คฤหาสน์หลังหรูบ้านคิมหันต์ที่ที่เจ้าของตัวไม่ชอบมาแต่ดันเป็นบ้านในฝันของใครหลายคนไปเสียได้ แต่เขาต้องมาเพื่อยกเลิกนัดเดแทบจะไปแม่อยากให้เขาแต่งงานสักทีแต่ท่านไม่เคยเกี่ยงว่าลูกตัวเองจะชอบเพศไหนนั่นคงเป็นข้อดีของแม่ตัวเองก็ว่าได้

“แม่ต้องการอะไรจากผม ผมไม่เดต!”

“แกจะเดตหรือจะไปคืนดีกับหนูซิงเลือกเอา!”

“แม่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตผมนะอย่ามาทำแบบนี้กับผม ผมไม่ใช่แม่ที่ยอมรับการคลุมถุงชนง่ายๆ”

“ฉันแค่เลือกทางที่ดีที่สุดให้แก”

“แม่เลิกพูดแบบนี้สักทีเหอะทั้งๆ ที่แม่ไม่เคยคิดจะถามผมสักคำ ทางที่ดีบ้าอะไร ทางที่ดีสำหรับแม่น่ะเหรอ”

“แกอย่ามาเถียงฉันนะ”

“ได้ แม่อยากให้ผมทำอะไรผมก็จะทำให้ จะให้ผมไปเจอเขาที่ไหนล่ะ” แม่ของคิมหันต์ได้ยินแบบนั้นก็เผลอยิ้มออกมาด้วยความดีอกดีใจที่ลูกชายยอมทำตามที่สั่งแม้ว่าจะไม่เต็มใจสักเท่าไหร่

 

คนตัวสูงเดินออกจากบ้านและขับรถออกไปตามนัดหมายทันทีเขายอมไปเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียหน้าอย่างน้อยก็อยากจะคุยกันให้รู้เรื่องเสียก่อน

ทันทีที่รถจอดสนิทคิมหันต์ก้าวเท้าเข้ามาในร้านเพื่อตามหาคนที่แม่ของเขานัดไว้ให้ไม่นานก็เจอเป้าหมายตามที่แม่บอกไว้

“คุณคิมใช่ไหมครับ” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น คิมหันต์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ

“ผมชื่อกีตาร์ครับ”

“ครับ อยากทานอะไรก็สั่งเลยนะครับเดี๋ยวผมเลี้ยง” คิมหันต์พูดขึ้น กีตาร์จึงหยิบเมนูอาหารขึ้นมาสั่ง ร่างสูงเปรยตามองอีกฝ่ายเพื่อสำรวจบางอย่าง

“มีอะไรรึเปล่าครับคุณคิม”

“เปล่า สั่งเสร็จแล้วใช่ไหม”

“ครับ คุณคิมสั่งไหมครับ”

“ไม่เป็นไรนายสั่งก็พอ ฉันกินได้หมด” นั่งรอเพียงไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟคุณคิมก้มหน้าก้มตากินอาหารโดยไม่พูดจา ทำให้อีกคนที่มาด้วยกระอักกระอ่วนไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมา

“คุณชอบดูหนังไหมครับ” อีกฝ่ายตัดสินใจทำลายความเงียบแต่คำตอบที่ได้มีเพียงใบหน้าที่พยักหงึกหงักเป็นการตอบรับ

“แนวไหนหรอครับ”

“ฆ่ากันเลือดสาดอะไรแบบนี้น่ะ”

“......”

“ไม่ต้องอึ้งขนาดนั้นก็ได้” คิมหันต์พูดขึ้นมาทันทีที่เห็นกีตาร์มองเขาค้างเป็นนานสองนาน

“คุณคิมชวนผมคุยบ้างก็ดีนะครับ..” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นคนตัวสูงจึงหยุดทานอาหารแล้วจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย

“งั้นออกไปเที่ยวข้างนอกกัน” คิมหันต์พูดจบก็เดินนำอีกคนออกไปจากร้าน

“คุณได้ขับรถมาไหม”

“ไม่ครับ เพื่อนมาส่ง”

