ร่างสูงใหญ่ก้าวมาประชิดทันทีหลังจากจบประโยค ชเนย์โดนคว้าข้อมือทั้งสองข้างไว้เพื่อกันไม่ให้เขาได้ลงมือต่อต้านใดๆ ร่างเล็กกว่าถูกบังคับหันมาประจันหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้

กระทั่งทุกการเคลื่อนไหวสงบลง ชเนย์อยู่ในสภาพที่ถอยกรูดติดกับขอบโต๊ะ มือทั้งสองโดนรวบไว้ไม่สามารถดิ้นหลุดได้เพราะเรี่ยวแรงที่ต่างกันมากจนน่าตกใจ

“ไม่ถนัดที่โดนจู่โจมก่อนหรือไง?” รอยยิ้มของเจ้านรกยิ่งเผยออกมากว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อผู้อยู่ในการควบคุมของเขาแสดงปฏิกิริยาอย่างที่คาดไว้ ไม่สิ...มากกว่าที่คิดไว้เสียอีก

“.....” ชเนย์ไม่ได้พูดอะไร ต้องบอกว่าพูดไม่ออกจะดีกว่า สีหน้าที่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะสื่ออะไรระหว่างอาการอ้ำอึ้งกับวิตกกังวล แต่ผิวสีจางนั่นแดงเรื่อแจ่มชัดยิ่งกว่าเมื่อครู่จนไม่ต้องเดาว่าเขารู้สึกแบบไหนอยู่

“เจ้านี่...ทั้งที่ทำตัวเข้าใจยากมาตลอดแท้ๆ จู่ๆ ก็จัดการง่ายขึ้นมาซะอย่างนั้นแหละ”

“...คุณคิดถูกแล้วครับ ผมไม่ถูกกับการโดนเข้าหาก่อน” แม้ยังไม่หายจากอาการเขินอายแต่ก็พยายามยิ้มสู้ให้ได้เหมือนเดิม

“โฮ่ ยอมรับง่ายๆ เรอะ?” เจ้านรกยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อเพ่งมองผ่านแว่นสีเข้มเข้าไปดูแววตาอีกคนให้ได้

“ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบังนี่”

“น่าแปลกใจที่เจ้ายังกล้าจ้องตาข้ากลับอีกนะ” พอเห็นว่าชเนย์ไม่ได้หลบตาไปทางอื่นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“คุณคงไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ หรอกมั้ง” ชเนย์ยิ้ม แต่เป็นยิ้มแห้งๆ ที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก “ดูแล้วคงไม่น่าจะพิศวาสเรื่องแบบนี้กับผู้ชาย”

“ก็จริงอยู่ที่ว่าข้าไม่ได้ชอบสิ่งมีชีวิตเพศเดียวกัน” พูดเสร็จเจ้านรกก็ปล่อยข้อมืออีกฝ่ายให้เป็นอิสระ แต่ไม่ได้ขยับตัวออกไป ซ้ำยังก้มลงมาประชิดกว่าเดิมจนคนถูกต้อนใจสั่น มือใหญ่หุ้มเกราะวางแนบไปกับขอบโต๊ะเพื่อปิดกั้นทางหนี “แต่นั่นก็เพราะในสมัยก่อนด้วยความที่ข้าเองก็เกิดนึกครึ้มอยากรู้อยากลอง ก็เลยได้ทดลองอะไรๆ มาเยอะจนเบื่อหน้าเพศผู้ไปเลยนั่นล่ะ”

ชเนย์กะพริบตาปริบๆ ค่อนข้างประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน

หรือนี่คือเรื่องปกติของคนที่อยู่มานานกว่าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติกันนะ?

เขาก้มหน้าครุ่นคิดอะไรในใจอยู่พักใหญ่

“งั้น…ผมคงทำแบบนี้ได้ใช้มั้ย?” เจ้าของคำพูดใช้นิ้วจิ้มเบาๆ ไปบนริมฝีปากของอีกคนเพื่อสื่อในสิ่งที่ต้องการ

“หือ? นี่ตกลงว่าเจ้าก็ยังหวังจะได้อะไรจากข้าอยู่ดีงั้นรึ?” เจ้านรกปล่อยให้เรียวนิ้วนั้นไล้ไปตามริมฝีปากของตนอย่างไม่ยี่หระใดๆ

“นิดหนึ่งน่ะครับ คนเรามันก็ต้องมีแรงจูงใจบ้าง” ชเนย์ถอดแว่นตัวเองออกไม่ให้มาเกะกะ เมื่อไม่เห็นการห้ามปรามใดๆ ร่างเล็กกว่าก็เงยหน้าขึ้นไปหาอีกฝ่าย

ริมฝีปากอุ่นค่อยๆ กดแนบเข้าหากันอย่างนิ่มนวล ผู้เริ่มนั้นจูบอ้อยอิ่งเนิบช้าทว่าดูจะไม่ได้ไร้เดียงสาเสียทีเดียว แม้จะใช้เวลาค่อนข้างนานแต่ไม่มีทีท่าว่าชเนย์จะยอมยกระดับความเย้ายวนใดๆ กระทั่งคนถูกกระทำเริ่มคิดจะซุกซนเสียเอง

