“นี่มัน...ที่ไหนกัน?” ชายหนุ่มผมแดงค่อยๆ ลืมตาขึ้นและกลอกตาไปมาครู่หนึ่ง เมื่อรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเองก็รีบเด้งตัวขึ้นมา ทว่าอาการปวดหัวเพราะดื่มเหล้าที่ผสมยาสลบเข้าไปยังมีผลอยู่

จริงสิ เราลอบเข้าไปที่เกาะเซฟิลแล้วก็ดื่มเหล้าที่หมอนั่นชง จากนั้นก็เล่นเกมกันแถมยังถูกวางยาด้วยนี่!

พอนึกได้ดังนั้นอเวเค่นก็รีบสำรวจร่างกายตัวเอง เท่าที่เช็กดูแล้วเสื้อผ้าก็ยังอยู่ครบแถมยังไม่มีร่องรอยการถูกล่วงเกินใดๆ แต่อาวุธติดตัวทั้งปืนและมีดนั้นหายไป เขารีบร้อนลุกขึ้นเลยเกิดอาการหัวหมุนเดินไม่ตรง แล้วก็เซไปชนเข้ากับกำแพง แต่เป็นกำแพงมนุษย์

“อย่าเพิ่งรีบลุกแบบนั้นสิครับ ดื่มไปตั้งขนาดนั้นแถมยาสลบก็ยังมีผลอยู่ คุณคงจะมึนไปอีกสักพักใหญ่ๆ เลย”

ดวงตาหลังแว่นมองสีหน้าของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยสู้ดีนักพร้อมกับยื่นแก้วสมูทตี้กล้วยหอมแก้วใหญ่ให้ ส่วนอีกมือก็ถือถาดอาหารส่งกลิ่นหอมฉุยที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ

“ผมทำมาให้คุณ ดื่มนี่แล้วช่วยแก้อาการเมาค้างได้ดีนะครับ”

“เอาของของผมไปไว้ที่ไหน?” คนที่ยังมึนงงทวงถามถึงของที่โดนริบไป

“ไม่ได้เอาเครื่องมือทำมาหากินของคุณไปทิ้งหรอกครับ ทานให้เสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะไปเอามาให้” ชเนย์ถือแก้วค้างรอให้อีกฝ่ายหยิบไป

“คงไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆ ลงไปอีกหรอกนะ?” ดวงตาสีทองมองเขม่นอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเขาเพิ่งจะโดนคนตรงหน้าวางยามาหมาดๆ จึงเกิดระแวงขึ้นมา

“ถ้าผมคิดจะมอมเหล้าคุณอีกรอบล่ะก็สู้ผมจับคุณรมควันเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ?” ชเนย์ยกแขนตัวเองให้เห็นปลอกแขนหน้าตาประหลาดก่อนยื่นแก้วมาให้อีกรอบพร้อมรอยยิ้ม “กินเสร็จแล้วก็ไปนั่งพักซะ ถ้ายังกล้าหือกับคนทำอาหารล่ะก็เดี๋ยวจะตายเอาได้นะ”

คำขู่ของชเนย์ทำเอาอเวเค่นหน้าบูด ก่อนจะยื่นมือไปคว้าแก้วตรงหน้ามาดื่มอึ้กๆ แล้วส่งแก้วเปล่าคืนให้ อดสงสัยนิดๆ ไม่ได้ว่าเป็นคนที่กินเร็วยังกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งไป

“ต้องขอโทษด้วยที่พาคุณมานอนพักที่ห้องของผมครับ ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงนะแต่ผมไม่รู้ว่าห้องพักของคุณอยู่ทางไหนน่ะ” ชเนย์อธิบาย

“ช่างเถอะ เดี๋ยวเดินกลับห้องเองก็ได้” อเวเค่นคิดในใจว่าแค่ไม่โดนลักหลับก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว

ร่างสูงโปร่งถอนหายใจโล่งอกนิดหนึ่งที่อีกคนยอมฟังที่เขาพูด ทีแรกก็คิดว่าจะเป็นคนโมโหร้ายกว่านี้ซะอีก อุตส่าห์กลับห้องไปใส่อาวุธประจำตัวมาเผื่อว่าต้องบวกกันสักยกจะได้พอฟัดพอเหวี่ยงกันได้ แต่ดูท่าทางจะยังพอคุยกันรู้เรื่อง

“ส่วนนี่ก็อาหารเย็นของวันนี้ครับ”

