“อร่อยสุดยอด!” อเวเค่นตะโกนเสียงดังทำสีหน้ามีความสุขสุดๆ ชนิดที่หาไม่ได้จากไหนอีกแล้ว “ทำไมถึงทำของอร่อยแบบนี้ออกมาได้ไม่หยุดเลยนะ คุณนี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!!”

“อ่า...ครับ ขอบคุณที่ชม” แม้จะได้รับคำชมจากคนทาน แต่หัวใจพ่อครัวก็ไม่ได้เบิกบานขึ้นเลยเพราะเพิ่งจะทำเรื่องที่ผิดต่ออีกฝ่ายมาหมาดๆ ตรงข้ามกับคนที่กำลังเฉือนสเต็กเข้าปากไม่หยุด

ทั้งที่เมื่อชั่วโมงก่อนยังร้องไห้ต่อหน้าเขาอยู่เลย มาตอนนี้กลับทำหน้ามีความสุขกับการกินซะเหลือเกิน

นี่เขาโดนอีกฝ่ายเล่นละครตบตาอีกแล้วหรือเปล่านะ?

“ขอเพิ่มอีกจาน” อเวเค่นตักชิ้นเนื้อคำสุดท้ายเข้าปาก ชเนย์หันหน้ามาทำตาโต ทำไมวันนี้กินหมดเร็วนักล่ะ นี่กินหรือยัด!

“กินจุยังกับไม่ใช่คนที่กำลังเศร้า” แอบบ่นอุบเบาๆ ไม่ให้คนขอเพิ่มได้ยิน แต่อเวเค่นนั้นหูผีกว่าที่คิด

“พอดีว่าผมเป็นพวกยิ่งเศร้ายิ่งกินจุน่ะนะ” พ่อครัวสะดุ้งที่โดนจับได้ว่าแอบนินทา “เรารึอุตส่าห์ไว้ใจแล้วแท้ๆ คุณนี่มันเสือห่มหนังแกะชัดๆ”

อเวเค่นพล่ามไม่หยุดปาก แถมขุดเรื่องในอดีตมาพูดฉอดๆ จนอยากขว้างเตาย่างประทุษร้ายคนพูดมาก

“ได้แล้วครับ!” จานใหม่ทำมาเสิร์ฟอย่างเร็วเพื่อที่คนกินจะได้หยุดแฉความผิดของเขาสักที

“ทานล่ะนะ...” ยังไม่ทันจะแตะจานที่สอง ข้ารับใช้ปีศาจก็เดินเข้ามาพร้อมแจ้งว่าให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนไปรวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ ชเนย์กับอเวเค่นมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเรียกไปทำไม

“หรือว่า...”

ทั้งสองพูดแทบจะพร้อมกัน การเรียกรวมตัวในเวลาแบบนี้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการประกาศแจ้งให้ทราบเรื่องการแข่งขันกับพวกเกาะเซฟิล

เจ้านรกเรียกรวมผลที่โถงปราสาทและประกาศเรื่องการแข่งขันให้ผู้เข้าร่วมเกมทุกคนในปราสาทได้รับทราบว่า ในอีกเจ็ดวันข้างหน้านี้ให้ทุกฝ่ายเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะจัดขึ้น เสียงโห่ร้องในปราสาทดังกึกก้อง แต่พวกที่แค่พยักหน้ารับรู้ก็มีอยู่

อเวเค่นหันไปมองชเนย์ที่ยืนทอดสายตามองไปยังร่างสูงใหญ่ที่อยู่เหนือทุกคนบนแท่นบัลลังก์ไม่วางตา

หมดเวลาเล่นสนุกกันแค่นี้แล้วสินะ

“หนึ่งอาทิตย์งั้นเหรอ เหมือนจะอีกนานแต่ก็เร็วกว่าที่คิดแฮะ” ชเนย์พูดกับอเวเค่นหลังเดินออกจากห้องโถงมายืนสูบไปป์อยู่ที่ห้องครัวซึ่งดูจะกลายเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นของทั้งสองคนไปแล้ว