“แค่นี้ก็พอมั้ง” เมื่อเริ่มเกินขอบเขตที่ตนตั้งใจไว้ชเนย์ก็ผละออกมาก่อน

“พอ?” ถึงปากจะพูดแบบนั้น ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้เลื่อนใบหน้าออกห่างเกินกว่าที่จะไม่รับรู้ลมหายใจของกันและกัน “มักน้อยจริงนะ”

“เปล่าครับ ก็...คุณบอกว่าหิวนี่” เขาแอบเหล่ไปทางอาหารที่อุตส่าห์ทำไว้ให้

“ข้าบอกว่าอยากกินอย่างอื่นแล้วนี่”

จบประโยคเจ้านรกก็พิสูจน์ด้วยการโถมเข้าหาร่างโปร่งและบดเบียดริมฝีปากลงไปรวดเร็ว ทั้งดูดดื่มและร้อนแรงกว่าเมื่อครู่อย่างเทียบไม่ติด ถึงแม้จะโดนจู่โจมกะทันหันแต่รอบนี้ชเนย์ดูจะตั้งตัวได้ดีขึ้น มือทั้งสองไล้จากแผ่นอกแน่นผ่านขึ้นไปยังบ่ากว้างและโอบคออีกฝ่ายไว้เป็นที่ยึดพยุงตัว

เรียวลิ้นตอบรับการรุกล้ำเข้ามาในช่องปากอย่างชำนาญ ทั้งยังหาจังหวะฉกปลายลิ้นกลับได้ลงตัว ยิ่งทำให้เจ้านรกรู้สึกเหมือนโดนท้าทายกว่าเดิม

“ไอ้ที่ทำตัวเหนียมอายเมื่อกี้มันภาพลวงตารึไง?” จูบล้ำลึกสลับกับแผ่วเบาประปรายช่วยเปิดโอกาสให้พูดคุยได้บ้าง

“แค่ไม่นึกว่าคุณจะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนนี่นา” ชเนย์กดไล้ปลายลิ้นไปบนริมฝีปากอีกคนช้าๆ “ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนต้องเตรียมรับมือน่ะครับ”

“อ้อเหรอ” เจ้านรกเปลี่ยนตำแหน่งมือจากที่แค่ยันตัวเองไว้มาอุ้มร่างเล็กกว่าขึ้นไปบนโต๊ะ พร้อมพรมจูบหนักๆ ลงไปทั่วทั้งคอและช่วงไหล่ที่ไม่มีเสื้อผ้าใดๆ ปิด พลางกดบ่าอีกฝ่ายให้เอนตัวลงไปเสียแทบจะนอนราบไปกับโต๊ะ ฝ่ามือลูบไล้เพื่อสำรวจไปทั่วอย่างรวดเร็ว และซุกเข้าไปใต้ชายเสื้อก่อนเปิดเลิกขึ้นเพื่อให้สัมผัสได้สะดวกไร้สิ่งปกปิด แต่ก็ชะงักไปเสียดื้อๆ

“...ถ้าเจ้าไม่ได้มีธุระสำคัญก็ช่วยหลบไปก่อนจะได้มั้ย?”

ชเนย์เอียงใบหน้าด้วยสงสัยในคำพูดนั้น ทว่าเมื่อมองตามสายตาไปก็พบว่าเจ้านรกหันไปจ้องเขม็งบริเวณทางประตูเข้าห้องครัว

“ขออภัยที่เข้ามาขัดจังหวะครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มแสนคุ้นเคยตอบกลับเรียบๆ ราวกับชินชากับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว แม้มองออกไปยังทางเดินมืดสนิทก็ยังไม่เห็นวี่แววเจ้าของเสียง จึงได้เพียงเดาว่าคงแอบอยู่ด้านหลังกำแพง “ข้าแค่จะมาบอกคุณพ่อครัวว่าวัตถุดิบที่ขอไปยังได้มาไม่ครบ ก็เลยจะนำมาให้ในตอนเช้าน่ะครับ”

“อ่ะ...โอเคครับ” ชเนย์ขานรับอย่างพยายามข่มอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นให้ปกติ

“แล้วก็...ปกติไม่ค่อยเห็นท่านชอบกินอาหารจานด่วนเท่าไหร่ หนนี้เลยตกใจนิดหน่อย” แม้น้ำเสียงสงบนิ่งแต่กลับเจือปนด้วยความสงสัย “ท่านคงจะหิวมาก แต่ช่วยอดใจรอฟูลคอร์สสักนิดก็ดีนะครับ”

สิ้นประโยค ไคม์ก็หายวับไปกับความมืด ปล่อยสองหนุ่มที่นัวเนียอยู่ในห้องครัวแอบงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง

“...เอาไงต่อดีครับ?” ชเนย์เลิกคิ้ว

“...นั่นสิ” เจ้านรกอุ้มตัวอีกคนขึ้นพาดบ่าด้วยแขนเพียงข้างเดียว แต่ชเนย์ตั้งสติยันตัวไว้ไม่งั้นหน้าคงฟาดเข้ากับเกราะบนไหล่นั่นเต็มๆ “งั้นก็ย้ายโต๊ะ!”

