ชเนย์เป็นลูกชายคนโตของตระกูลนักเวทชั้นขุนนางที่ถูกตั้งความหวังไว้ตั้งแต่เด็ก ทว่าเขากลับมีชีวิตสุดอับเฉา เมื่อได้เข้ามาเรียนในวังก็เคว้งคว้างไร้จุดหมาย กระทั่งได้พบกับอาจารย์นักแปรธาตุที่เข้ามาหา ชเนย์ตกหลุมรักบรรยากาศการวางตัวที่เป็นมิตรและแสนอบอุ่นของอาจารย์อย่างรวดเร็ว สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจจะเป็นนักปรุงยาตามรอยอาจารย์ที่เคารพรักไป เพียงแต่เขาไม่สามารถเป็นอะไรได้มากกว่าศิษย์อาจารย์เนื่องด้วยสถานะของตัวเองและต้องรักษาหน้าตาของตระกูล

ชเนย์มีน้องสาวชื่อ กาลาเทีย ที่คราแรกก็ถูกตั้งความหวังไว้ไม่ต่างกับพี่ชาย แต่เมื่อน้องได้เข้ามาเรียนในวังเธอ กลับไปหลงรักหัวหน้าอัศวินที่อายุคราวพ่อ จึงตัดสินใจพูดกับครอบครัวตรงๆ ว่าอยากเป็นนักรบ แต่ครอบครัวไม่ยอมและบังคับให้เธอไปเรียนที่เมืองอื่นเพื่อไม่ให้เจอหน้าอัศวินผู้นั้นอีกเพราะเจ้าตัวมีลูกมีเมียไปแล้ว เกรงว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลถ้าหากว่าลูกสาวของตนไปเป็นชู้รักของสามีชาวบ้านเข้า

ชเนย์จึงเข้ามาปกป้องน้องสาวโดยการขอให้เธอได้ไปเป็นนักรบฝึกหัดแลกกับยอมให้ตัวเองถูกบังคับร่ำเรียนและทำตามที่ครอบครัวต้องการทุกอย่างแทนน้อง ซึ่งทางครอบครัวก็ตกลงและหันมาตั้งความหวังกับตัวพี่ชายอย่างเขามากกว่าเดิม

หลายปีก่อน พวกนักเวทและนักรบถูกกองทัพส่งไปช่วยเมืองพี่เมืองน้องร่วมรบกับดินแดนอื่น แม้จะได้รับชัยชนะแต่ก็มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นคืออาจารย์ของชเนย์ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ได้ทำการต่อต้านครอบครัวและใช้ชีวิตตามใจตัวเองเรื่อยมา

แน่นอนว่าหัวหน้าอัศวินที่น้องสาวหลงรักผู้นั้นก็ตายในสงครามเช่นเดียวกันกับอาจารย์ของชเนย์ แต่กาลาเทียก็ไม่ยอมแพ้ที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าอัศวินเหมือนกับคนที่ตนเคยรัก หลังจากที่ชเนย์หันหลังให้กับครอบครัว เธอก็ออกจากบ้านและตามพี่ชายมาอยู่ด้วยกัน

“สุดท้ายก็เลยได้ออกมาอยู่กับน้องสาวสองคนพี่น้องน่ะครับ ส่วนผมหาเงินด้วยการรับจ๊อบเป็นทหารรับจ้างน่ะ”

“...นิยายบางเรื่องยังเขียนไม่ได้ขนาดนี้เลย”

“เรื่องจริงนะครับ”

“รู้น่าว่าคุณน่ะไม่โกหกหรอก” อเวเค่นพูดลอยๆ แต่ชเนย์รู้สึกเหมือนโดนแอบชมทางอ้อมยังไงไม่รู้

เกมหมุนขวดเริ่มอีกครั้ง คราวนี้ปากขวดหันไปหาชเนย์อีกรอบ แต่พอกำลังจะอ้าปากถามก็หยุดไปซะดื้อๆ ก่อนจะก้มลงไปนั่งคิดในใจตัวเอง

“พูดมาเถอะ” เสียงอเวเค่นเรียกสติคนคิดมาก “ถ้าไม่กล้าถาม จากนี้ไปคุณจะไม่มีโอกาสได้ถามผมอีกแล้วนะ”

“คุณ...ชอบผมเพราะอะไร?” เสียงนุ่มเบาและสั่นจนแทบไม่ได้ยิน ต้องถามอะไรแบบนี้ตรงๆ มันก็กระดากปากสุดๆ อเวเค่นกระตุกยิ้มให้กับท่าทางของชเนย์