“จะใช้เวลาว่างที่เหลือนี้อยู่กับท่านเจ้านรกของคุณมั้ยล่ะ?” อเวเค่นแอบจิกกัดพ่อครัวหนุ่มเล็กๆ

“ก็...คิดว่านะครับ” ชเนย์เขินจนแอบหน้าแดงนิดหน่อยที่โดนอีกคนอ่านความคิดออก ที่จริงก็ดูไม่ยากหรอกในเมื่อมันชัดเจนขนาดนี้

“อืม...งั้นช่วงนี้คุณก็ไม่ต้องเตรียมอาหารให้ผมแล้วนะ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ”

“อ้าว?” ชเนย์อึ้งไปกับสิ่งที่อเวเค่นพูด ที่จริงต่อให้เขาอยู่กับเจ้านรกแต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงก็จะทำอาหารไปจนกว่าจะถึงมื้อสุดท้ายก่อนวันแข่งนั่นแหละ

“พอดีผมมีเรื่องที่อยากเตรียมตัวก่อนลงแข่งสักหน่อยน่ะ คงไม่เห็นหน้ากันจนกว่าจะถึงวันแข่งจริงเลยนั่นล่ะ”

“...คงไม่ใช่ว่าคุณอยากหลบหน้าผมหรอกนะครับ”

มีดสั้นที่ถูกชักออกมาจนมองไม่ทันจ่ออยู่ที่ลำคอของชายหนุ่มผมเงินที่ยังยืนสูบไปป์อยู่ในท่าเดิมไม่ขยับหนีไปไหน ดวงตาสีทองของนักฆ่าฉายความไม่พอใจกับคำพูดของอีกฝ่ายชัดเจน แต่ชเนย์ไม่ได้รู้สึกกลัวสายตาที่จ้องเหมือนอยากจะฆ่าแกงกันจริงๆ นั่นเลยสักนิดเดียว

“ตามใจคุณก็แล้วกันนะครับ แต่ผมจะเก็บอาหารส่วนของคุณไว้ในตู้เย็น หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาหยิบกินแล้วกัน” ยิ้มให้อย่างเคย แต่ดวงตาที่อยู่หลังแว่นสีดำนั้นหาได้ยิ้มเหมือนปากพูด

อเวเค่นดึงมีดกลับไปสอดเก็บไว้ด้านหลังเหมือนเดิม ก่อนจะกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่ “งั้นก็...ขอให้โชคดีแล้วกันนะ”

ทว่าพอหันหลังให้ก็โดนชเนย์จับข้อมือไว้เสียก่อน นักฆ่าหนุ่มไม่ได้หันหน้ากลับมาหาคนดึงมือของเขาเอาไว้

“...ทำแบบนี้คุณโอเคแล้วเหรอครับ?” เขาบีบมือแน่นเพื่อต้องการจะย้ำกับสิ่งที่ถามออกไป

“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่โอเค คุณจะทำยังไงล่ะ?” เสียงที่เคยแข็งกร้าวจนถึงเมื่อกี้สั่นเครือแม้จะพยายามควบคุมไม่ให้ดูต่างไปจากปกติก็ตาม

“อเวเค่น...” ร่างสูงโปร่งดึงมืออีกคนให้หันมา เขาเห็นน้ำตาคลอรอบดวงตาสีทองของอีกฝ่าย แทบไม่เหลือเค้าเดิมของนักฆ่าเจ้าเล่ห์ที่ชอบยิ้มกวนและปากดีคนนั้นเลย

ชเนย์ดึงอีกคนมาพิงที่บ่า มืออีกข้างลูบหลังปลอบโยน แต่คนที่อยู่ในอ้อมแขนกลับตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม

“ผมขอโทษครับ...” เสียงทุ้มพูดอยู่ข้างหูคนที่ตัวเล็กกว่า

“ไม่...คุณไม่ได้ทำอะไรผิด...” ฝืนกลั้นพูดออกมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโทษตัวเอง เป็นเขาต่างหากที่ถลำลึก ทั้งๆ ที่พยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่การแกล้งเล่นสนุกกับความรู้สึกคนอื่น แต่สุดท้ายเขากลับโดนมันเล่นงานซะเอง

