“ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามีธุระอะไร?” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยถามผู้มารบกวนช่วงเวลาพักผ่อนของผู้ปกครองนรกภูมิ ไคม์ค้อมตัวอย่างนอบน้อมให้นายเหนือหัวที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับเหล่าปีศาจสาวร่างอรชร

“มีคนที่อยากพบท่านให้ได้น่ะครับใต้เท้า” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี ผู้บุกรุกก็เดินตามหลังสมุนมือขวาเข้ามายืนท้าทายตรงหน้า

ร่างสูงใหญ่ที่นั่งบนบัลลังก์เอ่ยปากไล่เหล่าปีศาจสาวให้ออกไปเช่นเดียวกับปีศาจเลขา บัดนี้ในห้องเหลือเพียงแค่ราชาแห่งนรกกับมนุษย์นักฆ่าที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างมาก

“ช่างกล้าหาญเสียจริงนะ มีธุระอะไรถึงได้มาหาข้ากันล่ะ? ”

“คุณได้ไปล้างสมองอะไรเขารึเปล่า?” ดวงตาสีทองวาวโรจน์เงยหน้าขึ้นมองผู้ที่อยู่สูงกว่าตน รอยยิ้มของเจ้านรกเหยียดตรงจนคิ้วของนักฆ่ากระตุก เช่นเดียวกันกับที่เท้าอยู่ไม่สุขกระดกขึ้นลงอย่างวอนหาเรื่องด้วยใจที่ไม่สบอารมณ์

“เจ้าหมายถึงชเนย์งั้นรึ?”

“จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ” นี่เป็นครั้งแรกที่อเวเค่นได้ยินคนเรืองอำนาจเหนือกว่าผู้ใดเรียกชื่อของคนที่ถูกพูดถึง แทบจะไม่ต้องเดาเลยว่าคืนที่หายไปบนฟ้าด้วยกันสองคนนั้นคงไม่ใช่แค่บินไปชมดาวเดือนอย่างเดียวแน่ๆ แต่ระหว่างทั้งคู่มันก็น่าจะมีแต่เรื่องดีๆ สิ

“ข้าคงต้องบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ว่าเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างข้ากับชเนย์แค่สองคน เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว”

จริงอยู่ว่ามันเป็นปัญหาระหว่าทั้งสองคน แต่เพราะรู้สึกเหมือนกำลังโดนอีกฝ่ายพูดจาปั่นประสาท แล้วยังคำพูดที่ราวกับจะตอกย้ำว่าเขาเป็นเพียงคนนอกจึงทำให้ชายหนุ่มผมแดงอารมณ์ขุ่นเคืองยิ่งกว่าเดิม

“อ้อ...มิน่าล่ะถึงได้ไม่ยอมปริปากบอกอะไรเลยสักอย่าง ปกติเค้าเป็นคนอ่านออกง่ายแท้ๆ แต่พอเป็นเรื่องของคุณกลับปิดปากเงียบสนิทซะจริง”

“เหอะ! นี่เจ้าน้อยใจจนถึงกับต้องมาลงกับข้ากะอีแค่เพราะว่าเจ้านั่นไม่ยอมเล่าให้ฟังงั้นรึ?” เจ้านรกหัวเราะพร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ยราวกับเป็นเรื่องเล็กจ้อยไร้สาระ

“ระหว่างที่มัวแต่นั่งอุดอู้อยู่ตรงนี้ คุณได้ไปเห็นกับตารึเปล่าว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาพไหน ชเนย์ร้องไห้จนเสียศูนย์ขนาดนั้นก็เพราะคุณ เคยรู้ตัวบ้างรึเปล่า!”

อเวเค่นตะเบ็งเสียงใส่อย่างไม่กลัวตาย แต่ดูเหมือนว่าคำพูดนั้นจะได้ผลอยู่บ้าง เจ้านรกไม่ได้สวนกลับด้วยคำพูดใดๆ รอยยิ้มแสยะเมื่อครู่ก็พลันหุบลง

“บอกผมมาสิว่าคืนนั้นคุณไปพูดอะไรกับเขา”

ร่างสูงใหญ่เปลี่ยนมานั่งเท้าคางกับพนักวางแขนบัลลังก์ของตน

“โทษทีนะ แต่ข้าไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาตอบคำถามของเจ้า และไม่มีความจำเป็นอะไรที่เจ้าต้องรู้ด้วย กลับไปได้แล้ว”

ชายหนุ่มนักฆ่ากำมือแน่นก่อนกระแทกเท้าขึ้นเหยียบแท่นบันไดหินขึ้นไปหาผู้ที่นั่งมองดูกระทำอันโง่เขลาของตน จนกระทั่งมนุษย์ร่างเล็กก้าวขึ้นมาประจันหน้าในระดับสายตาเดียวกัน

“ผมไม่กลับจนกว่าคุณจะบอก” น้ำเสียงกระด้างไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า แม้แต่ปีศาจใต้บังคับบัญชาก็ยังแทบไม่เคยมีใครอาจหาญกล้าเข้าใกล้เขาถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะว่าตัวผู้ปกครองนรกเองด้วยที่พักหลังมานี้ปล่อยตัวตามสบายเป็นกันเองจนทำให้มนุษย์เบื้องหน้าไม่รู้สึกยำเกรงเขาอีกต่อไป

“หึ! ข้าขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้แล้วกัน อย่างเจ้าน่ะไม่เรียกว่ากล้าหาญหรอก คงต้องเรียกว่าสามหาวมากกว่า คิดว่าตัวเองเป็นผู้กล้าที่ถูกเลือกจากดาบศักดิ์สิทธิ์เพื่อสังหารจอมมารรึยังไง?”

“ผมไม่ใช่ผู้กล้าบ้าความยุติธรรมอะไรนั่น ส่วนคุณเองก็ไม่ใช่จอมมารเหมือนกัน ก็แค่คนขี้ขลาดที่เอาแต่หนีความจริงเท่านั้น”

นิ้วที่สวมเกราะดีดเพียะเพียงครั้งเดียว เคียวสีดำขนาดมหึมาก็จ่อเข้าที่คอมนุษย์ผู้โอหังในพริบตา

ทว่า...

ดวงตาสีทองที่ไม่หวั่นไหวหาได้ละสายตาไปจากผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ราวกับเคียวปลิดชีพที่อยู่ข้างหลังนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว

“หยุดทำไมล่ะ? กะอีแค่ลงมือฆ่ามดปลวกที่กล้าลบหลู่ดูหมิ่นคุณก็ยังทำไม่ได้รึไง?”