พ่อครัววางอาหารลงที่โต๊ะในห้องนอน เมื่อเปิดถาดครอบสีเงินออกไก่อบไวน์แดงก็ส่งกลิ่นหอมอบอวลล่อลวงใจจนคนเพิ่งฟื้นเห็นแล้วน้ำลายสอ กระเพาะว่างโหวงเหวงเริ่มส่งสัญญาณร้องหาอาหารเนื่องจากหลับไปนานพอดู

อเวเค่นใช้มีดเฉือนเนื้อไก่งวงและใช้ส้อมจิ้มเนื้อขนาดพอดีคำเข้าปาก อร่อยจนแทบจะสำลักน้ำตาแห่งความสุขออกมาราวกับได้ทานอาหารชั้นเลิศในภัตตาคาร

“นึกว่าคุณจะโกรธจนไม่ยอมกินอะไรแล้วซะอีก อร่อยไหมครับ?” ชเนย์แกล้งถามทั้งๆ ที่ดูก็รู้แล้วว่าคนทานสุดแสนจะพอใจกับเมนูนี้โดยไม่ต้องมีคำตอบ แค่ท่าทางของคนกินที่ดูมีความสุขก็เพียงพอที่จะทำให้พ่อครัวยิ้มกว้างแล้ว

“...เพราะว่าหิวอยู่หรอกน่ะ” พอเห็นพ่อครัวทำหน้าระรื่นจนน่าหมั่นไส้เลยนั่งทานไปเงียบๆ จนหมดจาน หลังจากรวบช้อนและเช็ดปากอเวเค่นก็หันมาแบมือใส่คนทำอาหาร

“จะเอาของหวานด้วยเหรอครับ?”

“ขอของของผมคืนด้วยคุณหัวขโมย”

พอโดนคำพูดเหน็บแนมจากคนตรงหน้า ทำเอาจากที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ถึงกับรู้สึกขุ่นเคือง

“คุณก็เป็นหัวขโมยที่มาแอบกินอาหารที่ผมทำเมื่อเช้าเหมือนกันครับ” ชเนย์ตอกกลับพลางขยับตัวเข้าไปใกล้กว่าเดิม “ผมอุตส่าห์ทำอาหารเย็นไถ่โทษที่แอบมอมเหล้าคุณ คุณเองก็ทำช่วยตัวดีๆ ให้มันน่ารักกว่านี้หน่อยสิครับ”

อเวเค่นอยากจะเอามีดกับส้อมในจานจิ้มทางนั้นให้พรุนเป็นต้นกระบองเพชร แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าไอ้ปลอกแขนที่พ่อครัวสวมอยู่มันเอาไว้ใช้ทำอะไรได้บ้าง ถ้าโดนอัดเขาจะกระเด็นลอยหัวไปติดกำแพงแบบในหนังสือการ์ตูนมั้ย

“ขอบคุณสำหรับอาหาร...ครับ” อเวเค่นพูดเสียงเบาโดยเฉพาะหางเสียง ชเนย์จึงแกล้งพูดไปว่าไม่ได้ยิน แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดซ้ำให้เสียหน้าหรอก “แค่นี้ใช่มั้ย ผมจะกลับห้องไปนอนแล้ว”

“เดี๋ยวก่อนสิครับ เพิ่งจะตื่นมาได้พักเดียวเองไม่ใช่เหรอ? จะหนีไปนอนต่อตอนนี้มันก็เร็วไปหน่อยนะ” ชเนย์พูดดักคอ พอเห็นอีกฝ่ายท่าทางน่าเอ็นดูแบบแปลกๆ เลยนึกอยากจะเอาคืนในส่วนที่เขาโดนทางนั้นแกล้งไปก่อนหน้านี้ซะเยอะ

“ไม่ได้หนีสักหน่อย” อเวเค่นเถียงกลับและทำหน้าเหมือนอยากจะถามว่าต้องการอะไรจากเขาอีก

“มาเล่นเกมกับผมระหว่างรอให้อาหารย่อยก่อนสิครับ”

“ไม่” ชายหนุ่มผมแดงปฏิเสธเสียงแข็ง ขืนยอมตามน้ำก็ไม่ได้ออกไปจากห้องนี้กันพอดี

“ถ้าคุณชนะผมจะคืนของทั้งหมดให้ อ้อ! แล้วผมก็จะทำอาหารมื้อพิเศษให้คุณโดยเฉพาะถ้าคุณต้องการด้วยนะ”

“...งั้นก็เตรียมรายการฟูลคอร์สไว้ให้ผมได้เลย” อเวเค่นพูดเหมือนประกาศล่วงหน้าว่าเขาจะต้องเป็นคนชนะในเกมนี้ “แล้วจะเล่นเกมอะไรล่ะ?”

