย่างน่าสงสารหลังจากที่ถูกดันเอนกายลงนอนโดยไม่รู้ตัว ผมไม่รอช้า ลงมือล้วงเข้าไปใต้สาบเสื้อ สัมผัสส่วนอ่อนไหวช่วงบนของเขาเบาๆ อย่างทะนุถนอมมัน มืออีกข้างของผมก็เคลื่อนลงไปต่ำ เพื่อบีบเคล้นสะโพกแน่นของเขา จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว หลับตามุ่นคิ้วเหมือนคล้ายจะไม่พอใจจนผมต้องยอมหยุด และในจังหวะนั้นเอง เขาก็รวบรวมแรงดึงผมลงมานอนราบนโซฟาแทนที่เขา โดยที่ต่อมาก็เป็นเขาเองที่นั่งคร่อมตรงส่วนนั้นของผม

            อะ อิรุมะซัง...เสียงผมหายไปในลำคอทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรมากไปกว่านี้ เพราะทันทีที่เงยหน้าไปสบตาสีมรกต เมื่อนั้นผมก็ราวกับตกอยู่ในมนต์สะกดของเขา

            ครั้งนี้มันช่างแยกออกยากเหลือเกิน ว่าตกลงนี่เป็นความจริงหรือเพียงแค่ฝันไป...

            คันนงซากะซัง.. คุณคิดดีแล้วหรอครับเขาเอนกายมาข้างหน้าเล็กน้อย เท้าฝ่ามือตัวเองลงข้างลำตัวผม และยิ่งเขาทำอย่างนั้น ส่วนนั้นของเขาก็ยิ่งชิดกับหน้าท้องของผม

            นี่อาจจะเป็นคำสาปหรืออะไรผมก็ไม่รู้ และไม่อยากจะรับรู้มันอีกแล้ว ในเมื่อคนตรงหน้าผมเป็นคุณ ต่อให้ผมจะเป็นอะไรผมก็ยอม ยอมแม้แต่จะต้องกัดแอปเปิ้ล แห่งบาปและกลืนมันลงไปอย่างไม่ลังเล แล้วคุณล่ะ...

            ผมคิดดีแล้วครับ คุณล่ะครับ อิรุมะซัง

            คุณพร้อมจะกัดมันหรือยัง แอปเปิ้ลที่แสนจะเต็มไปด้วยความผิดบาปนั่นน่ะ

            ครั้งนี้เขาไม่ยอมตอบ แต่กลับถอยตัวลงต่ำ โดยที่ผมทำได้แค่กึ่งนั่งกึ่งนอนมองดูว่าเขาจะทำอะไรต่อ เขาเองก็เหลือบมามองผมก่อนที่จะดึงกางเกงของผมลงจนส่วนนั้นโผล่พ้นออกมาจากใต้เนื้อผ้าด้วยความรีบเร่งจนน่าขัน เขาที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้า บรรจงจูบลงบนส่วนหัวของมันอย่างแผ่วเบาจนมันเกิดอาการกระตุกเล็กน้อย พอเขาเห็นปฏิกิริยาตอบกลับที่ดีแล้ว เขาก็เริ่มบรรเลงลีลาด้วยปากของเขา

            ผมเลิกความคิดที่จะโต้แย้งทันทีที่เขาอ้าปากรับมันเข้าไปอย่างไม่นึกรังเกียจ เขาขยับมันเข้าออกช้าๆ ราวกับกำลังหยอกเย้าผมเล่น ก่อนจะเพิ่มจังหวะไปตามระยะเวลา ทั้งลิ้น ทั้งริมฝีปาก ทั้งภายในปากของเขา ไม่นานผมก็เต็มปรี่จนถั่งหลั่งไหลรสคาวเข้าไปในปากของเขา บางส่วนที่ไม่พอกักเก็บมันก็ล้นออกมาจากปากเขา หยดย้อยลงบนตัวผม จากนั้นเขาก็กลืนกินส่วนที่ยังเหลืออยู่ในปากเข้าไป ผมร้องห้ามแต่มันก็ไม่ทันซะแล้ว