“หึๆๆ ฮ่าๆๆๆ!!” เสียงหัวเราะแผดลั่นดังก้องไปทั่วทั้งห้องกว้างที่เพดานสูงเสียดยอดปราสาท

“เสียสติไปแล้วรึ?”

“เจ้านี่มันน่าสนใจจริงๆ ทั้งที่ตอนเดินเข้ามาในปราสาทยังดูไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ดาดๆ ทั่วไปแท้ๆ” เจ้านรกเอนหลังพิงเก้าอี้ก่อนที่เคียวอันใหญ่ยักษ์จะหายวับไปราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา “เอางั้นก็ได้ ถ้าเจ้าอยากรู้มากนักข้าก็จะบอกให้ แต่ข้าไม่บอกเจ้าฟรีๆ หรอกนะ ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันสักหน่อย”

“อย่ามัวแต่ลีลามากนัก ต้องการอะไรก็ว่ามาเลย” อเวเค่นยกแขนขึ้นกอดอก นิ้วกระดิกอย่างใจร้อนโดยลืมนึกถึงบางเรื่องไปเสียสนิท

“นั่นสินะ จะว่าไปเมื่อวันก่อนข้าทำอะไรๆ กับเจ้าค้างไว้ที่ห้องอาบน้ำด้วยนี่” เจ้านรกดันตัวลุกขึ้นมายืนอยู่ต่อหน้าร่างเล็กกว่าและเชยคางอีกคนขึ้นมาให้จ้องหน้ากันตรงๆ “แต่คืนนี้คงไม่มีใครเข้ามาขัดเหมือนตอนนั้นแล้วล่ะนะ”

“...วันๆ คิดได้แต่เรื่องพรรค์นี้เรอะ?” อเวเค่นขมวดคิ้วจนพันกันยุ่ง มัวแต่โมโหหน้ามืดจนลืมคิดไปว่าเจ้านรกมีรสนิยมชอบเล่นอะไรแผลงๆ มากกว่าที่มนุษย์ผู้ชายธรรมดาอย่างเขาจะคาดเดาได้ทัน

“ว่าไงล่ะ ยังอยากจะรู้เรื่องที่ชเนย์ร้องไห้เพราะข้าเป็นต้นเหตุอยู่อีกมั้ย? ถ้ายอมกลับไปดีๆ ข้าก็จะไม่ทำอะไร”

“...คุณนี่มันน่ารังเกียจซะไม่มี” นักฆ่าหนุ่มกล่าวอย่างไม่ปิดบัง “อยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่อย่าให้ชเนย์รู้เรื่องนี้เป็นอันขาด”

ผู้กำชัยชนะฉีกยิ้มกว้างบนใบหน้า ด้วยคาดคะเนจากอุปนิสัยแล้วมนุษย์ตรงหน้าไม่ใช่พวกที่จะยอมเสียเปรียบกับอะไรง่ายๆ แต่ถ้าลองจี้จุดอ่อนก็พร้อมจะติดกับแต่โดยดี

“ได้ ชเนย์จะไม่รู้เรื่องนี้ ข้าสัญญา” น้ำเสียงทุ้มติดเจ้าเล่ห์เอ่ย

“แล้วจะทำที่ไหนล่ะ ตรงนี้เลยมั้ย?” คนถามจ้องมองเจ้านรกที่ปล่อยมือที่เชยคางตนออก

“ข้าไม่ขัดเรื่องสถานที่อยู่แล้ว แต่ข้าไม่ชอบโชว์ให้ใครเห็น” เจ้านรกแอบเหลือบสายตาไปมองไคม์ที่ยืนอยู่หลังประตูทางออกห้องบัลลังก์ก่อนจะถอนหายใจ “...ช่วยไม่ได้นะ”

มือใหญ่ทั้งสองแตะลงบนไหล่ของอเวเค่น ก่อนที่โลกทั้งใบรอบตัวจะหมุนวนอย่างรวดเร็วจนรับรู้ได้ว่าแรงโน้มถ่วงเปลี่ยนกะทันหัน ร่างเล็กกว่าลอยเคว้งอยู่เพียงเสี้ยววินาทีแล้วทั้งร่างก็จมลงไปบนเตียงนุ่มอย่างน่าอัศจรรย์

“ที่นี่มัน?”

อเวเค่นรีบสำรวจรอบตัว ห้องนอนที่ทั้งกว้างและหรูหราแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไหนจะของประดับตกแต่งห้องที่ดูดีผิดกับตัวปราสาทหินที่เก่าคร่ำครึ สมองพอจะประมวลผลได้ว่าคงจะเป็นห้องของเจ้านรกอย่างแน่นอน ก่อนที่เขาจะถูกร่างสูงใหญ่คร่อมทับตัวไว้ เงาของร่างเบื้องบนบดบังแสงสว่างอันน้อยนิดที่ลอดผ่านม่านบางระโยงระยางหลายชั้นรอบเตียง

“อยากจะบอกว่ายินดีต้อนรับอยู่หรอกนะ” จบประโยคเพียงเท่านั้นก่อนที่ชุดสูทเนื้อดีกับเสื้อเชิ้ตจะโดนฉีกขาดวิ่นอย่างง่ายดาย คนข้างบนจูบลงซอกคออีกฝ่าย ทิ้งร่องรอยแดงจากการกัดและจูบดูดเม้มไว้ทั่วทุกที่ที่ริมฝีปากลากผ่าน

“โอ๊ย! เบาๆ หน่อยไม่ได้เรอะ ติดสัตว์หรือไงกัน!” อเวเค่นตะโกนเสียงลั่นแถมด่าซะเสียหาย แต่ดูท่าแค่นั้นจะไม่สะเทือนผู้ที่กำลังสำรวจร่างกายตนอย่างจาบจ้วงล่วงเกิน เขาคิดผิดรึเปล่าที่ยอมตกลงเป็นเบี้ยล่างของปีศาจตรงหน้า

“ปากดีจริงนะ แต่ข้าก็ไม่ได้เกลียดหรอก” เจ้านรกยิ้มเหยียดก่อนจะบังคับอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาและจูบลงไปยังริมฝีปากที่ชอบพูดจาแดกดัน ลิ้นร้อนสำรวจไปทั่วโพรงปากอุ่นที่ไม่ยอมตอบสนองแถมยังเอาแต่หลบหนีขัดขืนจนต้องจับใบหน้าให้อยู่นิ่งๆ

