7 ตอน ยาหอม
โดย dnim
Content Warning
เลือด / อุบัติเหตุ / การเข้าโรงพยาบาล / ความรุนแรง
***********************
"เลิศ!"
รัศมีกรีดร้องปานจะขาดใจ เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวโยน เขารีบฝากโถข้าวและถาดเงินไว้กับหมายคนขับรถ จากนั้นก็วิ่งหน้าตั้งเข้าไปในตัวคฤหาสน์สองชั้นที่มีเสียงสะอึกสะอื้นดังผ่านช่องหน้าต่างออกมาไม่ขาดสาย
"หมาย!"
รัศมีคร่ำครวญ เธอบังคับมืออันสั่นเทาเข้าประคองใบหน้าของลูกชายสุดที่รักที่เปรอะเปื้อนเลือดสีแดงก่ำไปเกือบครึ่ง
"มน! น้องมน!"
ผู้เป็นแม่ตะโกนเรียก ใจหวังให้ร่างกายที่แน่นิ่งฟื้นขึ้นมาสบตา ช่วงเวลานั้นเองชายหนุ่มที่เธอพร่ำเรียกหาก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาใกล้ เธอหันไปหาผู้มาใหม่ ปากอ้าออกคำสั่งโดยที่น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย
"ตาม..." รัศมีสะอื้น "ตามรถพยาบาลที"
เลิศลนลาน เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินฉับพลันทันด่วน แต่ปลายสายกลับถามหาที่อยู่ที่คนต่างถิ่นอย่างเขาไม่สันทัดนัก คนเป็นนายที่จึงถือวิสาสะคว้าเอาโทรศัพท์ของเขาไปด่าทอเสียเอง
"หูหนวกรึไง บอกว่าหมู่บ้านทิพย์วิมาน ขับมาสิ ทิพย์วิมาน!"
เสียงเล็กแหลมของรัศมีคล้ายกับเข็มเล็กแหลมเสียดแทงเข้าไปในรูหู เธอเดินเป็นวงกลม พร่ำพูดถึงสถานที่ตั้งของบ้านซ้ำไปซ้ำมาจนคนตัวเล็กที่นอนแน่นิ่งอยู่นานส่งเสียงครางในลำคอ
"อือ..."
มนพัทธ์ลืมเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เขาเห็นวิสัยทัศน์ตรงหน้าเป็นเพียงเงาบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปร่างเคลื่อนไปมาเท่านั้น เด็กหนุ่มพยายามกระดิกปลายนิ้วแต่ไม่เป็นผล ร่างกายของเขาไม่ตอบสนองคำสั่ง มันทำได้แต่กะพริบแพขนตาจนกระทั่งเลิศสังเกตเห็นนัยน์ตาใสกลับมาเคลื่อนไหวชายหนุ่มจึงรีบถลาเข้าไปหา
"คุณ! คุณ!"
ฝ่ามือหนาตบบริเวณแก้มป่องระรัว มนพัทธ์ไม่ได้ยินเสียงของเขา มิหนำซ้ำยังจวนเจียนจะสิ้นสติลงอีกหน
"คุณนายครับ คุณมนเธอ..."
เลิศพูดได้ไม่จบคำหมายคนขับรถก็หุนหันพลันแล่นเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน พวกเธอกรีดร้องกันระงมหลังจากเห็นคุณหนูคนดีล้มคว่ำอยู่ที่พื้น
"คุณมนคะ"
แก้วปรี่ออกจากแถว มาเกาะท่อนแขนข้างหนึ่งของมนพัทธ์ที่บวมเป่ง
"อย่าจับครับ" เลิศส่ายหัว "ห้ามเคลื่อนย้ายเองครับ ต้องรอกู้ภัย"
แก้วได้ฟังก็เดือดดาล คนดีของเธอเจ็บปางตายแต่ไม่มีใครสักคนเหลียวแล
"ทำไมเอ็งยังใจเย็นอยู่ได้ คุณหนูเธอเป็นขนาดนี้ ทำไมไม่รีบพาเธอไปโรงบาล!"