            คุณกลืนกินมันไปจนหมด

            และต่อด้วยการเปลื้องเสื้อผ้าจนเนื้อตัวเปลือยเปล่า ร่างกายที่แสนเย้ายวนอยู่ตรงหน้าผม อยู่บนตัวผม พร้อมกับใบหน้าและสายตาที่ยั่วยวนที่คอยปิดกลิ่นอายความเศร้าที่ไม่มีวันจางหายของคุณ

            ไม่รู้ทำไม พอได้เห็นแบบนั้น ผมยิ่งกลับรู้สึกราวกับถูกสะกดให้ติดตรึงไม่ให้ไปไหน และส่วนนั้นของผมมันก็กลับมาแข็งขืนอีกครั้ง เขายกสะโพกขึ้นนั่งทับหน้าท้องผม โดยที่ส่วนที่แข็งขืนของผมชิดติดกับสะโพกนั่น จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือเรียวสวยที่เปลือยเปล่าเช่นกันมาลูบไล้มันอย่างเอ็นดู ก่อนจะกวาดของเหลวที่ออกมาจากมันมาใช้เป็นตัวช่วยในการเปิดทางให้คุ้นเคย

            คุณเริ่มส่งเสียงร้อง มันช่างเซ็กซี่และหวานหูในยามที่ได้ฟัง

            พอเตรียมจนได้ที่เขาก็เริ่มจับประคองมัน และกดน้ำหนักให้มันเข้าไปภายในตัวเขาที่บีบรัดอย่างรุนแรง ใบหน้าเขาแดง ตัวเขาก็แดง แสงไฟยังคงสาดส่องให้ความสว่างในห้องนี้ ทำให้ผมสามารถเห็นเขาได้อย่างชัดเจน

            เขาดูเซ็กซี่ ยั่วเย้า มีเสน่ห์น่าดึงดูด จนผมอดใจไม่ไหวที่จะสวนสะโพกใส่เข้าไปแทนที่จะรอคุณค่อยๆ ใส่มันเข้าไปจนเต็มสุด

            อื้ม!”น้ำตาเขาปริ่มทั่วขอบตาล่าง แต่ถึงงั้นเขาก็ยังฝืนที่จะขยับมันทั้งที่ภายในมันช่างคับแคบจนน่าอึดอัด

            ผมวางมือทั้งสองข้างลงบนต้นขาสวย จับมันแหวกอ้ากว้างจนเห็นส่วนที่เชื่อมต่อกัน จังหวะเริ่มเปลี่ยนเป็นเร่งถี่เร็วจนแทบหายใจกันไม่ทัน

            แว่นของเขาค่อยๆ เลื่อนลงจะหล่นแหล่มิหล่นแหล่  ผมที่เห็นดังนั้นจึงจัดการเอื้อมมือไปถอดมันออกให้ เขาขอบคุณผมด้วยการก้มลงมาแนบริมฝีปากประกบจูบให้ผมเป็นรางวัล โดยที่สะโพกแสนยั่วยวนของเขายังคงขยับเคลื่อนบนตัวผม นิ้วเรียวข้างหนึ่งของเขาก็ลงมือนวดคลึงกับยอดอกของผมราวกับจะกลั่นแกล้ง

            ช่างน่าแปลก ทั้งที่มันไม่ใช่สัมผัสที่ผมคุ้นเคยหรือเคยชินเลยแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกชอบมัน

            เขาขยับมันขึ้นลง ควบควงมันอยู่ภายในอย่างคล่องแคล่วช่ำชอง ซึ่งดูก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร ผมกำลังเล่นกับไฟ ลุกลามและเผาไหม้เราอยู่ซ้ำๆ ดั่งรอเวลาที่ผิวเราจะแน่นตึงและปริแตก แต่แม้จะรับรู้ถึงความสัมพันธ์ต้องห้ามแสนอันตรายและทรมานนี้แล้ว กลับกัน เราทั้งคู่ก็ยังคงเลือกที่จะทำมันโดยไม่อาจหาสาเหตุที่แน่ชัดได้

            เราทั้งคู่ต่างยินยอม แม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรก็ตาม...