“อื้อ!” เสียงประท้วงดังในลำคอ มือที่ว่างออกแรงทุบร่างใหญ่ที่คร่อมตนเพราะหายใจไม่ออก แต่ลิ้นที่ชำนาญเรื่องอย่างว่ากลับยิ่งสอดลิ้นลึกเข้ามาอย่างละลาบละล้วง อเวเค่นรังเกียจเสียจนอยากจะกัดลิ้นนี่ให้ขาดสักที แต่อีกฝ่ายรู้ทันจึงถอนริมฝีปากออกก่อนที่จะโดนเล่นงาน

อเวเค่นหอบหายใจหนัก เนื่องจากรสจูบร้อนแรงอย่างตะกละตะกลามเมื่อครู่ทำเอาเขาตามความเอาแต่ใจของอีกคนไม่ทัน ทว่ายังไม่ทันได้หยุดพัก รางเล็กกว่าก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อความเจ็บจากช่วงอกแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู

“เจ็บ!” อเวเค่นนิ่งลงทันตาเพราะเจ้านรกฝังเขี้ยวลงเหนือยอดอกขวาไปเพียงเล็กน้อย เลือดอุ่นซึมไหลลงมาเข้าปากผ่านเรียวลิ้นที่ตวัดกระตุ้นหยอกเย้าคนปากดีจนเริ่มหลุดร้องครางออกมาเป็นระยะ

“อย่าทำอะไรโง่ๆ อย่างพยายามกลั้นเสียงร้องเลยน่า” มือหนาทั้งสองถอดเกราะแขนออกแล้วบุกตรงไปหาส่วนกลางใต้กางเกงอย่างว่องไว “เวลาที่ได้ยินเสียงตัวเองครางมันเร้าอารมณ์ขนาดไหนเจ้าคงนึกภาพไม่ออกหรอก”

“ใครมันจะไปมีอารมณ์ร่วมกับคนวิปริตอย่างคุณกันล่ะ!” เขายกขาตั้งใจจะถีบแต่ก็ได้แค่นั้น มือแกร่งคว้าจับเอาข้อเท้าคนดิ้นรนขัดขืนไว้อยู่หมัด และกระชากเอากางเกงปราการสุดท้ายนั้นออก อเวเค่นจึงเหลือเพียงแค่ร่างกายเปลือยเปล่าที่มีแต่ร่องรอยของแผลเก่า

“มีอารมณ์หรือไม่เดี๋ยวข้าจะสอนให้เจ้ารู้เอง” ร่างสูงใหญ่สอดตัวเองเข้ามาอยู่ตรงกลางหว่างขาคนโคนคร่อมไม่ให้หุบขาหนีหรือเตะถีบตนได้ “ดิ้นมากๆ ระวังจะเจ็บจัวนะ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะชอบแบบนี้”

“โรคจิต!” อเวเค่นด่าใส่หน้าซ้ำไปอีกที เจ้านรกจึงหยิบเนคไทของอีกฝ่ายมารัดข้อมือทั้งสองข้างของร่างเล็กกว่าตรึงไว้กับหัวเตียง

“เอาแรงด่าไปร้องครางให้ข้าฟังจะดีกว่าน่า” ใบหน้าคมยิ้มกว้างเพราะสนุกกับการกลั่นแกล้งก่อนจะจับขาทั้งสองแยกออกกว้าง และจ่อเอาความเป็นชายของตนใส่เข้าไปในช่องทางเล็กแคบที่อยู่ตรงหน้า

“โอ๊ย! อ๊ะ! อ๊า!!” ส่วนร้อนแข็งขืนดันตัวสอดแทรกเข้ามาโดยที่ไม่มีการเตรียมพร้อม ยามที่ได้เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของเจ้าคนอวดดีร้องเสียงระงมใต้ร่างยิ่งสร้างความหฤหรรษ์ให้เจ้านรกเป็นเท่าทวีคูณ ช่องทางบีบรัดมีเลือดซึมเพราะฉีกขาด แต่กระนั้นร่างสูงใหญ่ก็หาได้สนใจ กลับยิ่งกดแก่นกายใหญ่เข้าไปลึกขึ้นและขยับสะโพกกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับจะบดขยี้ให้แหลกคามือ

“อ่ะ! อ๊าา! อื้อ...อึก” อเวเค่นหลุดเสียงร้องระบายความอัดอั้น เกลียดตัวเองที่เริ่มจะมีอารมณ์ร่วมกับการกระทำที่ไร้ความปรานีนี้เหลือคณา พอจะเอ่ยท้วงอะไรออกไปก็มีแต่เสียงร้องออกมาเสียทุกครั้ง

“ก็ให้ความร่วมมือดีนี่” เจ้านรกจับเอาแก่นกลางของอีกคนที่เริ่มขยายตัวเต็มที่แล้วรูดขึ้นลงตามจังหวะการสอดใส่ ทำให้คนที่นอนรองรับตนรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิม

“หุบ...ปาก!” เกลียดที่รับรู้ว่าตนรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ เสียงน่าอายจากการกระแทกกระทั้นรุนแรงกลับเป็นการตอบรับที่ซื่อตรงจากร่างกายเขา

“ข้าอุตส่าห์พูดเป็นเพื่อนกลัวเจ้าจะเหงาเพราะต้องร้องอยู่คนเดียวซะอีก แต่ถ้าไม่ชอบก็ตามใจนะ” ร่างสูงใหญ่คว้าเอวอีกฝ่ายแล้วยกขึ้นให้อยู่ในระดับที่ตนสามารถสอดแทรกได้สะดวกกว่าเดิม ก่อนจะกระแทกเข้าไปจี้จุดกระสันด้านหลังที่อเวเค่นพยายามทำเป็นไม่รับรู้ว่ามันทำให้เขาแทบจะคลั่งแค่ไหน

“อ๊าา!!” ร่างเล็กหลุดเสียงร้องนับครั้งไม่ถ้วนจนอยากกัดลิ้นให้น้ำเสียงสุขสมน่ารังเกียจของตัวเองหายไป ดวงตาสีทองแหงนหน้าขึ้นมองด้านบนพยายามหลบภาพการกระทำที่คนเบื้องบนเสพสมกับร่างกายของเขา ร่างกายสมส่วนตอบรับไปตามแรงกระแทกเช่นเดียวกับที่นอนหนานุ่มที่สะเทือนจนขาเตียงครูดไปกับพรมที่ปูทับพื้นหินเย็นเยียบ

