แสงแดดจ้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกคนนอนตื่นสาย พอหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสิบโมงก็คิดว่าสมควรแก่เวลาที่ต้องตื่นแล้ว อเวเค่นลุกขึ้นบิดขี้เกียจใช้มือเคาะหัวตัวเองเรียกสติอย่างมึนงง จำไม่ได้ว่าหลับไปตอนไหนแต่คิดว่าคงสลบไปพร้อมๆ กับชเนย์ แต่ดูเหมือนคุณพ่อครัวจะตื่นก่อนเขาเพราะพอหันไปดูข้างๆ เตียงก็ไม่เจอใครแล้ว

“ป่านนี้ก็คงอยู่ที่ห้องครัวเหมือนเคยล่ะมั้ง” นักฆ่าหนุ่มเอ่ยงึมงำก่อนจะลากตัวเองไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อทำให้ร่างกายสดชื่น สายขนาดนี้คงไม่มีใครมาแย่งใช้เป็นแน่

ห้องอาบน้ำกว้างขวางว่างเปล่าไร้คนวุ่นวายดั่งเช่นที่นักฆ่าหนุ่มหวัง ทว่า ดวงตาสีทองสังเกตเห็นร่างคนคุ้นเคยนั่งอยู่อีกฝั่งของขอบสระ

“ชเน--” อเวเค่นตั้งใจจะทักทายคนที่มาก่อนไปแล้ว แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจเดินอ้อมไปทางด้านหลังเพื่อหวังจะแกล้งให้อีกฝ่ายตกใจสะดุ้งตกลงไปในสระน้ำอุ่นขนาดใหญ่

ฝีเท้าย่องเบาค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาจากด้านหลังของชายผมเงิน และขณะกำลังจะส่งเสียงร้องออกไปให้ตกใจเล่น คนที่มาถึงก่อนก็หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับรู้ทัน ทำเอาคนตั้งใจจะแกล้งถึงกับหมดสนุก

“อะไรกัน ถ้ารู้ตัวแล้วก็อย่าปล่อยให้ตั้งท่าเก้อสิ” อเวเค่นถอนหายใจอย่างสุดเซ็งที่อดเห็นภาพน่าสนุกที่คิดไว้

“งั้นคราวหน้าก็ต้องแอบเข้ามาให้เงียบกว่านี้นะ” ชเนย์ตบมือลงข้างตัวเหมือนจะเรียกให้อีกฝ่ายลงมานั่งด้วยกัน แต่จู่ๆ สีหน้าของอเวเค่นก็เต็มไปด้วยความฉงน เขายืนนิ่งไม่ยอมนั่งลงไปตามที่อีกฝ่ายชวน

“มีอะไรรึ?”

“แกเป็นใคร?” นักฆ่าหนุ่มกดเสียงต่ำขณะที่ถามออกไป ด้วยมั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่พ่อครัวคนนั้นอย่างแน่นอน แต่ก่อนจะได้ก้าวถอยหลังไปตั้งหลัก จู่ๆ ก็ถูกมือหนาคว้าข้อเท้าไว้และฉุดดึงให้ล้มลง

อเวเค่นตอบสนองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนั้นด้วยการป้องกันไม่ให้หัวกระแทกพื้นเท่านั้น เรี่ยวแรงมหาศาลที่ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะมีได้ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าคนที่ทำแบบนี้ไม่ใช่ชเนย์ตัวจริงแน่นอน

“แย่จัง สงสัยจะเนียนไม่พอสินะ” รอยยิ้มคุ้นตาระบายบนหน้าบุคคลแอบอ้าง

“สนุกนักรึไงที่ได้แกล้งคนอื่น?” อเวเค่นถามเสียงแข็งและมองด้วยสายตาไม่พอใจ

“อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิ” จากใบหน้าของพ่อครัวพลันเปลี่ยนเป็นใบหน้าเดิมของเจ้าของปราสาทแห่งนี้ “จะอาบน้ำไม่ใช่รึ? ลงมาสิ”

“ขอผ่าน เชิญคุณนั่งสำราญไปคนเดียวเถอะ” อเวเค่นปฏิเสธคำชวน ข้อเท้าของเขาถูกตรึงไว้ด้วยมือเดียวพร้อมกับแรงจับมหาศาลที่หากออกแรงอีกนิดเดียวก็คงกระดูกร้าวไม่ก็หักได้อย่างง่ายดาย

“เย็นชาจริงนะ แต่เพราะแบบนี้แหละถ้าข้าไม่ใช้รูปลักษณ์นี้มาล่อ เจ้าก็คงไม่เดินเข้ามาหาข้าหรอกจริงมั้ย?”