“เฮะ!!?”

ร่างสูงโปร่งที่โดนอุ้มราวเด็กทารกเกาะเจ้านรกแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองร่วงลงมา ก่อนที่ชเนย์จะโดนโยนลงบนเตียงคุ้นตาที่เคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแต่ครั้งนี้ได้มีโอกาสสัมผัสความนุ่มของมันเต็มที่

เจ้านรกตามมาคร่อมไว้และเริ่มเกมใหม่ด้วยจูบร้อนแรงอีกรอบพลางถอดเสื้อคลุมของตนออกไปพร้อมๆ กับเกราะแขนและไหล่ด้วย

“แหม ผมไม่หนีไปไหนหรอกน่า”

สองแขนโอบรอบตัวเจ้านรกและเกาะแผ่นหลังกว้างไว้ ไล้ปลายนิ้วไปทั่วเหมือนต้องการสัมผัสมัดกล้ามแน่นให้มากกว่าที่สายตาเห็น “หวา…นี่มันสุดยอดยิ่งกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”

“ก็ถ้าอาหารตรงหน้ามันพร้อมเสิร์ฟ แล้วข้าจะรออะไรเล่า?” พูดแล้วก็ใช้ฟันขบลงไปตามซอกคออีกคนจนช้ำเป็นจ้ำๆ

“อึ่ก…พอดีมันยังปรุงไม่เสร็จดีต่างหาก” คนพูดไม่ได้พยายามสะกดกลั้นอะไร แค่ร่างกายเขายังไม่ถูกกระตุ้นให้ตามอารมณ์คนที่คร่อมอยู่ได้ทันเท่านั้น

เจ้านรกเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายนิ่งๆ

“อ่า...ขอเวลาพ่อครัวเตรียมตัวอีกสักครู่ได้มั้ยครับ?” ชเนย์เสนอ

เจ้านรกยักไหล่พลางยิ้มน้อยๆ และมองอีกคนยันตัวเองขึ้นเป็นการบอกใบ้ให้ตนพลิกตัวลงไปอยู่ข้างล่างแทน ซึ่งเขาก็ยอมทำตามอย่างใคร่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรต่อ

“อ่ะ บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ใช่พวกนิยมความรุนแรงนะครับ” พอพลิกตัวขึ้นมานั่งคร่อมร่างสูงใหญ่ได้ก็เริ่มไล้จูบไปตามใบหน้าและข้างแก้มอีกฝ่าย

“ดูก็รู้น่ะ”

“แต่ผมก็ไม่รังเกียจนะถ้าจะเป็นฝ่ายโดนซะเอง” น้ำเสียงเอ่ยกระซิบเบาๆ และลากปลายลิ้นผ่านลำคอหนาลงมาถึงอกเปลือยเปล่าก่อนขบเม้มบางเบาลงไป มือค่อยๆ ลูบไล้และปากก็ลงจูบอย่างหลงใหลไปทั่วกล้ามท้องแน่นได้รูปโดยเน้นหนักบริเวณท้องน้อย ไม่ยอมเสียเวลาแวะที่ไหนนานเนื่องจากสัมผัสได้ถึงแก่นกายของอีกคนที่เริ่มตื่นตัวมาสักพัก

“คงไม่ว่าอะไรนะครับถ้าผมจะใช้ปาก?”

“ตามสบาย” ดีซะอีกจะได้เป็นน้ำหล่อลื่นให้กับอะไรๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

มือเรียวปลดกางเกงของท่านเจ้านรกออก เมื่อสิ่งที่เล็งไว้ปรากฏให้เห็นก็ใช้ริมฝีปากสัมผัสลงตรงกลางแท่งเป็นการทักทาย ลิ้นอุ่นชื้นไล้ชโลมทั่วส่วนแข็งขืนจนชุ่ม มือข้างหนึ่งตรงเข้าประคองเพื่อให้ใช้ปากได้สะดวก

ชเนย์แตะริมฝีปากลงบนส่วนปลายและค่อยๆ รูดผ่านส่วนหัวลงไปจนถึงกลางลำท่อน ไม่ได้กดลงไปจนสุดเพื่อเน้นเพียงส่วนปลายเท่านั้น เรียวนิ้วจับรอบโคนเริ่มขยับเป็นจังหวะเดียวกับปาก ลิ้นนุ่มซุกซนเล่นกับปลายแก่นกายที่ถูกครอบไว้ในปากอุ่น

เสียงครางเบาในลำคออย่างพึงใจจากผู้ถูกปรนเปรอเป็นสัญญาณที่ดีว่าอย่างน้อยเขาก็มาถูกทาง ชเนย์จึงรู้สึกสนุกสนานขึ้นมาพลางหยอกล้ออย่างมิเกรงกลัวด้วยการกดปลายลิ้นลงที่ปลายแท่งทำให้เจ้านรกแอบสะดุ้งเล่น