"ไม่ได้ครับ"
เลิศยืนยันหนักแน่น
"เราไม่รู้ว่าคุณมนได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง เกิดไปยกสุ่มสี่สุ่มห้าอาจเกิดอันตรายได้"
"จะบอกให้ยืนดูเฉยๆ เหรอ"
คนเป็นแม่บ้านเหลือจะทน เธอเตรียมจะตวาดอีกหนแต่เสียงสัญญาณจากรถกู้ภัยดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
"รถมานั่นแล้ว"
รัศมีกระวีกระวาดวิ่งไปกระโดดเหยงๆ กวักมือเรียกรถตู้คันใหญ่ให้เข้ามาจอดในบ้าน
"ทางนี้! ทางนี้"
เมื่อรถกู้ภัยจอดสนิทคนหนุ่มสองสามคนก็พรวดพราดออกมาจากรถ พวกเขาเอาแผ่นพลาสติกสีแสบตาสอดเข้าใต้ร่างของคุณหนูคนเล็ก ตรึงศีรษะแสนบอบช้ำให้ตั้งตรง และรั้งเชือกพลาสติกเส้นใหญ่ไว้ไม่ให้ร่วงหลุดจากเปล จากนั้นก็รวบรวมเรี่ยวแรงยกแบกหาม สี่เท้าก้าวฉับๆ มุ่งไปยังท้ายรถที่เปิดประตูคอยไว้ท่า
"คนไหนญาติครับ"
รัศมีหูผึ่ง เธอวิ่งเป๋เหมือนเด็กหัดเดินเข้าไปหาชายแปลกหน้า เขาถามเธอหลายต่อหลายคำถาม แต่เลิศอยู่ห่างเกินกว่าจะได้ยินเสียง ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจหนึ่งรัศมีก็กระโดดตามเข้าไปในรถ เข้าไปนั่งลูบเรือนผมที่เริ่มจับตัวเป็นก้อนของลูกชายด้วยหัวใจที่แตกสลาย และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เลิศเห็นก่อนโครงเหล็กขนาดใหญ่จะเหวี่ยงลงมาบดบัง
พอช่วงสายภายในคฤหาสน์ก็ยุ่งกันหัวหมุน เพราะ คุณหม่อง ผู้เป็นเจ้าของบ้านตื่นขึ้นมาพบกับคราบเลือดของดวงใจกระจายอยู่ตามขั้นบันได ชายแก่หัวเสีย เขาเดินกระฟัดกระเฟียดชี้นิ้วป้อมไปทั่วสารทิศ คำรามเสียงดุดันคาดคั้นให้เหล่าลูกจ้างแจกแจงเหตุการณ์ คนเหล่านั้นไหล่ห่อ ตัวลีบ ไม่มีใครกล้ามีปากเสียงยกเว้นเลิศ
"ผมได้ยินเสียงคุณนายร้องเรียก" เลิศอธิบาย
เขาเล่าเรื่องโดยละเอียดให้ชายแก่ฟัง เริ่มเรื่องด้วยเสียงกรีดร้องและร่างที่คุดคู้อยู่บนกระเบื้องหินอ่อนอันเย็นเฉียบ
"พาฉันไป" หม่องออกคำสั่ง
"ไปไหนครับ"
"โรงพยาบาลสิ"
เลิศไม่รู้ทาง มิหนำซ้ำเขายังไม่ใช่คนขับรถ หากใช้เขาไปแทนที่หมายผู้เป็นนายมีแต่จะเสียเวลา เลิศจึงสะบัดหน้าไปหาเจ้าของตำแหน่งที่ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ด้านหลัง
"พี่หมาย คุณผู้ชายจะใช้รถ"
"เอ๊ะ"
"รถครับพี่" เลิศท้วงอีกหน
"อะ เอ้อ ชะ เชิญครับคุณท่าน"
หมายสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติของตนเองจากนั้นชายแก่ทั้งสองก็จ้ำอ้าวออกไปทางโรงจอดรถ เลิศทิ้งตัวลงนั่ง สอดนิ้วยาวเข้าไปขยี้กลุ่มผมอย่างหัวเสีย
เหี้ยอะไรวะเนี่ย
ชายหนุ่มรำพึง เขาเพ่งพินิจขั้นบันไดที่คุณหนูคนเล็กเพิ่งร่วงหล่นลงมาโดยละเอียด
มันมีพรม เด็กนั่นไม่น่าลื่น หรือถ้าลื่น...
เลิศหยุดความคิดทันทีเมื่อสังเกตเห็นกล้องวงจรปิดขนาดเล็กติดอยู่บนเพดาน
"ผมขอดูกล้องวงจรปิดได้มั้ยครับ"
แก้วกับแตงหันมองหน้ากันตาปริบ
"ดูไม่ได้หรอกพี่เลิศ ต้องรอคุณๆ เขากลับมาที่บ้านก่อนถึงจะถอดเทปได้"
แก้วรีบเสริม
"เอ็งติดใจอะไร ไม่ใช่ว่าเธอพลัดตกลงมาหรือ"
"หรือคุณนาย!" แก้วรีบปิดปาก
"เบาๆ อีแตง อยากโดนไล่ออกหรือยังไง"
"ก็ตอนนั้นมันมีแค่คุณนายกับคุณมนนี่ ฉันก็พูดตามที่พี่เลิศบอกคุณท่านนั่นแหละ"
"ผมแค่อยากแน่ใจอะไรบางอย่างเฉยๆ ครับ ไม่เกี่ยวกับคุณนาย"
"แน่ใจอะไรจ๊ะ" แตงรีบสอด
เลิศยิ้มขืน เขาไม่กล้าเอ่ยถึงสมมุติฐานที่คิดเอาไว้ในหัวให้แตงฟัง
"ไม่สำคัญอะไรหรอก"
ชายหนุ่มทิ้งท้ายก่อนเดินหายเข้าไปในสวนด้านหลัง เลิศมีงานกองพะเนินที่ต้องทำต่อ ทั้งตัดแต่งสวนและเริ่มเพาะชำ แม้ใจหนึ่งจะนึกหวั่นว่าจะได้ยินข่าวคราวไม่สู้ดีนักของครอบครัวที่ให้อาศัยอยู่ใต้ชายคา
"เห็นว่าเธอหัวแตก"
เลิศได้ยินเสียงของแตง มันดังลอดออกมาจากชั้นสอง ตอนที่เขากำลังคีบหนอนแก้วตัวอ้วนออกจากต้นเฟื่องฟ้า และอีกสองชั่วโมงต่อมาก็ยังคงเป็นแตงที่คอยรายงานความเป็นไปของคุณมนพัทธ์
"แขนหักอีก พี่หมายบอกว่าหน้าแข้งร้าวด้วยนะป้า แล้วอะไรอีกนะ เอ้อนิ้วซ้น ฟันหน้าหักซี่นึง ตอนนี้เธอฟื้นแล้ว เธอร้องไห้จ้าเลย แหมก็ฟันหักเป็นฉันฉันก็ร้องนะ"
เลิศส่ายหัว เขาเหมือนกำลังฟังเรื่องของเด็กห้าขวบพลัดตกจากจักรยานเสือภูเขา
"เอ้อ เห็นว่าวันศุกร์นี้พวกเราถึงไปเยี่ยมได้ แต่งตัวสวยๆ ไปกันเนอะป้าเนอะ ไปปลอบใจเธอหน่อย พี่เลิศจะไปมั้ย" แตงตะโกนถาม
เจ้าของชื่อที่แอบนอนเอกเขนกอยู่ในห้องพักจึงโผล่หน้าออกมาส่ายหัวปฏิเสธ
"ทำไมล่ะพี่ เขาไปกันหมดบ้านเลยนะ"
"ไม่ชอบโรงบาล"
"ไม่มีใครชอบหรอกพี่ แต่ที่เขาไปกันเพราะเธอเป็นเจ้านาย"
เลิศนึกขันความเจ้าสั่งการของเหล่าคนงานในบ้านหลังนี้
"ไปกันหมดก็ขาดคนเฝ้าบ้าน ผมอยู่น่ะดีแล้ว เผื่อมีขโมยขโจรย่องเข้ามา"
แตงพยักหน้า เธอจิ้มมะม่วงเปรี้ยวกับน้ำปลาหวานและโยนใส่ปากโดยที่ไม่รบเร้าเลิศต่อ สัปดาห์ถัดมาเลิศจึงได้พบกับมนพัทธ์อีกหน เด็กหนุ่มคนนั้นมีปลาสเตอร์แผ่นใหญ่แปะที่หัว ส่วนขาและแขนก็ถูกพันด้วยเฝือกอ่อนสีดำสนิท เขาขยับเขยื้อนไปไหนแทบไม่ได้หากไม่มีรถเข็นไฟฟ้าคู่ใจ
"บ้านเราไม่มีลิฟต์นี่นา เนี่ยคุณคะ หมีก็บอกแล้วว่าไปหาฤกษ์ทำมาซักที"
"บ้านเรามีชั้นอยู่แค่นี้เองใครมันจะไปรับทำ"
สามีภรรยาถกเถียงกันอยู่หลายนาทีจนคนเป็นลูกต้องรีบแจ้นด้วยความเร็วของรถเข็นออกมาจากบริเวณนั้น