ร่างสูงใหญ่หัวเราะร่วนผิดกับคนที่ถูกจับตัวซึ่งกำลังอารมณ์เสียขั้นสุดที่พลาดท่าเสียเอง

“สรุปแล้วคุณต้องการอะไรกันแน่ถึงได้เล่นแผลงๆ แบบนี้? ถ้าอยากได้เพื่อนคุยก็เรียกพวกปีศาจสาวๆ มาอาบน้ำด้วยซะเลยสิ”

“ข้าว่าคุยกับเจ้าสนุกกว่าเป็นไหนๆ”

“หา? ...เฮ้ย!” อเวเค่นเพิ่งจะเห็นว่าสภาพกึ่งเปลือยของตัวเองอยู่ในท่าทางที่สุ่มเสี่ยงสิ้นดี ดวงตาสีทองที่ถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องรู้สึกวูบไหวด้วยความกังวลในเรื่องที่เห็นๆ กันอยู่

เจ้านรกแสยะยิ้มออก มือใหญ่กระตุกข้อเท้าอีกคนให้ร่างของชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าไถลเข้ามาหาตนในระยะที่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก

“กลัวว่าข้าจะจับกินรึไง?”

“ผมไม่ตลกด้วยนะ!” อเวเค่นออกแรงดึงขาของตนแต่ไม่เป็นผลอันใด ซ้ำกลับยิ่งทำให้เจ้านรกดูเพลิดเพลินกับการดิ้นรนหาทางรอดของมนุษย์ตัวจ้อยมากขึ้นไปอีก

“ถ้าคุยด้วยดีๆ ไม่ชอบ งั้นก็มาทำอย่างอื่นที่สนุกกว่าก็แล้วกัน” ร่างสูงใหญ่ออกแรงดึงให้นักฆ่าหนุ่มลงมาในสระน้ำ มืออีกข้างกดหัวอเวเค่นให้จมน้ำอยู่พักใหญ่แล้วจึงดึงขึ้นมา

“แค่กๆๆ!” เขาสำลักน้ำเข้าไปด้วยไม่ทันตั้งตัว ดวงตาสีทองฉายแววมีน้ำโหหนักยิ่งกว่าเดิม แต่ผู้กระทำกลับดูเหมือนจะชอบใจมากขึ้นไปอีก

“ไม่กดให้ผมจมน้ำตายไปซะเลยล่ะ!”

“ข้าก็นึกว่าเจ้าจะกลั้นหายใจในน้ำได้เก่งกว่านี้” เจ้านรกยักไหล่ไม่หยี่หระ แถมไม่คิดว่าตนเล่นรุนแรงกับของเล่นมีชีวิตตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย “เดี๋ยวข้าจะถูหลังชดใช้ให้ก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องมาจับ!” อเวเค่นแผดเสียงลั่นทั้งที่ตัวยังโดนจับไว้อยู่ ทั้งต่อต้านและขัดขืนโดยไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะโมโหจนจับเขาฆ่าหมกสระแม้แต่น้อย ร่างกายเปลือยเปล่าใต้น้ำทำเอาอยากว่ายหนีไปอีกมุมสระเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเห็น ทว่ามันก็ไร้ผล

“อายทำไมเล่า หรือว่าไม่อยากให้ข้ามองงั้นรึ?” เจ้านรกถามย้ำกับสิ่งที่อีกฝ่ายคิดราวกับอ่านใจได้ “เห็นทำตัวติดกันเกือบตลอดเวลา ข้าก็นึกว่าเจ้าชินชากับเรื่องแบบนี้ไปแล้วซะอีก”

“ชเนย์เค้าไม่ได้ทำตัวโรคจิตเหมือนคุณนะ” นักฆ่าไร้ทางหนีปล่อยให้เจ้านรกจับตัวไว้แต่โดยดี ไหนๆ ก็ดิ้นไม่หลุด สู้เอาเวลามาเตรียมกลั้นหายใจอีกรอบซะยังจะดีกว่า

“พวกเจ้าดูสนิทสนมกันดีนะ” อีกฝ่ายไม่สนใจคำด่าทอใดๆ แถมเจ้านรกยังดูอารมณ์ดีกับความกล้าต่อปากต่อคำของมนุษย์ในกำมือตนยิ่งนัก “งั้นถ้าข้าเป็นเจ้านั่น คงยอมให้มองได้สินะ?”

ร่างสูงใหญ่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนให้กลายเป็นพ่อครัวจำเป็นคนนั้นอีกครั้ง

“อย่ามาแอบอ้างใช้ใบหน้าของชเนย์นะ” ดวงตาสีทองถลึงตามองคนตรงหน้าที่ใช้วิธีนี้คิดจะหลอกตาเขาอีกครั้ง

“ไม่ชอบใจอะไรงั้นรึ? นี่ข้าอุตส่าห์ใช้เวทมนตร์แปลงกายให้เหมือนตัวจริงเลยนะ” ไม่พูดเปล่า เจ้านรกดึงมืออเวเค่นให้มาสัมผัสใบหน้าของตน แม้แต่สัมผัสของผิวหนังนุ่มหรือน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนก็ยังเหมือนราวกับคนคนเดียวกัน แต่ไม่ว่ายังไงทั้งสายตาและรอยยิ้มก็ไม่เหมือนเจ้าตัวจริงๆ นั่นแหละ

