เมื่อเมนูอาหารเช้าชุดใหม่ทั้งหมดได้จัดเตรียมพร้อมแล้ว พ่อครัวก็หันหน้าไปทางชายหนุ่มผมแดงที่ทำหน้าเหมือนอยากชิมขึ้นมา

“หยุดเลยนะครับ” แน่นอนว่าชเนย์ไม่อนุญาต กว่าจะทำเสร็จแต่ละจานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถึงจะเป็นเรื่องถนัดของเขาก็เถอะ “ถ้าอยากกินล่ะก็ครั้งหน้าช่วยมาเป็นลูกมือผมด้วยละกัน”

“ผมทำอาหารไม่เป็นหรอกนะ ให้เอามีดไปแทงคนยังจะง่ายกว่าซะอีก”

“แค่ให้ช่วยเตรียมวัตถุดิบกับล้างหั่นผักง่ายๆ คงไม่เกินความสามารถหรอกมั้งครับ”

“ผมกินกับล้างจานเป็นอย่างเดียว” อเวเค่นตอบ ส่วนชเนย์เกือบหลุดขำพรืดออกไปแล้ว

“แสดงว่าปกติคงล้างจานแทนการจ่ายค่าอาหารบ่อยสินะครับ” พ่อครัวหยอกพร้อมกับยิ้มเป็นมิตรให้อีกครั้ง “ผมล้อเล่นน่ะ แต่แค่ล้างจานก็ช่วยได้เยอะแล้วล่ะครับ หลังทำอาหารเสร็จยังต้องมาล้างอุปกรณ์ทำครัวกองโตอีก แค่นี้วันๆ ผมก็ไม่มีเวลาออกไปไหนแล้วล่ะ”

“ผมยังไม่ทันบอกว่าจะเป็นเด็กล้างจานให้คุณเลยนะ”

“แล้วจะกินฟรีอย่างเดียวรึไงครับ? Give and take น่ะรู้จักมั้ย” ชเนย์ต่อรอง เพราะขืนเอาคนทำอาหารไม่เป็นมาเป็นลูกมือก็มีแต่จะทำให้งานของเขาช้ากว่าเดิมไปอีก ในขณะเดียวกันการทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวมันก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน

“ชิ...ช่วยไม่ได้” อเวเค่นมุ่ยหน้าก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกของตนพร้อมกับพับแขนเสื้อขึ้นและเดินไปที่อ่างล้างจาน

ก็พูดจารู้เรื่องนี่นา ขณะที่กำลังคิดอยู่ในใจ จังหวะเดียวกันนั้นเองปีศาจรับใช้ก็ได้เดินเข้ามาในครัวเพื่อนำมื้อเช้าออกไปเสิร์ฟให้กับเหล่าผู้บัญชาการที่กำลังรออยู่ อีกทั้งพ่อครัวยังได้รับคำเชิญให้ไปที่ห้องอาหารเป็นครั้งแรกอีกด้วย

“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ หลังล้างจานเสร็จแล้วตอนเที่ยงเราค่อยออกไปตระเวนทัวร์ด้วยกันนะ”

“ตกลงตามนั้น” อเวเค่นตกปากรับคำเรื่องกำหนดการออกร่อนวันนี้ แต่ก่อนที่ชเนย์จะเดินออกจากห้องครัวไป ชายหนุ่มผมแดงก็หันกลับมาหาพ่อครัวอีกครั้ง “...คุณช่วยยืนยันกับผมทีสิว่าเราไม่ได้กำลังจะไปเดตกันใช่ไหม?”

“...ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับ”

“โอเค งั้นก็แล้วไป” พูดจบก็ยักไหล่กวนโอ๊ยให้ทีหนึ่ง

“ฝากล้างให้สะอาดอย่าให้เหลือคราบมันด้วยล่ะ แล้วเจอกันครับ”

ชเนย์ย้ำคำหนักแหน่นและเดินตามคนรับใช้ปีศาจไปพบปะเหล่าผู้รับประทานอาหาร ก่อนจะกลับมายังห้องครัวในเวลาไม่นานนัก เพราะแม้รสชาติอาหารจะถูกปากคนกินแค่ไหน แต่พอรู้ว่าพ่อครัวเป็นมนุษย์ก็คงไม่อยากให้อยู่ในสายตาได้นานสักเท่าไหร่

