คำถามที่ 2

ถ้าจู่ ๆ ก็ได้เงินยี่สิบล้านบาทมาไว้ในมือของตัวเอง เธอจะทำยังไงกับมันงั้นเหรอ

-

 

-เธอ-

ถ้ามองในแวบแรกคงเผลอตัวคิดไปแหละว่าเงินจำนวนยี่สิบล้านนี่มันเยอะสุด ๆ ไปเลยแฮะ แต่พอคิดว่าบ้านหลังที่ฉันและเธอโตมาคงไม่พ้นสามหรือสี่ล้าน ไม่ก็อาจจะมากไปกว่านั้นนิดหน่อย ฉันก็เริ่มจะคิดว่าว่ามันคงเป็นเงินที่ไม่ได้เยอะสักเท่าไร ถ้าหากใช้อย่างไม่ระวังก็คงจะไม่เหลือสักเหรียญเดียว

ความน่ากลัวของการถือเงินเยอะ ๆ เอาไว้ในมือก็แบบนั้นแหละ

มีคนบอกกับคุณพ่อว่า คนบางคนแค่ถือเงินมากหน่อยก็คิดว่าตัวเองมีอำนาจเหนือใคร ๆ ทั้งโลก

ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเห็นด้วยกับประโยคนี้ไหม

เขาคงไม่ถึงกับมีอำนาจเหนือคนทั้งโลกหรอก ถ้าจะเป็นอย่างนั้น เขาคงจะต้องรวยที่สุดในโลกล่ะนะ แต่ฉันคิดว่าเขาก็คงมีอำนาจมากกว่าเด็กที่ยืนกำแบงก์ยี่สิบอย่างเราจะมี

นึกภาพเลขศูนย์ที่ต่อท้ายจากแบงก์ที่มีไปอีกหกตัว มันไม่ใช่เลขที่น้อย ๆ เลยล่ะนะ แต่ในยุคนี้ก็คงไม่ถือว่ามากมายขนาดนั้นเหมือนกัน คุณแม่บอกว่า มันคือสิ่งที่เรียกว่า ค่าครองชีพน่ะ แต่ฉันเองก็ไม่ได้เข้าใจคำอธิบายพวกนั้นทั้งหมดหรอก เข้าใจแค่ว่าเงินที่จำนวนเท่ากันกับตอนนี้เมื่อหลายปีก่อนเคยมีค่ามากกว่านี้มาก ๆ เพราะฉะนั้นเงินยี่สิบล้านในตอนนี้ มันก็อาจจะไม่ได้ดูมากมายขนาดนั้นตอนที่โตขึ้นก็ได้

แต่ฉันไม่ได้บอกว่ามันไม่เยอะหรอกนะ

อืม เอามันไปทำอะไรงั้นเหรอ ถ้าให้พูดจริง ๆ ก็ต้องบอกว่าไม่รู้เลยล่ะ พวกของที่อยากได้ตอนนี้ละก็ ยังไงก็เป็นหนังสือใช่ไหมล่ะ แต่ของพวกนั้นไม่ต้องมีถึงยี่สิบล้านก็พอจะซื้อได้นี่นา

การมีหนังสืออยู่เยอะ ๆ แต่ไม่ได้อ่านเลย มันออกจะเสียเปล่าไปสักหน่อยนะ

แต่พี่สาวฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น

พี่คนรองบอกว่า คนเราก็ซื้อหนังสือเพื่อมาเก็บนี่นา ถึงไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไร ยังไงตัวหนังสือที่อยู่ในนั้นก็จะไม่หายไปสักหน่อย ส่วนพี่คนโตน่ะ ไม่คิดจะอ่านหนังสือนิยายสักเท่าไร เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันเลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรจะทำยังไงกับเงินยี่สิบล้านดี ถ้าได้มันมา

