14 ตอน Glass #11
โดย Wizard Pandas
วันนี้ที่ห้องครัวไม่มีร่างของคนที่มักจะวุ่นวายกับการทำอาหารที่ไม่ใช่หน้าที่หรือไม่ก็นั่งสูบไปป์อยู่ริมหน้าต่างอย่างเช่นทุกที ชายหนุ่มนักฆ่าลองถามปีศาจรับใช้ที่มักเข้ามารับอาหารจากพ่อครัวเป็นประจำว่าอีกฝ่ายหายหน้าไปไหน ก็ได้คำตอบว่านอนพักอยู่ที่ห้องเนื่องจากเป็นไข้
เมื่อรู้อย่างนั้นแล้ว อเวเค่นก็ได้แต่พยักหน้ารับและบอกตัวเองในใจว่ามื้อนี้คงไม่ได้ทานอะไรอร่อยๆ แล้ว จึงคิดจะกลับห้องพักตัวเอง
ใช่...แต่ไหงเท้ามันพาเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องชเนย์ได้กันล่ะ!
“ไหนๆ ก็มาถึงนี่ เข้าไปดูอาการหน่อยจะเป็นไรไป เผื่อตายไปไม่มีใครรู้คงลำบาก” แต่เนื่องด้วยไม่อยากปลุกเพราะเกรงอีกคนจะยังหลับอยู่ อเวเค่นจึงคิดจะงัดห้องเข้าไปเอง
เขาหยิบเครื่องไม้เครื่องมือเตรียมพร้อมที่จะแงะแล้ว แต่ประตูห้องก็ดันทะลึ่งเปิดออกมาซะก่อน
“ไขเข้าห้องคนอื่นตามใจชอบได้ไงล่ะครับ” พอเจ้าของห้องเห็นว่าเป็นใครที่มาทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าห้องเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“ลุกเดินมาเปิดไหวด้วย?” นักฆ่าหนุ่มเก็บอุปกรณ์ของตัวเองลงกระเป๋าเสื้อ
“ป่วยอยู่ก็จริงครับแต่ไม่ได้เป็นอัมพาต”
พูดจบชเนย์เดินกลับไปทิ้งตัวลงเตียงตามเดิม ปล่อยให้อเวเค่นเดินตามเข้ามาเอง “อาหารเช้าผมทำให้ไม่ทันนะครับ แต่ถ้ามื้อเที่ยงอาจจะพอลุกไปทำให้ได้”
“วันนี้ไม่ต้องก็ได้ พักผ่อนไปเถอะ เดี๋ยวจะหาว่าใช้งานคนป่วย” แขกไม่ได้รับเชิญถือวิสาสะลากเก้าอี้มานั่ง “แล้วกินยารึยัง?”
“ผมกำลังรมยาตัวเองอยู่ครับ นานหน่อยแต่สบายตัวกว่า” ชเนย์ชี้ไปทางถ้วยยาที่ถูกต้มทิ้งไว้ มันส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณห้อง
“มิน่า เข้ามาแล้วถึงรู้สึกสดชื่นแปลกๆ” อเวเค่นมองชเนย์ที่นอนคว่ำหน้าลงซุกหมอนนุ่ม ปล่อยตัวท่อนบนเปลือยเปล่าเหมือนกับที่เขานอนเปลือยในวันที่ไปติดฝนอยู่ในบ้านหลังนั้น
เห็นว่าเคยเป็นหมอก็เลยนึกว่าจะมียาดีกว่านี้ แต่วิธีการออกจะโบราณไปนิดนะ
อเวเค่นเหล่มองเกมคอนโดไม้ที่ทำเขาเปิดโลกไปคราวที่แล้ว ยังคงกองอยู่ในสภาพเดิมเพราะเจ้าของห้องไม่ยอมเก็บ มองดูดีๆ แล้วเหมือนห้องจะรกกว่าตอนเข้ามาคราวก่อนด้วย
“ดูเหมือนจะไม่ได้ป่วยเป็นอะไรมากสินะ” เขาก้มลงดูกองไม้แล้วสุ่มหยิบมาพลิกอ่านคำสั่ง เป็นอันที่ยังไม่โดนสุ่มเจอไปในครั้งก่อนซึ่งก็คิดว่าดีแล้วที่ไม่จับได้ เกมเจงก้าเสียตัวชัดๆ
“ได้นอนพักสักหน่อยก็ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ แล้วที่บุกมาห้องคนอื่นนี่ตั้งใจจะมาป่วนเฉยๆ เหรอ?” ชเนย์พลิกหน้าหันมา ก่อนจะเห็นลูกกลมๆ สีแดงลอยมาและกลิ้งแหมะไปบนที่นอน
“แอปเปิล?”