ร่างสูงโปร่งยิ้มก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบเจงก้าออกมา เขาลากโต๊ะวางของกับเก้าอี้ตรงมุมห้องมานั่งข้างเตียง

“คงรู้วิธีเล่นนะครับ แต่อันนี้พิเศษหน่อยตรงที่ในไม้แต่ละแผ่นจะมีคำสั่งเขียนเอาไว้ หลังจากดึงออกมาแล้วก็ทำตามคำสั่งนั้น ถ้าไม่ทำจะถือว่าแพ้ฟาล์วถึงแม้ทาวน์เวอร์จะไม่ถล่มลงมาก็ตาม” คนอยากเล่นรีบจัดแจงเอาของเล่นออกมาจากกล่องอย่างระมัดระวังพร้อมกับอธิบายกติกา

“เกมธรรมดาชะมัด ไม่เห็นจะเล่นยากตรงไหนเลย”

“เดี๋ยวก็รู้ครับ” ชเนย์ยิ้มด้วยท่าทางมั่นใจและเป็นคนเริ่มเปิดก่อน ไม้ชิ้นแรกถูกดึงอย่างเบามือและหลุดออกมาง่ายดาย ชเนย์พลิกหาคำสั่งที่เขียนไว้บนแผ่นไม้นั้น รอยยิ้มบางเบาแต้มมุมปากก่อนหันมาให้อเวเค่นดูด้วยเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้อ่านผิดใดๆ “คำสั่งแรกคือจูบครับ”

“ห๊า!?” ชายหนุ่มผมแดงถึงกับหน้าถอดสีก่อนจะหยิบกล่องว่างเปล่ามาพลิกดูที่ด้านหน้า มันมีป้ายสีเหลืองแปะข้างๆ โลโก้รูปกระต่ายใส่ถุงน่องตาข่ายหน้าตาน่าตบมากกว่าน่ารักว่า ‘เหมาะสำหรับผู้เล่น Rate 18+’

ติดกับเข้าเต็มเปาเลยนี่หว่า!

“น่าๆ ไม่ต้องห่วงนะครับ ‘แจ็คพอต’ น่ะ มีแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นแหละ” ชเนย์ยักคิ้วกวนประสาทก่อนจะผายมือออกเป็นเชิงถามว่าพร้อมจะรับจุมพิตนี้หรือไม่

“เวรเอ๊ย!” อเวเค่นสบถที่ดันตกหลุมพรางเทวดาจอมปลอมเข้าให้ แต่ถ้าปฏิเสธก็เท่ากับแพ้อยู่ดี เขาหลับตาลงและจินตนาการว่าก็แค่โดนสุนัขตัวโตเลียปาก

จะหงุดหงิดอะไรขนาดนั้น แค่เกมฆ่าเวลาขำๆ เอง พอเห็นอีกคนหลับตาแน่นพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นโบว์แล้วชเนย์ก็พยายามกลั้นหัวเราะ และด้วยความสงสารปนเวทนาเขาเพียงแนบจุมพิตของตนลงไปประกบกับริมฝีปากของคนตรงหน้าเบาๆ แต่แค่เสี้ยววินาทีเดียวชายหนุ่มตัวเล็กกว่าก็รีบผละตัวออกมา อเวเค่นรีบยกแขนเสื้อเช็ดปากตัวเองแรงๆ จนปากแดงไปหมด

“นี่เพิ่งแค่เริ่มต้นเองนะครับ” ถึงจะเป็นรอยยิ้มกว้างแบบเดิมแต่สำหรับคนโดนขโมยจูบมันกลับดูน่าหมั่นไส้สุดๆ พอถึงตาอเวเค่นเป็นฝ่ายดึงไม้และอ่านคำสั่งบ้างทำเอาเจ้าตัวแทบอยากขว้างไม้เจงก้าในมือออกนอกหน้าต่างไปให้ไกลๆ

“คำสั่งเขียนว่าไงครับ?” ชเนย์ถามและยังคงยิ้มหน้าระรื่นเพราะกำลังรู้สึกสนุกสุดๆ ที่ได้เห็นสีหน้าของอีกคนเปลี่ยนไปมา

“...ซุกหน้าอก” อเวเค่นอยากจะขยี้ไม้ให้แหลกคามือ ไอ้คนตรงหน้ามันมีหน้าอกหน้าใจให้ซุกซะที่ไหน ถึงจะพอมีนิดหน่อยแต่มันก็ไม่นุ่มอยู่ดี!

