ร่างสูงโปร่งเดินถือถาดอาหารว่างจานเล็กกับไวน์รสเลิศในมือมาตามทางเดิน สวนกับเหล่าผู้เข้าร่วมแข่งขันบางคนที่คุ้นและไม่คุ้นหน้าสลับกันไปบ้าง แต่แน่นอนว่าไม่ค่อยจะมีใครสนใจใยดีเขาเท่าไหร่นัก พอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกว่าโชคดีขนาดไหนที่อย่างน้อยๆ ก็มีอเวเค่นเป็นเพื่อนคุย...

เพื่อนงั้นเหรอ...?

“...นี่เรากำลังทำร้ายจิตใจคนอื่นอยู่รึเปล่านะ?” พอเห็นอเวเค่นคอยช่วยดันหลังให้แบบนี้เขาก็อดกังวลไม่ได้ว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบความรู้สึกของทางนั้นและกำลังทำเรื่องแย่กับอีกฝ่ายอยู่หรือไม่ แต่แล้วเท้าทั้งสองก็พาก้าวมาหยุดที่หน้าห้องของเจ้านรก ชเนย์เคาะประตูบานใหญ่เรียกหาเจ้าของห้อง ทว่าก็ไม่มีเสียงตอบรับ

“นี่ก็ชอบหายไปเฉยๆ เหมือนอีกคนไม่มีผิดเลย” ชเนย์ถอนหายใจ ถึงทั้งสองคนจะดูเหมือนไม่ค่อยถูกกันแต่บางอย่างก็คล้ายกันมากเสียจนน่าขัน

“ตามหาใต้เท้าอยู่เหรอครับ?”

“อ่ะ...สวัสดีครับคุณไคม์” ชเนย์ค้อมหัวทำความเคารพคนที่จู่ๆ ก็โผล่มาจากอีกทางหนึ่ง นี่ก็ชอบโผล่มาไม่ให้ตั้งตัวอยู่เรื่อยเลย

“ท่านไม่อยู่หรอกครับ และต้องขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่าข้าเองก็ไม่ทราบว่าใต้เท้าไปอยู่ที่ไหน” ปีศาจเลขากล่าว

“งั้นเหรอ ขอบคุณที่บอกนะครับ” ร่างสูงโปร่งไหล่ตกแต่ก็ไม่ได้คิดจะล้มเลิกความตั้งใจ ยังพอมีเวลาอีกหน่อยกว่าจะถึงมื้อเย็น ลองเดินวนหาอีกสักรอบให้ทั่วปราสาทจะเป็นอะไรไป หรือถ้าไม่พบจริงๆ ก็ค่อยไปหาหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วก็ได้

“ขอบอกไว้ก่อนว่าใต้เท้าไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเสวนากับใครสักเท่าไหร่นะครับ” มือขวาของเจ้านรกเอ่ยเหมือนจะเป็นห่วง แต่สีหน้าแทบไม่เปลี่ยนไปจากปกติ

“อ่า...งั้นเหรอครับ ขอบคุณอีกครั้งที่เตือน” ชเนย์ยิ้มแห้งๆ ให้ไคม์และขอตัว

เขาเดินตามหาตัวเจ้าของปราสาทที่ไม่รู้ว่าไปเตร็ดเตร่อยู่ที่ไหน เดินวนหนึ่งรอบก็แล้ว สองรอบก็แล้ว สุดท้ายก็คิดว่าควรถอดใจพอแค่นี้ อีกทั้งยังเมื่อยมือเกินกว่าจะเดินตามหาอีกคนต่อไปไหว

“อาหารเย็นชืดหมดแล้ว...” พ่อครัวถอนหายใจปนเสียดาย ดูท่าทางวันนี้คงต้องยอมถอยก่อน ร่างสูงโปร่งหันหลังตั้งใจจะเดินกลับห้องครัว แต่แล้วก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกแกร่งดุจกำแพงของเจ้านรก

นึกจะโผล่ก็โผล่ออกมาหาดื้อๆ แบบนี้เลยนะ! ชเนย์คิดในใจ

“...”