ชเนย์ยืนพ่นควันจากไปป์ที่ริมหน้าต่างห้องครัวเหมือนเคย ควันเอื่อยลอยไปบนอากาศก่อนจะจางหายไปเหลือไว้เพียงกลิ่น พอทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบพ่อครัวก็หันไปมองดูจานชามและอุปกรณ์ทำครัวที่อเวเค่นเก็บล้างให้อย่างดี

เป็นคนที่แปลกแต่ก็น่าสนใจดี

 

*

 

พระอาทิตย์ลอยเด่นเหนือหัวสาดแสงจ้าลงมาอย่างไม่เกรงใจมนุษย์เดินดินที่ต้องเผชิญกับความร้อนแรงนั้น ทว่าหมู่เมฆจำนวนมากก็ช่วยบดบังให้ไม่ให้ชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินทอดน่องกลายเป็นเนื้อย่างไปซะก่อน

บรรยากาศภายในเมืองเซฟิลเงียบเชียบจนเรียกว่าแทบจะเป็นเมืองร้างเพราะมีคำสั่งให้อพยพย้ายผู้คนไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว บางส่วนก็ถือโอกาสหลบหนีเพื่อให้พ้นเงื้อมมือของเจ้านรกกับเหล่าสมุนทั้งที่มันเปล่าประโยชน์เพราะเขตแดนที่ป้องกันเพื่อไม่ให้ใครสามารถหนีไปจากรัศมีของเกาะได้ สถานที่ขึ้นชื่อแทบทุกแห่งอีกไม่นานก็จะกลายเป็นสังเวียนต่อสู้เฉกเช่นโคลอสเซียม แม้แต่ย่านการค้าของเกาะที่เดิมทีมักจะมีฝูงชนออกมาเดินพลุกพล่านคึกคัก ทว่าตอนนี้กลับเหลือผู้คนบางเบาและความเงียบสงัด

“ขนาดหมาแมวยังไม่มีเลยสักตัว” ชายหนุ่มผมแดงกวาดสายตามองไปยังร้านรวงรอบๆ

“นั่นสิครับ แต่เพราะไม่มีคนอยู่นี่แหละถึงได้ลอบเข้ามาได้ง่ายๆ” ชเนย์ที่ก้าวเดินนำอยู่รู้สึกได้ว่าไม่มีเสียงฝีเท้าของอีกคนเดินตามหลังมาก็เลยหันกลับไปดู ก่อนจะเห็นว่าอเวเค่นหยุดยืนจ้องอยู่หน้ากระจกร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง เขาเกือบทำไปป์อันโปรดหล่นตกพื้นไปแล้ว เพราะว่าร้านค้าที่อีกฝ่ายกำลังจ้องอยู่มันเป็นร้านเสื้อผ้าของสุภาพสตรีน่ะสิ

“...ตั้งใจทำอะไรเหรอครับ?” ชเนย์ถามออกไปและชักรู้สึกทะแม่งๆ กับชายคนนี้ตงิดๆ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายคว้าเอาเก้าอี้ไม้ที่อยู่แถวๆ นั้นมาฟาดจนกระจกหน้าร้านแตกละเอียด

“พอดีผมอยากได้เสื้อผ้าติดมือกลับไปสักสองสามชุดน่ะ” อเวเค่นพูดอย่างหน้าตาเฉยก่อนจะทำไม้ทำมือแปลกๆ เหมือนกับกำลังวัดขนาดตัวคร่าวๆ และสิ่งที่ชเนย์เห็นว่ากำลังอยู่ในมือของทางนั้นนั่นก็คือ...ชุดชั้นใน

อืม...คนเราก็คงมีรสนิยมความชอบเฉพาะทางล่ะนะ

“...ตามสบายนะครับ” เขาเองก็หันไปหยุดยืนมองหน้าร้านขายแว่นแฟชั่นแถวนั้นแต่ก็แค่มองผ่านๆ เพราะไม่มีแบบที่ถูกใจเลยเดินผ่านไปเฉยๆ แล้วก็มาหยุดอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่งซึ่งหน้าร้านดูหรูหราแต่มีการล็อกประตูแน่นหนาและหน้าต่างปิดมิดชิด

“ช่วยงัดประตูให้หน่อยได้มั้ยครับ?”

“งั้นก็ฝากถือหน่อยแล้วกัน” อเวเค่นยื่นถุงกระดาษและกล่องหลายใบยัดใส่มือชเนย์เหมือนคุณผู้หญิงที่ช็อปปิ้งแล้วเอาให้ผู้ชายเป็นฝ่ายถือ

“...ไม่เยอะไปหน่อยเหรอครับ?” ดวงตาใต้กรอบแว่นสีเข้มแอบสังเกตเห็นลูกไม้สีดำที่แพลมออกมาจากปากถุง เขาจึงแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที อเวเค่นก็สะเดาะกุญแจงัดประตูร้านเหล้าเข้าไปได้สำเร็จ ตอนแรกชเนย์คิดว่าอีกฝ่ายจะพังกระจกเข้าไปเหมือนร้านเสื้อผ้าแบบเมื่อกี้นี้ แต่นั่นก็ดีแล้วเพราะที่จริงเขาก็แอบรู้สึกผิดนิดๆ เหมือนกัน พอเปิดประตูเข้าไปได้แล้วชเนย์ก็แทบจะโยนทั้งถุงและกล่องเสื้อผ้าพวกนั้นคืนให้คนที่ไปเหมาร้านทันที

สายตาหลังแว่นสีเข้มกวาดมองขวดไวน์และขวดเหล้าหลากหลายยี่ห้อที่หลังเคาท์เตอร์ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ และเดินหาทางเข้าไปยังด้านหลังร้าน

“จะไปไหนน่ะ?”

“พวกของที่วางโชว์หราอยู่หน้าเคาท์เตอร์ตรงนั้นเป็นของไม่มีคุณภาพหรอกครับ คงเอาไว้ขายโก่งราคาซะมากกว่า” พอเห็นอเวเค่นถามเลยหันไปตอบให้หายสงสัย “ปกติคุณชอบดื่มเหล้ารึเปล่าครับ?”

“ถามทำไม?”

“ถ้าเจอของดีๆ อยากจะลองชิมสักหน่อยมั้ยครับ? ไหนๆ ก็มาแล้วทั้งทีถือโอกาสออกมาเปลี่ยนบรรยากาศซะเลย”

“คราวนี้จะสวมบทเป็นบาร์เทนเดอร์งั้นเหรอ?”

“ถ้าไม่อยากดื่มก็ไม่เป็นไรนะครับ เข้าใจว่าคุณคงจะคอไม่แข็งสักเท่าไหร่”

“ผมพูดตอนไหนว่าจะไม่ดื่ม” ชายหนุ่มผมแดงเหมือนโดนสบประมาทวางสัมภาระไว้บนเก้าอี้แถวๆ นั้นก่อนจะเดินตามหลังอีกคนไปติดๆ

เมื่อเจอประตูทางเข้าหลังร้านสีหน้าของชเนย์ก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะด้านในนั้นคือห้องเก็บอุณหภูมิซึ่งมีขวดไวน์จำนวนมากวางเรียงเอียงนอนไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ภายในห้องไร้บานหน้าต่างใดๆ ที่จะทำให้แสงจากภายนอกลอดเข้ามา จะมีก็แต่เพียงแสงจากหลอดไฟที่ช่วยทำให้มองเห็น แม้จะมีฝุ่นจับบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่หนาจนมองไม่เห็นป้ายที่หน้าขวด

“ไวน์น่ะต้องนอนเอียงครับไม่งั้นจะเหม็นอับจุกไม้ก๊อก พวกขวดอวบๆ ตรงเคาท์เตอร์นั่นมันไวน์ชั้นสองของโรงหมัก ของชั้นหนึ่งราคาแพงต้องขวดเรียวเล็กนี่ต่างหาก” ชเนย์ยิ้มแป้นแล้นอารมณ์ดีเมื่อเจอของดีในร้านเข้าให้ ขวดไวน์เรียวเล็กเพียงไม่กี่ขวดในห้องนั้นถูกยกออกมาใส่กระเป๋าที่เขาเตรียมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ “อ้อ เฉพาะไวน์น่ะนะ แต่ถ้าเป็นเหล้าล่ะก็เอาแค่ที่วางโชว์ไว้รสชาติก็ใช้ได้อยู่...”

“หืม? เมื่อกี้ว่าไงนะ?” อเวเค่นกำลังกวาดหยิบทุกขวดที่อยู่ตรงหน้ายัดใส่ห่อจนไม่ทันได้ฟัง

ทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงทั้งเหล้าพวกนั้นใจคอจะขนกลับไปหมดนั่นเลยจริงดิ?

“อา...ช่างเถอะครับ” ชเนย์ถอนหายใจก่อนนำเอาขวดล้ำค่าในมือใส่ลงกระเป๋าอย่างระมัดระวัง “ปกติชอบค็อกเทลแบบไหนครับ?”

“พวกค็อกเทลไม่สันทัดเท่าไหร่ ปกติดื่มแต่เบียร์ไม่ก็เหล้า” อเวเค่นตอบ “แต่เมื่อก่อนก็เคยดื่มครั้งหนึ่ง มันชื่ออะไรนะ...แมน เอ...”

“Manhattan สินะครับ” ชเนย์ตอบให้แทน อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายเคยลองมาบ้าง “ถ้าชอบเบียร์จะลองด็อกส์โนสมั้ยครับ ส่วนเคียร์ก็จะเหมือนไวน์มากกว่า เดี๋ยวผมทำให้คุณลองชิมทั้งหมดเลยละกัน” ชเนย์สะพายกระเป๋าใส่หลังแล้วเดินนำออกไปก่อนโดยไม่รอคนที่กำลังละโมบยกเค้าแอลกอฮอล์กลับปราสาท เขากำลังสนุกเมื่อคิดว่าจะได้ลองทดสอบฝีมือชงเหล้าที่ไม่ได้แตะมาตั้งนานแล้ว

เมื่ออเวเค่นได้ของฝากติดมือกลับปราสาทจนพอใจแล้วก็เดินออกมาจากหลังร้าน ระหว่างที่ชเนย์กำลังเตรียมของเพื่อผสมเครื่องดื่มตามสูตร ดวงตาสีทองก็พลันเห็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงเลยเดินไปเปิดให้มันเล่นเพื่อสร้างบรรยากาศก่อนจะพาตัวเองมานั่งที่เก้าอี้เคาท์เตอร์บาร์

ชเนย์เทไวน์ขาวและครีม เดอ คาสซิลลงไปผสมกันในแก้วไวน์ทรงอวบ และส่งให้อเวเค่นลองชิมดูก่อน “เคียร์ที่บอกไงครับ”

อเวเค่นยกแก้วขึ้นมาลองจิบ ชเนย์อ่านสีหน้าของอีกฝ่ายซึ่งก็ดูเหมือนจะพอใจกับรสชาติแก้วนี้มาก

“Long Ice land?” บาร์เทนเดอร์เริ่มอยากลองอะไรแรงๆ จึงเทเหล้าถึงห้าอย่างลงไปทำให้คนรอชิมถึงกับเลิกคิ้ว ก่อนจะผสมน้ำมะนาวและเติมสีด้วยโค้ก เขาเทลงแก้วสองใบเพื่อให้ตัวเองด้วย

“คงไม่เมาง่ายๆ ใช่มั้ยครับ?” ชเนย์ยกแก้วของตัวเองขึ้นจรดริมฝีปาก อเวเค่นเดาจากสีหน้าแล้วคิดว่าอีกฝ่ายคงชอบแก้วช็อตนี้เป็นพิเศษ

“เรื่องดื่มผมมั่นใจว่าตัวเองคอแข็งพอตัวนะ” ชายหนุ่มผมแดงวางแก้วแรกไว้ข้างๆ แล้วยื่นมือไปคว้าแก้วที่สองพร้อมกับชนแก้วกับอีกฝ่ายแล้วกระดกเข้าปากตามไป

“เอ่อ...ค็อกเทลน่ะไม่ต้องดื่มหมดทีเดียวก็ได้นะ ค่อยๆ ชิมหรือจิบเบาๆ ก็พอแล้ว” ทันทีที่ของเหลวดีกรีแรงกว่าแก้วแรกไหลลงคอ อเวเค่นก็วางแก้วลงกับเคาท์เตอร์และก้มหน้าลงไปพักหนึ่ง

“ไหวรึเปล่าครับ หรือแก้วนี้มันแรงไปเหรอ?” ชเนย์มองแก้วของตัวเองสลับกับอีกคน สักพักอเวเค่นก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมฉีกยิ้มและยกนิ้วโป้งให้