“ผมไม่ได้ชอบเขาเพราะรูปลักษณ์ภายนอก อย่ามาดูถูกกันให้มากนัก” นักฆ่าหนุ่มดึงมือออกอย่างแรงจนเหมือนกระชาก

“ช่างน่าประทับใจจริงๆ” เจ้านรกในร่างของชเนย์ยิ้มออกมา ทั้งแววตาและรอยยิ้มกลับแฝงความเศร้าเล็กๆ ไว้ แค่เสี้ยววินาทีที่สังเกตเห็นสีหน้านั้น อเวเค่นกลับชะงักนิ่งไป ความคล้ายคลึงเมื่อครู่เล่นเอาเผลอใจเต้นมิใช่น้อย ทว่าพริบตาที่ไม่ทันระวังตัว คนตัวเล็กกว่าก็ถูกอุ้มตัวลอยขึ้นไปนอนราบข้างขอบสระอย่างง่ายดาย ก่อนจะตามขึ้นมาคร่อมอย่างรวดเร็ว

หลังเปลี่ยนจากจับคนกดลงน้ำมาเป็นจับกดลงพื้น ใบหน้าของพ่อครัวจำแลงยื่นเข้ามาใกล้และหยุดอยู่เพียงในระยะได้ยินเสียงลมหายใจ

“เกลียดข้าขนาดนั้นเชียวรึ?” ดวงตาไร้แววมองจ้องลงมายังคนที่ทำสายตาเหมือนจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ

“ผมไม่ได้ชอบหน้าคุณสักเท่าไหร่นี่ ที่มาเข้าร่วมกับฝั่งนี้เพราะเห็นว่าน่าสนุกดีหรอก” นักฆ่าหนุ่มกล่าวอย่างไม่เกรงกลัว

“เหตุผลที่แท้จริงของเจ้ามีรึที่ข้าจะไม่รู้” รอยยิ้มของพ่อครัวตัวปลอมส่งมาให้อย่างรู้ทัน “เสียใจด้วยแต่เจ้าคงทำให้มันสำเร็จไม่ได้หรอก”

“...รู้อยู่แล้วแต่ก็ยังปล่อยให้ผมอยู่ต่อจนป่านนี้ได้อีกนะ” อเวเค่นพยายามจะคิดหาวิธีหนีออกไปจากสภาพที่ตนสุดแสนจะเสียเปรียบนี้ให้ได้

“เคยบอกไปแล้วไงว่าข้าชอบเรื่องน่าสนุก” มือที่ยันคร่อมไว้เหนือร่างเล็กกว่าเริ่มอยู่ไม่นิ่ง และเปลี่ยนไปจับเส้นผมสีแดงที่ปล่อยสยายระไปกับพื้นราบ

“งั้นก็เชิญไปสนุกกับคนอื่นเถอะ ผมบอกแล้วนี่ว่าจะไม่ยอมเป็นของเล่นฆ่าเวลาให้คุณหรอก”

“ข้าบอกเหรอว่าของเล่นที่ข้าพูดถึงมันหมายถึงเรื่องแบบนั้น?” เจ้านรกทำหน้ายียวนจนน่าต่อย แต่เสียดายที่แขนทั้งสองโดนตรึงยึดไว้แน่นหนา ขาทั้งสองข้างก็โดนลำตัวหนาด้านบนแทรกหว่างกลางกันการตีเข่าขึ้นมาเสียอีก “แต่พอได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ข้าเองก็ชักสนใจขึ้นมาแล้วสิ”

“หา!? เฮ้ย! หยุด!!” อเวเค่นหน้าซีดลงทันทีที่เจ้านรกในร่างจำแลงจูบลงกับแผ่นอกตน จากที่นอนนิ่งๆ ไม่ยอมเปลืองแรงกับการกระทำไร้ผลตอนนี้เขาพยายามยื้อฉุดตัวหาช่องทางให้ตนเองหนี

ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วลำคอและจงใจขบเม้มให้เป็นรอย และยิ่งคนใต้ร่างออกแรงดิ้นแทนที่จะหงุดหงิดแต่เจ้านรกกลับกำลังนึกสนุก แน่ล่ะเพราะปีศาจระดับเขาแทบไม่เจอใครที่กล้าขัดใจมาเป็นแรมปีแล้ว

อเวเค่นหันหน้าหนีไปทางอื่นและชะงักนิ่งไป เจ้านรกจึงหยุดการกระทำด้วยความสงสัยว่าใครบังอาจเข้ามาขัดจังหวะความสนุกของตนเลยหันหน้าไปยังทิศทางเดียวกับ

“ชเนย์...” หนุ่มนักฆ่าเสียงแผ่วเมื่อเจอเข้ากับตัวจริง

ทีแรกชเนย์จะมาตามหาอเวเค่นที่ไม่อยู่ในห้องไปกินข้าวเพราะเลยเวลาอาหารเช้ามามากโข แล้วก็นึกว่ามีใครเล่นพิเรนทร์กันในห้องอาบน้ำเลยกะจะปลีกตัวออกไปเงียบๆ แต่พอเห็นว่านั่นมันอเวเค่นกับตัวเขาอีกคนก็เลยยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น

นี่เขากำลังฝันอยู่เหรอ?