อย่างแรก ๆ ก็คงต้องไปเปิดบัญชีธนาคารใช่ไหมล่ะ เอาเงินไปเก็บไว้ไม่ก็หาทางทำอะไรสักอย่างให้เงินมันเพิ่มขึ้นโดยที่ฉันไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมัน เพราะว่าตอนกลางวันยังต้องไปเรียนหนังสือนี่นา

ถ้าจำไม่ผิด พวกผู้ใหญ่มีสิ่งที่เรียกว่าการลงทุนไม่ก็กองทุนหรืออะไรสักอย่างอยู่นี่นา อะไรแบบนั้นน่ะ จำเป็นต้องทำเป็นอย่างแรก ๆ เลย

จริง ๆ ถ้าเอาเงินสักนิดหน่อยมาต่อเติมบ้านเป็นห้องอ่านหนังสือที่มีโซฟาหรือเก้าอี้นุ่ม ๆ ก็คงดีนะ เพราะว่าพอต้องมาอ่านหนังสือที่โซฟาหน้าทีวีแล้วเสียงมันก็ดังจนอ่านอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องเลย จะให้ไปอ่านในห้องก็ไม่ได้ เพราะว่าพี่คนรองไม่ชอบให้ฉันเข้าไปในห้องก่อนเวลานอนสักเท่าไร

อ้า จริงสิ ถ้าทำได้ ขอคุณแม่กับคุณพ่อทำห้องส่วนตัวก็คงดีนะ ก็ตอนนี้สิบขวบแล้วนี่นา อีกหน่อยก็จะเข้ามัธยม พอถึงตอนนั้น ถ้ายังนอนกับพี่หรือพ่อแม่อยู่ก็น่าอายอยู่เหมือนกัน

แต่ฉันก็ชอบนะ เวลาที่คุณแม่มากล่อมให้นอน หรือไม่ก็ตอนที่คุณพ่อเปิดประตูมาหอมเหม่งก่อนนอน เพราะเขากลับบ้านดึกน่ะ

แต่ที่แน่ ๆ การจะมีเงินยี่สิบล้านหล่นลงมาจากฟ้าโดยที่ไม่ได้ทำอะไรก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่ พอคิดอย่างนั้น มันก็ทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออก ต่อให้มันเป็นจริง ฉันก็คงคิดอะไรไม่ค่อยออกเหมือนตอนนี้ล่ะมั้ง

มันออกจะไกลตัวไปหน่อยนี่นา ถึงบ้านเราจะไม่ได้รวยล้นฟ้า แต่ก็ไม่ได้ขาด พวกของกินราคาแบบที่เด็กประถมอย่างพวกเราจ่ายกันเองไม่ไหว ก็ทานได้อยู่เรื่อย ๆ ฉันเลยไม่คิดว่าพอได้ถือเงินยี่สิบล้านแล้วฉันจะแปลกมากไปกว่านี้หรอกมั้ง (อย่างน้อยก็เป็นความคาดหวังน่ะนะ)

แต่ก็นั่นแหละ การมีเงินยังไงก็ดีกว่าไม่มี การจะบอกว่าเงินไม่ใช่อำนาจก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะแค่ดินสอกดราคาแพงกว่าพวกเรายังเอามาอวดกันได้เลยนี่นา พวกผู้ใหญ่ก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

ฉันแค่หวังว่ามันจะไม่เปลี่ยนฉันให้กลายเป็นคนที่ตัวเองไม่รู้จักไปมากกว่านี้เท่านั้นเอง

เงินน่ะ มีก็ดี แต่มีมากไปก็น่ากลัวนะ ที่หมายถึงทำให้ตัวเราดูน่ากลัวน่ะนะ

อ๊ะ หรือบางทีคนก็ใช้คำว่าน่าเกรงขาม

แต่ฉันคิดว่ายังไงก็เป็นคำว่ากลัวนั่นแหละ เพราะทั้งฉัน ทั้งเธอก็ไม่ค่อยชอบใจนี่นา เวลาที่ฟ้าใสชอบเอาของมาอวดแค่เพราะพ่อแม่ของเขาซื้อของแพง ๆ มาให้ แล้วมันไม่ชอบยิ่งกว่าเดิมตอนที่ทุกคนก็พานตื่นเต้นกับเจ้านั่นตามไปด้วยทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ตัวเองก็ไม่ได้สนใจมันสักหน่อย