“น่าๆ ~ คำสั่งง่ายๆ แค่นี้เอง ดีกว่าเมื่อกี้ตั้งเยอะ คิดถึงรางวัลฟูลคอร์สเข้าไว้นะครับ” พ่อครัวอ้าแขนรอรับด้วยท่าทางเป็นต่อดูแล้วน่ากระทืบที่สุดในชีวิต ทำตัวราวกับเสี่ยกระเป๋าหนักที่รอน้องหนูในบาร์วิ่งเข้ามาซบ

ใจเย็นไว้ๆ รอได้ของคืนครบเมื่อไหร่ค่อยยิงทิ้งก็ยังไม่สาย! อเวเค่นเข้าไปสวมกอดเร็วๆ ทีหนึ่งก่อนกลับมาเล่นเกมให้มันจบๆ ไป

“หอมแก้มครับ” และอีกเช่นเคย พอชเนย์ยื่นหน้าเข้าไปหา อีกคนก็แอบกระเถิบหนีเล็กน้อย แต่ชเนย์ก็หอมฟอดใหญ่ลงไปที่แก้มอย่างไว เพราะขืนค้างไว้นานกลัวว่าเดี๋ยวอเวเค่นจะขาดใจตายไปซะก่อน

ชายหนุ่มผมแดงเอามือถูแก้มตัวเองจนแดงเถือก ขนแขนลุกชันไปหมดที่ต้องมาเล่นเกมเปลืองเนื้อเปลืองตัวแบบนี้ ถ้าอีกฝ่ายเป็นสาวๆ อกเด้งสะโพกดินระเบิดจะไม่ว่าเลยสักคำ!

อเวเค่นดึงไม้อันต่อไปออกมาแต่เพราะสติเริ่มเตลิดที่โดนเปิดโลกทาวเวอร์ก็เลยสั่น แต่ก็ยังดึงออกมาสำเร็จได้โดยที่ไม่ถล่ม และคำสั่งบนไม้เจงก้าก็ทำให้เขาหน้าถอดสีจนชเนย์ต้องหยิบจากมืออีกฝ่ายเอามาอ่านเอง

“French Kiss อุ๊บ! หึๆๆ” คนต้นเรื่องชวนเล่นเกมกลั้นขำจนตัวสั่นและส่งไม้คืนให้อเวเค่นที่ยังช็อคอยู่ ก่อนจะเขยิบมานั่งรออยู่ใกล้ๆ แต่ยังเว้นระยะห่างพอที่จะไม่ให้แตะโดนส่วนใดของร่างกายกันเกินจำเป็น

“ก็แอบสงสารคุณอยู่หรอกนะครับ แต่ยังไงเกมก็คือเกมล่ะนะ” ชเนย์ถอดแว่นออกเพื่อไม่ให้มาบดบังทัศนียภาพเบื้องหน้า แต่อเวเค่นตอนนี้คงไม่ได้สนใจอะไรนอกจากก่นด่าเขาอยู่ในใจ

“...หลับตาซะ” อเวเค่นเอ่ยแกมสั่ง อีกคนก็ยอมทำตามแต่โดยดี ทว่าก็แอบรู้สึกว่าทำไมมันรอนานผิดปกติ

“นี่...ถ้าคุณทำไม่ได้ล่ะก็ผมทำให้เองเอามั้ย?” ชเนย์พูดทั้งที่แอบเหล่ตามองแล้วก็เห็นอเวเค่นกำลังค่อยๆ ย่องออกไปเงียบๆ เขาจึงลุกพรวดไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ได้ทัน “ทำแบบนี้มันผิดกติกานะครับ”

“ไม่เล่นแล้วเฟ้ย! เกมบ้าอะไรเอาเปรียบกันชัดๆ!” อเวเค่นตะโกนใส่หน้าและกระชากแขนตัวเองออก

“อย่าเอาแต่คิดว่าคุณเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวสิครับ ถึงผมจะเป็นแบบนี้แต่คุณเองก็ไม่ใช่ของสเปคผมซะหน่อย” คนพูดยักคิ้วหลิ่วตายิ่งดูกวนอวัยวะเบื้องล่างกันเข้าไปอีก

พอไม่มีแว่นกันแดดสีดำบดบังดวงตาที่ไร้ประกายคู่นั้นแล้ว สีหน้าของชเนย์มันดูไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ในหัวกำลังคิดอะไรอยู่ก็ไม่อาจรู้ได้

“ว่าไงครับ?” ชเนย์ยิ้มให้แต่ตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย “ถ้าอยากจะเลิกเล่นก็ได้แหละ แต่ของของคุณเนี่ยผมไม่คืนให้หรอกนะ แล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะหาเจอง่ายๆ หรือถ้ายังไงจะไปหาอาวุธเอาใหม่ที่เกาะนั้นก็ได้ แต่คราวนี้คุณคงต้องไปคนเดียวนะครับ”