“...ดอพเพลแกงเกอร์? เอ่อ...หรือจะยังเมาขี้ตาอยู่กันนะ” กลายเป็นว่าชเนย์ต้องมานั่งนึกหาวิธีทำให้ตัวเองตื่นเพราะคิดว่ากำลังฝันอยู่

“ตั้งสติหน่อยสิ! ไอ้หมอนี่มันไอ้คุณเจ้านรกไงเล่า!” อเวเค่นตะโกนบอกคนที่กำลังจะเอาหัวโขกกำแพงห้องอาบน้ำพิสูจน์

“น่าเสียดายนะ ดูเหมือนตัวจริงจะมาซะแล้ว” เจ้านรกกลับสู่รูปร่างเดิมของตนแล้วลุกออกจากตัวของอเวเค่น คนถูกปล่อยจึงรีบถอยห่างทันที

“...ทีหลังอย่าแกล้งกันแบบนี้สิครับ” ชเนย์พูดเสียงอ่อนใส่ร่างสูงใหญ่ที่เดินสวนออกไป

“เจ้าหมายถึงใครกันล่ะ?” เจ้านรกหยุดยืนคุยก่อนส่งสายตาเต็มไปด้วยคำถามมาให้

“คุณไปแกล้งเขาทำไม ถ้าอยากมากขนาดนั้นก็มาทำกับผมสิ”

“ข้าก็แค่จะสั่งสอนเจ้าเด็กอวดดีนั่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ดวงตาคมสีอ่อนหันกลับไปมองคนที่นั่งหลบอยู่ข้างสระ

“ทำอย่างอื่นก็ได้นี่ ไม่เห็นต้อง...” ชเนย์เผลอกำมือแน่นอย่างลืมตัว “คุณมันแย่ที่สุด”

“ทีเจ้าเองยังนอนกับมัน อย่ามาว่าข้าฝ่ายเดียวสิ” เสียงทุ้มต่ำราวกับจะตอกหน้าคนฟังกลับมา ทำเอาคนโดนพูดย้อนแก้ตัวไม่ออก

“มัน...ไม่เหมือนกัน”

“ที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันขนาดนี้เพราะว่าชอบเจ้าผมแดงนั่นเข้าแล้วเหรอ?”

“ก็เค้าเป็นเพื่อนผมนี่นา”

คนที่อยู่ในสถานะ ‘เพื่อน’ รู้สึกอยากเอาหัวมุดจุ่มน้ำร้อนในสระ

“เจ้ามั่นใจเหรอว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อน?” ร่างสูงใหญ่หันหน้ามาถาม ชเนย์อ้ำอึ้งตอบไม่ได้ “แล้วถ้าข้าขอให้เจ้าเลิกทำกับมัน เจ้าจะยอมมั้ย?”

คำขอแสนเอาแต่ใจของเจ้านรกนั้นทำเอาคนฟังถึงกับอึ้งไป

“อืม...โทษที ลืมที่ข้าพูดไปก็แล้วกัน” ผู้ปกครองนรกถอนหายใจและเอ่ยคำขอโทษหลังจากเดินออกไปแล้ว

ไปได้สักที... อเวเค่นถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกที่สุดในชีวิต แต่พอเหลือกันแค่สองคนแล้วดูเหมือนบรรยากาศในห้องอาบน้ำดูจะอึดอัดยิ่งกว่าเดิม ทั้งที่อุณหภูมิรอบๆ จัดว่าร้อนแต่กลับรู้สึกหนาวอย่างบอกไม่ถูก

“...คุณโอเคมั้ยครับ?” แล้วชเนย์ก็ทำลายความเงียบด้วยการเดินมาดูอเวเค่นที่ยังนั่งขดอยู่บนพื้น

“เอ่อ...ผมไม่เป็นไร” เขาไม่อยากนึกสภาพตัวเองเลยว่าถ้าชเนย์มาช้ากว่านี้ล่ะก็ตัวเองจะเป็นยังไง แต่ที่รู้สึกแย่ยิ่งกว่าก็คือไอ้คำพูดที่เหมือนระเบิดลูกใหญ่ที่เจ้านรกทิ้งไว้มันทำให้รู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าอาการเมาค้างอีก

ไม่สิ...สิ่งที่ควรใส่ใจก็คือความรู้สึกของชเนย์ต่างหาก

“...ผมขอโทษ”

“ขอโทษผมเรื่องอะไรครับ?” ชเนย์ย้อนถามกลับมา

“ก็...ทุกเรื่องที่ทำให้คุณลำบากใจ”

“อย่าเก็บเอาคำพูดของเขามาคิดมากสิครับ คุณก็น่าจะรู้นิสัยเขานี่” ชเนย์ย่อตัวลงเอามือตบหลังอเวเค่น พลันสังเกตเห็นร่องรอยสีกุหลาบที่อยู่บนต้นคอของอีกฝ่าย “แต่คราวนี้ผมว่าเขาเล่นแรงเกินไปหน่อยจริงๆ นะ”

“ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านั่นน่ะไม่ใช่คุณ แต่พอโดนทำอย่างนั้นมันก็...” อเวเค่นก้มหน้าลงไม่กล้ามองหน้าชเนย์ตรงๆ “ขอโทษจริงๆ ...”