คำว่าราคากับคำว่าแพงต่างหากที่ทำให้มันมีค่า เพราะฉะนั้นมันเลยน่ากลัวไงล่ะ

ฉันไม่อยากจะเป็นคนมีเงินยี่สิบล้านที่ทำตัวเหมือนกันกับฟ้าใสเลย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะห้ามใจไม่ให้อวดของที่เรามองว่ามีค่าได้ยังไง

เข้าใจยากชะมัดเลย ว่าไหม

อ๊ะ จะว่าไป เธอก็เคยทำนี่ เอาดอกไม้อะไรก็ไม่รู้มาอวด แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้ไม่ชอบใจกับเธอหรอกนะ ไม่รู้สิ อาจจะเพราะรู้สึกได้ว่ามันมีค่าสำหรับเธอล่ะมั้ง ก็เลยไม่เกลียด แต่ถ้าอย่างนั้น ทำไมฉันถึงคิดเอาเองว่าของที่ฟ้าใสเอามาถึงไม่มีค่ากับเธอนะ

อืม รู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดไปเลยแฮะ เห็นทีคืนนี้คงต้องลองคิดอีกทีแล้วล่ะ ฉันไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย ไม่ใช่เพราะว่าเป็นสุดยอดฮีโร่ ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมหรืออะไรหรอกนะ

มันแค่รู้สึกไม่ดีเวลาที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะทำอะไรผิดกับใครสักคนใช่ไหมล่ะ

ใช่แล้ว คงจะเป็นแบบนั้นล่ะ

ฉันนอกเรื่องจากเงินยี่สิบล้านมาไกลจัง ฉันดูไม่จริงจังกับมันเท่าไรเลย อาจจะเพราะมันไม่ใช่ของที่ดูมีค่ากับฉันมากในเวลานี้ล่ะมั้ง

แต่ก็นั่นแหละ

คำตอบของฉันคือเก็บมันเอาไว้ หาที่ลงทุน แล้วก็เอาไปต่อเติมบ้านกับซื้อของนิดหน่อยล่ะมั้ง อะไรทำนองนั้น

 

-ฉัน-

นี่ ๆ เงินยี่สิบล้านนี่มันเป็นเงินที่เย้ออออออออออออออมากเลยไม่ใช่เหรอ (โอ๊ย การเขียนอออ่างเยอะอย่างนี้ก็ปวดมือเหมือนกันนะ แต่มันได้อารมณ์มากกว่านี่นา เพราะฉะนั้นยอมก็ได้!)

ฉันลองถามพี่ชายว่า มันจะซื้อไอติมได้เท่าไร งั้นเหรอ พี่บอกว่าเท่ากับบ้านทั้งหลังหรืออาจจะมากกว่านั้นล่ะมั้ง พี่ไม่ได้กดเครื่องคิดเลข ก็เลยกะให้แบบ ขี้เกียจ ๆ น่ะ แต่นั่นก็มากจนทำให้รู้แหละว่า มันเป็นเงินที่เยอะมาก ๆ เลยนี่นา สุดยอดไปเลยนะ

พอต้องมาคิดว่าจะทำยังไงกับเงินที่เยอะมาก ๆ ขนาดนั้นดี อย่างแรกที่ต้องทำก็คือบอกป๊ากับแม่ล่ะ

เงินที่เยอะขนาดนี้ จะให้จัดการด้วยตัวเอง คนเดียวน่ะทำไม่ได้หรอกนะ อีกอย่าง ถ้ามันเกิดขึ้นจริง คุณแม่ต้องดีใจแน่ ๆ เลย เพราะแค่ตอนที่ฉันเอาอั่งเปาที่ได้มาไปให้ คุณแม่ก็ลูบหัวแล้วก็ชมฉันใหญ่เลย ทั้งที่จริง ๆ คนที่ต้องได้คำชมน่าจะเป็นพวกคุณน้าที่ให้เงินสิ แต่ก็นั่นแหละ ฉันคิดว่าน่าจะดีใจนะ