“ข้าจะเอาคืนหลังจากนี้แล้วกัน...” อีกคนพูดขู่ด้วยเสียงทรงอำนาจ แต่เวลานี้มันกลับเจือด้วยความสั่นเครือจากแรงอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นต่อเนื่อง

“ตามสบายครับ” เขาผละริมฝีปากออกมาแค่เพียงให้อีกฝ่ายได้พักหายใจชั่วครั้งคราวและกลับลงไปอมส่วนอ่อนไหวชุ่มทั้งน้ำลายที่หล่อลื่นเสียโชกไปทั้งลำ ทว่าถึงจะจู่โจมทุกจุดไวต่อสัมผัสหรือกลั่นแกล้งให้สะท้านไปทั้งตัวเพียงใด เจ้านรกก็ยังคงไม่ปลดปล่อยออกมา “...คุณนี่อึดกว่าที่คิดเยอะเลย”

“เจ้าก็ดูช่างหาเรื่องกว่าที่คิดเหมือนกันนั่นแหละ” เจ้านรกกัดฟันอย่างมันเขี้ยว ยิ่งเห็นสีหน้าเหมือนกับว่าพอใจที่สามารถไล่ต้อนเขาได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอยากเห็นยามที่อีกฝ่ายศิโรราบมากเท่านั้น

เมื่อความอดทนงมาถึงจุดสิ้นสุด เจ้านรกจับยึดศีรษะชเนย์แล้วกดลงจนแก่นกายระอุเข้าไปในปากเสียมิด แม้จะตกใจแต่ก็ตอบรับได้ทันทีราวกับคิดไว้แล้วว่าจะโดนแบบนี้

เสียงหอบหายใจครางต่ำหลุดลอดไรฟันออกมาพร้อมๆ กับของเหลวข้นที่ทะลักเสียเต็มช่องปาก ชเนย์กลืนมันลงไปแทบจะทันทีแต่กระนั้นก็ยังไม่หมดอยู่ดี น้ำขาวขุ่นบางส่วนล้นออกมาจากริมฝีปากที่กดค้างบนลำแท่งใหญ่ไว้แน่น

“ดูท่าจะไม่พอใจแค่นี้ใช่มั้ยครับ?” เมื่อนั้นชเนย์ก็ถอดเสื้อออกเพื่อเตรียมบรรเลงต่อ ท่าทีเมื่อครู่ของเจ้านรกดูจะช่วยกระตุ้นอารมณ์เขาได้อย่างดี แต่ยังไม่ทันจะได้ถอดกางเกงออกก็โดนดึงลงไปนอนแผ่บนเตียงแทน

“แน่ล่ะ ข้าไม่พอใจกับอีแค่ออร์เดิร์ฟหรอก” เมื่อกดร่างของอีกคนลงกับเตียงได้ก็สอดสองนิ้วเข้าไปควานหาน้ำรักสีข้นที่ชเนย์กักไว้ในปากสำหรับหล่อลื่นตัวเอง แม้จะปลดปล่อยไปแล้วครั้งหนึ่งแต่เจ้านรกดูพร้อมที่จะทำกิจต่อได้ทันที

รอยยิ้มจางที่มุมปากของร่างสูงโปร่งแทนคำตอบว่าเขาพร้อมจะรองรับทุกอย่างที่กำลังจะโดนในเวลาอันใกล้ และลงมือปลดกางเกงตัวเองออกไปให้พ้นทาง

เจ้านรกจูบพร้อมกัดเต็มแรงตามอกและช่วงบ่าของชเนย์จนเต็มไปด้วยรอยฟันที่ทั้งช้ำทั้งห้อเลือดอย่างรวดเร็วด้วยเพราะความหมั่นไส้มาตั้งแต่เมื่อสักครู่ นิ้วทั้งสองเองก็ดูพร้อมจะใช้เป็นใบเบิกทางก็ถูกถอนจากริมฝีปากอุ่นที่เผยอออกและตรงไปหาช่องทางด้านล่าง

เขาไม่คิดจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพราะคลื่นความกระหายที่ถาโถม สองนิ้วชุ่มน้ำลายและน้ำขุ่นข้นกดแทรกเข้าไปรวดเร็ว แม้จะมีตัวช่วยแต่แบบนี้ก็ยังทำเอาชเนย์รู้สึกเจ็บมิใช่น้อย

“อ่ะ! ..อื้อ…” ชเนย์กัดฟันแน่น พยายามไม่ขืนเกร็งต้านให้รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม เพียงครู่เดียวร่างกายก็เริ่มชินกับการรุกล้ำนี้อย่างง่ายดาย

“เชี่ยวน่าดูนี่ นึกว่าปกติเจ้าเป็นคนทำอย่างเดียวซะอีก” เจ้านรกเดาะลิ้นถูกใจกับความชำนาญงานของอีกคน ผิวขาวชื้นเหงื่อถูกละเลงด้วยสีแดงเข้มจากเลือดจนละลานตา

“ก็สลับๆ กันไป…ตามแต่อีกคนจะตกลงน่ะ”