ดวงตาหลังแว่นสีเข้มก้มลงมองดูสภาพอีกคน จึงเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกคนถึงได้พูดขอโทษไม่หยุด เพราะดูท่าว่าคงจะโดนกลั่นแกล้งอย่างหนักเลย

“อา...ผมไม่โทษคุณหรอกครับ” ร่างสูงโปร่งนั่งย่อตัวลงมา “มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย หรือคุณจะจัดการเอง?”

“ปล่อยผมไว้แบบนี้แหละ เดี๋ยวมันก็สงบลงเอง!” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของอเวเค่นกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ชเนย์จึงยิ้มเอ็นดูปนขบขันออกมา

“แต่ผมว่ามันคงไม่สงบลงง่ายๆ หรอกมั้ง” ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาหาคนที่พยายามนั่งห่อตัวปิดส่วนตื่นตัวไว้ อเวเค่นจับมือนั้นและยอมเดินตามไปแต่โดยดี ชเนย์พากลับเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไร้เงาของคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ “มานั่งตรงนี้สิครับ เดี๋ยวผมช่วย”

“ม...ไม่ต้องก็ได้” อเวเค่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวในห้องแต่งตัวโดยที่ชเนย์นั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้าเขา

“งั้นก็คิดซะว่าเป็นความรับผิดชอบของผม (ตัวปลอม) ที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้แล้วกัน” มือถอดแว่นกันแดดของตนออกไม่ให้เกะกะ ก่อนค่อยๆ จูบลงรอบช่วงหน้าท้องและต้นขาอีกฝ่ายไม่เข้าจู่โจมที่แก่นกลางตรงๆ อเวเค่นเผลอกำผ้าขนหนูที่ปิดส่วนล่างไว้อย่างลืมตัว

“อะ อืม...” นักฆ่าหนุ่มหลุบตาลงต่ำมองคนที่กำลังเริ่มปรนเปรอให้ตนอยู่และยังสับสนกับอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าอย่างไม่ตั้งใจ ชเนย์ค่อยๆ เลื่อนมือไปแตะตรงกึ่งกลางลำตัวอีกคนเบาๆ ผ่านเนื้อผ้าไม่ได้สัมผัสโดนตรงๆ แต่แค่นั้นอเวเค่นก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาแล้ว

“เขาทำให้คุณเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” พ่อครัวหนุ่มช้อนตามองขึ้นสบตากับคนที่โดนเจ้านรกกลั่นแกล้งเล่นก่อนหน้านี้

“คุณอย่าไปพูดถึงหมอนั่นสิเวลาอยู่กับผมสิ” เจ้าของดวงตาสีทองท้วงติงกลับมา มือเลื่อนไปแตะข้างแก้มคนที่นั่งคุกเข่าและลูบสัมผัสเบาๆ

“ขอโทษด้วยครับ” ชเนย์จับมือข้างนั้นแล้วจุมพิตลงไป “มือคุณนี่ร้อนน่าดูเลยนะครับ”

“...นี่คุณจะช่วยผมหรือจะแกล้งทรมานผมกันแน่?” มือเลื่อนจากแก้มเปลี่ยนมาบีบจมูกคนตัวสูงกว่าเป็นการสั่งสอน ชเนย์จึงกลับมาสนใจส่วนตื่นตัวของอีกฝ่าย ผ้าขนหนูที่บดบังส่วนล่างถูกเปิดเลิกออกให้เขาจัดการได้ง่ายขึ้น ความจริงแล้วที่ถามไปนั้นก็แค่อยากหาอะไรคุยให้อเวเค่นผ่อนคลายลงเท่านั้น กลายเป็นว่าท่าทางจะทำให้ไม่ชอบใจซะนี่

“อือ...” เสียงครางต่ำในลำคอหลุดลอดออกมาเมื่อถูกปลายลิ้นโลมไล้ไปทั่วลำท่อนเอ็น ครั้งนี้ดูเร่งเร้ากว่าเมื่อคราแรกที่ถูกใช้ปากให้มากนัก ริมฝีปากอุ่นครอบครองรูดปากลงไปพร้อมๆ กับนิ้วที่กดแทรกเข้าไปในช่องทางด้านหลังของอีกคนโดยไม่ให้ตั้งตัว

“เดี๋ยว!” อเวเค่นท้วงห้ามและจิกผมคนกำลังปรนเปรอให้หยุด “ม...ไม่ต้องใส่มันเข้ามาก็ได้”

“ก็ไม่ได้จะใส่นี่ครับ” พูดจบชเนย์ก็ทำอย่างที่ว่าไว้ อเวเค่นสะดุ้งที่โดนกระตุ้นพร้อมกันทั้งด้านหน้าและหลังจนหลุดเสียงกระเส่าที่พยายามสะกดกลั้นเอาไว้แทบไม่อยู่ ทั้งปากและลิ้นร้อนที่ช่ำชองครอบครองส่วนอ่อนไหวเกือบทั้งหมด และนิ้วที่กดเพิ่มแทรกเข้ามาสะกิดจุดที่ไวต่อสิ่งเร้า

