...สุดท้ายฝนก็ตก

เม็ดฝนโรยตัวลงมาและค่อยๆ ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวสองนักแข่งฝ่ายราชาแห่งนรกภูมิไม่มีใครก้าวขยับไปจากที่เดิม ราวกับเวลาที่อยู่รอบๆ ตัวทั้งคู่หยุดหมุน จนกระทั่งอเวเค่นเริ่มทนอยู่ต่อไปไม่ไหว

“ตัวคุณเย็นหมดแล้ว...” นักฆ่าหนุ่มเอ่ยให้คนตัวสูงกว่าได้ยินและเป็นฝ่ายคว้าแขนอีกคนไปหาที่หลบฝนจนกว่าพายุจะซาลง

ชเนย์ปล่อยให้อเวเค่นจูงมือพาวิ่งนำโดยง่าย ชายหนุ่มผมแดงมองหาบ้านใครสักคนที่พอจะใช้เป็นที่หลบพายุฝนซึ่งเริ่มกระหน่ำตกแรงขึ้น เขาเลือกพังประตูบ้านหลังหนึ่งที่ตอนนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่แล้วจัดการเปิดประตูห้องต่างๆ เมื่อพบเตาผิงก็รีบจุดฟืนไฟให้ติดเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายโดยเร็ว

คนที่ได้สายฝนชะล้างความสับสนออกไป พอกลับมาตั้งสติได้ก็ปลดอาวุธคู่กายออกมาวางไว้ เขาไม่รออยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายจัดการทุกอย่างคนเดียว ร่างสูงโปร่งเดินสำรวจหาผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าภายในบ้านเพื่อเอามาให้พวกเขาทั้งคู่ได้ใส่เปลี่ยนชั่วคราวจนกว่าชุดจะแห้ง

“ขอโทษทีครับ เมื่อกี้จู่ๆ ก็ทำตัวดราม่าซะงั้น” ชเนย์กลับมาปั้นสีหน้าสดใสตามเดิม “แต่ก็นะ คุณเล่นพูดจี้ใจดำผมก่อนนี่นา”

“อ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้จริงๆ เลยนะ” จิกกัดด้วยคำพูดไปทีหนึ่งและถอดชุดเปลี่ยนมันตรงนั้นเลย

“เดี๋ยว...” ชเนย์ยืนตัวแข็งค้างก่อนหันหน้าไปทางอื่น “ถ้าจะเปลี่ยนชุดก็ช่วยเดินไปเปลี่ยนที่ห้องด้านในไม่ก็ห้องน้ำสิครับ”

“ทำไมล่ะ? คุณบอกเองนี่นาว่าผมไม่ใช่สเป็กคุณ” อเวเค่นยิ้มเจ้าเล่ห์และปลดเข็มขัดออก ทำให้คนที่หันหลังอยู่ใจไม่ดีนัก

ถึงไม่ใช่สเป็ก แต่มีผู้ชายมายืนแก้ผ้าโชว์ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่รู้สึกอะไรนี่!

แม้จะหันหลังอยู่แต่คนขี้แกล้งก็รับรู้ได้ว่าอีกคนคงกำลังสับสนจนทำหน้าดำหน้าแดงอยู่แน่ๆ เพราะสีผิวที่ค่อนไปทางขาวนั้นทำให้เห็นใบหูแดงเรื่อชัดเจน

“คุณนี่จะว่าเป็นคนใจกล้าหรือว่าหน้าไม่อายดีนะ…”

พูดงี้ก็ด่าเขาว่าหน้าด้านมาตรงๆ เลยก็ได้

“ทำมาเป็นอาย ทีเมื่อวานยังบังคับให้ผมเล่นเกมบ้าๆ นั่นด้วยอยู่เลย” แซะนิดหน่อยก่อนนั่งลงไปบนโซฟาตัวกว้างโดยไม่คิดจะใส่เสื้อให้เรียบร้อย

“ก็นั่นมันเกมนี่นา แถมมีกฎระบุไว้อยู่แล้ว ผมก็แค่เล่นตามกติกา แต่พูดก็พูดเถอะ ถึงจะชนะคุณแต่ตอนนั้นผมกลับรู้สึกแย่นะ”

อเวเค่นแอบหัวเราะอีกคน แน่นอนว่าชเนย์ได้ยินถึงแม้เสียงฝนสาดเข้าหน้าต่างจากด้านนอกจะดังมากก็ตาม

“หัวเราะอะไรน่ะครับ” เป็นอีกครั้งของวันนี้ที่ชเนย์รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีท่าทางแปลกๆ

“คุณเป็นคนตลกดีนะ”

อีกคนปั้นหน้างง เขาน่ะเหรอตลก “ตรงไหนเหรอครับ?”