อเวเค่นกระชากคอเสื้อชเนย์และดึงลงมาจนใบหน้าทั้งคู่อยู่ในระยะประชิด

“อ้าวๆ อย่าพาลกันสิครับ” ดวงตาสีหม่นจ้องมองมาที่อีกฝ่ายโดยไม่หวั่นเลยสักนิดว่าอาจจะโดนชกหน้าหงายเอาก็ได้

“หุบปากไปเลย”

“แล้วถ้าผมไม่หุบล่ะครับ” ชเนย์ยิ้มกวนอ้อนบาทา

“งั้นก็จะทำให้หุบเอง” พูดจบอเวเค่นก็ประกบริมฝีปากกับชเนย์ทำเอาดวงตาสีหม่นคู่นั้นชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ทว่ามันแทบจะไม่ใกล้เคียงกับ French Kiss เลยสักนิด ชเนย์จึงเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากของตนเองออกก่อน

“ผิดแล้ว เขาจูบกันแบบนี้ต่างหากครับ” ว่าแล้วก็ดึงใบหน้าของอีกฝ่ายลงมาแล้วสอนวิธี French Kiss ที่ควรจะเป็นให้ ริมฝีปากอุ่นเบียดลงไปหาคนที่ไม่สมยอมอย่างช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

ชเนย์ไม่รีบร้อนบุกพรวดพราด แต่ไต่ไปบนริมฝีปากที่เม้มแน่นราวกับกำลังค่อยๆ ทลายกำแพงการต่อต้านของอีกคนลง ไม่แน่ใจว่าที่อีกฝ่ายตัวสั่นอยู่นี่เพราะกำลังกลัวหรือว่าข่มความโกรธ จนกระทั่งอเวเค่นเผลออ้าปากด้วยตั้งใจจะบอกให้หยุด ทว่ามันกลับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาสอดลิ้นเข้าไปได้

“อือ...” เสียงร้องดังเครืออยู่ในลำคอของคนตัวเล็กกว่า ชเนย์ตวัดเกี่ยวเรียวลิ้นไปมาอย่างชำนาญเพราะอเวเค่นแทบจะไม่ตอบโต้ใดๆ ต้องเรียกว่าไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้สมยอมจะดีกว่า เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะขยับหนีมือที่จับท้ายทอยก็เลื่อนตำแหน่งเปลี่ยนมาจับต้นคอเจ้าของเรือนผมสีแดงไว้ให้คนคุมเชิงได้หยอกล้อกับโพรงปากอุ่นนั่นในมุมที่ถนัด

สุดท้ายอเวเค่นที่หมดความอดทนก่อนก็ดันตัวชเนย์ออกจนอีกคนแทบล้ม แล้วกลับไปนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ที่หน้าโต๊ะที่มีเจงก้าตามเดิม

“...ถึงตาคุณแล้ว” น้ำเสียงอู้อี้เพราะอเวเค่นเอามือปิดปากขณะพูด อีกมือก็ชี้ไปที่เจงก้าซึ่งโดนลืมไปเกือบห้านาที

“เปลี่ยนใจยอมกลับมาเล่นต่อแล้วเหรอครับ?” ชเนย์หันไปใส่แว่นและเอ่ยแซวพลางเอานิ้วเช็ดปากตัวเองเบาๆ นึกแปลกใจนิดหน่อยที่ไม่โดนกัดลิ้นจนเลือดอาบหลังจากจูบอีกฝ่ายเมื่อครู่ แอบนึกเสียดายนิดๆ ที่โดนผลักออกมาซะก่อน

“รีบๆ มาเล่นให้มันจบๆ ไปได้แล้ว สาบานเลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย คราวหน้าผมจะไม่ยอมเล่นเกมแผลงๆ กับคุณอีกแล้ว” เขาพูดโดยไม่ได้หันมาหาคู่สนทนา