แม้จะตกเป็นเบี้ยล่างแต่ชเนย์ก็ไม่ปล่อยให้มือสองข้างว่างเว้นเสียเปล่า เขาโอบไล้ปลายนิ้วเรื่อยไปทั่วแผ่นหลังกว้างและจิกลงเป็นระยะเมื่อโดนกระตุ้นได้ถูกจุด

เสียงครางเริ่มถี่ชัดขึ้นเมื่อเจ้านรกเจอจุดกระสันที่ช่องทางลับ และกดเน้นย้ำจนมั่นใจก่อนจะแทรกนิ้วที่สามเข้าไป อีก ทั้งลูบไล้แผ่วเบาสลับกับลงนิ้วหนักหน่วงไปยังจุดจุดนั้น

ชเนย์แทบไม่ได้ปิดกั้นเสียงร้องใดๆ ซ้ำยังครวญครางอย่างพอใจเมื่อถูกเร่งเร้ามากขึ้น ทว่าเมื่ออารมณ์เริ่มจะไปถึงสวรรค์ จู่ๆ เจ้านรกก็หยุดมือไปเสียเฉยๆ

“อ่ะ.. เอ๋?” คนข้างล่างกะพริบตาปริบ

“คิดว่าข้าจะช่วยให้เจ้าเสร็จง่ายๆ รึ?” เจ้านรกยิ้มกริ่มไม่น่าไว้ใจและถอนนิ้วออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไรต่อ

“คือ…” ชเนย์ทำหน้าฉงน เสียงหอบหายใจรุนแรงแสดงให้เห็นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านจากการถูกปลุกเร้าจนเกือบถึงที่หมาย แต่แล้วก็กลับถูกปล่อยทิ้งไว้กลางทางทั้งอย่างนั้น

เจ้านรกเปลี่ยนจากกระตุ้นคนข้างล่างมาเริ่มชักให้ตนเองต่อหน้าคนค้างฟ้า จงใจซุกใบหน้าลงเปล่งเสียงร้องข้างหูให้อีกคนใจสั่นเพราะรู้ว่าทำแบบนี้แล้วชเนย์จะยิ่งมีอารมณ์ขึ้นได้มากกว่าเมื่อครู่ ใบหน้าขาวที่แดงอยู่แล้วกลับขึ้นสีเรื่อหนักกว่าเดิม ภาพเร้าอารมณ์ตรงหน้าเริ่มทำให้ความกระสันยิ่งก่อตัวขึ้น มือทั้งสองปล่อยจากตัวคนข้างบนเพื่อหมายจะลงไปเสร็จกิจนี้ด้วยมือตัวเอง แต่ถูกคว้าไว้เสียก่อนจะได้ทำอะไร

“เรียกร้องซะสิ?” เจ้านรกสบตากับเหยื่อของตน ใบหน้าคมเข้มแต้มสีแดงจางบวกกับสายตาเต็มไปด้วยราคะทำเอาคนถูกท้าทายตัวแข็งทื่อราวต้องมนตร์สะกด

ชเนย์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายจะยอมเอ่ยปากออกมา “ช่วย...จูบผมหน่อยสิครับ”

เจ้านรกเลิกคิ้วและยิ้มกริ่มก่อนก้มหน้าลงไปจูบตามคำขอ เพียงแต่มันบางเบาเสียจนไม่พอจะสนองอะไรได้

แกล้งกันชัดๆ เลย

“...ส...ใส่เข้ามาทีเถอะครับ” น้ำเสียงออดอ้อนกระเส่าเพราะโดนปลุกเร้าแบบครึ่งๆ กลางๆ มือที่โดนตรึงไว้ทั้งสองข้างถูกปล่อยหลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ มือหนาของอีกคนเลื่อนลงไปโอบเอวคนข้างล่างขึ้นเพื่อเอาหมอนรองไว้

“ว่าจะยื้อต่ออีกหน่อย แต่สีหน้าของเจ้าตอนนี้มันเร้าอารมณ์สุดๆ เลยล่ะ”

เจ้านรกระบายยิ้มและขยับแทรกแก่นกายร้อนเข้าไปในตัวอีกฝ่ายรวดเร็ว แม้ไม่ใช่การกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงแต่ก็กดเข้าไปจนสุดโคน

“อ๊า! ...อื้ออ!!” เสียงร้องระคนด้วยความเสียวซ่าน สองแขนยกโอบคนข้างบนที่ก้มลงมาซุกไซ้ตามซอกคอไปจนกระทั่งใบหูที่แดงเรื่อเช่นเดียวกับใบหน้า

“ข้าคงไม่รอให้เจ้าชินหรอกนะ”

“ก็...ไม่เป็นไรหรอกครับ” จบประโยค ร่างสูงใหญ่ก็เริ่มขยับสะโพกกระแทกตามใจชอบ เพลิดเพลินกับเสียงครางและสีหน้าที่ไม่เคยเห็นจากคนตรงหน้า แต่สิ่งที่ดึงดูดเจ้านรกให้หลงใหลคือแววตาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความกระสันอยากซึ่งก่อนหน้านี้มันไม่มีอะไรอยู่เลย