“เลิกขัดขืนไร้สาระแล้วเหรอ?” มือแกร่งจับขาข้างหนึ่งของคนข้างล่างขึ้นมาพาดไหล่กว้างก่อนโน้มตัวลงมาหา ฟันคมฝากรอยเขี้ยวตีตราที่เนินไหล่อีกคน

“อึก...ดิ้นรนไปก็เจ็บตัวเปล่า รีบๆ ทำให้มันจบๆ ไปสักที” น้ำเสียงหอบปนสั่นเอ่ย แต่แววตาฉายชัดว่าแค้นเคืองคนด้านบนจนอยากจะบีบคอเสียให้ตายคามือ ถึงแม้คนคุมเกมจะเสียดายที่อีกฝ่ายยอมจำนนเร็วไปหน่อยเพราะอยากสั่งสอนคนดื้อแพ่งมากกว่านี้ แต่เมื่อโอนอ่อนผ่อนตามการร่วมรักแกมบังคับนี้ก็เริ่มง่ายกว่าครั้งแรก

“ฮ้า! อึ้ก...อ่ะ!” อเวเค่นหลับตาหนีภาพความทรมานที่แสนวาบหวาม ร่างสูงใหญ่กระแทกแก่นกายเข้าไปโดนจุดเสียวซ่านของเขาซ้ำๆ ช่องทางตอดรัดที่หล่อลื่นด้วยเลือดของตนค่อยๆ ปรับตัวต้อนรับผู้บุกรุกเข้ามาผิดกับคราแรก แก่นกายของร่างเล็กกว่ากระตุกปลดปล่อยเอาน้ำรักสีขุ่นออกมาโดยที่อีกคนยังกระแทกเข้ามาไม่หยุด

“เสร็จแล้วเหรอ เร็วจริงนะ” เจ้านรกกล่าวก่อนจิกทึ้งเอาเส้นผมสีแดงให้เงยหน้าขึ้นและซอยสะโพกเข้ากระแทกถี่ๆ เสียงครางกระเส่าร้องลั่นห้องปนขอร้องให้อีกฝ่ายกระทำช้าลงหน่อย

“เจ้าน่าจะได้เห็นสีหน้าตัวเองตอนนี้นะ” เจ้านรกบีบคางอีกคนให้หันมาเผชิญหน้าและจ้องลงไปมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธที่กำลังถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอันน่าละอาย

“ไม่ อ่ะ!...ไม่อยากเห็น” ถึงร่างกายจะจำยอมแต่ความปากดียังไม่หายไปไหน ดวงตาสีทองหลับตาลงไม่อยากเห็นใบหน้าที่ยิ้มกริ่มด้วยความพึงใจของอีกฝ่าย ทว่าเมื่อปิดตากลับมีภาพของตัวเขาเองที่อยู่ในสภาพเฉกเช่นที่กำลังดำเนินอยู่ฉายในความมืด ร่างเล็กกว่าตกใจจนลืมตากลับขึ้นมาและตวัดจ้องคนข้างบนอย่างเอาเรื่อง

“ถ้าคิดจะเอาแต่หลบเลี่ยงหนีหน้าข้า เจ้าก็เตรียมตัวเห็นภาพที่ตัวเองโดนย่ำยีได้เลย” ดวงตาสีอ่อนมีแสงเรืองจางๆ อย่างน่าประหลาด ซึ่งนั่นคงเป็นเวทมนตร์ที่ทำให้เขาเห็นภาพสะท้อนของตัวเองจากมุมมองของเจ้านรกเมื่อครู่

“แก...อ่ะ! อ๊าา!!” แรงกระแทกที่โถมเข้ามาเร่งเร้าจุดกระสันเดิมย้ำๆ ทำให้ความเป็นชายของอเวเค่นที่ปลดปล่อยความใคร่ออกไปแล้วครั้งหนึ่งกลับเริ่มตื่นตัวอีกครา เสียงครางที่เก็บกักไม่ได้เริ่มเจือด้วยความหวานซ่านอย่างสิโรราบขึ้นทุกขณะ

“เด็กดี”

อเวเค่นไม่รู้ที่อีกฝ่ายพูดมานี่กำลังชมหรือเยาะเย้ยเขาอยู่ ร่างสูงใหญ่ตวัดวาดนิ้วเรียกบางอย่างเข้ามาร่วมวงด้วย เงาสีดำจากมุมอับสายตาแหวกว่ายผ่านอากาศเข้ามายึดตรึงส่วนต่างๆ ของอเวเค่นไว้แล้วยกร่างสั่นระริกขึ้นมาอยู่ในท่านั่งคร่อมเจ้าของห้องไว้

“...บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ทำให้คุณหรอก” อเวเค่นจ้องเขม็งและพูดจากใจจริง

“ข้ารู้น่ะ ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้เจ้าขยับตัวสักหน่อยนี่” มือหนากดเอวร่างเล็กลงมาจนส่วนกลางร้อนระอุของตนจมหายเข้าไปด้านในช่องทางคับแคบจนมิดด้าม

“อึ่ก...อ่ะ!” แม้ช่องทางจะรับแก่นกายเข้ามาแต่อเวเค่นไม่ยอมขยับช่วงล่างปรนเปรอร่างแกร่งที่กำลังมองดูปฏิกิริยาของคนที่นั่งคร่อมตนอยู่

“ถ้าเจ้าทำให้ข้าเสร็จล่ะก็จะหยุดก็ได้” เจ้านรกเอนหลังนอนเอามือข้างหนึ่งหนุนท้ายทอยตัวเอง และส่งรอยยิ้มยั่วกวนประสาทพร้อมยื่นข้อเสนอที่จะยุติเรื่องบนเตียงหากอีกฝ่ายทำให้เขาถึงฝั่งได้

“หึ! โกหกล่ะสิท่า” ชายหนุ่มผมแดงแม้จะติดอยู่ในห้วงอารมณ์ตัณหาแต่ก็ไม่ได้เสียสติขนาดจะยอมตกหลุมพรางเชื่อคำพูดของปีศาจร้ายตรงหน้าง่ายๆ

“จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเจ้าแล้วกัน” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่หยี่หระและเริ่มเป็นฝ่ายขยับขึ้นลงช้าๆ กระตุ้นให้ช่องทางด้านหลังของร่างเล็กกว่าตอบสนองกับแก่นกายร้อนใหญ่ของตน

“อา...ฮึ่ก...อื้อ!” น้ำเสียงเล็ดลอดออกจากริมฝีปากที่เม้มแน่น ดวงตาสีทองข่มกลั้นทิฐิของตนไว้แล้วเริ่มขยับสะโพกสอดประสานเข้ากับจังหวะของเอ็นอุ่นร้อนที่คนเบื้องล่างกระแทกสวนขึ้นมา “อ่ะ!...อ้า!”