อืม เงินขนาดนั้นคงทำให้เราทั้งครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันได้หลายที่เลยนะ ฉันน่ะ อยากจะลองไปเที่ยวต่างประเทศดูสักครั้ง เห็นป๊าไปกับที่ทำงานบ่อย ๆ แล้วก็อยากจะลองไปบ้างจังเลยนะ คิดแบบนั้นอยู่ตลอดเลยล่ะ แต่ปะป๊าเคยบอกว่าปีใหม่นี้เราจะไปญี่ปุ่นกันนะ เพราะว่าปีนี้ป๊าทำงานได้ดี ก็เลยได้เงินมาเพิ่มแล้วยังได้วันหยุดมาเยอะแยะเลยด้วย ได้ยินแบบนั้น ฉันก็เลยคิดว่า ถ้ามีเงินอีกยี่สิบล้าน เราคงจะไปเที่ยวตอนไหนที่อยากไปก็ได้ โดยที่ไม่ต้องรอป๊าหยุดก็ได้ล่ะมั้งนะ

แล้วก็นะ ถ้ามีเงินเยอะ ๆ ก็จะไปกินของอร่อยด้วยกันได้ใช่ไหมล่ะ ฉันรู้นะว่าเธอชอบร้านโตเกียวที่อยู่ข้างหน้าโรงเรียน ไส้หวานเป็นไส้โปรดของเธอ มันอันละสองบาท เงินยี่สิบล้านคงทำให้เธอได้กินจนพุงกางเลยล่ะ ไม่แน่เธออาจจะเบื่อมันไปเลยก็ได้ แต่คงไม่หรอก

ถ้าเป็นของที่ชอบ ก็คงจะไม่เบื่อไปง่าย ๆ หรอกมั้ง หรือถ้าเบื่อไปแล้วก็อาจจะกลับมาชอบใหม่อยู่ดี เพราะว่าชอบนี่นา

ฉันเคยได้ยินจากหนังล่ะมั้ง พี่ชายคงจะเป็นคนเปิดให้ดู เพราะในบ้าน คนที่อยู่กับฉันเยอะที่สุดก็คือพี่ชาย นั่นแหละ ๆ คุณลุงในหนังเขาบอกว่า เงินน่ะ ซื้อความสุขไม่ได้หรอก ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจริงไหม แต่ความสุขทุกอย่างที่ฉันมีตอนนี้ก็มาจากเงินที่ป๊ากับแม่ทำงานหามาให้นี่นา เพราะฉะนั้นฉันคิดว่ามันคงจะไม่จริงไปซะทีเดียว เธอน่าจะเข้าใจคำพูดพวกนี้นะ เพราะเธออ่านหนังสือเยอะนี่

หวา ฉันใช้คำว่า นี่นา เยอะจัง มันไม่เท่เลยอะ แต่ฉันว่าเมื่อกี้ฉันเพิ่งจะเขียนอะไรเท่ ๆ ไปนะ

ใช่ ๆ เงินน่ะซื้อความสุขได้อยู่แล้ว แต่มันแค่ไม่ทั้งหมดเท่านั้นเอง

ฉันน่ะ มีความสุขเวลาที่ป๊าซื้อขนมมาฝากจากที่ทำงานมากเลยนะ แต่ถ้าเราไม่ต้องหาเงิน ป๊าก็อาจจะได้อยู่ที่บ้านด้วยกันกับฉันเหมือนที่เราทำในวันหยุดหรือเปล่านะ ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็ทำให้ฉันมีความสุขได้เหมือนกัน

อืม ถ้าเป็นแบบนั้น มันจะยังหมายความว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้หรือเปล่า ไม่รู้สิ ยากจังเลยนะ