“อืม...ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบหรอก บอกตรงๆ ว่าแอบหมั่นไส้ด้วยซ้ำ คนสติดีๆ ที่ไหนจะหลงผู้ชาย (ปีศาจ) ในรูปถ่ายหัวปักหัวปำจนเอาชีวิตมาเสี่ยงกับเกมการแข่งนี่ได้ขนาดนี้” คำพูดทิ่มแทงเหมือนโดนมีดจิ้มเข้ากลางอกจนคนฟังแทบกระอัก

“แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าคุณไม่โผล่มา ผมคงไม่มีโอกาสได้กินของดีๆ ในที่แบบนี้” นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความประทับใจแรกในตัวอีกฝ่าย “ตอนที่แอบกินอาหารของคุณคำแรก ผมนี่เผลอพูดกับตัวเองในใจเลยว่าอยากได้คนคนนี้ไปเป็นคนทำอาหารให้กินตลอดชีวิตเลย”

ชเนย์หน้าแดงไปถึงหู รู้สึกเหมือนโดนสารภาพรักยังไงยังงั้น

“พอได้เริ่มคุยกับคุณมากขึ้นก็รู้สึกสนุก ถึงแม้ผมจะโดนคุณทำเรื่องแปลกๆ ใส่บ่อยๆ แต่คุณก็แคร์ความรู้สึกผมเสมอ ไม่ว่าผมจะเป็นคนผิดหรือถูกก็ตาม” ใบหน้าของคนโดนชมที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งสุกเป็นมะเขือเทศ ตอนนี้แก้มของเขาร้อนผ่าวจนแทบจะทอดไข่สุกได้เลย

“คะ...แค่นี้สินะครับ” แอบกลัวว่าถ้าได้ฟังมากกว่านี้ คราวนี้ต้องระเบิดตัวแตกแน่นอน

“อืม...ยังมีอีก” อเวเค่นตอบหน้านิ่งๆ แต่ชเนย์นี่ควันออกหูไปแล้ว “ปกติไม่อยากพูดแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันหรอก แต่ผมก็รู้สึกว่าคุณน่ารักน่าแกล้งดี”

ชเนย์เอามือปิดหน้าแทบจะลงไปกลิ้งกับพื้น อเวเค่นพยายามกลั้นหัวเราะ นี่เขายังพูดไม่หมดเลยนะ

“แล้วก็...”

“เดี๋ยว! ยังไม่หมดอีกเหรอครับ!?” แค่นี้เขาก็เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้ว

“ไม่อยากรู้แล้วรึไง?”

“พอแล้วครับ เอาไว้แค่นี้เถอะ” เริ่มรู้สึกว่าพลาดแล้วที่ถามอะไรแบบนั้นออกไป ถึงจะอยากรู้มากกว่านี้แต่ขืนฟังต่อมีหวังได้ตัวระเบิดจริงๆ แหง

หนุ่มนักฆ่าหมุนขวดอีกครั้ง คราวนี้เป็นอเวเค่นที่ต้องถามบ้าง

“ถ้าจบการแข่งนี้... ไม่สิ ถ้ารอดกลับมาได้คุณจะทำอะไรต่อ?”

“อืม...เอาจริงๆ แล้วผมก็ยังไม่ได้คิดหรอกครับ” ชเนย์เกาหัวและเริ่มนึกคำตอบมันซะตรงนั้นเลย “คงจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติล่ะมั้ง รับจ้างออกรบไปเรื่อยๆ ปรุงยา จากนั้นก็ตระเวนไปตามที่ต่างๆ เหมือนที่ผ่านๆ มา”

“ดูเรียบง่ายดีจังนะ”

“ครับ ถ้ารอดกลับมาได้น่ะนะ” แสงไฟกระทบแว่นวูบไหว ก่อนทั้งห้องจะเริ่มเงียบลง เมื่อคนตอบไม่ได้พูดอะไรอีกอเวเค่นก็เลยจับขวดหมุนต่อ เมื่อปากขวดหยุดลง มันก็ไปตรงกับตัวคนหมุนอีกครา

ดูจากสภาพ ชเนย์นึกว่าอเวเค่นจะเมาเร็วกว่านี้ซะอีก แต่นี่สติยังอยู่ครบดีจนน่าประหลาด คราวนี้นักฆ่าหนุ่มใช้เวลาคิดคำถามนานกว่าทุกที เพราะเจ้าตัวเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะถึงลิมิตแล้ว

“ไม่ถามอะไรเหรอครับ?” ชเนย์เห็นเงียบจนนึกว่าน็อคไปแล้วเลยทัก

“ถ้าเกิดว่า...มีเหตุให้เราต้องสู้กันเอง และคุณจำเป็นต้องทำเพื่อเจ้านรก คุณจะฆ่าผมมั้ย?”

กลายเป็นว่าฝ่ายคนตอบคำถามนั่งเงียบเสียเอง

“...ถึงยังไงก็ต้องพูดความจริงนี่เนอะ” ชเนย์ยิ้มจาง “...ครับ ถ้ามันจำเป็นต้องทำผมก็จะทำ...”

“อืม...ก็เดาไว้แล้วว่าน่าจะเป็นอย่างงั้นแหละ” อเวเค่นเท้าคางลงกับโต๊ะ แววตาฉายความเศร้าชัดเจนออกมาเพียงครู่เดียวก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

“แต่ช่วยรับรู้เอาไว้ด้วยว่าผมคงเสียใจไปตลอดชีวิตที่ต้องทำแบบนั้นกับคุณ”

“อย่าเว่อร์น่า มันอาจจะรู้สึกแย่สุดๆ อย่างที่ว่านั่นแหละ” อเวเค่นนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมาของเขา มันก็คงแย่จริงๆ นั่นแหละ “แต่เชื่อผมเถอะ เดี๋ยวพอเวลาผ่านไปมันจะช่วยเยียวยารักษาได้”

“ไม่หรอกครับ ผมคงจะจดจำคุณไปตลอดชีวิต” ดวงตาสีหม่นหลุบต่ำพร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนลง

“ทำไปเพื่ออะไรล่ะนั่น?”

“รับผิดชอบล่ะมั้งครับ ในทุกความสัมพันธ์ที่ผมสร้างขึ้นมา” รอยยิ้มอ่อนโยนเจือความเศร้าชัดเจนปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า “แย่หน่อยนะ แต่ผมเป็นคนแบบนี้นี่นา”

“ขอบคุณนะที่เลือกจะจำผมไว้มากกว่าลบให้ลืมไป”

ชเนย์ลืมตาขึ้นมองหน้าอเวเค่น อีกฝ่ายยิ้มให้อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แววตาสีทองคู่นั้นมันช่างเศร้าแต่กลับยิ้มอย่างมีความสุข

อะไรกัน...ทำหน้าแบบนั้นไม่ขี้โกงไปหน่อยเหรอ

“แต่ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกนั่นแหละ ผมไม่ยอมถูกฆ่าง่ายๆ หรอกนะ” อเวเค่นเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มกวนอีกครั้ง โดยไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกมาทั้งหมดว่าถ้าหากเขาโดนชเนย์ฆ่าล่ะก็จะไม่โกรธแค้นอะไรอีกฝ่ายเลย

เพราะหากพูดออกไปมันคงจะไม่ดีแน่ๆ ...

“เอาล่ะ มาต่อกันเถอะ” อเวเค่นหมุนขวดอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาเล่นโกงซึ่งๆ หน้าด้วยการจับให้มันหยุดอยู่ที่ตัวเขาเอง

“อ้าว!” ชเนย์กำลังจะท้วง แต่อเวเค่นยกมือเป็นสัญญาณบอกว่าห้ามโต้แย้งใดๆ

“เอาคืนที่คุณวางยาสลบผมที่ร้านเหล้า” เจอโจทก์ฟ้องกลับแบบนี้ จำเลยจึงต้องนั่งอย่างลงสงบยอมรับชะตากรรม

ชเนย์เริ่มใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ลองทางนั้นเล่นไม้นี้แสดงว่าอีกฝ่ายต้องวางแผนแกล้งเล่นงานเขาในรอบนี้แน่นอน

“อยากจูบผมมั้ย?”

“....ห้ะ?” ชเนย์นิ่งค้าง รู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาด

อเวเค่นไม่ถามเปล่า ลุกขึ้นกระดกเหล้าขวดที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้จนหมดแล้วเดินไปนั่งคร่อมลงบนตักของชเนย์แทนการถามย้ำ ร่างสูงโปร่งตัวแข็งทื่อจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา แต่ที่ยังทนนิ่งขนาดนี้เพราะตั้งใจจะหยุดหากอเวเค่นคิดจะทำอะไรแผลงๆ หรอก

“ถ้าไม่อยากจูบงั้นเปลี่ยนเป็น...ถ้าผมเต็มใจ คุณจะยอมมีอะไรกับผมมั้ย?”

