วันเวลาแสนวุ่นวายผ่านไปอย่างช้าๆ

จากช่วงเช้าที่ร้อนระอุ จู่ๆ ความมืดก็เข้าปกคลุมทั่วอ่าวก่อนที่พายุจะเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง อากาศเย็นยะเยือกเสียจนเนื้อตัวเริ่มสั่น เวลาแบบนี้ไม่มีอะไรเหมาะไปมากกว่าหาอะไรอุ่นๆ ดื่มแก้หนาวอีกแล้ว

แล้วในเวลาแบบนี้ คุณบาเทนเดอร์ไปอยู่ที่ไหนซะแล้วล่ะ เท่าที่ชายหนุ่มนักฆ่าพอจะนึกออกก็มีแค่ห้องครัว ห้องนอน โรงอาบน้ำ ซึ่งทุกที่ที่ว่ามานั้นเขาเดินหาจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่เจอ

“ชิ...สงสัยวันนี้คงไม่ได้ดื่มเหล้าอร่อยๆ แหง” พูดแล้วก็พาลหงุดหงิดขึ้นมา ทำไงได้เพราะนอกจากหวังพึ่งชเนย์ก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว จะให้ออกไปข้างนอกปราสาทเหมือนคราวก่อนก็คงไม่ได้

“ทำหน้าน่ากลัวเดินไปมาระวังจะมีคนหมั่นไส้เอานะครับ” เสียงคุ้นเคยที่ไม่อยากจะได้ยินเอ่ยทักจากทางเดินยาวด้านหน้า “กำลังตามหาคุณพ่อครัวอยู่เหรอครับ?”

นักฆ่าผมแดงหันไปหาเจ้าของคำถามอย่างเสียไม่ได้ และปั้นหน้ายิ้มที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำฉีกยิ้มหน้าระรื่นกลับไป

“หาตัวบาเทนเดอร์อยู่น่ะ” อเวเค่นเปลี่ยนสถานะให้คนครองตำแหน่งพ่อครัวคนโปรดกลายเป็นอย่างอื่น เพราะเวลานี้เขาไม่ได้อยากกินอาหาร แต่อยากได้คนชงเหล้ามากกว่า ไคม์ยิ้มตอบแต่สายนั้นคู่นั้นหาได้ยิ้มด้วยไม่

“แล้วตกลงว่าอยากเจอเค้ามั้ยล่ะครับ?” ปีศาจเลขาเอ่ยถ้อยคำกึ่งคำถามกึ่งคำเชื้อเชิญ แม้อเวเค่นจะไม่ได้ตอบกลับไปทันทีแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะล่วงรู้สิ่งที่อยู่ใจของนักฆ่าหนุ่มเป็นอย่างดี

“...ถ้ารู้ว่าอยู่ที่ไหนก็บอกมาสิ” คำพูดห้วนสั้นถูกเอ่ยออกไป

“ห้องรับรองแขกไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องบัลลังก์ของท่านเจ้าครับ” คำตอบกำกวมเหมือนว่าไม่ได้อยากจะบอกสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าครั้งก่อนที่โดนเจ้านรกเฉ่งเอานั่นเจ้าตัวโดนเอ็ดอะไรไปบ้าง แต่นี่ก็ถือว่าดีมากสำหรับอเวเค่นเลยล่ะ

“ขอบคุณคร้าบคุณเลขา” อเวเค่นทำเสียงล้อเลียนกวนโอ๊ยเหมือนไม่กลัวถูกฆ่าตายแล้วหันหลังเดินกลับเพื่อมุ่งหน้าไปทิศทางที่ต้องการ

ห้องรับรองแขกงั้นเหรอ? ...เท่าที่จำได้เหมือนว่าจะไม่เคยเปิดเลยสักครั้งตั้งแต่เข้ามาในปราสาทนี้เลยนี่นะ

อเวเค่นมักคอยสำรวจด้วยการเข้าห้องนั้นออกห้องนี้เป็นว่าเล่นอยู่แล้ว จึงจดจำห้องที่เขาไม่มีทางจะเหยียบเข้าไปได้อย่างแม่นยำ

ว่าแต่ทำไมถึงไปขลุกอยู่ในห้องนั้นล่ะ?

เมื่อเดินมาจนถึงห้องที่เป็นจุดหมาย ชายหนุ่มนักฆ่าก็หยุดยืนคิดเหมือนเพิ่งนึกได้ ปกติพ่อครัวจำเป็นคนนั้นแทบจะทำตัวเป็นผีสิงห้องครัว แล้ววันนี้เกิดนึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้ย้ายไปอยู่ที่ห้องรับรองแขก หรือว่าไอ้คุณเจ้านรกจะใช้งานคุณพ่อครัวเกินจำเป็นอีกแล้ว

ทว่าสมองของเขาก็พาให้นึกถึงสถานที่ที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้ขึ้นมา บางทีชเนย์อาจจะอยู่กับเจ้าของปราสาทก็เป็นได้

แม้ว่าเขาจะคิดเองเออเองไร้หลักฐานยืนยัน แต่มันก็ยากที่จะคิดเป็นอย่างอื่นไปได้

มือที่มักจับแต่อาวุธยื่นไปจะจับสลักประตู ทว่าด้วยลางสังหรณ์บางอย่างจึงชะงักมือค้างไว้อย่างนั้น แม้จะเบาจนนึกว่าหูแว่วไปเอง แต่พอลองเงี่ยหูฟังโดยการแนบไปกับประตูบานตรงหน้า เสียงที่เบาก็กลับชัดเจน ทั้งเสียงของคนที่กำลังตามหาตัว และเสียงของคนที่คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ด้วยกันในเวลาแบบนี้

“เสียงนี้มัน...เจ้านรก?”