"อุ้มหน่อย"
มนออกคำสั่งเมื่อเห็นเลิศเดินเงอะงะอยู่ไม่ไกล
"ครับ?" ชายหนุ่มร้องเสียงหลง
"ปวดฉี่"
เลิศขมวดคิ้วเป็นปม ปริศนาสองสามพยางค์ของมนพัทธ์ยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ
"ยกผมกับวีลแชร์ขึ้นไปหน่อย ปวดฉี่"
เลิศเตรียมปฏิเสธแต่รัศมีตามมาเห็นดีเห็นงามด้วยเสียก่อน
"พอดีเลยนายเลิศ ช่วยยกน้องขึ้นไปที คุณผู้ชายเองก็หลังไม่ค่อยดี ฝืนสังขารไม่ไหวละ ไอ้ฉันมันก็ไม่มีแรงซะด้วย มีแต่นายเลิศนี่ล่ะที่พอจะพึ่งพาได้"
เจ้าของชื่อยิ้มเจื่อน เขามองแม่ลูกจอมบงการที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างท้อแท้ใจ
"มาหนูมาเกาะไหล่แม่ เดี๋ยวให้พี่เขายกวีลแชร์ขึ้นไป พอยกเสร็จแล้วให้พี่เขาลงมารับ มา หนึ่ง สองฮึ่บ!"
รัศมีหิ้วแขนข้างหนึ่งของลูกชายขึ้นพาดบ่า เป็นสัญญาณให้เลิศทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เขาแบกรถเข็นไปตามความชันจากนั้นก็เดินกลับลงมาช้อนร่างเล็กที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นยาขึ้นอุ้ม และเยื้องย่างไปยังชั้นสอง
หนักฉิบหาย
เลิศบ่น
หนักเหมือนยกซุง
มนพัทธ์ตวัดรอบแขนเกี่ยวไว้ที่ลำคอหนา เขาบดเบียดเนื้อตัวเข้าไปใกล้เสียจนลมหายใจอุ่นพรมอยู่ข้างใบหูของเลิศ
"ผมโดนผลัก" มนกระซิบ "มันผลักผม"
คนฟังใจเต้นไม่เป็นส่ำ สิ่งที่เลิศคาดการณ์เอาไว้ถูกต้องทุกประการ ชายหนุ่มเหลียวมองคนในอ้อมแขนอย่างหวาดหวั่น เขากลัวเหลือเกินว่าจะทำร่างกายแสนบอบช้ำในอ้อมแขนร่วงหล่นลงไป
"มีใครรู้บ้าง" เลิศถาม
"แค่คุณ...ตอนนี้มีแค่คุณ"
เลิศกลืนน้ำลาย ความลับที่มนพัทธ์ร่วมแบ่งปันกับเขานั้นช่างหนักอึ้ง หนักเสียจนเขาเผลอถอนหายใจเมื่อวางร่างอรชรลงบนเบาะของรถเข็นได้สำเร็จ
"อาบน้ำไปด้วยเลยนะลูก"
สองหนุ่มสะบัดหน้ากลับไปหารัศมี
"อะไรนะครับ"
มนเลื่อนล้อรถเข็นไปริมระเบียงก่อนตะโกนถาม
"อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเลยจ้ะ โรงพยาบาลเชื้อโรคเยอะ เดี๋ยวป่วย"
"จะอาบยังไงล่ะครับ ปกติพี่พยาบาลเขาเช็ดตัวให้นะ"
"นายเลิศไง"
"หา!" ทั้งคู่คำราม
"เดี๋ยวแม่ให้คนหาพลาสติกมาคลุมเฝือกเอาไว้ให้ ส่วนตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ฝากน้องด้วยนะ โตเป็นหนุ่มแล้วจะให้แม่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็ยังไงอยู่ น้า ยังไงฝากนายเลิศด้วยนะ ฉันต้องไปสั่งงานในครัวละ"
"แม่!"