“ค่อยยังชั่ว สงสัยฝีมือผมจะยังไม่ตกสินะ!” บาร์เทนเดอร์คิดเองเออเองไปเรียบร้อยว่าอีกฝ่ายชม ทั้งที่จริงๆ อาจจะกำลังบอกว่าสบายดีก็ได้ และเริ่มคิดว่าจะหาอะไรมาตัดรสชาติดีแต่ยังคิดไม่ตก

“ว่าแต่...” ชเนย์เบนสายตาหันไปทางเสื้อผ้าผู้หญิงที่อเวเค่นหอบมาและหันไปหยิบเหล้ามาเริ่มผสมสูตรต่อ “นั่นน่ะ...จะเอาไปให้แฟนเหรอครับ?”

“แฟนเหรอ? ...ของแบบนั้นมีซะที่ไหน” อเวเค่นพึมพำเงียบๆ และหมุนแก้วแรกที่อยู่ในมือไปมาก่อนจะกระดกเข้าไปรวดเดียวหมดแล้ววางกระแทกเคาท์เตอร์อย่างแรงแต่ไม่ถึงขนาดทำแก้วแตก

“อย่าบอกนะ...ว่าจะเอาไปใส่เอง?” ชเนย์เลียบๆ เคียงๆ ถามออกไป เขาเองก็มีเพื่อนที่มีรสนิยมแนวนี้เลยแอบอยากรู้นิดหน่อย

“ไม่ใช่สักหน่อย เลิกเดาสุ่มสักทีเถอะน่า...” ดวงตาสีทองออกแนวหาเรื่องนิดๆ ชเนย์แอบเดาว่าบางทีอเวเค่นอาจเริ่มเมานิดๆ แล้วก็เป็นได้ ไหนบอกว่าคอแข็งไง

“อ้อ ครับ แต่แบบ...ไอ้นั่นน่ะ ยังไงก็ช่วยเก็บให้มิดชิดหน่อยก็ดีนะ” ชเนย์ว่าพลางเหล่ไปทางกองเสื้อนั่นอีกทีและวางค็อกเทลแก้วใหม่ให้พร้อมกับเน้นชื่อของมันเพื่อท้วงติงเบาๆ “พิ้งค์เลดี้ครับ รสเปรี้ยวอมหวานตัดเลี่ยนหน่อยละกัน”

“เอาไว้ค่อยเก็บทีหลังก็ได้น่า...” อเวเค่นแสดงท่าทางหัวเสียออกไปเพราะโดนถามเรื่องส่วนตัว พอแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือดก็หลุดมาด ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบแก้วที่สามมาดื่มต่อ

ชเนย์เริ่มหวั่นๆ แก้วนี้ดีกรีแรงพอๆ กับแก้วที่สอง แต่อันตรายก็ตรงที่ดื่มง่ายนี่แหละ แถมพอละสายตาแป๊บเดียวอเวเค่นก็ยกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วอีกแล้ว

“เฮ้ๆ ดื่มเร็วเกินไปแล้วครับ!” ชเนย์ที่ตอนแรกตั้งใจจะชงแก้วใหม่ต้องเปลี่ยนใจหาอะไรมาหยุดการกระดกอย่างรวดเร็วนี้ก่อนที่ตัวเขาจะต้องลำบากอุ้มอีกคนกลับปราสาทพร้อมสัมภาระ

“เอางี้มั้ยครับ มาเล่นเกมกันดีกว่า!” มือที่ชงเหล้าเปลี่ยนมารินน้ำเปล่าให้อีกคนล้างปากไม่ให้เมาเร็วมากไปกว่านี้ เขาควานหาแก้วช็อตเล็กมาสองใบและขวดเปล่าแถวๆ นั้นอีกหนึ่งใบ “คงรู้จักเกมหมุนขวดสินะ เดี๋ยวผมจะเป็นคนหมุนเอง พอปากขวดมันชี้ไปทางใครหรืออยู่ใกล้ใครมากกว่าคนคนนั้นจะต้องยกดื่มหนึ่งช็อตและจะได้สิทธิ์ถามคำถามคนที่ไม่โดนขวดชี้ และคนถูกถามก็ต้องตอบตามความจริงนะ”