“ขี้เกียจปอก กินเองทั้งลูกคงได้ใช่มั้ย?”
“ก็บอกว่าแค่ป่วยนิดหน่อยไงครับ” ชเนย์เอื้อมมือไปหยิบเอาหมอนกองไว้ที่หัวเตียงเพื่อให้นั่งพิงกินของฝากได้สะดวก “ขอบคุณสำหรับของเยี่ยมไข้นะ”
“ของมันก็อยู่ในห้องครัวนั่นแหละ รีบกินซะก่อนที่มันจะเน่า”
พอข้ามวันก็เอาอีกละ นิสัยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแทบจะรายวันทำเอาปรับอารมณ์ตามไม่ทันยังกับผู้หญิง
ที่รู้นี่ก็เพราะว่าเขามีน้องสาวหรอก
“ที่จับๆ อยู่นั่นน่ะอยากแก้มือเหรอครับ?” ดวงตาสีหม่นเห็นอีกฝ่ายเขี่ยๆ กองไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรังเกียจก็แอบแหย่เล่นไปทีหนึ่ง
“ไม่ - มี - ทาง!” เน้นย้ำชัดเจนว่าไม่เอา เกมที่ตัวเองเล่นแล้วมีแต่เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนี้สู้ขอยอมแพ้ดีกว่า ไม่ขอแก้มืออีกเป็นอันขาด
“แต่คนอยากแก้มือต้องเป็นผมสิ ครั้งที่แล้วผมแพ้นี่นา” คนชวนหัวเราะร่วนเป็นเชิงหยอกล้อแล้วกัดแอปเปิลกินทีละน้อยอย่างสบายใจ “มีซุปยาจีนที่ผมต้มเอาไว้อยู่บนโต๊ะ กินเล่นได้นะครับ ดีต่อสุขภาพด้วย”
“ไม่ล่ะ” แค่ได้ยินชื่อก็เดารสชาติออก ต่อให้ฝีมือทำอาหารดีเลิศแค่ไหนแต่ยาก็คือยา ความอร่อยหามีไม่
ดวงตาสีทองลอบมองอีกคนที่แม้จะป่วยแต่ก็ยังสูบไปป์คู่ใจต่อไป มาวันนี้เจ้าตัวคงเคยชินกับเขามากขึ้น ถึงขนาดอยู่ในสภาพเปลือยครึ่งตัวต่อหน้าก็ไม่เคอะเขิน ครั้งที่แล้วยังหนีไปเปลี่ยนเสื้อห้องอื่นอยู่เลย
ผิวขาวเนียนแถมไร้รอยขีดข่วนเลยจริงๆ พับผ่าสิ ผิวผู้ชายแน่เหรอวะเนี่ย!
“อย่าจ้องขนาดนั้นสิ” ชเนย์รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ที่ไม่ใช่เป็นเพราะเกิดจากอาการป่วยแต่อย่างใด
“แลกกันไง ทีคุณยังมานั่งสำรวจแผลเก่าผมเลย” อเวเค่นเดินเข้าไปหาคนป่วยที่เตียง ใช้สายตาสำรวจร่างท่อนบนจนคนถูกมองรู้สึกเหมือนโดนล่วงเกินทางสายตา
“เป็นถ้ำมองที่เปิดเผยดีนะครับ” ถึงเขาจะไม่คิดอะไรในตอนแรก แต่มาโดนจ้องขนาดนี้มันก็ไม่ไหวนะ
“ใส่เสื้อซะจะดีกว่านะ เป็นหวัดอยู่ไม่ควรนอนเปลือยแบบนี้” พูดจบก็โยนเสื้อของคนป่วยไปวางไว้ตรงหน้า
“จริงๆ แล้วเวลาเป็นไข้เหงื่อมันออกเยอะไม่ค่อยสบายตัว แบบนี้จะระบายความร้อนได้ดีกว่าเวลาต้องอยู่คนเดียวไม่มีคนดูแล ถ้าเช็ดตัวเองได้ล่ะก็ผมคงทำไปแล้วล่ะ”
“มันต้องใส่เสื้อแล้วห่มผ้าหนาๆ ให้เหงื่อออกเยอะๆ สิ จะได้หายไวๆ” อเวเค่นขมวดคิ้วเพราะเชื่อว่าวิธีนี้ได้ผลดีกว่า
“แบบนั้นมันทรมานร่างกายออกนะครับ” อดีตแพทย์สนามกับนักฆ่าเริ่มเถียงกันเรื่องแนวทางการรักษา
“เข้าใจล่ะ” อเวเค่นพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ชเนย์นั่งอยู่อย่างนั้นลำพัง อีกฝ่ายก็กินแอปเปิลจนเหลือแต่แกน ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดอีกครั้งพร้อมผู้บุกรุกคนเดิม เพิ่มเติมคือมีกะละมังใส่น้ำร้อนฉ่ากับผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน
“เดี๋ยวนะครับ นี่คงไม่ได้คิดที่จะจับผมอาบน้ำร้อนหรอกนะ”
“เช็ดตัวไง” อเวเค่นตอบหน้านิ่ง ไม่สามารถเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ หรือจริงๆ แล้วอาจจะไม่คิดอะไรเลยก็ได้
“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมก็หายเองแหละ” ชเนย์ทำท่าจะถอยทั้งที่หลังติดหัวเตียงอยู่แล้ว ปกติก็ไม่อยากปะทะทั้งคารมและกำลังกับคนตัวเล็กกว่าอยู่แล้ว พอป่วยแบบนี้ยิ่งทำอะไรไม่ได้เข้าไปใหญ่ อเวเค่นจับข้อเท้าชเนย์ไว้แล้วลากให้มานอนที่เตียงฝั่งที่เขายืนอยู่อย่างง่ายดาย
“ถึงผมจะบอกให้คุณพักผ่อน แต่อาหารของผู้เข้าแข่งขันมันเกินจะรับได้จริงๆ นี่นา” พูดจบก็ถอดเสื้อสูทตัวนอกออกและถกแขนเสื้อขึ้นให้ทำอะไรได้ถนัด “ต้องเช็ดแบบไหนถึงจะถูกล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ ชเนย์ก็ต้องยอมทำตามที่คนตรงหน้าอาสาช่วยเช็ดตัวให้ แม้จะหวังประโยชน์เพื่อให้เขาหายเร็วๆ จะได้กลับไปทำอาหารให้กินก็ตามที
“อย่างแรกเลยคือ...เราไม่ใช้น้ำร้อนเช็ดตัวกันครับ ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง” เขาชี้ไปที่กะละมังที่มีควันลอยคลุ้ง ถ้าเช็ดจริงๆ มีหวังผิวหนังไม่เหลือแน่ๆ
อเวเค่นยกกะละมังเอาน้ำร้อนเทออกไปและผสมน้ำธรรมดาให้เป็นน้ำอุ่นก่อนจะเอากลับมาวางที่เดิม สองมือชุบผ้าแล้วบิดน้ำออกให้หมาดๆ “เอ้า หันหลังมาสิ”
“ถ้าเป็นแขนขา ให้เช็ดจากปลายนิ้วเข้าหาหัวใจ แล้วก็ออกแรงเช็ดนิดหน่อย เอาให้ผิวแดงนิดๆ ยิ่งดี” ชเนย์แจกแจง และจะหยิบผ้ามาเช็ดให้ดูเป็นตัวอย่างแต่โดนดึงแขนข้างนั้นไปทดลองแทน
“เช็ดแรงๆ รึ? ของถนัดเลยเนี่ย” รอยยิ้มสบายๆ เหมือนไม่คิดอยากจะถนอมอีกฝ่ายเท่าไหร่ผุดขึ้นมาบนหน้า
เมื่อเห็นว่าอเวเค่นพอจะเข้าใจและทำตามได้ทันทีเลยปล่อยให้เช็ดไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไร
“นั่งเงียบเชียว เป็นอะไรอีกล่ะ?” หนุ่มนักฆ่าไม่อยากเดาให้เสียเวลาจึงเปิดปากถามตรงๆ
“ปกติไม่มีใครเช็ดตัวให้น่ะก็เลยเขินนิดหน่อย” ชเนย์หลบตาไปอีกทางเพราะเมื่อพูดจบก็โดนดวงตาสีทองตวัดขึ้นมาจ้อง
“ไม่ใช่แค่นั้นม้าง~” อเวเค่นลากเสียงเป็นใบเบิกทางและก็ได้ผล สีหน้าคนป่วยมีสีแดงเข้มขึ้นมากกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย และไม่ใช่แดงเพราะว่าไข้ขึ้นแน่นอน “บอกมาตามตรงแล้วก็เอาแขนอีกข้างมา”
“...ที่เคยบอกว่าคุณไม่ใช่สเป็คผมนั่นผมโกหกแค่ครึ่งเดียวน่ะ จริงๆ แล้วผมชอบคนผมยาว” พูดจบก็หันตัวมาหาแล้วยื่นแขนให้แต่โดยดี
“อือฮึ ก็แค่ทรงผมเองนี่ แต่นิสัยยังไงก็ไม่ใช่ใช่มั้ยล่ะ” ตอบรับแบบไม่ใส่ใจนักเพราะมัวแต่สนใจการเช็ดตัวให้อีกฝ่ายมากกว่า “ต่อไปเช็ดด้านหน้า”
“เอ่อ...ตรงนี้ผมขอทำเอง”
“อย่ายึกยักน่ะเสียเวลา หันมา” อเวเค่นดุเบาๆ แล้วจับไหล่ให้หันหน้ามาตรงๆ ชเนย์มองใบหน้าอีกฝ่ายที่ไม่ได้สนใจเขาเลยแถมดูตั้งใจพยาบาลคนป่วยจนน่าแปลกใจ
“คุณน่าจะป่วยมากกว่าผมอีกนะถึงได้ลุกมาเช็ดตัวให้เนี่ย”
“คนบ้ามักไม่ป่วยมั้ง” อเวเค่นตบมุกเองให้คนป่วยเผลอหลุดขำออกมา “เอ้า ถอดกางเกงซะ”
พอเช็ดหมดทั้งตัวจนเหลือเพียงท่อนล่าง อเวเค่นเริ่มทำสีหน้าแปลกๆ เช่นเดียวกับชเนย์ที่ไม่รู้จะทำหน้ายังไง
“ผมขอเช็ดเองเถอะ” คนป่วยทำเสียงอู้อี้
“เอาผ้าห่มคลุมๆ ไว้ก็ได้น่า” ไม่รู้ว่านึกสนุกหรือเพราะอะไร แต่อเวเค่นก็ยังยืนยันจะเช็ดให้ต่อ
สมองคุณไปกระแทกโดนอะไรมาครับ! หรือจะเมายารมควันในห้องของเขาไปแล้วล่ะนั่น
“ถอด...”