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะอยู่ด้วยกัน เพียงแต่ที่แย่กว่าก็คือเสียงของคนทั้งคู่ที่เขากำลังได้ยินอยู่นี่มัน...

อเวเค่นยืนนิ่งอยู่ท่านั้นหน้าประตูจนดูน่าสงสัย ก่อนจะผละตัวเดินออกมา ทว่าฝีเท้าพาเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องนั้น ก่อนประตูจะเปิดออกจนคนลังเลสะดุ้ง

“อ๋า? อเวเค่นนี่นา” ชเนย์โผล่หน้าออกมาจากประตูบานใหญ่

“ท่านเจ้าบอกว่ามีคนมาหาอ่ะ เลยออกมาดูว่าคราย” ทั้งน้ำเสียงและท่าทางนั่นไม่บอกก็รู้ว่าเมาแอ๋แล้วอย่างแน่นอน

“คุณมาทำอะไรที่นี่?” นักฆ่าหนุ่มเลื่อนตาไปสะดุดกับรอยสีเข้มบนต้นคอและไหปลาร้าของอีกฝ่ายที่ดูก็รู้ว่าคือรอยอะไร ก่อนจะมองผ่านไหล่ชเนย์เข้าไปเห็นเจ้านรกนั่งยิ้มกริ่มมองมาที่เขา มือข้างที่ว่างจากแก้วเหล้ากวักนิ้วเรียกเหมือนจะบอกแกมบังคับให้เข้าไปด้านใน

“วันนี้อากาศหนาวอ่า เลยมาหาอะไรดื่มร่างกายจะได้อุ่นๆ” ชเนย์เริ่มพิงซบกับขอบประตู “มาดื่มด้วยกันมั้ย?”

“คุณดื่มมากไปแล้วนะ” อเวเค่นยื่นใบหน้าเข้าไปพูดกับชเนย์ในระยะประชิด ถึงเขาจะไม่มีสิทธิ์ว่าอีกฝ่ายเพราะตัวเองก็เคยอยู่ในสภาพไม่ต่างกันนี้มาหลายครั้งแล้วก็เถอะ แต่ไอ้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงนี่มัน...

“นิดหน่อยเองน่า” พ่อครัวปัดมือปฏิเสธไปมาก่อนจะจับแขนนักฆ่าหนุ่มแล้วดึงเข้ามาในห้องรับรองแขก “ข้างนอกมันหนาวน้า เข้ามาคุยข้างในห้องนี้ดีกว่าเนอะ อุ่นกว่าเยอะเลย”

ถ้าอยู่กันสองคนก็ไม่ขัดข้องหรอก แต่นี่มีตั้งสามคนแถมอีกคนก็ยังมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออกอีกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

อเวเค่นคาดเดาในใจว่าท่าทางวันนี้เขาคงไม่ได้นั่งดื่มอย่างสงบเหมือนที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรกแน่นอน

“นี่ไงๆ เหล้าที่เราไปขนมาวันนั้น อันนี้ไม่ต้องผสมก็อร่อยนะ” เมาจนหัวจะทิ่มก็ยังอุตส่าห์ทำหน้าที่คนชงอย่างขยันขันแข็ง

“ทำไมมานั่งกันห้องนี้ล่ะ?” ในเมื่อคนเมาดูจะไม่สามารถให้คำตอบได้จึงหันไปท้าทายอำนาจมืดที่นั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม

“มันไม่มีใครเฉียดมาใกล้น่ะสิ จะเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครรบกวน” คำตอบสองแง่สองง่ามชวนให้คิดไปไกลหรือไม่จำเป็นต้องคิดก็ได้ทั้งนั้น แต่อเวเค่นก็ปรายตามองรอยจูบบนคอคนข้างตัวแทนความเข้าใจของตน เจ้านรกหัวเราะในลำคอเบาๆ ให้กับความซื่อนั่น

“อเวเค่นทำหน้าน่ากลัวจัง” ชเนย์เอียงคอมาคั่นกลางสายตาสองคู่ที่กำลังจ้องเหมือนอยากจะก่อสงครามประสาท “นี่คร้าบ แก้วของคุณ”

ใจจริงก็อยากจะปฏิเสธไม่ดื่มแล้วตั้งแต่เห็นสภาพคนเมา แต่เครื่องดื่มสีอำพันก็ถูกรินใส่แก้วจนเกือบล้น ตามด้วยชนแก้วเสร็จสรรพ จะถอนตัวก็ไม่ทันแล้วตอนนี้