ดวงตาสีอ่อนวาววับในความมืดมองภาพคนข้างบนปรนเปรอให้แก่เขาอย่างเพลิดเพลิน มือข้างที่ไม่ได้ใช้หนุนศีรษะสะกิดปลายด้านบนความเป็นชายของร่างเล็กกว่าตนที่มีน้ำสีขุ่นปริ่มอยู่ที่ปลายยอดและหยอกล้อราวของเล่น เงาสีดำที่เหมือนหนวดเริ่มเลื้อยไปทั่วตัวเพื่อค้นหาจุดอ่อนไหวที่ไวต่อสัมผัสอื่นๆ ทำให้ความอดทนอดกลั้นของอเวเค่นค่อยๆ หมดลงเรื่อยๆ

“อ๊าา!...อ่ะ ขี้โกงนี่...อ้า!” ถึงจะปากดีไม่ยอมให้ความร่วมมือยังไงแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาเริ่มขยับกระแทกลงไปหาความเป็นชายของคนข้างล่างอย่างช่วยไม่ได้

“ท่าทางจะอึดอัดน่าดูสินะนั่น” เสียงหัวเราะรื่นรมย์ผสมเสียงสูดลมหายใจอย่างสุขสม พลางมองดูแก่นกายของอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังอัดแน่นด้วยความต้องการปลอปล่อย “ให้ข้าช่วยทำให้เจ้าสนุกขึ้นสักหน่อยดีมั้ย”

จบประโยค เงาสีดำได้เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นแท่งเล็กๆ แท่งหนึ่งก่อนบีบอัดตัวเองจนแข็งพอให้มีตัวตนออกมาจับต้องได้จริง ก่อนจะตรงเข้าหาส่วนปลายของความใคร่ที่ตื่นตัวและไชไต่เข้าไปภายในของร่างด้านบน

“อ๊าา!! อึก! ทะ...ทำ...บ้าอะไร!? อ๊ะ! เจ็บ!!” อเวเค่นตัวสั่นเกร็งเพราะสิ่งแปลกปลอมที่กระเสือกกระสนยัดลงไปในส่วนปลายที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะอยากเล่นพิเรนทร์ แต่ความเจ็บระคนอึดอัดคราแรกก็ถูกแทนที่ด้วยความเสียวกระสันเมื่อเงาดำนั้นไชลงไปจนถึงจุดกระตุ้นตรงๆ ที่ปกติแค่โดนกระแทกใส่ก็ครางลั่นจนเหมือนจะตายอยู่แล้ว

“ปากแข็งจังนะ ทั้งๆ ที่ตรงนั้นของเจ้ากำลังตอดรัดข้าเสียแน่นขนาดนี้แท้ๆ” เสียงทุ้มหัวเราะพึงพอใจที่ร่างเล็กกว่าแสนอวดดีคนนั้นกลับสร้างความบันเทิงให้ตนได้เสียวซ่านดียิ่งกว่าที่คิด

“มะ ไม่! อ๊า! เอามันออกไป!” เสียงร้องของร่างเล็กประท้วงลั่น

“เจ้าอยากเสร็จครั้งที่สองแล้วงั้นรึ” เจ้านรกยิ้มมองร่างกายที่สั่นระริกอย่างน่าสงสาร “หรือว่าจริงๆ แล้วเจ้าอยากอยู่กับข้านานๆ กันล่ะ หืม?”

“ผม...เกลียดคุณ!” อเวเค่นที่หอบหายใจแรงส่งสายตาชิงชังมาให้เจ้าของดวงตาสีอ่อน

เงาสีดำดึงพรวดพาตัวเองออกมาจากช่องทางเล็กของแก่นกลาง ก่อนที่อเวเค่นจะปลดปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นออกมาอีกครั้งจนเปรอะเปื้อนทั้งร่างกายตัวเองและบางส่วนที่กระเด็นไปอยู่บนตัวคนข้างล่าง

“แฮ่ก...อึ่ก!” อเวเค่นที่เพิ่งถูกทำให้เสร็จต่อเนื่องรู้สึกแขนขาอ่อนแรง น้ำรักที่ยังคั่งค้างอยู่บางส่วนพรั่งพรูจนออกมาหมดทุกหยด เขาทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วงแต่ติดที่เงาสีดำตรึงรั้งเขาเอาไว้ทำให้ยังคงถูกบังคับนั่งอยู่ในท่าเดิม

ทำไม...ไอ้คุณเจ้านรกถึงไม่ยอมเสร็จสักที ทั้งที่ครั้งก่อนที่ทำกันสามคนยังไม่เห็นจะเสร็จยากเย็นขนาดนี้

“แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วเหรอ ไม่เอาน่า ถ้าเจ้าสลบไปก่อนแล้วจะฟังเรื่องที่ข้าเล่าได้ยังไงล่ะ”

ร่างสูงใหญ่ยันตัวขึ้นมามอบจูบดูดดื่มจนแทบจะกลืนกินเขาไปทุกลมหายใจ เรี่ยวแรงที่อเวเค่นจะต่อต้านเจ้านรกก็แทบไม่มีเหลือ ทำได้แค่ตามน้ำอีกคนไป แต่ร่างกายที่ควรจะเหนื่อยล้าจากกิจกรรมที่เกินขอบเขตของคำว่าปกติกลับตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง ไฟราคะในอกที่กำลังจะมอดเพราะการปลดปล่อยทั้งสองครั้งกลับโหมกระพือ ประสาทสัมผัสตื่นตัวและกำลังเรียกร้องหาสิ่งแปลกปลอมอันใหญ่โตที่ยังสอดค้างไว้ที่ด้านหลังตน

“อ...นี่คุณคิดจะทำอะไรอีก?” อเวเค่นยื้อตัวเองออกจากจูบร้อนแรงแล้วเค้นถามอีกฝ่ายทางสายตา

“ก็แค่เวทมนตร์สำหรับเล่นสนุกเหมือนที่ชเนย์เคยโดนมาก่อนนั่นแหละ” เจ้านรกไล่เหล่าเงาสีดำที่อยู่รอบๆ ให้สลายหายไปกับอากาศแล้วกดร่างของชายหนุ่มนักฆ่าที่เต็มไปด้วยรอยแผลและรอยประทับลงกับเตียงอีกครั้ง “แต่สำหรับเจ้า ข้าเพิ่มความเข้มข้นให้เป็นพิเศษเลยล่ะ”