“จะเรียกว่าดวงตาเจ้าค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาสักนิดได้มั้ยเนี่ย” เจ้านรกเปรยด้วยเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน และยันตัวขึ้นสุดแขนเพื่อพินิจมองคนข้างล่างให้เต็มตา

“แม้แต่คุณก็ยังชอบมองหน้าผมในเวลาแบบนี้” ชเนย์เค้นเสียงพูดอย่างยากลำบากขณะเบนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิมเมื่อโดนจ้องซะขนาดนี้

เจ้านรกตอบคำถามด้วยการจูบหนักหน่วงทั้งยังสอดมือเข้าไปโอบอุ้มช่วงล่างอีกคนให้ยกสูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้ส่วนรุกล้ำเสียดสีเข้ากับจุดอ่อนไหว

“อื้อ...” เสียงเครือในลำคอเล็ดลอดปากแนบแน่นของทั้งสองคนออกมา แขนเรียวทั้งสองเปลี่ยนจากลูบไล้บนแผ่นหลังมากอดคอคนข้างบนไม่ยอมให้ลุกออกไป “ท...ท่านเจ้านรกครับ...”

“...?” ผู้ถูกเรียกเอียงคอสงสัย

“ขอเรียกว่า ‘ใต้เท้า’ จะได้มั้ย?”

เจ้านรกกระตุกยิ้มให้ประหนึ่งว่านั่นคือคำตอบ และเร่งจังหวะการขยับสะโพกให้รวดเร็วรุนแรงยิ่งกว่าเดิม เสียงครางรัญจวนถี่ชัดขึ้นทุกขณะโดยไม่อาจควบคุมได้

“ฮ่ะ! ..อ๊าา!!” ทั้งร่างกระตุกเกร็งเพราะความกระสันซ่านแล่นไปทั่วทั้งตัวพร้อมๆ กับน้ำขาวข้นที่ถูกปล่อยออกมา ก่อนที่ศึกบนเตียงกว้างจะสงบลงเพียงชั่วครู่

“ข...ขออภัยด้วยครับ” เมื่อสติของชเนย์กลับมาจากห้วงสวรรค์ แขนทั้งสองก็ปล่อยออกแทบจะทันที เขาเพิ่งรู้ตัวว่ากอดร่างสูงใหญ่ไว้แน่นขนาดไหน และรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันเสร็จเลยด้วยซ้ำแต่เขากลับไปถึงฝั่งก่อนซะงั้น

“เซ็กซี่ดีนี่” ท่านเจ้านรกยิ้มกริ่มเจตนาหยอกล้อชัดเจน “ไม่นึกว่าคนแบบเจ้าจะทำตัวน่ารักเป็นกับเขาด้วย”

ไม่รู้ว่านี่เป็นคำชมหรืออะไร ชเนย์เลยได้แต่มองอย่างสงสัย

“เอ่อ...คุณ…”

“ใต้เท้า”

“...ครับ?”

“เมื่อกี้เจ้าบอกจะเรียกแบบนี้นี่”

เมื่อรู้ว่าเผลอพูดคำขออะไรแบบนั้นออกไปพ่อครัวหนุ่มก็เริ่มลนลานและหลบสายตา

“พูดสิ”

“ต...ใต้เท้า…”

ร่างสูงใหญ่คลี่ยิ้มก่อนจะก้มลงจูบอีกฝ่าย

“รู้สึก...แปลกๆ” ชเนย์ขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้ใช้เวทมนตร์โดยตรง แต่ก็สามารถรับรู้ถึงไอพลังเวทจากคนข้างบนได้ รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมในร่างกายตนที่เริ่มขยับขยายอีกครั้ง

“ไม่ต้องห่วง ก็แค่ใช้เวทมนตร์แบบเดียวกับที่พวกอินคิวบัสใช้เท่านั้นแหละ”

ดูท่าเจ้านรกคงไม่คิดที่จะหยุดแค่นี้

ร่างกายของชเนย์เริ่มร้อนและสั่นเทิ้มทั้งที่เพิ่งจะเสร็จสมไปคือคำตอบว่าเขาโดนของเข้าแล้วจริงๆ การสอดแทรกที่ท่อนล่างเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว และตรงนั้นของเขาเองก็รองรับได้แทบจะในทันทีเช่นกัน ส่วนอ่อนไหวที่เพิ่งปลดปล่อยความใคร่ไปเมื่อครู่กลับมาแข็งขืนอีกครั้งโดยไร้การปลุกเร้าใดๆ

เจ้านรกถอนแก่นกายร้อนของตนออกก่อนจับคนข้างล่างให้นอนคว่ำเพื่อจะเปลี่ยนท่าที่สามารถรุกล้ำได้ลึกกว่าเดิม ชเนย์ยกสะโพกรับอย่างว่าง่าย ทว่า...