“ขอโทษ...” ชเนย์ยังคงพูดวนซ้ำๆ สองแขนโอบร่างที่กำลังโศกเศร้าเข้ามากอดพร้อมกับซุกใบหน้าลงที่ไหล่ “อย่าร้องเลยเด็กน้อย”

ชเนย์ลูบท้ายทอยปลอบ คนที่กำลังเศร้าอยู่ชะงักและผละออกมาทำตาดุทั้งที่หน้าเปื้อนคราบน้ำตาเต็มไปหมด

“ว่าใครเด็กน้อย?”

“เอ้า...ก็...คุณอ่อนกว่าผมนี่” ชเนย์ยิ้มให้เพื่อจะปลอบ แต่คนมองรู้สึกเหมือนโดนเยาะเย้ย

“แค่เกิดก่อนไม่กี่ปีอย่ามาเรียกผมว่าเด็กน้อยนะ!” อเวเค่นขึ้นเสียงใส่

“ครับๆ คนเก่ง ไม่ร้องแล้วนะครับ”

“ไอ้บ้า!” นักฆ่าที่โดนเรียกเป็นเด็กเล็กๆ ทุบคนตรงหน้าแบบที่แรงพอจะให้อีกคนร้องโอดโอยออกมา ชเนย์ปล่อยให้อีกคนทุบเขาจนเป็นกระสอบทราย แถมเริ่มไม่ใช่แค่ทุบแต่เริ่มมีการเตะต่อยเกิดขึ้น ชักจะแรงไปแล้วนะ

“โอ๊ย! เจ็บ...” แกล้งเล่นละครตบตาเพราะขืนปล่อยให้ทุบต่อคงช้ำไปทั้งตัวแน่ และก็ได้ผลด้วยสิ

“อ่อนแอชะมัด ยังไม่ทันออกแรงจริงๆ เลย” อเวเค่นกอดอกยืนมองกระสอบทรายมนุษย์ที่หมดสภาพ

โอ้โห! พอหายเศร้าแล้วก็ทำเก่งขึ้นมาเลยนะพ่อคุณ

“สรุปแล้วคุณจะไม่อยู่จริงๆ งั้นสินะครับ?” ชเนย์ถามและเอามือปัดๆ ส่วนที่โดนทั้งหมัดทั้งเตะ อเวเค่นทำท่ายักไหล่

“ทำไงได้ จะให้ผมอยู่ดูคุณพลอดรักกับเจ้านรกให้เจ็บใจเล่นรึไงกัน?” บ่นอุบพลางดึงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง

“ตกลงยอมรับแล้วเหรอครับว่าคิดอะไรกับผมจริงๆ น่ะ” ชเนย์อมยิ้มเมื่อได้ยินอเวเค่นพูดออกมา

“เออ!!” นักฆ่าหนุ่มพอโดนจับได้ก็ขี้เกียจจะเถียงแล้ว เหนื่อยกับการเก็บกดที่น่าหงุดหงิด แถมอีกเดี๋ยวคนตรงหน้าก็จะได้ไปเสวยสุขแล้ว เขาก็คงทำได้แค่แสดงความยินดี

“ถ้างั้น...ก่อนจะไป มาดวลดื่มส่งท้ายกันหน่อยมั้ยครับ?” ชเนย์ยื่นข้อเสนอ

“อีกแล้วเหรอ?”

“น่าๆ อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้นะครับ เหล้าที่ขนมาจากร้านวันนั้นก็ยังเหลืออีกเพียบเลย ถ้าตายไปก่อนทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มก็เสียดายแย่” ชเนย์เอ่ยคะยั้นคะยอ

“เอางั้นก็ได้” อเวเค่นยักไหล่ ยังไงไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ได้อยู่กับคุณพ่อครัวต่ออีกนิด