“...คุณทำอะไรกับเค้า?” อเวเค่นถามขณะเดียวกับที่กำลังหอบหายใจร้อนผ่าวและรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว ร่างกายสั่นเทิ้มราวกับจะละลาย ส่วนแก่นกลางแข็งขืนมีหยดน้ำใสเอ่อล้นแทบจะตลอดเวลา

เจ้านรกยิ้มหยัน แทนที่จะเอาเวลามาห่วงตัวเองแต่อีกฝ่ายกลับมีใจกังวลถึงอีกคนอย่างท่วมท้น

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เค้าไม่ใช่เด็กดื้อแบบเจ้าหรอก” ร่างสูงใหญ่กดแก่นกายที่ยังไม่ได้ถอนออกกระแทกเข้าไปแรงๆ ทีหนึ่งทำให้ร่างเล็กกว่าสะดุ้งจนร้องเสียงหลง “เลิกพูดถึงคนอื่นแล้วมาสนุกกันต่อเถอะ”

“อึ่ก...พูดจาเอาแต่ได้” อเวเค่นพยายามข่มน้ำเสียงแหบพร่าของตน แต่ทั้งลมหายใจและร่างกายกลับเร่าร้อนผิดปกติ รู้สึกเหมือนกับโดนบังคับกินยาปลุกเซ็กส์เข้าไปจนร่างกายกลับมาเต็มไปด้วยความกระหายอยากอีกครั้ง

“ทรมานรึ?” เจ้านรกโน้มใบหน้ากระซิบเสียงต่ำข้างหูอีกคนพลางขบกัดใบหูแดงก่ำนั้นจนร่างเล็กสั่นสะท้านหลุดร้องเสียงครางหวาน “อยากให้ข้าช่วยมั้ย?”

“ไม่...ชเนย์” สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางไปกับแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง น้ำเสียงแหบอ่อนเอ่ยปฏิเสธและเรียกชื่อคนที่ตนคะนึงหาทั้งๆ ที่ยังเสพสมอยู่ใต้ร่างอีกคน

“เรียกหาคนอื่นทั้งที่ยังอยู่กับข้าเนี่ยนะ ช่างกล้าเสียจริง” มือใหญ่คว้าจับเอวและพลิกดันหลังให้ใบหน้าของคนใต้ร่างแนบไปกับเตียง ก่อนจะกระแทกเข้ามาในทีเดียวจนสุดเป็นการลงโทษ และจับแขนทั้งสองข้างดึงตัวให้ขึ้นมา สะโพกกระแทกสวนดังจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันอย่างน่าอาย ภายในช่องทางตอดรัดร้อนแรงเสียจนใบหน้าของผู้กระทำเองก็เริ่มรู้สึกเสียวซ่านขึ้นมานิดๆ

“อ๊าา! อ๊ะ!!” อเวเค่นร้องลั่นจนเสียงดังก้องไปทั้งห้องนอนกว้าง ร่างกายขยับไปตามสัญญาณดิบที่ถูกหยิบยื่นโดยคนข้างหลังที่กระแทกส่วนร้อนแข็งขืนเข้ามาโดนจุดกระสันของตนอย่างไร้ความปรานี

“ขอร้องสิ อ้อนวอนข้าสิ”

“มะ...ไม่เอา หยุดนะ! อ๊ะ! ..ฮะ!!” เสียงร้องให้หยุดเอ่ยประท้วงอย่างไร้ความหมาย ทำได้เพียงแค่ส่งเสียงครางระบายความร้อนรุ่มนี้ออกไป หยดน้ำสีใสเลอะที่นอนเบื้องล่างทุกครั้งที่ถูกกระแทกเข้ามาโดยไม่ให้หยุดพัก

“ดื้อด้านนักนะ แต่ยิ่งเจ้าทำแบบนี้กลับยิ่งทำให้ข้าสนุกมากกว่าอีก” เสียงทุ้มที่เริ่มหอบนิดๆ เพราะอารมณ์เริ่มจุดติดขึ้นมา เจ้านรกถอดเสื้อคลุมแสนเกะกะของตนทิ้งไปอย่างไม่ใยดีแล้วก้มลงกระหน่ำจูบลงไปบนแผ่นหลังที่ละลานตาไปด้วยรอยแผลเป็น ขบกัดทิ้งร่องรอยฟันคมไว้ทุกครั้งที่ถูกใจการตอบรับของคนข้างล่างเสียจนผิวสีระเรื่อเริ่มเต็มไปด้วยรอยเลือด

“อื้อ...อื้อ!!” อเวเค่นซุกหน้าลงกับเตียงสะกดกลั้นเสียงร้องใดๆ ก็ตามที่หลุดลอดออกไปเอาใจผู้กระทำ ทว่านั่นกลับยิ่งทำให้เจ้านรกขยับกระแทกรุนแรงกว่าเดิม แต่เสียงหอบพร่าแปลกๆ ของอีกฝ่ายที่เขาได้ยินคงเป็นเพราะคนข้างบนเองก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมกับการกระทำน่าอับอายนี้แล้วสินะ

ก็ดีเหมือนกัน...จะได้จบๆ ไปสักที

“โอ๊ะๆ คิดอะไรตื้นๆ” เจ้านรกหยุดขยับช่วงล่างไปเสียดื้อๆ และชักเอาส่วนกลางของตนออกไปรวดเร็วจนร่างสั่นเทาถึงกับสะดุ้ง

“อ่ะ...หา??” อเวเค่นรู้สึกคุ้นๆ เหมือนกับว่านิสัยชอบหยุดกิจกามกลางคันมันเหมือนใครบางคน ทว่าไม่ทันได้มีเวลาให้คิดต่อ เนคไทที่ถูกลืมไปจนถึงเมื่อครู่ก็ถูกคลายออกและใช้พาดมัดตาปิดกั้นการมองเห็นของเขาไว้ ขณะที่กำลังจะโวยวายอีกฝ่ายว่าคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรกับตนอีกก็พบคำตอบที่ปรากฏ

ภายในความมืดนั้นเขาเห็นภาพของตัวเองที่นอนคว่ำอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ และเมื่อถูกจับพลิกให้หันมานอนหงายเผชิญหน้าตรงๆ อเวเค่นจึงได้เห็นเรือนร่างของตัวเองผ่านมุมมองของอีกฝ่าย ทั้งเนื้อทั้งตัวที่ถูกลงรอยจูบไว้ทั่ว คราบน้ำอะไรต่อมิอะไรเปรอะเลอะเต็มช่วงล่างไปหมด

ไอ้การที่ต้องมาเห็นภาพตัวเองในสภาพถูกกระทำแบบนี้นี่มัน...