“...”

ต่างคนต่างเงียบไม่ได้พูดอะไร เจ้านรกที่ปกติมักจะเห็นใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มที่ไม่น่าวางใจยามอยู่ใกล้เสมอ แต่ตอนนี้กลับนิ่งเฉยจนดูผิดปกติ

“ผมเดินหาคุณจนทั่วเลยนะ” ชเนย์ไม่ได้พูดแม้แต่คำทักทายง่ายๆ อย่างสวัสดีตอนเย็น และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม การอยู่กับอเวเค่นทำให้เขารับเอานิสัยกล้าพูดกล้าทำมาด้วยรึเปล่านะ

“ข้ารู้”

“รู้? แสดงว่าคุณหลบหน้าผมเหรอครับ?”

“ทำไมข้าต้องทำแบบนั้น?” ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นกอดอก

“ก็...” ชเนย์เกือบจะพูดถึงเรื่องที่ไคม์บอกว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ไม่ดีแต่ก็ชะงักไป เพราะสายตาคู่นั้นกำลังจ้องสิ่งที่อยู่ในมือของเขาไม่วางตา

“นั่นของข้ารึเปล่า?” พอเห็นชเนย์พยักหน้า เจ้านรกก็ยื่นมือมาหยิบเอาคานาเป้แซลมอนแคนตาลูปไข่กุ้งที่อยู่ในจานไปกิน “ไอ้นี่อร่อยดี”

ไม่พูดเปล่า เจ้านรกหยิบชิ้นต่อมาเข้าปากไม่หยุด พอกินจนหมดจานก็ยกมืออีกข้างลูบหัวพ่อครัว

“ขอบใจนะที่ทำมาให้”

หัวใจของคนฟังถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะเพียงแค่ได้ยินอีกฝ่ายพูดคำขอบคุณ

“คุณหายไปไหนมาทั้งวันเหรอครับ? ผมไปหาที่ห้องไม่เจอ พอถามคุณไคม์ก็บอกว่าไม่รู้”

เจ้านรกได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป

“มันเนี่ยนะจะไม่รู้ว่าข้าไปไหน? เจ้าโดนมันหลอกแล้วล่ะ” ร่างสูงใหญ่ยีหัวคนโดนปีศาจเลขาปั่นหัวจนผมที่จัดทรงไว้กระเซิงและลู่ตกลงมาหมด “โอ๊ะ แบบนี้ก็แปลกตาดีเหมือนกันแฮะ”

“...ขอโทษครับ” ชเนย์ก้มหน้าและห่อตัวลีบเหมือนสุนัขที่กลัวโดนทำโทษ

“หา? แล้วเจ้าจะขอโทษทำไม?”

“ถึงจะเคยบอกว่าผมคงเทียวมาวอแวอยู่รอบตัวคุณ แต่ถ้ามันทำให้คุณรำคาญล่ะก็ผมจะเลิกทำ...โอ๊ย!”

แก้มของชเนย์โดนจับดึงยืดออกก่อนจะโดนปล่อยให้มันดีดกลับเอง

“แล้วข้าเคยพูดแบบนั้นรึไง?” ในที่สุดเจ้านรกก็หลุดหัวเราะออกมาดังเช่นปกติ มือที่สวมเกราะโลหะเย็นแตะเข้ากับแก้มของอีกคนคล้ายเป็นเชิงปลอบ “แล้วข้าก็ไม่คิดมากกะอีแค่โดนเจ้าตำหนิหรอกนะ”

“...พูดจริงรึเปล่าครับ?”

“ไหงทำหน้าแบบนั้นล่ะ ข้าไม่ได้โกหกสักหน่อย” พอเห็นว่าชเนย์ทำหน้าดูเหมือนจะยังติดใจสงสัยเรื่องที่เขาทำในวันนี้จึงเปลี่ยนเรื่อง “...คืนนี้เจ้าว่างมั้ย?”

“ครับ?” คนถูกถามเอียงคอเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดเหมือนจะชวนไปไหน “จริงๆ ก็ว่างแหละครับ”

“ถ้างั้นก็ไปบินเล่นกันหน่อยมั้ย?”

“อ่ะ? ห้ะ?” ชเนย์ทำหน้างงกับคำว่าบินเล่นของท่านเจ้านรกจนไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป “มันคืออะไรเหรอครับ? ช่วยบอกให้ชัดๆ หน่อยได้มั้ย?”

“เดี๋ยวคืนนี้เจ้าก็รู้เอง” เขาเอามือตบไหล่ข้างหนึ่งของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านพ่อครัวหนุ่มไป

“เอ่อ...ผมกับคุณแค่สองคนสินะครับ?” ชเนย์หันไปถามย้ำให้แน่ใจ เจ้านรกไม่ได้หันกลับมามองแต่ทำท่าสองนิ้วให้แทนคำตอบว่าแค่สองคนเท่านั้น

“...” ชเนย์อดคิดในใจไม่ได้ว่าท่าทางของร่างสูงใหญ่เมื่อครู่มันน่ารักมากๆ เขารีบสาวเท้าเอาจานเปล่ากับไวน์ที่โดนเมินไปเก็บ และรีบลงมือทำอาหารเย็นเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อที่จะได้มีเวลาว่างมากพอสำหรับนัดคืนนี้

“เรียกว่าเดตได้ไหมนะ?” พ่อครัวหนุ่มส่ายหน้าแล้วเผลออมยิ้มให้ตัวเอง

“ยิ้มหน้าบานเชียว ดูเหมือนจะไปได้สวยสินะ” เสียงทักของผู้บุกรุกที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง ชเนย์สะดุ้งแล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งเอาเอกสารอะไรบางอย่างมานั่งอ่านกลางห้องครัว

“อ...เอ่อ จะว่างั้นก็ได้ครับ” พ่อครัวพูดก่อนจะหันกลับไปเช็กความร้อนที่หม้อต้มข้างหน้าตัวเองเพราะต้องรีบทำให้เสร็จ

“เหรอ...แต่อารมณ์ดีขนาดนี้แสดงว่าคงมีเรื่องดีๆ ล่ะสิท่า" อเวเค่นละสายตาจากเอกสารในมือแล้วเหล่มองชเนย์จากด้านหลัง อีกคนจึงไม่ได้เห็นว่าเขากำลังมองด้วยความรู้สึกแบบไหนอยู่

“ที่จริงแล้วเขาบอกว่าให้ไปเจอกันคืนนี้ด้วยน่ะ อ๊ะ! แต่ไม่ได้จะไปทำเรื่องแบบนั้นนะครับ” ชเนย์พูดเพื่อไม่ให้อีกคนเข้าใจผิดไปซะก่อน

“เหรอ...ก็ดีแล้วนี่นา คราวนี้ก็คุยกันดีๆ ล่ะ” พอเห็นว่าคืนนี้อีกฝ่ายมีนัดสำคัญรออยู่แล้ว ไอ้สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ก็เลยถูกพับเก็บไปเหมือนกับกระดาษเอกสารที่อยู่ในมือที่กำลังถูกพับเล่นเป็นเครื่องบิน

“คุณโกรธรึเปล่าที่ผมทำแบบนี้?” ชเนย์หันมาถามแต่ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ผมเป็นคนบอกให้คุณไปง้อเขาเองแล้วทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ...เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ” ประโยคหลังอเวเค่นเอ่ยเสียงเบาและยังคงก้มหน้าพับกระดาษต่อไป

“หือ? เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรรึเปล่าครับ?” เพราะกำลังสาละวนอยู่กับงานครัวเลยได้ยินอีกคนพูดไม่ค่อยถนัด