อเวเค่นดื่มเหล้าเข้าไปอึกแรก รสชาติบาดคอที่โคนลิ้นรับรู้ได้ถึงรสขมทว่ากลมกล่อม ดวงตาสีทองหันไปมองขวดเปล่าที่ตั้งเรียงกันอยู่หลายขวด เท่านี้ก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าทำไมพ่อครัวถึงได้มีสภาพนี้ แต่อีกคนที่ดื่มด้วยในเวลาเดียวกันนี่สิ ทำไมถึงได้สบายๆ ยังกับไม่ได้ดื่มเลยแม้แต่หยดเดียว

ดูท่าเขาจะเจอคอทองแดงตัวจริงก็คราวนี้

“เข้าใจเลือกสถานที่นะ”

อเวเค่นเอ่ยกับเจ้านรกแต่สายตาไม่ยอมละไปจากชเนย์ที่อยู่ข้างๆ นอกจากรอยบนคอแล้ว สายตายังมองไปยังส่วนล่างของอีกฝ่าย

ใช่ เมาแล้วเป็นยังไงก็ยังคงเป็นเช่นนั้น มันถึงได้อันตรายไงเล่า!!

“ถามตรงๆ เลยละกัน ผมมาขัดจังหวะพวกคุณหรือเปล่า?”

เจ้านรกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมจนดูน่าฟาดด้วยหมัดสักที หากทำได้ล่ะก็นะ...

“ไม่หรอก มาได้จังหวะดีเลยต่างหาก” พอเจ้านรกพูดจบก็ยกแก้วขึ้นกระดกจนหมดรวดเดียวและยกแก้วเปล่าขึ้นเหมือนเรียกให้ชเนย์มาเติมอีกแก้ว

“คราวนี้อยากลองขวดไหนค้าบ?” หากมีหางคงกระดิกระรัวใส่เป็นแน่แท้ พอเห็นแบบนี้อเวเค่นยิ่งรู้สึกจุกอกอย่างแปลกๆ

ทว่า ยังไม่ทันที่ชเนย์จะได้เปิดเหล้าขวดใหม่ คนเมาก็ถูกดึงลงไปนั่งกึ่งล้มบนตักเจ้านรก ริมฝีปากตามลงประกบแน่นแบบไม่ทันให้ตั้งตัวทั้งคนถูกจูบและคนที่มองอยู่ เหล้าในปากถูกส่งต่อช้าๆ และไหลออกมาตามมุมปากที่มีช่องว่างเสียจนเปรอะไปทั่ว เมื่อน้ำเมาถูกป้อนจนหมดเจ้านรกก็ถอนปากออก ปล่อยให้ทั้งชเนย์และอเวเค่นนั่งอึ้งทำตัวไม่ถูกทั้งสองคน

ชเนย์ตาสว่างไปชั่วขณะ ใบหน้าที่แดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่แล้วยิ่งขับสีหน้าให้แดงจัดด้วยความกระดากอายที่ถูกจูบโชว์ต่อหน้าคนอื่น...ที่ไม่ใช่คนอื่นไกล

อเวเค่นพยายามข่มอารมณ์ให้เป็นปกติเมื่อรู้แล้วว่าตนนั้นไม่ได้ถูกเชิญให้มาร่วมดื่มสังสรรค์หรอก แต่เพื่อสร้างความหรรษาให้กับร่างสูงใหญ่ต่างหาก มือที่จับแก้วเหล้าที่มีน้ำสีทองอยู่ครึ่งแก้วเผลอออกแรงบีบโดยไม่รู้ตัวจนเกิดรอยร้าวเล็กๆ

“สายตาเอาเรื่องใช้ได้นี่”

รอยยิ้มมุมปากของเจ้านรกเหยียดขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าของนักฆ่าหนุ่มที่ปกปิดไม่มิด ชเนย์ที่ยังคงมึนงงและเมามายเบนสายตาไปหาอีกคนที่กำลังมองมาที่ตัวเอง

“อะ...เอ่อ...” ไม่รู้สายตาที่ส่งไปมันกำลังขอความช่วยเหลือหรือกำลังขอคำอธิบาย แต่ก่อนที่อเวเค่นจะได้ให้คำตอบเจ้านรกก็เริ่มจูบลงบนต้นคอชเนย์เสียก่อน เรี่ยวแรงที่สู้คนตัวใหญ่กว่าไม่ไหวถูกทอนลงจนแรงจะดิ้นให้หลุดจากสองมือที่เริ่มซุกซนก็ยิ่งไม่มี

“เจ้าเองก็อย่าเพิ่งไปไหนซะล่ะ” สายตาคมสีอ่อนจางตวัดมองไปทางคนที่อยู่ตรงข้ามอย่างแข็งกร้าวบ่งบอกว่านี่คือคำสั่ง อเวเค่นผู้โดนพูดดักคอกัดฟันแน่นและวางแก้วในมือลง ตอนนี้ต่อให้เหล้าจะรสเลิศแค่ไหนก็ไม่ถูกปากทั้งนั้น