อเวเค่นนิ่งไปเหมือนกำลังใช้ความคิดว่าจะเล่นดีมั้ย

“เอางั้นก็ด๊าย...” เขาตอบรับเสียงสูงและยิ้มกริ่ม มือที่ถือแก้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาหาบาร์เทนเดอร์จำเป็น “แล้วถ้ามันชี้ไปที่คุณ พอผมจะถามคำถามน่าอายแค่ไหนคุณก็ห้ามปฏิเสธล่ะ”

“โอ้...จะน่าอายแค่ไหนกันเชียว” คนชวนแอบเลิกคิ้ว ว่าแต่เกมแบบนี้จะไม่ยิ่งทำให้พวกเขาเมากว่าเดิมเหรอ...ดูเหมือนว่าเขาเองก็คงเริ่มเครื่องติดนิดๆ แล้วเหมือนกันถึงได้นึกอุตริชวนเล่นเกมแบบนี้ตั้งแต่หัววัน

ขวดเปล่าสีสวยเริ่มหมุนอย่างไร้การควบคุม แสงไฟสะท้อนไปมาบนขวดแก้วราวกับของเล่นที่กำลังล่อลวงเด็กๆ ก่อนที่ขวดใบนั้นจะค่อยๆ หยุดและชี้ไปที่ข้างตัวชเนย์

“เอาล่ะ...” คนยืนหลังเคาท์เตอร์รินเหล้าลงแก้วช็อตเล็กแล้วยกขึ้นกระดกจนหมด เริ่มด้วยคำถามง่ายๆ ที่เขาเองก็คาใจมาตลอดตั้งแต่เช้า “เรื่องเมื่อเช้าน่ะคุณโกหกสินะ รสชาติอาหารของผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่จัดเอาไว้ให้มันห่วยแตกสุดๆ ใช่รึเปล่า?”

“ก็เออสิ!!” คำเดียวสั้นๆ แต่ดังลั่นร้าน ทว่าคนพูดก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น “ประสาทรับรสของไอ้พ่อครัวปีศาจทำด้วยอะไรถึงคิดว่าไอ้ที่ทำออกมานั่นเรียกว่าอาหารน่ะ!”

“กะแล้วเชียว ว่าแต่ทำไมต้องปิดบังด้วยล่ะครับ”

“ขืนพูดออกไปก็โดนเอาไปทำเนื้อบดกันพอดี” อเวเค่นโพล่งออกมาจากใจจริง นี่ถ้าอยู่ในปราสาทเขาอาจโดนลากไปเป็นวัตถุดิบในมื้อค่ำนี้แล้วก็เป็นได้ “เรื่องแค่นี้ต้องถามด้วยเหรอ?”

“แหม...ของจริงจะเริ่มจากนี้ไปต่างหากล่ะครับ” ชเนย์ยิ้มแล้วเริ่มหมุนแก้วอีกครั้ง คราวนี้อเวเค่นเป็นคนที่ต้องดื่มหนึ่งช็อตและถามคำถามเขา ดวงตาใต้แว่นกันแดดกำลังเตรียมใจว่าจะโดนถามคำถามน่าอายอะไร

“คุณชอบท่าไหน?”

“ห้ะ...ท่าอะไรครับ?”

“เซ็กส์ไง”

“อ่า...” ถ้าเป็นในการ์ตูน ชเนย์คงทำตาถลนออกนอกเบ้าแล้ว คำถามนี่มันจะติดเรทไปมั้ย แต่ถึงกระนั้นก็คงต้องตอบตามตรง “...ออนท็อปล่ะมั้งครับ”

ใบหน้าที่เจือสีระเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นแดงขึ้นอีกเล็กน้อย ที่จริงก็คิดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายคงถามเรื่องใต้สะดือแหงๆ แต่ไม่คิดว่าจะเจอหมัดตรงตั้งแต่ต้นเกม จากที่ต้องการถ่วงเวลาไม่ให้อีกฝ่ายเมาเร็วเกินไป ตอนนี้ชักอยากให้ตัวเขาเมาแล้วสลบไปก่อนคำถามจะเริ่มลงลึกกว่านี้

“งั้น...หมุนต่อล่ะนะครับ”

เมื่อขวดหยุดลงมันกลับไปหยุดฝั่งอเวเค่นอีกครั้ง ชเนย์กรีดร้องในใจเบาๆ ระหว่างรินเหล้าลงแก้วช็อตของอีกคน อเวเค่นยิ้มกริ่มอย่างไม่น่าไว้วางใจและกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง สายตาเจ้าเล่ห์มองชเนย์ก่อนจะยิงคำถามต่อจากเมื่อกี้

“แล้ว...คุณเป็นฝ่ายที่อยู่ข้างบนรึเปล่า?”