“แต่...ผมคิดว่าคงนั่งดื่มที่ห้องครัวไม่สะดวกเท่าไหร่” ชเนย์เหงื่อตก แม้เหล้าพวกนั้นจะเป็นของที่พวกเขาขโมยมาเอง แต่ก็เสียวๆ ว่าไคม์จะเข้ามาเหน็บแนมถ้าเอาวัตถุดิบไปทำกับแกล้มอีก หรือกรณีแย่สุดคือเจ้านรกนึกครึ้มบุกเข้าครัวก่อนเวลาอาหารแล้วมานั่งล้อมวงด้วย ถึงจะเป็นไปได้ยากก็ตาม

“กลัวเจ้านรกของคุณมาเห็นตอนนั่งดื่มอยู่กับผู้ชายคนอื่นเหรอ”

“ถูกแค่ครึ่งหนึ่งครับ กลัวว่าเดี๋ยวคุณไคม์จะเอ็ดเอาอีก”

“อ้อ...” อเวเค่นกลอกตาไปมา พอจะนึกสภาพออกเลยว่าคนอย่างชเนย์คงสู้ฝีปากรายนั้นไม่ไหวหรอก “งั้น...ไปที่ห้องผมมั้ยล่ะ?”

“ก็ได้ครับ”

จากนั้นชเนย์ก็เลือกหยิบเอาเหล้าใส่ถังน้ำแข็งไปหลายขวด และวางบนรถเข็นอาหารอีกทีราวกับว่าจะดื่มทั้งหมดนั่นภายในคืนนี้

อเวเค่นเปิดประตูห้องต้อนรับแขกเข้ามา ภายในห้องดูไม่ต่างไปจากห้องพักของชเนย์นัก หนุ่มนักฆ่ายกโต๊ะและเก้าอี้มาไว้กลางห้อง ส่วนพ่อครัวจำเป็นก็จัดแจงเตรียมเปิดขวดประเดิม แต่ที่ว่าจะดวลเหล้ากันนี่จริงๆ ก็แค่กะจะมาดื่มให้เมาเละเทะจนหมดสภาพเฉยๆ เท่านั้น เพราะยังไงอเวเค่นก็ไม่ยอมเล่นเกมแบบคราวก่อนอีกแน่

“วันนี้ขอเพียวๆ ไม่ต้องผสมอะไรทั้งนั้น”

“แย่จัง ยังอยากลองอีกตั้งหลายสูตร” แม้จะบ่นเสียดายแต่เขาก็ชงเหล้าให้ตัวเองอยู่ดี

อเวเค่นเดินมาหยิบเหล้าออกจากถังน้ำแข็งอันน้อย เปิดดื่มจากขวดไปหลายอึกแล้วถือมานั่งต่อที่โต๊ะ ขวดเดิมยังไม่ทันจะหมดก็เปิดยี่ห้ออื่นตามอย่างไม่เสียดายของเก่าและยังกรอกเหล้าเข้าปากทีเดียวหลายอึกแบบไม่ยั้ง

“ดื่มแบบนั้นเดี๋ยวก็เมาเร็วหรอกครับ”

“รีบๆ เมาให้หลับก็ดีแล้วนี่ คุณจะได้มีเวลาไปหาเจ้านรกเร็วๆ ...” จู่ๆ อเวเค่นก็เสียงหาย รู้สึกจะพลั้งปากพูดมากไปหน่อย สีหน้าอีกคนเลยเจื่อนลงไปนิด “ขอโทษที... เหล้าเข้าปากทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกที”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเริ่มจะชินกับวิธีพูดของคุณแล้วล่ะ”

“อ่าฮะ...” หนุ่มผมแดงหยิบกับแกล้มมากิน ไหนๆ จะปล่อยผีแล้วก็ขอพูดและทำทุกอย่างที่อัดอั้นมาเสียนานหน่อยคงได้สินะ... “แล้วมีอะไรที่ชงไม่เป็นบ้างเนี่ย?”

“ถ้าจะมีอะไรที่ชงไม่เป็น...” ชเนย์นั่งนึก “คงเป็น...เหล้าผสมโคล่ามั้งครับ”

“นั่นเบสิคสุดๆ ขนาดเด็กมัธยมยังทำได้เลยนะ!!” อเวเค่นแผดเสียงอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน

“ก็ผมทำไม่ได้จริงๆ นี่ ทำยังไงก็ไม่รู้สึกว่ามันอร่อยเลย!!”