“ทั้งหมด” ตอบเหมารวมโดยไม่เจาะจง ทิ้งให้คนถามงงหนักเข้าไปอีก

อเวเค่นอ้าปากหาวก่อนจะพลิกตัวนอนหันหลังบนโซฟา ชเนย์แอบเหล่หางตามองและเผลอหยุดจ้องแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยบาดแผลทั้งรอยกระสุนและร่องรอยแผลเป็นจากการถูกฟันแทงนับไม่ถ้วน

บาดแผลขนาดนั้น ถ้าเป็นทหารคงเรียกว่าผ่านศึกมาอย่างโชกโชน

“จะไปไหนน่ะ?”

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อครับ” ชเนย์ตอบและกำลังจะเดินออกไป ก่อนจะนึกขึ้นได้จึงโผล่หน้าเข้ามาย้ำกับชายหนุ่มนักฆ่า “เราคงอยู่ที่นี่ไม่นานนะครับ อย่าหลับเพลินล่ะ”

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ด้านนอกยังคงมีพายุฝนและคาดว่าคงจะตกอยู่อย่างนี้ไปอีกสักพักใหญ่ ชเนย์กะว่าจะเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายที่เปียกฝน แต่บ้านหลังนี้กลับไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น จะอาบทั้งอากาศหนาวๆ แบบนี้เกรงว่าจะไม่ดีต่อร่างกาย เขาจึงทำได้แค่เช็ดเนื้อตัวและผมแล้วเปลี่ยนชุดเดินกลับเข้ามาทำให้ตัวแห้งสนิทหน้าเตาผิงในห้อง

ผมสีเงินที่ปกติจะเสยขึ้นทั้งหมดตอนนี้ปรกลงมาจนดูแปลกตาไปนิด ดวงตาสีหม่นหันไปมองอเวเค่นที่นอนผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอก็คิดว่าเจ้าตัวคงผล็อยหลับไปแล้ว

ก็นะ...อากาศน่านอนซะขนาดนี้

ชายหนุ่มผมเงินเดินมาดูใบหน้าของคนหลับในระยะที่ปลอดภัยไม่ได้เข้าใกล้มากจนเกินไปนัก พอจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างพิจารณาดีๆ แล้วเขาก็คิดว่าอเวเค่นน่าจะอายุน้อยกว่าเขาสักปีหรือสองปี แต่ร่องรอยแผลเป็นด้านหลังและตามตัวของอีกฝ่ายเท่าที่ประเมินดูจากสายตาของเขา แผลพวกนั้นมันน่าจะได้มาไม่น้อยกว่าสิบปีแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศหรือว่าบาดแผลจากความผิดพลาด แต่มันก็ทำให้ความคิดของเขาที่มีต่อคนคนนี้เปลี่ยนไป อายุน้อยกว่าแต่กลับมีบาดแผลมากมายนับไม่ถ้วนอย่างกับคนที่ผ่านอะไรมามาก และทั้งที่เป็นคนธรรมดาแต่คนตรงหน้ากลับมายืนอยู่ในสนามรบเดียวกับเขา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับชีวิตของชายคนนี้กันแน่นะ

“นอนทั้งแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

ชเนย์บ่นไม่จริงจังนักและเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมสีแดงที่ยาวไปถึงกลางหลังให้ชายหนุ่มนักฆ่า ระหว่างที่สายตาไล่สำรวจรอยแผล จู่ๆ อเวเค่นก็พลิกตัวกลับมา พอหันมาเจอร่างเปลือยท่อนบนตรงๆ เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหน้าท้องแน่นเป็นลอนแบบนี้ชเนย์ก็รู้สึกผิดบาปขึ้นมากะทันหัน เลยรีบลุกเดินจ้ำไปค้นเอาผ้าห่มจากห้องนอนข้างๆ มาคลุมตัวอีกคนจนมิด เหลือไว้แค่หัวให้ยังพอหายใจออกเท่านั้น