คนถูกไล่ต้อนสะดุ้ง คำถามของอีกฝ่ายเหมือนกับจะต่อเนื่องกับคำถามที่แล้วและยังคงวนเวียนอยู่แต่เรื่องบนเตียง ขืนยังเป็นแบบนี้มีหวังโดนอีกฝ่ายล้วงไส้ล้วงพุงหมดเปลือกกันพอดี

หาทางแอบโกงเกมนี้ดีมั้ยนะ...

“บางครั้งก็ใช่แล้วก็ไม่ใช่...” ชเนย์ตอบอย่างเสียมิได้ ในเมื่อเสนอเองก็ต้องเล่นตามน้ำไป แต่ตอนนี้เขากำลังชั่งใจอยู่ว่าจะวางยาอีกคนให้หลับไปเลยดีไหม เม็ดยาสลบที่อยู่ในมือคลึงไปมาบนนิ้วอย่างลังเล เมื่อขวดหมุนอีกรอบก็พาให้ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ภาวนาอย่างแรงกล้าให้ปากขวดหันมาหาตน

และเหมือนฟ้าจะได้ยินคำขอนั้น ขวดใบน้อยหมุนมาหยุดทางชเนย์พอดิบพอดี

“...ผมไม่รู้นะว่าที่คุณถามเนี่ยเพื่อจะแกล้งล้วงความลับหรือคุณรู้อยู่แล้วว่าผมเป็น...แต่ถ้ารู้แล้วยังยอมตามมาด้วยง่ายๆ แบบนี้คุณไม่กลัวผมรึไง?”

“ถ้ากลัวจะตามมาเหรอ?” ไม่พูดเปล่าแต่ลุกขึ้นพร้อมกับปลดกระดุมชุดสูทออกอย่างเชื่องช้า ชเนย์ร้องเสียงหลงหวาดหวั่นกลัวว่าอีกคนจะเล่นอะไรแผลงๆ แต่ทว่าก็ไม่ใช่อย่างที่สมองสัปดนของตนคิด เพราะอีกฝ่ายแค่จะโชว์อาวุธที่ซ่อนอยู่ให้ดูแค่นั้น ซึ่งก็มีปืนที่เหน็บอยู่กับสายคาดและด้านหลังของเสื้อสูท ก็เล่นเตรียมตัวมาซะครบเครื่องแบบนี้คงไม่กลัวอะไรอยู่แล้วล่ะ

ก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันนี่นะ เรื่องที่จะมีอาวุธติดตัวก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว นี่เขาถึงกับลืมคิดแล้วถามคำถามโง่ๆ ออกไปได้ยังไงกัน ทว่านั่นก็ทำให้ชเนย์พอจะรู้ตำแหน่งของอาวุธที่อีกฝ่ายซุกซ่อนอยู่ได้แทบทั้งหมด

เมื่อบาร์เทนเดอร์หมุนขวดอีกครั้งเหมือนโลกจะช้าลงนิดหน่อย คงเพราะไอ้ที่ซัดเข้าไปก่อนหน้ามันเริ่มออกฤทธิ์แรงขึ้น แต่ที่น่าเป็นกังวลก็คือไอ้อาการคึกคักหลังจากซัดน้ำเมาของตัวเองที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่ค่อยชอบใจต่างหาก

ระหว่างที่ขวดแก้วกำลังหมุนอยู่นั้น ชเนย์ก็แอบใช้เวทมนตร์เล่นตุกติกนิดหน่อยทำให้ปากขวดหันไปทางอเวเค่น

“เชิญครับ” พูดเสร็จก็รินเหล้าใส่แก้วช็อตที่แอบหย่อนเม็ดยาสลบไว้พร้อมกับยื่นให้ ซึ่งมันก็ละลายหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่น่าจะสังเกตเห็น