“น่าเสียดายนะ ได้เล่นเกมกับคุณผมออกจะสนุกดีด้วยซ้ำ” ชเนย์ยื่นมือไปหยิบไม้ออกจากทาวเวอร์ ได้คำสั่งที่เขียนว่า ‘คิสมาร์ก’ มาแล้วก็โชว์ให้อีกคนดู แต่คราวนี้เหมือนอเวเค่นจะหยุดดื้อดึงและยอมทำตามอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มผมแดงดึงเนคไทและปลดกระดุมออกแค่พอให้อีกคนซุกหน้าลงไปได้ แต่สีหน้าก็ยังแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ชอบถูกทำอะไรแบบนี้อยู่ดี ชเนย์เองก็พอจะดูออกจึงไม่แกล้งแซวและก้มจูบลงบนต้นคอก่อนจะดูดจนขึ้นสีแดงเข้มอย่างชำนาญ พร้อมกับผายมือส่งรอบให้อเวเค่นที่ไม่คิดจะติดกระดุมคืนแต่อย่างใด ทั้งสองคนสลับกันดึงไม้ออกจากทาวเวอร์จนสมดุลเริ่มที่จะเอียงและเริ่มเอนไหวไปมา แถมคำสั่งที่เขียนบนไม้ก็เริ่มจะหนักหน่วงขึ้นทุกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครที่ดึงโดนคำสั่งแจ็คพอตออกมา

อเวเค่นดึงไม้ชิ้นที่สุ่มเสี่ยงจะทำให้ทาวเวอร์ล้มออกมาได้อย่างปลอดภัยก็จริง แต่ทุกครั้งก็ตั้งใจไว้ว่าอีกคนที่ดึงต่อจะต้องพลาดท่าทำล้มและจบเกมด้วยชัยชนะของตนแน่นอน แต่ชเนย์ก็เล่นเก่งมากพอที่จะไม่ทำให้เสียสมดุลง่ายๆ เกมจึงยังดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ จนในที่สุด...

“ผมชนะแล้ว” ชเนย์ประกาศชัยชนะหลังจากทาวเวอร์ล้มลงไปในตาที่อเวเค่นเป็นคนดึงไม้ “เสียใจด้วยนะครับผม~แต่ถ้าอยากแก้มือล่ะก็จะเล่นกันใหม่อีกรอบก็ได้นะ”

ชเนย์ผู้ได้กำไรไปเป็นกอบเป็นกำยิ้มระรื่นหน้าตาสดใสอยู่บนเก้าอี้ ส่วนอเวเค่นนั่งแผ่รังสีอำมหิตพร้อมจะลุกมาทำร้ายร่างกายกันได้ตลอดเวลา

“ไม่เอาแล้วว้อย! ใครมันจะไปเล่นอีกรอบกันฟะ!!” อเวเค่นที่สติแตกปาแท่งไม้ในมือออกไปจนเกือบเข้าหน้าชเนย์ แต่ทางนั้นหลบทันหวุดหวิด

“อ้าวๆ ถ้าไม่เล่นให้ชนะแล้วอาวุธของคุณล่ะไม่อยากได้คืนแล้วเหรอ? เดี๋ยวไม่มีอะไรใช้ตอนลงแข่งนะครับ”

“ช่างแม่งสิ! เกมพรรค์นี้เชิญไปเล่นกับคนอื่นเถอะ!!”

ชเนย์เพียงแค่แกล้งพูดหยอกไปอย่างนั้นเพราะเอาเข้าจริงก็ตั้งใจจะคืนของให้ในวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันคงจะไปกระตุ้นต่อมความอดทนที่ถึงขีดจำกัดแล้วของอีกคนเข้ากระมัง เพราะตอนนี้อเวเค่นโกรธจนควันแทบออกหูแล้ว

ทั้งที่อดทนเล่นเกมกับเขามาได้ตลอดดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นคนหัวร้อนง่ายๆ จะว่าขี้แพ้ชวนตีก็ไม่ถูกนัก หรือจะเป็นเพราะคำสั่งบนไม้อันนั้นกันนะ ชเนย์หันไปหยิบไม้เจงก้าที่โดนปาใส่และลองพลิกอ่านดูก่อนจะชะงักนิ่งไปเสียเอง เพราะมันระบุไว้ว่าให้ ‘ขึ้นเตียง’

อืม...ล่อแหลมจริงๆ ด้วยแฮะ แต่จะตีความไปทางนั้นได้รึเปล่านะ? ที่ผ่านมาก็มีทั้งหอมแก้ม กอด จูบ แตะเนื้อต้องตัวไปเรื่อยๆ ไม่ได้เกินเลยจนล้ำเส้น แต่สุดท้ายก็มาจบที่ขึ้นเตียงซะอย่างนั้น

“โอเค ถ้างั้นเรามานอนกันเถอะครับ” ชเนย์โยนเจงก้าชิ้นนั้นกลับเข้ากองและรวบทั้งหมดลงกล่อง ส่วนอเวเค่นยืนตัวแข็งทื่อ

“นี่คุณเอาจริงเหรอ!?”