“อ่ะ!? ด...เดี๋ยวครับ! อ๊า!!” ชเนย์รับรู้ถึงสัมผัสแปลกปลอมเย็นเยียบกดแทรกเข้ามายังปลายลำแท่งของตน สิ่งที่เจ้านรกหยิบมาใช้คือแท่งเหล็กทรงแปลกตาขนาดเล็กที่เล็กกว่าไม้จิ้มฟัน ส่วนปลายอีกด้านถูกหลอมเชื่อมให้เป็นดั่งหมวกปกปิดปลายของเล่นรัก มือหนาบรรจงใส่มันลงไปให้คนข้างล่างจนแท่งเหล็กนั้นจมหายเข้าไปทั้งหมด

“อึก…นี่มันอะไร?” ความเจ็บปวดไม่ใช่น้อยๆ ของมันทำเอาคนโดนเล่นพิเรนทร์สั่นระริกไปทั้งตัว สังหรณ์ใจว่าเกมร้อนรักที่กำลังดำเนินต่อเนื่องมาจะทวีความร้อนแรงกว่าเมื่อครู่

“รอบนี้ข้าขอฟังเสียงอ้อนวอนของเจ้าหน่อยละกัน” ร่างสูงใหญ่กระซิบแผ่วด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน เมื่อมือเสร็จกิจจากการสวมใส่อุปกรณ์ให้อีกคนก็ลูบผ่านลำตัวชื้นเหงื่อไปทั่วราวกับหลงใหล ก่อนหยุดมือค้างไว้ที่ยอดถันแล้วเริ่มเขี่ยเล่นปลุกกระตุ้นให้อีกฝ่ายเปล่งเสียงสั่นเครือยิ่งขึ้น

“อ่ะ..อ๊าา... มัน...เจ็บ!” สิ่งแปลกปลอมที่อีกคนฝังไว้ดูท่าจะไม่ใช่ของที่จะคุ้นชินได้ง่ายๆ เมื่อขยับเพียงนิดก็เจ็บเสียจนร่างสั่นเทิ้ม ทว่าเจ้านรกกลับยิ่งชอบใจและทำการรุกล้ำที่รุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อการเสียดสีภายในสัมผัสลึกล้ำเข้าได้ถูกจุด ความรู้สึกรัญจวนก็เริ่มปะปนมา การโอดครวญเริ่มเจือด้วยความเร่าร้อนทีละนิด

กระทั่งเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความหฤหรรษ์ เสียงครางกระสันที่ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้ก็กลายเป็นเสียงที่ระงมไปทั่วห้องกว้าง สลับกับเสียงเครือต่ำของร่างที่เปล่งออกมาด้วยความพอใจ

“อ่ะ..อา….ใต้เท้า อึก..”

ชเนย์เค้นคำพูดยากลำบาก การสอดใส่เน้นกระตุ้นที่ด้านหลังนั้นส่งความเสียวซ่านแล่นไปทั่วตัวต่อเนื่องเสียจนแทบทนไม่ไหว เพียงแต่ติดที่แท่งเหล็กที่ส่วนปลายนั้นปิดกั้นหนทางสู่สวรรค์ที่เห็นอยู่รำไรข้างหน้า

“หือ?” เจ้านรกส่งเสียงถาม แม้พยายามทำตัวให้ปกติดี แต่ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายตอดรัดตอบลำแท่งแข็งขืนของตนที่สอดใส่ได้ดีเสียจนไม่อยากจะทนอีกต่อไป ผู้คุมเกมผ่อนการเคลื่อนไหวลงเล็กน้อยเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรบ้าง

“ผ...ผมไม่ไหวแล้วครับ…แต่ว่า…” สองแขนที่ยันร่างไว้สั่นระริก ก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงด้วยทั้งความอายและเริ่มจะอ่อนล้า “ข...ขอเอามันออกได้มั้ย?”

“อืม… ได้สิ แต่…” เจ้านรกยิ้มกว้างก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปกอบกุมความเป็นชายของอีกคนไว้ “เจ้าคงต้องอ้อนวอนมากกว่านี้อีกหน่อย”

“อึก! ..อ๊าา!!” บทอัศจรรย์ยังคงบรรเลงต่อ คราวนี้เจ้านรกใช้มือรีดเค้นเอ็นอุ่นร้อนของคนข้างล่างไว้ด้วย เมื่อเห็นว่าชเนย์ร้อนร่านเสียจนจะถึงจุดปลดปล่อยก็จงใจผ่อนการกระตุ้นลงจนไม่ยอมให้เสร็จง่ายๆ เมื่อเครื่องเย็นลงแม้เพียงนิดก็เริ่มขยับทั้งมือและร่างกายใหม่อย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเสียวซ่านที่ใกล้จะถึงจุดระเบิดหลายครั้งยิ่งสะสมก็ยิ่งทำเอาแทบขาดสติ

เจ้านรกจับร่างพลิกกลับมาหาเพื่อชื่นชมผลงานของตนก่อนคลี่ยิ้มพึงใจ

“ทำหน้าแบบนี้ก็เป็นนี่”

“อึก...อือ...ใต้เท้า” ชเนย์ไม่รู้ว่าตนกำลังทำสีหน้ายังไง แต่สองแขนยกขึ้นโอบคอดึงเอาใบหน้าอีกฝ่ายลงมาประทับจูบราวกับโหยหาความเมตตา “ขอร้องล่ะ...นะครับ”

“อืม...” ท่านเจ้านรกทำหน้าครุ่นคิด แต่นิ้วที่โอบรัดมอบความทรมานเพิ่มให้แก่นกายระอุนั้นกลับกดปลายนิ้วโป้งลงบนส่วนปลายที่มีอุปกรณ์เจ้าปัญหาอุดอยู่ให้จมลงไปอีก ทำเอาคนโดนแกล้งเกร็งจนร้องไม่เป็นภาษา

“อ๊าา!! อึกก!!” ส่วนสะโพกถูกยกลอยขึ้นเพื่อเล็งจี้จุดกระสันของผู้ตกเป็นเบี้ยล่าง “อือ..อ่ะ! ใต้เท้า! ได้โปรด!!”