“สงสัยวันนี้ผมจะดวงขึ้นกว่าคุณนะ” ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยพร้อมยกแก้วรินของเหลวใส่ปาก ในใจของเขาตอนนี้กำลังสนุกที่ได้ไล่ต้อนชเนย์อยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าที่หัวเริ่มมึนๆ หนังตาหนักมันไม่ได้มาจากการที่เขาดื่มเหล้าไปหลายช็อต

“แล้ว...คำถามล่ะครับ?” ชเนย์ก้มลงไปหาอีกคนเผื่อว่าอเวเค่นจะไม่ได้ยินที่เขาพูด อย่างน้อยๆ ถ้ายังมีสติถามได้ก็คงเป็นคำถามสุดท้ายแล้ว

“คุณ...” อเวเค่นเงยหน้ามอง คิ้วมุ่นขมวดเข้าหากันพลางกัดฟัน “ใส่อะไรลงไปในแก้วนั่น?”

“ยาสลบครับ แล้วนั่นก็ถือเป็นคำถามเลยเนอะ?” ชเนย์ยักไหล่ ในที่สุดก็จบเกมไร้สาระนี้ได้สักที “ช่วยหลับไปก่อนละกันนะครับ ผมไม่ทำอะไรแย่ๆ อย่างทิ้งคุณไว้ที่นี่หรอก สาบานก็ได้”

“ลองทำสิ...ผมจะตามไป...ฆ่าคุณ....แน่” อเวเค่นคาดโทษและพยายามลุกขึ้นแต่ก้าวเท้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงหมดสติกับพื้น

ชเนย์ไม่คิดว่าเขาทำเกินกว่าเหตุไปหรอก เพราะหากเกิดเรื่องฉุกเฉินอย่างคนตรงหน้าเมาแล้วอาละวาดไล่โจมตีเขาขึ้นมาหรือถ้าโชคร้ายดันเจอฝ่ายศัตรูเข้าก็คงไม่ดีแน่ และถ้าอีกฝ่ายเกิดนึกอยากฆ่าเขาทิ้งไว้ที่เกาะนี้ก็แย่พอกัน เขาเลยคิดว่าใช้วิธีวางยาแล้วปลดอาวุธอีกฝ่ายออกเสียก่อนเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจจะดีกว่า อย่างน้อยๆ ก็เพื่อที่จะได้ยืนยันความปลอดภัยของตัวเองด้วยนั่นแหละนะ

ร่างสูงโปร่งเดินมาใกล้ๆ ร่างที่ล้มฟุบอยู่กับพื้นเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าอีกคนสลบไปแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะแตะหรือเขย่าตัวยังไงก็ไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นมาบีบคอกันแน่ๆ ชเนย์จึงถอนหายใจโล่งอก แล้วลงมือตรวจสอบอาวุธของอีกฝ่ายที่ซุกซ่อนอยู่ตามตัวแต่ก็ไม่เจอของที่อันตรายอย่างที่กังวล จะมีก็แค่มีดพับกับปืนอีกสองสามกระบอกและกระสุนสำรอง ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีของที่อานุภาพร้ายแรงไปกว่านี้แล้ว

ดูธรรมดากว่าที่คิดอีกแฮะ ทำไมคนแบบนี้ถึงมาเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้านรกได้กันนะ?

“เห็นบอกว่าคอแข็ง ก็เลยเลือกไอ้ตัวแรงๆ มาให้ลองชิม ขอโทษด้วยนะครับ” บาร์เทนเดอร์เริ่มลงมือเก็บข้าวของที่ต้องการลงกระเป๋า ทว่าด้วยอาการกึ่มๆ ค่อนไปทางเมาจึงรู้สึกหนักๆ เคลื่อนไหวร่างกายไม่ค่อยสะดวกนัก และพอก้มลงสำรวจช่วงล่างของตัวเองก็พบว่าเขาคงกลับไปโดยที่อยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ได้

ดูท่าคงต้องหาทางจัดการกับความร้อนในร่างกายตัวเองก่อนที่เขาจะต้องแบกทั้งข้าวของสัมภาระและร่างของคนที่สลบหมดสติกลับปราสาทเสียแล้ว

“เป็นแบบนี้ทุกทีเลยสิน่า...เมื่อไหร่จะแก้นิสัยเมาแล้วคึกคักแบบนี้ได้สักทีนะ”

บ่นกับตัวเองจบก็หันรีหันขวางมองหาห้องน้ำแล้วหายวับเข้าไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยอยู่นานสองนาน