“งั้นขึ้นรถผม” เขาเปิดประตูให้อีกฝ่ายก่อนที่ตนเองจะอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ

 

“เราจะไปไหนกันหรอครับ” กีตาร์เอ่ยถาม

“ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”

“แต่ผมไม่รีบกลับบ้านนะครับ หรือว่าคุณคิมไม่อยากสานความสัมพันธ์ต่อแล้วหรอครับ”

“ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็ใช่” กีตาร์ได้ยินแบบนั้นถอนหายใจออกมาทันที

“ฉันมีคนที่ฉันชอบแล้วฝากเกลี้ยกล่อมแม่นายด้วย”

“ได้ครับ ผมเองก็ไม่อยากไปบังคับใจคุณ ขอให้ชีวิตรักของคุณคิมราบรื่นนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้” คนตัวโตยิ้มได้ทันทีที่ได้ยินคำนั้นออกมา

“โล่งอกไปทีนะครับ”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะคุณไม่ได้ให้ความหวังผม คุณยอมพูดออกมาตรงๆ”

“ก็ไม่รู้ว่าจะให้ความหวังไปทำไม ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดี”

“ผมว่าคุณเองก็ควรไปคุยกับคุณนายแม่ด้วยนะครับเพราะคนที่นัดผมให้มาเจอคุณคือคุณนายแม่ต่างหาก”

“ฉันรู้ ฉันหาทางอยู่” จู่ๆ บรรยากาศในรถก็เงียบอีกครั้งจนได้ยินเพียงเสียงแอร์ในรถ

 

ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาด ใบไผ่นอนฟุบอยู่ข้างงๆ ยายเขาเหนื่อยจากการทำงานแถมต้องมาโรงพยาบาลถี่ด้วย จะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อนแทบจะไม่มีเลยล่ะ

“คนไข้คะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ” พยาบาลเดินเข้ามาปลุกใบไผ่

“อ่า ขอโทษครับ” ใบไผ่รีบลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะมองไปยังเตียงของยาย ยายยังคงนอนหลับสนิทตั้งแต่ตอนเย็นหลังจากใบไผ่ป้อนข้าวป้อนยาให้คุณยายแล้ว

ใบไผ่ตัดสินใจเดินออกมาเงียบๆ เขาตัดสินใจที่จะกลับไปนอนพักที่บ้านเพื่อรอให้ถึงเวลาเยี่ยมอีกครั้งจึงค่อยมา

 

คิมได้ย้ายคอนโดเรียบร้อยแล้วไกลจากที่เดิมประมาณหนึ่งสาเหตุที่เขาย้ายคอนโดจริงๆ แล้วเขาอยากย้ายมาเพื่อให้ใกล้ที่ทำงานเขามากขึ้นจะได้ใช้เวลาเดินทางน้อยลง

คอนโดเก่าที่เขาตัดสินใจซื้อเพราะว่าแฟนเก่าของเขาบ่นว่าชอบวิวที่นั่น และมันกวนใจคิมหันต์ตลอดคิมหันต์จึงตัดสินใจย้ายออกมา

“นายครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมกลับก่อนนะครับ”

“เออ จะไปไหนก็ไป” ธันเดินไปเปิดประตูห้องทันทีที่เปิดประตูก็เผยให้เห็นแม่ของคิมกำลังยืนอยู่หน้าประตูและกำลังจะกดกริ่งพอดี

“สะสวัสดีครับ” ธันรีบเอ่ยทักทายพลางโค้งตัวลงเพื่อทำความเคารพ

“แม่มาได้ไงอะ” คิมพูดทันทีที่เห็นแม่เดินเข้ามา

“หนูกีตาร์ไม่ดีตรงไหน ทำไมแกไม่ชอบ”

“แม่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดี แต่เรื่องชีวิตของผมผมขอจัดการเองได้ไหม”

“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ฉันแค่อยากเห็นหน้าแฟนแกไง”

“แม่ก็อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้สิ ขอผมหาด้วยตัวผมเอง ผมไม่มีทางทำให้แม่ผิดหวังแน่ๆ”

“หนูกีตาร์เขาบอกฉันว่าแกมีคนที่ชอบอยู่แล้วเขาไม่อยากให้ฉันไปบังคับฝืนใจแก แต่ก็เอาเหอะ ฉันจะให้โอกาสแก ถ้าแกยังหามาให้ฉันไม่ได้ฉันจะเป็นคนหามาให้แกเอง!”