คนเป็นลูกร้องเรียกแต่รัศมีวิ่งปรู๊ดหายไปอีกทาง ทิ้งให้คนสวนพ่วงตำแหน่งบุรุษพยาบาลจำเป็นยืนจังงังอยู่กับที่
"แม่งเอ๊ย" มนพัทธ์สบถ
เขาเคลื่อนรถเข็นด้วยความเร็วเต็มพิกัดไปที่ห้องนอนของตัวเอง ก่อนเปิดประตูกระแทกกับข้างฝาเสียงดังสนั่น
"ไม่ต้องทำหรอก"
"ทำอย่างกับผมอยากทำนัก"
เลิศที่เดินตามมากลอกตา เขาถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าและคว้าเอาชุดลำลองที่สวมได้ทางหัวของมนพัทธ์ออกมาวางเรียงบนเตียง
"ทำอะไร"
"หยิบถึงรึไง"
เด็กหนุ่มตอบ ไม่ ในใจเสียงดัง ลำพังแค่จะลุกยืนเป็นกระต่ายขาเดียวก็ถือว่าเกินกำลัง
"เดี๋ยวยืนหลับตาให้ ติดขัดตรงไหนคุณก็บอกแล้วกัน" ชายหนุ่มเสนอ
"ติดทุกตรง อย่าบ้าจี้ตามแม่ได้มั้ย"
เลิศถอดทอนใจ
"มือก็เดี้ยง แขนก็เดี้ยง จะไปทำอะไรเองไหวได้ไง"
"ไม่ไหว แต่เดี๋ยวเรียกแม่มาทำให้"
เด็กหนุ่มกดปุ่มให้รถเข็นเคลื่อนไปด้านหน้า แต่พยาบาลจำเป็นกลับหมุนให้มันกลับมาประจันหน้าเขาอย่างเดิม
"ทำๆ ไปให้มันจบเถอะคุณ อย่ามากความนักเลย ผมมีอีกหลายงานที่ต้องไปทำต่อ"
"ไอ้นี่" มนพัทธ์แยกเขี้ยว
เลิศไม่พูดพร่ำ เขายื่นมือเข้าไปถกชายเสื้อยืดตัวโคร่งของคุณคนเล็กออกทางหัว คนถูกรุกรานตาถลึง ปากอ้าจะด่าให้เจ็บแสบแต่เสี้ยววินาทีนั้นมือหนากลับยุ่มย่ามอยู่ที่ตะขอกางเกงของเขาเสียก่อน เด็กหนุ่มจึงต้องกลืนคำด่าทอลงคอหอย
"อ๊ะ"
เศษเสี้ยวกิริยาหยาบโลนแสนหน้าไม่อายของนายเลิศสัมผัสถูกจุดกลางกายจนคุณชายต้องห่อไหล่เข้าหากันจนตัวงอ
"โทษที ไม่คิดว่าจะโดน"
"ทุเรศ"
"ไม่ได้ตั้งใจ"
"ก็ยังทุเรศอยู่ดี" มนพัทธ์เบือนหน้าหนี
"คนที่หัวนมตั้งเพราะแค่มีผู้ชายมาถอดเสื้อให้กล้าพูดแบบนี้เหรอ"
"ไอ้เลิศ!"
คนเป็นนายเหลือจะทน เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งตอบโต้คำพูดไร้มารยาทเต็มแรงหนึ่งฉาดจนใบหน้าเจ้าเสน่ห์เบ้ไปอีกทาง
ชนะแล้ว
มนพัทธ์ยิ้มผยอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีเจ้าของดวงตาดุดันราวพญามัจจุราชก็หันกลับมายัดเยียดจุมพิตร้อนให้เด็กหนุ่มผู้ลำพองใจ
Comments (0)