“เป็นอย่างไรเล่า สภาพตัวเจ้าตอนนี้มันเร้าอารมณ์ถูกใจรึเปล่า?”

มือสองข้างของอเวเค่นโดนตรึงไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว ส่วนอีกมือของเจ้านรกนั้นเลื่อนลงสะกิดหยอกล้อกับความเป็นชายของเขาจนสะดุ้งเกร็งเพราะความอัดอั้นที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย

“ถ้าเจ้าอ้อนวอนดีๆ ล่ะก็ ข้าจะช่วยปลดปล่อยมันให้”

“อึ่ก...ไม่มีทาง! เอามันออกไปนะ!” เสียงคัดค้านของร่างเล็กแผดใส่หน้าคนบังคับ ทั้งยังออกแรงดิ้นรนขัดขืนทั้งที่สภาพตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด

“ได้ งั้นก็จงมองดูตัวเองโดนข้าย่ำยีเสียให้เต็มตาเจ้าก็แล้วกัน” มือที่สาละวนอยู่กับแก่นกายเล็กผละออกมาหันไปสะกิดหยอกล้อกับตุ่มไตบนแผ่นอก เสียงอื้ออึงในลำคอของอีกคนที่พยายามอดกลั้นไว้ยิ่งชวนให้ยิ่งอยากรังแก “บอกแล้วไงว่าอย่ากลั้นเสียง”

นิ้วมือที่สะกิดยอดอกเลื่อนขึ้นแหย่เข้าไปในโพรงปากอุ่น กวาดนิ้วไปหาลิ้นร้อนที่ชุ่มไปด้วยน้ำลาย ร่างสูงใหญ่ยันตัวเองนั่งเอนไปกับหัวเตียง ก่อนจะดึงเส้นผมสีแดงแล้วกดหัวให้เอาปากมาจ่ออยู่ที่แก่นกายใหญ่ของตนเอง

“เห็นภาพในหัวแล้วใช่มั้ย รู้สินะว่าต้องทำยังไง?” มือหนาดึงทึ้งเส้นผมยาวบังคับให้อ้าปากรับเอาท่อนเอ็นของตนเข้าไป “ไหนลองทำให้ข้าดูหน่อยสิว่าเจ้าจะทำได้ดีกว่าชเนย์รึเปล่า”

“อุ่ก! อื้อ!!” ริมฝีปากถูกบังคับให้อมส่วนหัว ปลายลิ้นรูดกับแก่นกายอย่างไร้ประสบการณ์ ดวงตาที่โดนปิดเห็นภาพตัวเองอยู่ในสภาพนี้แล้วแทบอยากจะกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอดไป

อเวเค่นอยากจะกัดส่วนแข็งขืนน่าโมโหที่ใช้กระทำชำเราเขาให้ขาดเสีย ไอ้การที่ต้องมาปรนเปรออีกฝ่ายไม่ต่างจากดูหนังสดที่ตัวเองเป็นคนเล่นนี่มัน...ยิ่งคิดก็ยิ่งอับอายจนใบหน้าร้อนผ่าวเป็นเท่าทวี

ทว่า ความคิดที่ไม่ประสงค์ดีกลับโดนต่อต้านด้วยความกระสันอยากและต้องการถูกสิ่งเร้าตรงหน้าเข้ามาเติมเต็มตัณหาในช่องทางลับจนคับแน่น สติที่จะประท้วงให้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มค่อยๆ ลืมเลือนจนสิ้น และก้มหน้าลงเรียกร้องหาสิ่งที่จะดับไฟในกายด้วยปากของตน

“อือ...อืม” รู้ตัวอีกทีอเวเค่นก็พยายามใช้ลิ้นชโลมเลียไปทั่วแท่งเอ็นอุ่นๆ ที่มีรสชาติของตัวเองอยู่ ภาพของตัวเขาที่ทำเช่นนั้นกำลังกระตุ้นความต้องการที่อยากจะปลดปล่อย เพื่อที่ว่าจะได้รีบปลดเปลื้องตัวเองให้พ้นจากความกระหายที่ท่วมท้นนี้เสียที

“ดี...แบบนั้นแหละ”

แม้ว่าคนปรนเปรอจะเก้ๆ กังๆ ไร้ประสบการณ์การใช้ปากให้กับเพศเดียวกันขนาดไหน แต่ความพลั้งเผลอเป็นระยะที่ใช้ปากได้ถูกจุดก็เร้าใจไปอีกแบบ

“อยากรีบจบมันแล้วรึยังล่ะ?”

คำถามชี้นำทำเอาสมองว่างเปล่าที่คิดอะไรแทบไม่ออกเผลอทิ้งความยับยั้งชั่งใจไปจนหมดเกลี้ยง อเวเค่นหยุดใช้ปากให้กับเจ้านรกแล้วคลานขึ้นมานั่งคร่อมส่วนกลางลำตัวนั้นไว้เองแต่โดยดี

“...จำไว้เลยนะว่าผมจะเอาคืนคุณทีหลังแน่”

“อ่าฮะ ข้าจะจำไว้ แล้วจะตั้งตารอการเอาคืนของเจ้าอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ”

ร่างกายสั่นระริกด้วยแรงอารมณ์ที่ปริ่มล้นไปทั่วทุกอณู ภาพจากมุมมองของเจ้านรกทำให้แม้ว่าจะโดนปิดตา แต่เขาก็เห็นและรับรู้ได้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ อเวเค่นค่อยๆ ปล่อยให้ความเป็นชายที่แข็งขืนและเปียกชุ่มด้วยน้ำลายของตนนั้นเข้ามาโดยจำยอม

ร่างสูงใหญ่เผลอส่งเสียงต่ำในลำคอเพราะช่องทางคับแน่นที่เพิ่งพักไปได้ไม่นานนั้นตอดรัดรุนแรงอย่างกระหายอยากกว่าก่อนหน้านี้มากนัก