“จะเป็นอะไรไปล่ะครับ? ก็แค่นอนที่นอนเดียวกันเท่านั้นเอง คำสั่งไม่ได้ให้คุณปล้ำผมสักหน่อย”

“.......” คนที่กำลังหัวร้อนจู่ๆ ก็ทำหน้าไปไม่เป็น ดวงตาสีทองจ้องมองคนพูดอย่างไม่ไว้ใจ แต่เขาเองก็เห็นไอ้คำสั่งนั่นแล้วว่ามันเขียนไว้เพียงเท่านั้นจริงๆ ถ้าไม่นับไอ้ที่บังคับกึ่งชวนเล่นเกมบ้าบอนี่กับโดนวางยาสลบครั้งแรกนั่น ลึกๆ หมอนี่ก็คงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก...มั้งนะ

ชเนย์หันไปมองอีกคนที่ยังคงจ้องเขาอย่างจับผิดขณะที่กำลังจัดหมอนและที่นอนให้ ทั้งห้องพักส่วนตัวที่มีของอำนวยความสะดวกและเตียงขนาดใหญ่จนโอเว่อร์ที่ไคม์จัดให้เหล่านักแข่งตัวแทนฝ่ายเจ้านรกเป็นกรณีพิเศษมันกว้างมากพอที่จะให้นอนเกลือกกลิ้งได้สบายๆ มากกว่าสองคนอยู่แล้ว

“ไม่พอใจเหรอครับที่ต้องนอนด้วยกัน?”

“แหงสิ คุณแกล้งผมไว้ตั้งขนาดนั้นคิดว่าผมจะไว้ใจคุณง่ายๆ อีกเรอะ” อเวเค่นหรี่ตามองอีกคนอย่างพินิจและกำลังใช้ความคิดว่าสถานที่ที่ชเนย์เอาอาวุธของเขาไปซ่อนไว้ไม่ให้หาเจอง่ายๆ นั้นมันคือที่ไหน

“ของของคุณผมซ่อนเอาไว้ใต้เตียงนอนของท่านเจ้านรกน่ะครับ” ชเนย์เอ่ยปากเฉลยที่เก็บของ ทำให้อเวเค่นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอดอยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอเจ้าของห้องนักที่อุตริเอาของของคนอื่นไปซ่อนไว้ในที่ๆ อันตรายที่สุดซะได้

“ยังไงก็ขอบคุณที่วันนี้ออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนผมและยังช่วยให้ผมสนุกอีกด้วยนะครับ ไว้พรุ่งนี้เช้าผมจะไปเอาอาวุธของคุณมาคืนให้หลังจากเสิร์ฟมื้อเช้าให้เจ้านรกเสร็จแล้วนะครับ”

ชายหนุ่มผมแดงถอนหายใจที่อย่างน้อยอีกคนก็ยอมคืนของให้ สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าเขาแพ้แต่โดยดี ทว่ามีเรื่องหนึ่งล่ะที่ยังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาด

“เฮ้! พื้นก้อนหินเย็นๆ แข็งโป๊กนี่ผมว่ามันคงนอนไม่สบายนักหรอกนะครับ”

ชเนย์กึ่งนอนกึ่งนั่งบนที่นอนของตัวเอง ส่วนอเวเค่นคว้าเอาหมอนกับผ้าห่มลงไปนอนจุ้มปุ้กอยู่ที่พื้น

“นอนพื้นมันไม่ดีกับสุขภาพหรอกนะครับ” พอเห็นอีกคนนอนขดตัวนิ่งหันหลังไม่ยอมหันมามองหน้ากันด้วยซ้ำเลยแอบรู้สึกผิดที่ล้อเล่นแรงเกินไป ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายปกติอยู่ดี จะไม่ชอบที่เขาทำก็ไม่แปลก

“ชินแล้ว” อเวเค่นพูดตัดบท แต่เหมือนคำพูดของเขาจะทำให้อีกคนกลับยิ่งไม่สบายใจ เพราะนั่นมันฟังดูไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ชเนย์จึงลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วเอามือควานไปที่กองไม้เจงก้าซึ่งกระจัดกระจายอยู่เพราะยังไม่ได้เก็บเข้ากล่อง ก่อนจะหยิบออกมาหนึ่งชิ้นและอ่านเสียงดังฟังชัด

“Blow job”

ดวงตาหลังกรอบแว่นดำเห็นว่าอเวเค่นแอบสะดุ้งโหยง คนที่แสร้งหลับอยู่ที่พื้นทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเพราะเกมมันจบไปแล้ว ก่อนที่ชเนย์จะโยนไม้ชิ้นดังกล่าวจะตกลงมาที่พื้น

“ผมไม่ทำละกัน เท่านี้ก็ถือว่าผมเป็นฝ่ายแพ้แล้ว ฟูลคอร์สคุณอยากได้อะไรเป็นจานหลักมั้ยครับ?”

“...คิดจะมาไม้ไหนอีกล่ะ?” อเวเค่นผงกหัวขึ้นและถามจากบนพื้น

“ก็...ถ้าให้เกมจบลงทั้งแบบนี้แล้วคุณกับผมเข้าหน้ากันไม่ติดก็แย่น่ะสิ ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกันที่นี่อีกสักพักใหญ่ ผมเองก็ไม่อยากมีปัญหากับคุณด้วย” ชเนย์อธิบาย ถึงเขาจะติดนิสัยชอบพูดจาทีเล่นทีจริงแต่หนนี้เขาพูดจริงแท้ร้อยเปอร์เซ็น เพราะถ้าอีกฝ่ายเกิดแค้นจนอยากฆ่าเขาขึ้นมาคงอยู่ไม่สุขแน่ เป็นมิตรกันไว้ดีกว่าเป็นศัตรูกันนั่นแหละดีที่สุด

“อยากทำอะไรก็ตามใจคุณเถอะ แค่นี้ใช่มั้ยจะนอนแล้ว” พูดจบอเวเค่นก็ล้มตัวลงนอนที่พื้นตามเดิม แม้ว่าชเนย์จะขอร้องและเรียกให้มานอนบนเตียงโดยสัญญาว่าจะไม่ข้ามเขตหมอนข้างกั้น แต่อีกคนก็ไม่ยอมปีนขึ้นมานอนบนที่นอนอุ่นๆ อยู่ดี

พอเห็นอเวเค่นใจแข็งไม่ยอมขึ้นมานอนด้วยกันแล้วก็ได้แต่ลนลานทำอะไรไม่ถูก พอได้ถือไพ่เหนือกว่าแล้วเขากลับเป็นฝ่ายรู้สึกแย่ซะเอง เลยได้แต่นอนเท้าคางจ้องแผ่นหลังของอีกฝ่าย

“...ขอโทษด้วยครับ เมื่อกี้ผมทำเกินไปหน่อย” พูดเสร็จก็กลิ้งกลับไปนอนแต่โดยดี รอจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยทำอาหารไปง้อละกัน

ชเนย์พลิกตัวหันไปอีกด้านและขณะที่กำลังจะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน อเวเค่นก็เอาแต่กระสับกระส่ายนอนไม่หลับเพราะพื้นแข็งนอนไม่สบายตัวพลิกไปพลิกมาตลอดทั้งคืน

“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะครับ หรือจะให้ผมลงไปนอนที่พื้นแทนก็ได้”

“เงียบแล้วก็นอนไปเลย พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำแต่เช้าไม่ใช่รึไง? ผมมันพวกว่างงานอยู่แล้วจะนอนตื่นสายก็ไม่มีใครว่าหรอก” ชายหนุ่มผมแดงเปลี่ยนเอาผ้าห่มมาปูรองพื้นแทนแล้วนอนเอามือกอดอก

“...ถ้ายังไม่หลับผมขอถามอะไรคุณอย่างหนึ่งได้มั้ยครับ?”

“จะถามเรื่องอะไรล่ะ?”

“ก่อนจะมาที่นี่คุณเคยทำอะไรมาก่อนเหรอ? ผมหมายถึงอาชีพของคุณน่ะ”

“ก็แค่เคยรับจ้างฆ่าคน แต่มันก็ไม่น่าแปลกใจสำหรับที่นี่หรอกมั้ง หรือคุณจะบอกว่าตัวเองไม่เคยฆ่าใครล่ะ?”

“...ขอโทษที่ถามไม่คิดครับ” ชเนย์ข่มตานอนและภาวนาไม่ให้อีกคนลุกขึ้นมาเอามีดเฉือนเนื้อมาปาดคอเขาตอนหลับ ส่วนอเวเค่นพอกำลังจะผล็อยหลับด้วยความเพลีย จู่ๆ เรื่องที่โดนชเนย์จูบ French Kiss ก็ตามมาหลอกหลอนถึงในฝัน ที่สำคัญคือเขาดันรู้สึกดีกับจูบนั่นมากกว่าที่จะรู้สึกแย่ซะอีก!

สบโอกาสเมื่อไหร่จะฆ่าให้ตายเลยคอยดู อเวเค่นแอบคาดโทษอีกฝ่ายแต่ในใจก็นึกภาพฟูลคอร์สเรียงรายชวนน้ำลายสอจนหลับฝันหวานไปทั้งอย่างนั้น