“...ไม่มีอะไร รีบๆ ทำเข้าสิเดี๋ยวก็ไปสายหรอก” นักฆ่าผมแดงกำชับให้พ่อครัวเร่งมือ ทำเอาชเนย์อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาไม่ได้อีกฝ่ายคอยช่วยจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นรึเปล่า

“คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ? ผมจะได้ทำมื้อดึกไว้ให้” ชเนย์ถามอเวเค่นเพื่อจะได้ทำอะไรตอบแทนบ้างเล็กๆ น้อยๆ และก็หวังว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

“ไม่ล่ะ ผมกะว่าจะไดเอท”

“อ่า...ครับ งั้นเดี๋ยวผมจะช่วยทำเมนูควบคุมน้ำหนักให้แล้วกัน” พ่อครัวหนุ่มพยักหน้าแล้วก็หันหลังไปสาละวนกับอาหารมื้อเย็นต่อ โดยที่ไม่รู้ว่านักฆ่าหนุ่มพับกระดาษเป็นรูปหัวใจขึ้นมาและฉีกมันทิ้งอย่างไม่ใยดี

 

*

 

ผ่านมื้ออาหารเย็นไปได้ไม่นาน ชเนย์ก็มายืนรอที่ดาดฟ้าเมื่อถึงเวลาตามที่ได้นัดกับเจ้านรกเอาไว้ แต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับไม่พบคนที่เอ่ยชวนตน คิดในแง่ดีว่าทางนั้นอาจจะกำลังมา ระหว่างรอก็เลยหยิบไปป์ออกมาสูบพลางมองทะเลและคลื่นที่รายล้อมจากด้านบนสุดของปราสาท ระเบียงกว้างใหญ่ยามกลางคืนนั้นมืดจนแทบมองไม่เห็น มีเพียงแสงไฟจากด้านในตัวปราสาทที่ช่วยให้มองเห็นรอบๆ ท้องฟ้าด้านบนซึ่งมืดสนิทไร้แสงจันทร์ แต่พราวแสงระยับด้วยดาวมากมาย ดูแล้วช่างชวนฝันเสียจริง

“มาเร็วจังนะ”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยทักจากด้านบนเหนือหัวของชเนย์ เจ้านรกลอยตัวอยู่เหนือปราสาทไม่ห่างจากระเบียงเท่าไรนัก

“ไม่อยากให้คุณรอนี่ครับ” ร่างสูงโปร่งกล่าว ไปป์ในมือส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่เป็นระยะ “อ่ะ...ขอโทษครับ เผลอหยิบติดมือมาด้วยความเคยชินน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก” เจ้านรกลงมาหยุดตรงหน้าชเนย์ก่อนโอบเอวอีกคนเข้ามาแนบชิดจนคนถูกกอดลนลานเพราะไม่คิดว่าจะโดนรุกอย่างรวดเร็วแบบนี้

“ถ้าไม่อยากร่วงตกทะเลก็เกาะดีๆ แล้วกัน”

ทั้งสองค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นอย่างนุ่มนวลผิดกับที่ชเนย์คาดไว้มากมาย ถึงจะทำอะไรเลยเถิดกันไปถึงไหนๆ แล้ว แต่พอมาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของอีกคนแบบนี้แล้วเขาก็ได้แต่ก้มหน้าซุกลงกับอยู่กับแผงอกแน่นอย่างเขินอายเท่านั้น

อีกด้าน อเวเค่นยืนหลบมุมอยู่ที่ด้านหลังเสาห่างไปจากที่ที่ชเนย์ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ไม่ไกล ถึงจะไม่ได้อยากมาเห็นภาพบาดตาบาดใจแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเจ้านรกนั่นจะทำอะไรแผลงๆ อีกรึเปล่า

เล่นหนีขึ้นไปบนฟ้ากันแบบนี้ก็แอบฟังไม่ได้น่ะสิ!