“แล้วคอนโดเนี่ยทำให้เหมือนคอนโดหน่อยวางของอะไรเกะกะสิ้นดี” แม่พูดพลางเตะของที่วางอยู่เบาๆ เพื่อระบายอารมณ์

“แม่ผมเพิ่งย้ายมาเองนะ”

“รู้”

“แล้วแม่รู้ได้ยังไงว่าผมมาอยู่ที่นี่”

“ก็ถามลูกน้องแกไง ยากตรงไหน” แม่พูดจบก็เดินออกไปทันทีคิมหันต์ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เขาหันมาสนใจของที่วางเกะกะอยู่ในห้องแทน

 

 

 

 

กริ๊งงงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นใบไผ่จึงรีบกดรับโทรศัพท์อย่างเร็ว

“สวัสดีค่ะ”

“อะไรนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ใบไผ่วางหูจากสายนั้นก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปหาคุณยายทันที และภาพที่เขาเห็นมันบีบหัวใจเขาและเจ็บปวดร้าวกับโดนเข็มนับร้อยทิ่มแทงเหมือนกับว่าทั้งหมดไม่ใช่ความจริง

หากเสียยายไปเขาจะเหลือตัวคนเดียวโดยสมบูรณ์...

 

 

หลายชั่วโมงต่อมา

(จริงหรอแก แกอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปหา) เบสพูดขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างจากใบไผ่

“ตอนนี้อยู่บ้านแล้ว”

(อือ งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปหา) ไม่นานนักหลังจากวางสายเบสก็ได้ตรงเข้ามาหาใบไผ่ เขาหวังเพียงคำพูดของเขาจะสามารถโอบกอดเพื่อนสนิทของตัวเองได้

 

“ไผ่แกโอเคไหม” ทันทีที่เบสมาถึงก็พุ่งกอดใบไผ่ทันที

“โอเค แหละ...”

“โถ่ คนเก่งของฉันปากบอกว่าโอเคแต่ทำไมตาแดงเชียว” เบสพูดพร้อมเช็ดน้ำตาให้ใบไผ่

“ฉันสูญเสีย ก็ต้องร้องไห้แกจะให้ฉันหัวเราะได้ยังไงกันเล่า”

“ไม่เป็นไรนะเด็กดี ฉันจะช่วยแกทุกอย่างเอง”

“เด็กดงเด็กดีบ้าอะไรขนลุก”

“ก็อยากให้แกยิ้มไง” ไผ่หัวเราะออกมาเบาๆ เพื่อให้เพื่อนได้สบายใจ

“ไปเราไปจัดการงานกันต่อ”

“อือ!”

 

ยายของใบไผ่เสียไปโดยที่ไม่มีความทุกข์ทรมานใดๆ ใบไผ่ได้จัดงานศพของยายโดยมีเพื่อนสนิทและญาติๆ มาคอยช่วยเขาด้วย คนตัวเล็กต้องกลับมาเหลือตัวคนเดียวอีกครั้ง เขาอยู่กับยายตั้งแต่พ่อกับแม่เสียด้วยอุบัติเหตุ และนี่เป็นการโดดเดี่ยวที่เขาไม่เคยชินกับมันเลย

 

“เออนี่ แล้วแกจะเอายังไงกับร้านต่อ เหลือตัวคนเดียวนะจะไหวไหม”

“ไหว เราอยากเปิดร้านต่อไป”

“งั้นถ้าแกมีเรื่องลำบากเมื่อไหร่บอกเรานะเราจะช่วยแกทุกเอง”

“อือ ขอบคุณนะ”

“มามีอะไรให้ช่วยอีกบ้าง”

“พอเถอะไปพักบ้าง”

“แกไม่พักฉันก็ไม่พักเหมือนกัน”

“ดื้อจริงๆ” ทั้งคู่ยิ้มออกมาก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป