9 ตอน Glass #6
โดย Wizard Pandas
ควันสีหม่นลอยออกมาจากหน้าต่างห้องครัวของปราสาทและค่อยๆ จางหายไปกับสายลมเบาบาง ดวงตาหลังแว่นกันแดดยืนเหม่อมองก้อนควันที่เขาเป็นคนพ่นมันออกมา ไปป์ก้านยาวในมือส่องแสงหยอกล้อแสงแดดยามบ่ายเป็นประกายจ้าทุกครั้งที่เปลี่ยนองศาการถือ
“ช่วงบ่ายนี่ร้อนอบอ้าวจังเลยแฮะ” ชเนย์บ่นพึมพำอยู่คนเดียวกับห้องครัวที่เงียบสงบไร้การเคลื่อนไหว เมนูต่อไปที่ต้องทำไม่ต้องใช้เวลาเตรียมการอะไรมากรอแค่ให้ถึงเวลาก็สามารถทำได้ทันที พ่อครัวเฉพาะกิจจึงถือโอกาสใช้เวลาว่างอันน้อยนิดของตนพักเบรกเสียหน่อย
จริงๆ แล้วเขากำลังชั่งใจอยู่ว่านานๆ ครั้งจะโผล่หน้าออกไปพบปะคนอื่นๆ ที่โถงรวมพลบ้างดีหรือไม่เผื่อจะโชคดีมีพวกหน้าใหม่หลงเข้ามาแล้วคุยกันถูกคอ เพราะตอนนี้ความคิดในหัวของเขาค่อนข้างวุ่นวายสะเปะสะปะ ไหนจะความว่างเปล่าวูบโหวงในใจที่ผสมปนเปกับความรู้สึกที่คล้ายกับความคาดหวังสิ่งที่หลงลืมไปนานตีกันนี่อีก
อืม…ดูท่าทางควรออกไปเจอหน้าผู้คนบ้างน่าจะดีกว่าขลุกอยู่แต่ก้นครัวแล้วคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว
พอตัดสินใจได้ชเนย์ก็เดินดุ่มๆ ตรงไปที่โถงรวมพลซึ่งเขาได้แต่นั่งกร่อยในวันแรกๆ ที่มาถึงปราสาท ด้วยหวังว่าจะเจอใครสักคนที่พร้อมจะให้เขาผูกมิตรไว้บ้างก็ยังดี
ทว่า เมื่อถึงที่หมายความหวังก็ดับลงเพราะไม่พบใครอยู่ที่นั่นเลย ยกเว้นเสียก็แต่เจ้าของปราสาทที่นั่งหลับอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งนั่นก็คงเป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่มีใครอยู่สักคน เพราะขืนส่งเสียงรบกวนการนอนกลางวันของราชาแห่งนรกภูมินั่นมันก็คงไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องฆ่าตัวตาย
ชเนย์ยืนนิ่งดูลาดเลาสักครู่จนมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงหลับลึกอยู่แน่นอนจึงค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดเดินเข้ามาใกล้ แม้แต่ตอนที่จมดิ่งสู่ห้วงนิทราแต่ก็ยังดูทรงอำนาจน่าเกรงขามสมเป็นผู้ปกครองใต้พื้นพิภพ
ชเนย์ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องโถงไปเงียบๆ
*
ภาพความฝันในห้วงคำนึงประหลาดล้ำที่คลับคล้ายกับว่าจะเป็นเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อครั้งวันวานซึ่งผ่านมาเนิ่นนาน ความทรงจำที่บุรุษจากนรกนั้นเคยได้พบเจอปรากฏขึ้นมาท่ามกลางม่านหมอกสีขาว หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายร้อยหลายพันครั้งเสียจนรู้สึกเบื่อหน่าย บางอย่างก็ได้หลงลืมไปนานจนจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าเคยผ่านตา แต่ทุกเรื่องที่หวนกลับคืนมาล้วนเป็นเรื่องที่มอบความรู้สึกเดียวกันให้แก่ตน
ความว่างเปล่า
ดวงตาสีอ่อนลืมตาขึ้นโดยที่ยังคงนั่งอยู่ในท่าเดียวกับตอนที่ตนผล็อยหลับไป เจ้านรกรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เขาไม่ได้ประสบพบเจอมาสักพักใหญ่ สิ่งที่เรียกว่าความฝันนั้นแทบทุกครั้งที่เขาหลับตาลงแทบจะไม่ต่างจากการปล่อยจิตใต้สำนึกให้แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ก่อนจะตื่นขึ้นมาโดยไม่พบเจอกับอะไรเลยเช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเล็กน้อย
สิ่งแปลกปลอมที่สัมผัสได้ทันทีที่รู้สึกตัวขึ้นมาก็คือกลิ่นหอมละมุนจางๆ ที่แผ่กระจายอยู่ทั่วทั้งโถงกว้าง เมื่อหันหน้าไปเพื่อมองหาจุดที่กลิ่นมีความเข้มข้นมากที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างบัลลังก์ของตน ชเนย์ที่นั่งพิงอยู่ด้านข้างเงียบๆ สูบไปป์ในมือที่มีควันลอยออกมาช้าๆ เป็นกลิ่นเดียวกับที่เขารู้สึกได้อยู่ในตอนนี้ และบนพื้นที่อีกฝ่ายนั่งอยู่นั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือปรุงยามากมายที่วางกระจัดกระจายอยู่
“ทำอะไรของเจ้า? คิดจะรมควันข้างั้นรึ?” เมื่อรู้ว่าใครเป็นต้นตอของกลิ่นหอมประหลาดก็เปลี่ยนมานั่งเท้าคางที่อีกฝั่งของพนักวางแขน
“ลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์กับปาริชาติครับ อย่างแรกคือตัวแทนของความสุขที่หวนกลับคืนมา ส่วนอย่างหลังก็คือการระลึกชาติ” ชเนย์ตอบไม่ตรงคำถาม แต่น้ำเสียงราบเรียบไร้ท่าทีของการก่อกวนทำให้เจ้านรกยอมหยุดฟัง “ผสมกับกุหลาบสีฟ้าที่บานในวันพระจันทร์เต็มดวงซึ่งมีคนเอาไปตีความหมายไว้มากมาย แต่จริงๆ มันก็แค่ตัวกลางสำหรับส่งผ่านพลังเวทเท่านั้นแหละครับ”
“....” เจ้านรกเหลือบหางตาหันไปมองอีกฝ่าย
“ผมไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกครับ แค่อยากหาอะไรทำเท่านั้นเอง” ชเนย์เริ่มเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายเข้าไปในกระเป๋าของตน แต่ปากยังคงพ่นควันจากยาเส้นที่ปรุงแต่งเองไปเรื่อยๆ ด้วยความเสียดาย
“เจ้าก็รู้ว่าข้าเบื่อหน่ายกับเรื่องพวกนี้เต็มทีก็ยังจะเอามันมาให้ข้าดูอีก จะทำไปเพื่ออะไร?” เจ้านรกถอนหายใจและคิดว่ามันช่างเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์แท้ๆ
“คุณรู้มั้ยครับว่าอะไรน่ากลัวยิ่งกว่าความตาย?” เมื่อเก็บทุกอย่างเข้ากระเป๋าเรียบร้อย ชเนย์ก็ลุกออกมาจากตรงนั้น
“ข้ามีคำตอบเป็นร้อยๆ ขอฟังของเจ้าก็แล้วกัน”
“การหลงลืมยังไงล่ะครับ”
คำตอบแสนธรรมดาเรียบง่ายหาได้แปลกใหม่ แต่กลับชวนให้ติดใจสงสัย
“จะว่าไปแล้วผมยังไม่เคยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลย” ร่างสูงโปร่งหันกลับมาค้อมหัวให้ “ผมชื่อ ชเนย์ เจอร์น็อท เป็นนักปรุงยา (Alchemist) ครับ แล้วคุณล่ะ?”
“อะไร?”
“ก็ผมยังไม่รู้ชื่อจริงของคุณเลย”
“....” เป็นครั้งแรกที่เจ้านรกหลบสายตาจากเขา เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าคำถามนี้ไม่มีคำตอบจะให้
“ลืมไปแล้วสินะครับ ไว้นึกออกเมื่อไหร่ก็ช่วยบอกผมด้วยนะ” ชเนย์ยิ้มจางประดับมุมปากและก้มหัวลงอีกครั้งแทนการกล่าวลา “แล้วก็เย็นนี้มีไก่อบไวน์แดงนะครับ หวังว่าคงจะถูกปากคุณนะ”
ยังจะเอาของกินมาล่อ นี่เห็นเขาเป็นคนยังไงกัน?
Comments (0)