“เป็นนักฆ่าที่ไม่ระวังตัวเลย” บ่นพึมพำแล้วลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตาผิง สายตาหันไปทางหน้าต่างมองฝนที่ยังตกอยู่เงียบๆ ทว่าพอหันไปที่โซฟาอีกครั้งกลับไม่พบร่างของคนที่นอนหลับอยู่

“คุณก็หลอกง่ายพอกันแหละ” ปลายเล็บกดลงที่คอบริเวณเส้นเลือดใหญ่ ชเนย์สะดุ้งเฮือกไม่ทันรู้ตัวว่าอีกฝ่ายแอบย่องเข้ามาข้างหลังตอนไหน “ไอ้ที่ผมทำน่ะเค้าเรียกว่าหลอกให้ตายใจ”

“...แกล้งหลับงั้นเหรอครับ?”

“เปล่า ที่จริงก็เคลิ้มหลับไปนิดหน่อยแล้วแหละ แต่คุณอย่าลืมสิว่าผมเป็นใคร แถมที่นี่ยังเป็นถิ่นของศัตรูอีกนะ ไม่มีทางที่จะปล่อยตัวตามสบายได้หรอก”

“ก็นั่นสินะครับ พอดีเห็นว่าไม่มีใครไล่ตามมาแล้วก็เผลอวางใจไปหน่อย ว่าแต่ช่วยเอามือออกไปได้มั้ยครับ” ชเนย์ชี้ที่นิ้วของอีกฝ่ายที่กดอยู่ตรงคอ นี่ถ้าเป็นมีดของจริงป่านนี้คงแทงคอหอยไปนานแล้ว

“ใจเต้นแรงเชียวนะ เพราะตกใจกลัวหรือเพราะผมยืนอยู่ใกล้คุณกันล่ะ?” อเวเค่นสัมผัสได้ว่าบริเวณเส้นเลือดที่ตนกดปลายนิ้วอยู่สูบฉีดแรงกว่าปกติ แถมยังเน้นประโยคหลังด้วยการก้มลงมาข้างๆ ให้เห็นหน้ากันชัดๆ

“นั่นเพราะคุณกำลังกดโดนจุดอ่อนผมอยู่ต่างหาก” คนโดนพวกเดียวกันเล่นงานพยายามเอียงคอหลบ แต่ยิ่งขยับหนีก็เหมือนยิ่งโดนจิ้มแรงขึ้นอีก

“หืม...งั้นเหรอ?” อเวเค่นลากเสียงสงสัยระคนยียวน คำว่าจุดอ่อนเนี่ยมันมีหลายความหมายนะ

“ปล่อยเถอะครับ” ชเนย์ทำเสียงอ่อนยวบเหมือนคนยอมแพ้ ทว่าคนตัวเล็กกว่าดูจะไม่สนใจ

“เอายังไงดีนะ” อเวเค่นยังคงแกล้งกดนิ้วคาเอาไว้แบบนั้น หนุ่มนักฆ่ารู้สึกสนุกที่ได้เอาคืนจากหนก่อน ยิ่งเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของชเนย์ก็ยิ่งชอบใจเข้าไปใหญ่

“ขอร้องล่ะ ช่วยปล่อยก่อนที่ผมจะ...” เสียงของชเนย์ต่ำลงและคำพูดก็เบาราวกับจะโดนเสียงฝนกลืนหายไป

“ถ้าไม่ปล่อยจะทำไมหรือ?” อเวเค่นย้อนถาม ดูจากสภาพแล้วเขาเป็นต่อกว่าอีกคนเห็นๆ

“...ผมก็จะไม่อดทนกับคุณอีกต่อไปแล้วนะ” คนตกเป็นเบี้ยล่างก้มหน้าหนีและกดเสียงต่ำทำให้ไม่อาจเดาสีหน้าได้แม้ว่าคำพูดจะหนักแน่นเอาเรื่องกว่าเมื่อครู่ก็ตาม

“เห...?” อเวเค่นเริ่มสนใจ “ใจเด็ดดีนะที่พูดออกมาแบบนั้น แต่จะกล้าทำจริงๆ เหรอ? ขนาดเมื่อกี้ยังไม่เห็นคุณจะลงมือทำอะไร แล้วคราวนี้ผมยังมีสติอยู่ครบถ้วนดีไม่ได้โดนวางยาด้วย”

หนุ่มนักฆ่าหัวแดงมั่นใจว่าด้านพลังกายตนเหนือกว่าแน่นอน หากเกิดอะไรขึ้นอีกจริงก็ยังพอเอาตัวรอดได้ “ขนาดเมื่อกี้มีโอกาสเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ก็ไม่เห็นคุณจะทำอะไรผมเลยนี่นา”

“นี่คุณกำลังทดสอบศีลธรรมในตัวผมหรือแค่เล่นสนุกกันแน่ครับ!?” ชเนย์เงยหน้าขึ้นมาตะโกนด้วยใบหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ แต่ว่าสายตาก็ดันเห็นโฟกัสเห็นอเวเค่นใส่กางเกงหมิ่นเหม่เพราะไซส์ชุดไม่พอดี กางเกงหลวมโพรกสุดๆ จนแทบจะหลุดลงไปกองกับพื้น

“คุณไม่กล้าทำหรอกน่า เพราะว่าคุณเป็น ‘คนดี’ ไงล่ะ” แกล้งชมแล้วก็ปล่อยเหยื่อเป็นอิสระ เขาเดินไปดูเสื้อผ้าที่ตากไว้ พอเห็นว่าเริ่มแห้งดีก็ถอดชุดเจ้าของบ้านออก เสียงเปลี่ยนเสื้อของอีกฝ่ายมีแต่จะทำให้ขันติของชเนย์ใกล้แตกขึ้นทุกที

“จริงๆ ผมว่าผมก็ไม่ใช่คนดีนักหรอกนะ” เหมือนคนพูดจะเริ่มสับสนในตัวเองอย่างเห็นได้ชัด

ใช่...เขาไม่ทำหรอก และไม่ใช่เพราะว่าเป็นสุภาพบุรุษด้วย

“ถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ ผมก็ไม่อยากทำหรอกครับ ขอโทษด้วยที่เมื่อวันนั้นบังคับให้คุณเล่นเกม”

อเวเค่นอึ้งนิดๆ ที่ชเนย์ทำหน้ารู้สึกผิดอย่างจริงจัง หนุ่มนักฆ่าแอบยิ้มอย่างขบขัน แถมยังแกล้งคนดีมีศีลธรรมต่อด้วยการไม่รีบใส่เสื้อผ้าให้เสร็จโดยไวและยังยืนเช็ดผมทำตัวเอ้อระเหยต่อ

ดูทำเข้าสิ ยังจะมายืนยั่วอ่อยเขาอีกแน่ะ!

ชเนย์ชักอยากเอาหัวโขกเตาผิง พอเริ่มเข้าใกล้เพราะอยากผูกมิตรอีกฝ่ายก็ตีตัวออกหาก แต่พอเว้นระยะออกมาก็โดนรุกเข้าใส่จนรับมือไม่ถูก ตกลงจะเอายังไงกับเขากันแน่!

“เป็นอะไรไปอีก? ดูทำหน้าเข้าสิ” อเวเค่นแกลังป่วนด้วยการวาดนิ้วไปตามแนวเส้นเลือดที่เห็นจางๆ บนคอใต้ผิวสีขาว ทำเอาคนตัวสูงกว่าสะดุ้งและคว้าจับมืออเวเค่นออกไปให้ห่าง

“ผมไม่ชอบที่คุณมาทำแบบนี้” ชเนย์จ้องเขม็ง สายตามองตรงมานิ่งๆ และปล่อยมืออีกฝ่ายออก

“ทีนี้เข้าใจแล้วสินะว่าตอนที่คุณแกล้งผมเล่นมันรู้สึกยังไง” สองมือของอเวเค่นยกขึ้นกอดอกและจ้องตอบโดยไม่กลัว

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันต่อ ภายในห้องเงียบเสียจนแม้แต่เสียงถ่านในเตาผิงที่ไหม้เพราะเปลวไฟก็ยังได้ยินชัด

“อา...ผมพอจะเข้าใจนิดๆ แล้วล่ะครับ”

“เข้าใจก็ดี”

“...ผมขอโทษ” / “ขอโทษที่แกล้งนะ”

ทั้งคู่พูดขึ้นแทบพร้อมกัน ถึงแม้ประโยคจะไม่เหมือนกันซะทีเดียวแต่ก็ใจตรงกัน อเวเค่นและชเนย์หัวเราะแข่งกับเสียงฝนที่ค่อยๆ ซาลง จนกระทั่งหยุดตกในที่สุด