“เดี๋ยวๆๆ ! คุณเมามากเกินไปแล้วนะ!” ชเนย์พยายามจะอุ้มอีกคนออกจากตัว แต่ทั้งตำแหน่งและเรี่ยวแรงดันมีไม่มากพอที่จะขัดขืนเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่ตรงนั้น

“ไม่ได้เมา” ไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ชเนย์พยายามเบี่ยงหน้าหลบไปหลบมา จนอเวเค่นเริ่มหงุดหงิด แต่ดูเหมือนเขาจะนึกถึงเรื่องจุดอ่อนของชเนย์ขึ้นมาได้ เลยหยิบเหล้าอย่างแรงมาแล้วกรอกใส่ปากชเนย์ไม่ยั้ง คนโดนจับกรอกเหล้าพยายามขัดขืน แต่สู้แรงไม่ไหวสุดท้ายเลยโดนบังคับให้ซัดไปครึ่งขวด และร่างกายก็เริ่มตอบสนองต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์อย่างซื่อตรง

“แค่ก...คุณนี่มัน...” ชเนย์กัดฟันกรอด อยากจะหยุดอยู่แค่นี้แต่พอเงยหน้ามองใบหน้าเจือสีแดงกับสายตาปรือเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วมันก็ดันเกิดจินตนาการไปไกล สูทของอีกฝ่ายหลุดลุ่ยเปียกปอนด้วยน้ำเมาที่คนคร่อมอยู่พยายามจะเทใส่ปากเขาให้ได้

“ดูท่าทางร่างกายของคุณจะตอบได้ซื่อตรงกว่าปากอีกนะ” อเวเค่นยิ้มสนุกสนาน ท่าทางเหมือนกำลังกึ่มๆ ได้ที่

“...” เมื่ออีกฝ่ายพูดดังนั้น มือหนาจึงเอื้อมไปหมุนขวดอีกรอบ คราวนี้เขาเป็นคนจับมันหยุดมาทางตัวเอง “คุณแค่อยากแกล้งแหย่ผมเล่นๆ หรือว่าอยากทำจริงๆ?”

“...อยากมั้ง คุณก็น่าจะรู้นี่ว่าที่นี่มันไม่ได้มีสถานที่ไว้ให้มนุษย์อย่างพวกเราได้ปลดปล่อยนี่นา” อเวเค่นหยิบแว่นกันแดดของชเนย์ออก และเอามือยีผมอีกฝ่ายจนยุ่งไม่เป็นทรง พร้อมกับแกล้งดึงแก้มคนตรงหน้าให้ยืดออกจนเป็นภาพที่น่าตลก อเวเค่นหัวเราะสุดเสียงไม่ได้สนใจอีกคนเลยว่ากำลังข่มความรู้สึกไว้ขนาดไหน

“ดูสิ หน้าตาแบบนี้ของคุณ...เจ้านรกคงไม่มีทางได้เห็นแน่ๆ” เขาหยุดหัวเราะก่อนจะเลิกดึง แล้วเอามือแนบแก้มอีกฝ่าย “ผมคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้เห็นคุณอยู่ในสภาพนี้...รึเปล่านะ?”

ชเนย์กำมือแน่น ความอดทนอดกลั้นที่มีเริ่มใกล้หมดเต็มที

“อเวเค่น...”

หนุ่มนักฆ่ายิ้มแล้วหมุนขวดพร้อมจับให้ชี้มาที่ตัวเอง เขารินเหล้าใส่แก้วช็อตแล้วยกดื่ม “คุณอยากให้ผมตอบ Yes หรือ No ล่ะ?”

ชเนย์หรี่ตาลง อเวเค่นเฝ้ารอคำตอบอย่างใจจ่อ คนที่คอยแต่ทำตามความสมัครใจของคนอื่นตลอดจะมีคำตอบของตัวเองว่าไงบ้างนะ

“คุณนี่น่ารักดีจริงๆ ยิ่งทำหน้าแบบนี้กับผมเผ้ายุ่งๆ นี่อีก...” แอบยีผมอีกคนต่อบ้างนิดหน่อยแล้วโคลงหัวไปมาเพราะเริ่มมึนๆ ยิ่งขยับท่อนล่างก็ยิ่งเสียดสีกันหนักข้อ ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่นี่ตั้งใจหรือเปล่า แต่นั่นทำให้ความอดทนทั้งหมดจบสิ้นลง

“งั้นก็ตอบตกลงด้วยครับ”