“ไม่จริงน่า อย่างคุณเนี่ยนะมีของที่ทำให้อร่อยไม่ได้ด้วย” อเวเค่นปิดปากกลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “เสียดายชะมัดที่ไม่มีโคล่าติดมาด้วย อยากลองดูชะมัดว่าคุณจะชงออกมารสชาติเป็นยังไง”

“แหม...มันก็มีไอ้ที่ทำไม่เป็นอยู่บ้างสิครับ ผมไม่ได้เก่งไปหมดทุกอย่างนี่” ชเนย์เกาแก้ม กลายเป็นโดนวิจารณ์หนักกว่าเดิม รู้สึกความมั่นใจลดลงไปนิดหนึ่ง “คือว่า...”

ชเนย์หันไปรินเหล้าทั้งขวดลงไปในถังน้ำแข็งต่างแก้วใบโตก่อนเอาขวดออกมาวางกลางโต๊ะ เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าตั้งใจจะทำอะไร “ขอลองอีกครั้งได้มั้ยครับ?”

คนโดนถามแค่มองเฉยๆ ไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธก่อนจะพยักรับแบบส่งๆ ชเนย์จึงเอาแก้วใบเล็กออกมาวางไว้

“แต่คราวนี้ผมขอหมุนเอง” อเวเค่นเอ่ย ชเนย์ก็ยินดีให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ หนุ่มนักฆ่าออกแรงหมุนจนขวดกลิ้งไปเป็นวงกว้าง สุดท้ายก็หันไปใกล้กับชเนย์ที่สุด คนหมุนเลยแอบเจ็บใจเล็กน้อย

“คุณคงไม่ได้คิดจะมาหาที่ตายในการแข่งนี้ใช่มั้ย?”

ขนาดนี้แล้วยังจะเป็นห่วงคนอื่นอยู่อีก อเวเค่นรู้สึกหนักใจเบาๆ ที่ชเนย์ก็ยังคงเป็นคนที่แสนดีเช่นเดิมแม้แต่กับคนที่เพิ่งพบกัน ในอนาคตก็คงทำให้คนอื่นๆ เจ็บปวดแบบนี้อีกเยอะแหงๆ

“ไม่ต้องห่วง ผมเตรียมใจมาแล้วหากว่าต้องตายในการแข่ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะยอมให้ใครมาฆ่าง่ายๆ ถึงจะเคยได้ยินว่าอัตรารอดชีวิตต่ำก็เถอะ” ได้ยินแบบนั้นชเนย์ก็ถอนหายใจโล่งอก เมื่ออเวเค่นหมุนขวดอีกรอบ ในที่สุดแจ็คพอตก็ตกที่ฝั่งเขา

ชเนย์เอื้อมมือไปรินเหล้าลงบนแก้วช็อตอย่างหวั่นๆ ทำใจเตรียมรับคำถามที่จะต้องเจอ

หลังจากอเวเค่นกระดกเหล้าช็อตเข้าปากแล้วก็เงยหน้าหันมาทางคนโดนถาม “เล่าเรื่องอดีตที่ผ่านมาของคุณให้ผมฟังหน่อยสิ”

“เอ๋??” นึกแปลกใจที่คำถามมาแนวนี้ “จะให้เล่าจริงๆ เหรอ? มันยาวมากนะครับ คุณคงเบื่อจนหลับก่อนผมจะเล่าจบซะอีก”

“มีเวลาอีกตั้งเยอะ เล่ามาเถอะผมอยากฟัง” อเวเค่นเท้าคางมองตาพริ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำท่าเหมือนเด็กรอฟังนิทานที่มีตัวเอกเป็นคนเล่า

“เอ่อ...เริ่มจากอะไรดีล่ะ?” ชเนย์กำลังคิดว่าควรจะพูดอะไรบ้าง เลยเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่โดนครอบครัวส่งเข้าไปเรียนในวัง