“ฮะ! อ๊า...!” เสียงครางดังก้องในห้องแต่งตัวชนิดที่หากใครเข้ามาใกล้ห้องตอนนี้คงไม่กล้าเปิดประตูเข้ามาแน่ ไม่นานเกินใจนึกอเวเค่นก็ปลดปล่อยน้ำรักข้นเข้าไปในโพรงปากอุ่นที่รอรับ นิ้วที่กดแทรกอยู่ยังคงไม่หยุดสะกิดกดที่จุดด้านหลังเพื่อย้ำให้ความต้องการใดๆ ที่คั่งค้างทะลักออกมาให้หมด ทำเอาคนโดนแอบสะดุ้งอยู่หลายครั้ง แม้จะเสร็จสมไปแล้วทว่าก็ยังมีหลงเหลือให้ชเนย์ดูดกลืนปิดท้ายอยู่หลายหยด

เมื่อทั้งนิ้วและปากถูกถอนออกไป อเวเค่นแทบจะลงไปนอนหมดสติอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว

“ถึงกับเข่าอ่อนเลยเหรอครับ?” ชเนย์ยิ้มระรื่นน่าหมั่นไส้ ท่าทางจะภูมิใจนักหนากับความเก่งในเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ รสคาวถูกกลืนลงคอไปหมดจดเหลือเพียงคราบเล็กน้อยนิดไว้ตามมุมปากเท่านั้น

“...อย่าให้ผมเอาคืนคุณกลับได้บ้างนะ” อเวเค่นกล่าวอย่างเจ้าคิดเจ้าแค้นทั้งที่ยังลุกไม่ขึ้นเหมือนเดิม

“ครับ แล้วผมจะรอ” ชเนย์รับคำแล้วพราวยิ้มให้ “อาหารรออยู่ที่ห้องครัวนะครับ ช้าหมดอดกินผมไม่รู้ด้วยนะ”

อเวเค่นเด้งตัวขึ้นมาราวกับเก้าอี้มีสปริง ไม่สนใจแล้วว่าตนจะยังอาบน้ำไม่สะอาดดี ขืนชักช้ามีหวังโดนเจ้านรกนั่นแย่งกินอาหารส่วนของตัวเองไปหมดแน่ๆ แต่เมื่อมาถึงห้องครัวก็ไม่พบแม้แต่เงาของคนที่ว่า

“แล้วนี่จะกินควบทั้งมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงเลยมั้ยครับ?” ชเนย์ลองถามดูก่อนเผื่อว่ากระเพาะของทางนั้นจะรับอาหารมื้อแรกของวันไม่ไหว

“เอามาให้หมดนั่นแหละ” อเวเค่นที่หิวไส้กิ่วเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ประจำอย่างกระตือรือร้น

นี่เรากำลังเลี้ยงเด็กอยู่รึเปล่านะ ระหว่างที่ตักซุปฟักทองลงถ้วยก็แอบบ่นในใจ

อเวเค่นลงมือทานอาหารอย่างอารมณ์ดีผิดกับเมื่อครู่ ชเนย์วางถ้วยซุปลงข้างๆ คนที่กำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยแล้วแกล้งขยี้ผมเหมือนอีกฝ่ายเป็นเด็กน้อยจริงๆ

“ตะกี้ตอนทำให้คุณผมเพิ่งสังเกต คุณดูอ้วนขึ้นกว่าตอนที่ผมเจอคุณครั้งแรกนิดหน่อยรึเปล่าครับ?”

คำพูดของพ่อครัวทำเอาคนที่กำลังสำราญกับการกินชะงักมือแล้วหันขวับมามองตาเขียว นักฆ่าหนุ่มเผลอเอามือลูบหน้าท้องตัวเอง จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่อเวเค่นก็แทบจะไม่ได้ออกกำลังเหมือนเวลาทำงานอยู่ข้างนอก แถมยังกินอาหารเต็มอิ่มครบทุกมื้อไม่มีขาด

“ไม่หรอกมั้ง...” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ความกังวลก็ออกชัดทางสีหน้าอย่างปิดไม่มิด

“ผมล้อเล่นน่ะ” ชเนย์หัวเราะ เหมือนจะพยายามแกล้งเอาคืนชดเชยที่ช่วงแรกๆ เขาโดนอีกคนแกล้งเอาไว้เยอะ