“แค่ครั้งนี้...เท่านั้นนะเว้ย!” อเวเค่นเค้นเสียงพูดเมื่อจัดแจงตัวเองได้เข้าที่และวางมือทั้งสองค้ำยันตัวไว้ที่หัวเตียงขนาบสองข้างศีรษะของคนรอ สะโพกขยับขึ้นและกดลงช้าอย่างๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นแรงและเร็วขึ้นเพื่อตอบสนองความอยากของตัวเอง โดยไม่สนใจแล้วว่ามันจะหมายถึงตัวเขาที่ตกเป็นทาสกามารมณ์ที่โดนยัดเยียดให้

“ทำตัวน่ารักแบบนี้แต่แรกก็จบแล้วแท้ๆ แต่ก็นั่นแหละ ข้าไม่รังเกียจหรอก”

เจ้านรกดึงผ้าปิดตาของอีกฝ่ายออกรวมทั้งยางมัดผมที่หลุดลุ่ย และคว้าคออีกคนเข้ามาประทับจูบแลกลิ้นกันอย่างหิวกระหาย ดวงตาสีทองที่เคยโดนพันธนาการบัดนี้เต็มไปด้วยแรงอารมณ์และความต้องการอย่างท่วมท้น ความร้อนจากร่างกายที่ถาโถมเข้าใส่กันจนเหงื่อไหลปะปนยากจะแยกว่าเป็นเหงื่อจากร่างกายของใคร ลมหายใจร้อนหอบถี่อย่างคนใกล้ถึงฝั่งฝัน ทว่าต่างคนต่างก็ไม่มีใครยอมเสร็จก่อนกัน

“อ่ะ อืม...” ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดสอดเข้าไปในโพรงปากที่แทบไร้ที่ว่าง ธารสีใสเชื่อมต่อยามละริมฝีปากออกจากกัน ช่วงล่างยังคงสอดประสานและเริ่มเข้าจังหวะจนร่างเล็กกว่าร้องครางไม่ได้ศัพท์ มือที่จับหัวเตียงเลื่อนมาโอบรัดท้ายทอยของร่างสูงใหญ่เป็นที่ยึด น้ำเสียงแหบพร่าดังกระเส่าอยู่ข้างใบหูยาวของเจ้านรก “มะ…”

“หืม? ว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ถนัด” เสียงทุ้มที่ครางครือในลำคอเอ่ยแกล้งทำเป็นไม่ค่อยได้ยินทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคนที่กำลังตอดรัดแก่นกายใหญ่ของตนนี้กำลังร้องขอสิ่งใด “บอกสิ่งที่เจ้าต้องการมาให้ข้าฟังชัดๆ สิ”

อเวเค่นหลับตาลงข้างบ่าแกร่งอย่างอดสู แต่ข้างในอกแทบจะระเบิดเพราะร่างกายมันร่ำร้องหาความสุขสมอย่างบ้าคลั่ง เสียงหอบครางหวานหูกระสันซ่านเอ่ยคำขอร้องน่าอายข้างหูคนฟัง

“ผม...ไม่ไหวแล้ว ช่วย...ที” เล็บจิกลงด้านหลังท้ายทอยกว้างอย่างหาที่ระบาย “ท่านเจ้า...ได้โปรดทำให้ผมเสร็จที”

วงแขนกว้างโอบเอวอีกฝ่ายเข้าแนบชิดและทำหน้าที่เป็นคนกำหนดจังหวะเร่งเร้านี้ให้ร้อนแรงกว่าเดิม มืออีกข้างบีบนวดอยู่กับแก่นกลางของร่างเล็กที่พร้อมจะปะทุอารมณ์ทุกเมื่อ

“อื้อ...อ๊า! อ่ะ..!” พอถูกกระตุ้นทั้งจากด้านหน้าและหลังอเวเค่นก็ลืมสิ้นทั้งหมด ร่างสั่นกระตุกไม่หยุดค่อยๆ ขยับช่วงบนแอ่นตัวไปด้านหลังเล็กน้อยให้องศาของแก่นกายร้อนกระแทกเข้ามายังจุดเสียวซ่าน ยินยอมให้เจ้านรกกระทำการใดๆ ตามใจกับร่างกายตนก็ได้ทั้งนั้น

“เด็กดี เอารางวัลของเจ้าไป” เจ้านรกเลียริมฝีปากอย่างถูกอกถูกใจภาพตรงหน้า ความอดทนของเขาก็เดินทางมาจนถึงจุดสิ้นสุดแล้วเช่นกัน มือข้างที่ชักรูดปรนเปรอกดเน้นย้ำกับส่วนหัวอันอ่อนไหวและถูไปมาอย่างแรง แต่เวลานี้มันกลับรู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อจนร่างเล็กลืมซึ่งความเจ็บปวดเสียสิ้น

“อ๊าา!! ฮ้าาา!!” ร่างที่ทาบทับบนตัวเจ้านรกกระตุกเกร็งด้วยความเสียวซ่านที่แล่นวาบไปทั้งตัวก่อนราคะทั้งหมดจะถูกระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เสียงร้องด้วยความรัญจวนครางลั่นอย่างไม่อาจควบคุม หรือต้องบอกว่าไม่คิดจะควบคุมเลยก็ว่าได้

“อึก...อา!...” ผู้ถูกตอดรัดส่วนรุกล้ำราวกับคลั่งไคล้อย่างไร้สติเผลอเปล่งเสียงครางกระเส่ากว่าครั้งไหนๆ ผ่านริมฝีปากที่เผยอยิ้มพึงพอใจและปลดปล่อยความอัดอั้นจำนวนมากของตนเข้าไปในตัวผู้รองรับเสียล้นทะลัก

ทั่วทั้งห้องมีแต่เสียงหอบหายใจ ร่างเล็กกว่าคลายวงแขนออกแล้วทิ้งตัวฟุบหน้าลงไปกับหมอนนุ่มใบโต ดวงตาสีอ่อนมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยแผลเป็นและร่องรอยตีตราที่ตนประทับไว้

“ดูๆ ไปแล้วเจ้าเองก็น่ารักดีเหมือนกันนี่” เอ่ยชมแกมหยอกก่อนจะโน้มใบหน้าลงมากัดที่หลังคอจนอเวเค่นสะดุ้งโหยงด้วยความเจ็บจนนิ่วหน้า แต่เพราะไม่มีแรงพอจะด่ากลับแถมยังเหนื่อยจนลืมตาไม่ขึ้น สุดท้ายก็หลับตาหมดสติไปทั้งอย่างนั้น ก่อนที่เจ้านรกจะปล่อยให้ร่างที่หมดสิ้นเรี่ยวแรงนอนพักเอาแรงไป