ว่าจะแกล้งต่ออีกสักหน่อย แต่ช่างมันเถอะ

เกมร้อนรักดำเนินต่อเนื่องและร้อนแรงกว่าเมื่อครู่ เจ้านรกก้มลงกัดฝังคมเขี้ยวลงบนบ่าสั่นพร้อมๆ กับที่ดึงเอาเหล็กแท่งน้อยบนส่วนปลายอีกคนออก เสียงแสนหวานรัญจวนครางลั่นทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ น้ำรักขาวข้นทะลักออกมามากแทบจะพอๆ กับครั้งแรก

ร่างสั่นเทาแอ่นรับห้วงอารมณ์ที่ใฝ่หา พร้อมๆ กันนั้นร่างสูงใหญ่ก็ปลดปล่อยตัวเองเข้าไปในช่องทางเกร็งแน่น ของเหลวอุ่นปริมาณมากทะลักเข้าไปจนคนรองรับอารมณ์ยังแอบสะดุ้ง แม้จะยังฝังตัวมิดด้ามแต่ก็มีล้นจนหยดย้อนออกมาเลอะเทอะ

เสียงหอบหายใจหนักของคนสองคนก้องสะท้อนแทนที่เสียงน่าอายเมื่อครู่ แม้กิจกรรมจะหยุดไปแต่ยังไม่มีใครคิดจะขยับออก จนชเนย์เริ่มรู้สึกถึงความเจ็บที่บ่าของตน

“อึก…สรุปว่าหิวจริงๆ สินะครับ?” แม้จะผ่านศึกหนักมาแต่ชเนย์ก็ยังดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

“มันเขี้ยวต่างหาก” เจ้านรกถอนเขี้ยวออก ก่อนสมานแผลให้อีกฝ่ายเพราะรู้ว่าคงไม่มีพลังพอจะทำอะไรแบบนี้

“อ่อ ครับ…นึกว่าคุณอายที่จะหลุดเสียงร้องออกมาซะอีก”

“...ไอ้คนที่เมื่อกี้ยังทำตัวน่าเอ็นดูอยู่หายไปไหนแล้ว”

“อา ก็…” พอโดนมองพร้อมกับพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็พลันหน้าแดงขึ้นมาอีกเสียดื้อๆ เพียงแต่หนนี้เขาไม่ได้หลบตาเท่านั้น

“ทำหน้าแบบนั้นอยากโดนอีกรอบรึไง?” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ร่างสูงใหญ่ก็ถอนแก่นกลางของตนออกจากอีกฝ่ายและขยับไปนั่งข้างๆ แทน เพราะขืนทำมากกว่านี้เกรงว่าคงจะไม่หยุดง่ายๆ

“...ปกติแล้วผมคงบอกว่าแล้วแต่คุณ แต่ขืนต่อกันยันเช้าคงไม่ไหวแน่ๆ” ชเนย์พลิกตัวไปนอนคว่ำพลางดึงเอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ “...แต่ขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”

“หือ?”

“ถึงใจมากครับ” ชเนย์ฟุบหน้าลงไปกับหมอนและยกนิ้วโป้งให้เร็วๆ หนึ่งที ท่าทางคงจะอายที่ต้องพูดแบบนี้ออกมา “อา...แต่มันก็แย่ตรงที่ ถ้าผมเกิดติดใจคุณขึ้นมาคงลำบาก”

“ยังไง?”

“กลัวว่าต่อไปจะลิ้มรสคนอื่นได้ไม่สะใจได้เท่านี้อีกแล้วน่ะสิครับ” ร่างสูงโปร่งแอบเงยหน้าขึ้นมาจ้องไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตน ถ้าได้ลองอะไรๆ ยิ่งกว่านี้ ต่อไปเขาคงหลงจนถอนตัวไม่ขึ้นสุดๆ

“อ้อ...” เจ้านรกพยักหน้า พอนึกถึงเรื่องที่ว่าหากวันแห่งการตัดสินชะตาสิ้นสุดลงแล้วต่างคนต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศทางคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกก็…

“...?” พอเห็นร่างสูงใหญ่เงียบไปชเนย์ก็เอียงคอสงสัย

“เปล่า ไม่มีอะไร”

“คุณไม่ต้องเหงาไปหรอกนะครับถ้าถึงตอนนั้นไม่มีผมมาคอยวอแวแล้วน่ะ”

“...หลงตัวเองไปหน่อยนะเจ้าน่ะ”