บางที ถ้าเรามีเงินเยอะมาก ๆ อย่างยี่สิบล้านที่เธอถาม ป๊ากับแม่อาจจะได้พักอยู่บ้าน เพราะเรามีเงินมากพอจะทำอะไรที่อยากทำก็ได้ แต่ของแบบนั้นมันคงจะยากสินะ ฮ่า ๆ เธอต้องแปลกใจแน่เลยที่ฉันก็เข้าใจเรื่องแบบนี้ด้วย แน่นอนสิ ถึงจะไม่เก่งเหมือนกันกับเธอ แต่ฉันไม่ใช่คนเซ่อหรอกนะ

อืม ๆ เงินยี่สิบล้านนี่นา ถ้าได้มีจริง ๆ ก็คงดีล่ะนะ เพราะฉันอยากจะใช้มันไปกับคนที่บ้านของฉัน แล้วก็ซื้อขนมมากินด้วยกันกับเธอด้วยล่ะ

ถ้าได้กินขนมด้วยกันต้องดีแน่ ๆ เลย เหมือนที่เราซื้อโตเกียวมานั่งกินด้วยกันทุกเย็นก่อนที่แม่จะมารับยังไงล่ะ เงินที่เราเอาไปซื้อโตเกียวจะทำให้คุณน้าที่ขายโตเกียวมีความสุขไหมนะ มันจะมีความสุขมากกว่าหรือเปล่านะ ถ้าเราจะเอาเงินไปให้โดยที่คุณน้าไม่ต้องเหนื่อยแรงทำโตเกียวให้เรา หรือบางทีคุณน้าอาจจะสนุกที่ได้ทำโตเกียวก็ได้

ไม่รู้สิ อะไรแบบนี้จะให้คิดเองก็คงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ แต่ถึงจะทำเพราะชอบ ยังไงให้เงินไปด้วยก็ต้องดีกว่าแน่ ๆ เพราะอย่างน้อยคุณน้าก็จะได้เอาไปซื้อของอร่อย ๆ ที่อยากกิน

ถ้าเราสามารถอยู่ในโลกที่ทุกคนกินสิ่งที่อยากกินได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยก็คงจะดีนะ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่า มันพอจะเป็นไปได้ไหม แต่นั่นไง พี่ชายเรียกมันว่ายูโท-เปีย หรือไม่ก็ดินแดนในฝัน อะไรทำนองนั้น

ใช่ ๆ เรามามีโลกที่เราทำอะไรที่อยากทำหรือกินอะไรที่อยากกินได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยทำสิ่งที่ไม่ชอบกันเถอะ ฉันว่าโลกแบบนั้นจะต้องดีแน่ ๆ เลย

เธอว่าไหม

กว่าเธอจะตอบได้จะเป็นตอนไหนกันนะ แต่ตอนนั้นฉันกับเธออาจจะตอบได้ก็ได้ว่ามันเป็นไปได้ไหม โลกที่ฉันกับเธอจะนั่งกินโตเกียวด้วยกันได้ โดยที่คุณน้าคนขายเองก็มีความสุขมาก ๆ น่ะ

 

 

-

รอบนี้ตาฉัน!

อืม ๆ คำถามของเธอดูจริงจังตามคาดล่ะนะ ฉันว่าเธอต้องเขียนอะไรเครียด ๆ ตอบไปแน่เลย เพราะฉะนั้นรอบนี้เป็นคำถามของฉันบ้างแล้ว

อ๋า เอาเป็นอันนี้แล้วกันนะ

นี่ ๆ คำถามที่สามคืออันนี้นะ

ถ้าเธอย้อนเวลาไปหาตัวเองในอดีตได้ เธอจะบอกอะไรกับตัวเองงั้นเหรอ

เป็นคำถามที่น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ ฉันจะตั้งตารออ่านนะ (แน่นอนว่าในอนาคตอันไกลโพ้น!!)

 

#ถ้าวันนึงเธอหยิบมันมาอ่านอีกทีคงดีนะ