“ไม่เอา” คนป่วยรั้นค้านหัวชนฝา
“จะถอดเองดีๆ หรือจะให้ผมถอด” อเวเค่นยืนเท้าเอวและถามครั้งสุดท้าย
สุดท้ายชเนย์จึงยอมมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วถอดกางเกงออกอย่างยากลำบาก ตอนนี้ก็เลยมีแค่ผ้าห่มผืนหนาที่เอาไว้ปกปิดท่อนล่างแล้ว ใบหน้าที่แดงจนแยกไม่ออกว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือเพราะอาย แถมชเนย์ตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังอีกต่างหาก
แม้จะสั่งซะดิบดีแต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็แอบหวั่นนิดๆ ว่าทำเกินไปหรือเปล่า ทว่ามือก็ล้วงลากเอาขาเปลือยข้างหนึ่งออกมาเช็ดจนได้
“ไม่ต้องเช็ดสูงขนาดนี้ก็ได้ครับ!” พ่อครัวปรามเมื่อเห็นว่าอเวเค่นลากผ้าอุ่นๆ ขึ้นมาจนถึงต้นขาตนที่อยู่ใต้ผ้าห่ม
“ก็มองไม่เห็นนี่เลยกะไม่ถูก แถมคุณน่ะจะตัวใหญ่อะไรขนาดนี้ ที่บ้านให้กินอะไรเข้าไป?” วิจารณ์กลบเกลื่อนความลนของตัวเองไปพลางเพราะไม่อยากให้ห้องมันเงียบจนเกินไป
“โดนพูดถึงอยู่เป็นประจำแหละ” ชเนย์เริ่มตอบไม่ตรงคำถาม พอโดนเช็ดจากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงต้นขาบวกกับแรงกดจากมืออีกคนมันก็ทำให้รู้สึกแปลกๆ ได้เหมือนกัน
“ฟังดูเหมือนไม่ชอบรูปร่างตัวเองเลยนะ ออกจะสูงใหญ่แท้ๆ” เช็ดขาไปพลางชวนคุย ก่อนจะเปลี่ยนไปเช็ดอีกข้าง การเช็ดตัวที่ตั้งใจจะให้เสร็จเร็วๆ กลายเป็นค่อนข้างช้ากว่าที่คิดเพราะอีกคนพยายามจะเอาผ้ามาบัง
“ก็นิดหนึ่งครับ...” เสียงคนป่วยเบาลงแถมยังโก่งตัวก้มลงไปแทบจะแนบกับผ้าห่มอีก
“นี่ มันเช็ดลำบากนะ แบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ” เขาไม่ได้คิดอยากแกล้งเหมือนตอนแรกแล้ว ยิ่งเห็นอีกคนหน้าแดงจนลามไปถึงหูก็แอบรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ แต่จะว่าไปแล้วก็เป็นผู้ชายที่ผิวนุ่มกว่าที่คิดอีกแฮะ
เดี๋ยว...เมื่อกี้เขาคิดอะไรอยู่!?
นักฆ่าหนุ่มส่ายหัวตั้งสติกลับมาและก็หันไปเอาผ้าชุบน้ำบิดซ้ำอีกครั้งก่อนจะส่งให้คนป่วย “ตรงนั้นน่ะเช็ดเองก็แล้วกัน”
“พอแล้วล่ะครับ คุณออกไปเถอะ” ชเนย์ตอบเสียงอู้อี้เพราะยังเอาหน้าซุกผ้าอยู่ และตอนนี้ร่างกายมันเริ่มจะแย่เกินกว่าจะควบคุมได้แล้ว
“โอเค งั้นเดี๋ยวหันหลังให้แล้วกัน รีบๆ เช็ดซะแล้วจะนอนกลิ้งรึทำอะไรต่อก็เชิญตามสบาย”
นอกจากจะไล่ไม่ไปยังจะหน้าด้านอยู่อีก คนคนนี้อ่านสถานการณ์ไม่ออกรึไงว่าเขากำลังแย่สุดๆ เลยน่ะ!