อเวเค่นหรี่ตามอง ทำไมวันนี้เขาโดนรุมแกล้งจากหลายทิศทางขนาดนี้

พอถึงเวลาอาหารเที่ยงเจ้านรกก็ยังไม่โผล่หน้ามาเหมือนเดิม

“ได้ยินว่าวันนี้มีประชุม สงสัยคงจะทานอาหารร่วมโต๊ะกับคนอื่นๆ อยู่น่ะครับ” ชเนย์บอกกับอเวเค่น วันนี้ทั้งวันเจ้านรกคงไม่แวะมากินข้าวที่นี่แล้ว เพราะไคม์ได้ฝากให้ปีศาจรับใช้ที่เข็นรถเข็นอาหารเข้ามารับมื้อเที่ยงไปเสิร์ฟยังห้องรับประทานอาหารของเหล่าผู้บังคับบัญชามาแจ้งเขา

“ป่านนี้คงหงอไปแล้วมั้ง” อเวเค่นเอ่ยทั้งที่มือยังคงลูบสำรวจพุงตัวเองอยู่ อาหารสองมื้อควบที่ตั้งใจจะกินมีอันต้องสะดุดเพราะเริ่มกังวลกับไขมันส่วนเกินที่หน้าท้อง ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าล้อเล่นก็ตาม

“เอ๋? ผมพูดแรงไปเหรอ?” พ่อครัวเงยหน้าจากเตาหันมาหาอเวเค่นด้วยความสงสัย ชเนย์ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนพูดไปตอนนั้นจะทำให้คนอย่างเจ้านรกซึมได้หรอก ตัวเขาไม่ได้สลักสำคัญอะไรขนาดนั้นนี่

“คุณเล่นต่อว่าเขาไปตั้งขนาดนั้นนี่นา” อเวเค่นอธิบาย “อีกอย่างถ้าเขาไม่แคร์คุณก็คงไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาหรอก”

มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ น่ะเหรอ? ชเนย์เริ่มสับสน ทีก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนั้นเลย

“อ่า...ผมควรทำยังไงดีนะ?” ตอนที่เอ็ดใส่เจ้านรกไปเขาก็ไม่ได้คิดว่าทางนั้นจะสะดุ้งสะเทือนอะไรกับคำพูดแค่นั้นด้วย

“ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ หายงอนกับหิวข้าวเมื่อไหร่เดี๋ยวก็คงมาหาคุณเอง” อเวเค่นกล่าวอย่างไม่ใส่ใจเพราะวันนี้เขาเจอมาหลายเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดมากพอแล้ว

“มันจะดีเหรอครับ?” ชเนย์ถามอย่างชั่งใจ นักฆ่าหนุ่มมองค้อนทำหน้าไม่สบอารมณ์นิดๆ เพราะคนที่โดนผลกระทบจากปัญหาของสองคนนี้มากที่สุดก็คือเขานี่นา

“งั้นคุณก็ไปง้อเขาซะสิ” อเวเค่นเท้าคางมองหน้าพ่อครัวหนุ่ม “แต่อย่าไปมือเปล่านะ หาอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย”

“ทำไมถึงกลายเป็นว่าเรื่องนี้ผมเป็นคนผิดล่ะเนี่ย?” ชเนย์อยากทึ้งหัวตัวเอง

พระเจ้ากำลังทดสอบเขาอยู่เหรอ...แต่เขาดันมาหลงรักปีศาจนี่สิ ก็เลยโดนลงโทษรึเปล่านะ?

“ใครจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกเรื่องนั้นผมก็ไม่รู้หรอก แต่ถ้าเขาเกิดโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่ผมว่าเราสองคนคงไม่มีชีวิตรอดไปจนถึงวันแข่งแหง” อเวเค่นนึกย้อนกลับไป เขาเองก็ก่อวีรกรรมอ้อนเท้าเอาไว้เยอะเลยด้วย ถ้าโดนคิดบัญชีย้อนหลังสงสัยตอนตกนรกอาจจะโดนขยี้จนแหลกเลยก็ได้

“สรุปว่าอยู่เฉยๆ แบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา งั้นผมจะแวะไปดูเขาสักหน่อยก็แล้วกัน” หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดพ่อครัวก็ตัดสินใจได้ ก่อนจะลากอเวเค่นไปที่ห้องเก็บไวน์

อเวเค่นมองขวดไวน์หรูอย่างนึกเสียดายเพราะยังไม่ได้ลองชิมอีกหลายขวด ดูเหมือนความกังวลเมื่อครู่จะพ่ายแพ้ต่อความอยากเมาจนสิ้น

“คุณว่ามันจะได้ผลเหรอครับ?” ชเนย์ถามอย่างชั่งใจ “ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้รู้สึกแย่อย่างที่เราคิดจะไม่หน้าแตกเอาเหรอ?”

“ถึงได้ต้องเอาของกินไปล่ะไง อย่างน้อยถ้าไม่ใช่ก็ยังตีเนียนได้ว่าเอาของดีมาให้”

“คุณนี่จะว่าฉลาดหรือว่าเจ้าเล่ห์ดีนะ” ชเนย์ส่ายหน้ายิ้มอ่อน

“งั้นมาลองชิมกันก่อนมั้ยว่าขวดไหนน่าจะถูกปากหมอนั่นน่ะ” คนเห็นแก่กินเริ่มเสนอไอเดียให้ตนได้ผลพลอยได้ไปด้วย

“คุณรู้เหรอครับว่าท่านเจ้านรกชอบแบบไหนน่ะ?” ชเนย์หันมามองอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก

“ไม่รู้หรอก แต่ถ้าได้ลองชิมดูเดี๋ยวก็รู้เอง” ดวงตาสีทองจ้องขวดไวน์ที่บ่มมานานเป็นประกายวาววับ

“...เอางั้นก็ได้ แต่อย่าเผลอชิมเพลินจนหมดขวดนะครับ” พ่อครัวหนุ่มตอบตกลง แต่คิดว่าลำพังแค่ไวน์ชั้นเลิศเพียงอย่างเดียวอาจไม่เนียนพอเขาเลยคิดเมนูที่น่าจะเข้ากับไวน์ไปเสิร์ฟให้ท่านเจ้านรกด้วย

“แน่นอน~” นักฆ่าหนุ่มตอบเสียงสูงจนชักไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจลิ้นของคนคนนี้ได้จริงมั้ย

อเวเค่นจ้องขวดไวน์ราคาแพงหูฉี่มากมายเรียงรายตรงหน้า ถึงกับเลือกไม่ถูกว่าจะทดลองชิมขวดไหนก่อนดี

“ห้ามเลือกของตัวเองนะครับ นี่สำหรับท่านเจ้านรก” ชเนย์ดักคอล่วงหน้าราวกับรู้ทัน หลังจากเลือกได้แล้วก็เดินกลับไปยังห้องครัวเปิดตู้เย็นมองดูวัตถุดิบที่อัดแน่นจนแทบไม่มีที่ว่าง บางทีเขาก็อยากได้ตู้เย็นในนี้ไปไว้ที่บ้านเหมือนกัน มีทั้งเนื้อและผักเต็มตู้ตลอดเวลาไม่มีขาด

“ชิ...” อเวเค่นแอบจิ๊ปากและนั่งทบทวนความจำว่าครั้งก่อนเจ้านรกตัวแสบชอบดื่มอะไรเป็นพิเศษบ้าง เท่าที่พอจะนึกออก วันนั้นพวกเขากระดกกันแต่เหล้าแทบจะเพียวๆ กับอีกเหตุการณ์ที่ค่อนข้างชัดเจนก็คือในตอนนั้นทั้งเขาและหมอนั่นทำเรื่องแบบนั้นกับชเนย์ด้วยกันสามคนบนโซฟายาว

“โว้ยยยยยยยย!!” อเวเค่นขยี้หัวตัวเองเหมือนคนเสียสติ จนพ่อครัวสะดุ้งโหยงว่าอยู่ๆ อีกคนเป็นบ้าอะไรขึ้นมา

“เป็นอะไรไปอีกล่ะครับ? หรือคุณอยากดื่มเองก็บอกมาตามตรงเถอะ” ร่างสูงโปร่งจ้องมองอเวเค่นที่ฟุบหน้าไถไปมาเหมือนกำลังเอาหัวตัวเองเช็ดโต๊ะอยู่

ตกลงว่านี่คิดจะช่วยเขาจริงๆ รึเปล่านะ?

“เออ! ผมอยากดื่มก็จริง แต่ผมจำได้หมดทั้งเรื่องที่เมื่อวานนี้คุณสลบไปและผมก็นั่งคุยกับเขาต่อเลยเห็นว่าหมอนั่นดื่มอะไรไปบ้างน่ะ!” คนพูดเงยหน้าขึ้นตอบด้วยใบหน้าเจือสีแดงเรื่อจนน่าสงสัย

ชเนย์หรี่ตามองผ่านแว่นสีเข้ม พออีกคนพูดถึงเรื่องที่ตั้งวงดื่มกันเมื่อวาน ความทรงจำที่เขารับรู้ได้ก่อนหมดสติไปตอนนั้นจู่ๆ ก็วาบขึ้นมา แม้ว่าตอนนั้นเขาจะเมาจนไร้สติขนาดไหนแต่ก็จำได้หมดทุกอย่าง

“เอ่อ...มะ...เมื่อวานก็ดื่มกันหนักพอสมควรเลยเนอะ” ชเนย์พูดตะกุกตะกัก กลับกลายเป็นว่าเขาเองก็ดันเผลอไปนึกถึงเหตุการณ์นั้นจนไม่กล้ามองหน้าอเวเค่นตรงๆ ไปอีกคน

“ช่างหัวเรื่องเมื่อวานเถอะ คุณแค่คิดเรื่องทำอาหารไปก็พอ” อเวเค่นเอ่ยทำลายความเงียบ

“อ่า นั่นสินะ” ชเนย์จึงหันหน้าไปตั้งใจกับการเลือกวัตถุดิบต่อ ทว่าบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะไม่มีใครกล้าชวนคุยก็ผ่านไปสักพักใหญ่

หลังจากนั้นชเนย์จึงเริ่มลงมือทำอาหาร อเวเค่นเองก็ตัดสินใจลุกขึ้นและขอตัวออกไปจากห้องครัวเพราะหมดหน้าที่ของตนแล้ว