พอกำลังจะหันหลังให้อเวเค่นก็รู้สึกถึงเสียงหายใจผิดปกติของอีกคน เขารีบหันหน้ากลับไปโดยพลัน สมองเริ่มก่นด่าตัวเองที่เรื่องแค่นี้ก็เดาไม่ได้แต่แรก
“ถ้าไม่ออกไปผมจะไม่สนใจอะไรแล้วนะ” เสียงเบาของชเนย์ลอดผ่านผ้าห่มออกมา เขานั่งกอดเข่าซุกหน้าลงไปจนมองไม่เห็นสีหน้าตอนนี้ ทว่าใบหูสองข้างแดงจนชัดเจนมากๆ
ไม่รอช้า อเวเค่นก้าวขาออกไปจากห้องโดยไม่ลืมปิดประตูให้สนิท แล้วยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเพราะนึกได้ว่าเสื้อนอกของเขายังอยู่ข้างในห้อง จะเข้าไปเอามาตอนนี้ก็ดูท่าจะไม่ดี เลยทำได้แค่ยืนรออยู่อย่างนั้น
ชเนย์เงยหน้าขึ้นแล้วเลิกผ้าห่มดู มืออีกข้างยกขึ้นปิดหน้าผากตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม ร่างกายตอนนี้มันร้อนยิ่งกว่าตอนไข้ขึ้นซะอีก
“รีบจัดการให้เสร็จๆ ดีกว่า” เขาคิดในใจ แต่แล้วดวงตาก็เผลอไปเห็นเสื้อนอกของคนที่เข้ามาเช็ดตัวให้วางกองอยู่ที่ปลายเท้าของตัวเอง
ก่อนที่สมองจะได้ทันคิดอะไร มือก็ยื่นไปหยิบเสื้อนอกอีกคนเข้ามาหาตัว กลิ่นเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์จากเสื้อนอกนั้นพาเอาสติล่องลอย จะว่าไปก็ไม่ได้นอนกอดใครมาสักพักแล้วด้วย...
“คิดใช้เสื้อคนอื่นทำอะไร?” อเวเค่นโผล่มาเงียบๆ อีกแล้ว นี่ใจเขาไม่อยู่กับตัวถึงขนาดไม่รับรู้ถึงการมาของผู้บุกรุกขนาดนี้เชียว
ไม่สิ...เหมือนจะเป็นสกิลของนักฆ่าที่มักเข้าใกล้เป้าหมายโดยที่แทบไม่รู้ตัวมากกว่า
“...ขอโทษที่เผลอคิดอกุศลกับเสื้อนอกคุณนะ” ชเนย์แก้ตัวอะไรไม่ออกเลยได้แต่ยื่นเสื้อคืนให้อีกคน อเวเค่นรับไปแต่ก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น “มีอะไรจะต่อว่าผมอีกเหรอครับ?”
“เปล่า แค่อยากรู้ว่าปกติคุณเป็นแบบนี้เสมอเลยงั้นเหรอ?” คนยืนกดดันจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องเสื้อนี่หรอกนะ”
ชเนย์ถึงกับถอนหายใจ ดวงตาสีชมพูหม่นมองคนที่ทำหน้าราวกับต้องการจะเค้นเอาคำตอบจากเขาให้ได้
“บอกไปแล้วนี่ ต่อให้ผมถูกใจอีกฝ่ายแค่ไหน ถ้าเค้าไม่เล่นด้วยผมก็ไม่อยากทำหรอก แม้แต่กับคุณก็ด้วย”
“......”
เกิดเดดแอร์ขึ้นหลังจบประโยค คนป่วยเองก็เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าไม่น่าพูดออกไปเลย บรรยากาศภายในห้องเงียบจนน่าอึดอัด อเวเค่นก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมาเลยหลังจากชเนย์เผลอหลุดปากพูดในสิ่งที่คิดออกมา
“เอ่อ...เมื่อกี้ผม...”
“สงสัยคุณจะป่วยหนักจริงๆ นั่นแหละ วันนี้นอนพักซะ ใครมาตามให้ไปทำอาหารก็หัดปฏิเสธซะมั่ง” นักฆ่าเอ่ยทำลายความเงียบและเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ
“...นั่นสินะครับ” ชเนย์ก้มหน้าลงไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย เลยไม่ได้เห็นว่าสายตาของอีกคนซึ่งกำลังมองมาที่เขามันแฝงความหมายอะไรซ่อนเอาไว้ อเวเค่นสวมเสื้อนอกของตนแล้วเดินออกไปพร้อมกับปิดประตู ทิ้งให้ชเนย์นั่งคิดทบทวนว่าพลาดแล้วที่ไปพูดเรื่องแบบนั้น
“เอาไงต่อดีวะ?” นักฆ่าหนุ่มยืนสบถเบาๆ อยู่หน้าประตูก่อนจะเดินออกไป
Comments (0)