“นายหายไปไหนมาครับผมหาตั้งนาน” ธันเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้า เขาเดินตามหาวุ่นไปหมดที่ห้องประชุมไปมาแล้วก็ไม่เจอ

“มึงนั่นแหละหายไปไหนมา”

“แย่แล้วครับคุณคิม” ธันรีบพูดเรื่องที่ตั้งใจจะมาบอกในทันที

“ค่อยๆ พูด กินน้ำก่อนไหม”

“นายรีบไปหาใบไผ่เถอะครับ”

“เกิดอะไรขึ้น” คิมหันต์ตกใจไม่ใช่น้อย

“คุณนายรู้เรื่องใบไผ่แล้วครับ ตอนนี้คุณนายไปหาใบไผ่ที่ร้านเขาครับ”

“อะไรนะ” คิมหันต์ได้ยินแบบนั้นจึงคว้ากุญแจรถในมือธันเพื่อขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านใบไผ่ด้วยความเร่งรีบ

 

“แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย” คุณนายพูดพลางเดินกลับไปนั่งที่เดิม “นายกับลูกชายฉันมีอะไรกันรึยัง”

“อะไรนะครับ ยะยังไม่มีหรอกครับ” “ก่อนอื่นผมขอโทษจริงๆ ที่โกหกคุณผู้หญิงไปแถมยังเรียกคุณว่าแม่อีก”

“เรียกว่าแม่นั่นแหละฉันชอบ”

“....”

“ไหนลองเรียกดู”

“คุณแม่ครับ..” ใบไผ่พูดออกมาอย่างเคอะเขิน

“อีกหน่อยลูกชายฉันคงจะมาหานายแล้วล่ะ” คุณนายพูดขึ้น “คนขับรถเขาคงเอาเรื่องไปฟ้องโดยที่ทิ้งฉันไว้ที่นี่”

“ให้ผมไปส่งไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอก ลูกชายตัวดีของฉันมาแล้ว” คุณนายพูดในขณะเดียวกันคิมหันต์ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

“แม่มาที่นี่ทำไม...” คิมหันต์เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นหน้าแม่ตัวเอง

“แกไม่คิดจะถามสารทุกข์สุกดิบฉันบ้างหรือไง”

“ใบไผ่แม่ไม่ได้พูดอะไรให้นายเสียใจใช่ไหม” ใบไผ่ส่ายหน้า

“แกเห็นฉันเป็นคนยังไง” คิมหันต์แทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะความกลัวและความกังวลตลอดทั้งทางที่เขาขับมาเขากลัวเหลือเกินว่ามารดาที่เคารพรักของเขาจะบงการชีวิตเขาอีกและแยกใบไผ่กับเขาให้จากกัน

“แกร้องไห้ทำไม” ทันทีที่สังเกตเห็นลูกชายของตัวเองเริ่มมีน้ำใสๆ คลอเบ้าตาจึงเอ่ยถามออกมา

“ผมไม่อยากให้แม่มาทำให้ความสัมพันธ์เราแย่ลง ผมยังอยากเจอหน้าใบไผ่ ผมอยากมีเขาในทุกๆ วันของชีวิตผม”

“แล้วฉันห้ามแกซะเมื่อไหร่ ฉันแค่อยากมาดูหน้าคนรักของลูกชายฉัน ฉันผิดตรงไหน”

“แม่...”

“เอาละ ฉันไม่อยากพูดกับแกแล้วฉันจะไปรอที่รถ แกต้องไปส่งฉันที่บ้านด้วย” คุณนายพูดก่อนจะเดินออกจากร้านไป

คิมหันต์หันไปมองหน้าใบไผ่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักใบไผ่จึงรีบวิ่งมาโอบกอดคิมหันต์เบาๆ

“ผมขอโทษ...”

“แม่คุณเขาดีกับผมมากเลยครับคุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”

“ผมแค่หยุดร้องไม่ได้...”

“คุณคิมครับ” ใบไผ่พูดเกริ่น “แม่คุณคงรู้สึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมาท่านจึงไม่อยากบังคับใจคุณอีก ท่านยอมรับคนอย่างผมเพราะผมทำให้คุณมีความสุขได้ ลองคุยกับแม่ดีๆ ดูสักครั้งเถอะนะครับ”

“แม่ขอให้นายพูดแบบนี้หรอ”

“ไม่ครับ คุณนายไม่เคยพูดออกมาเลยสักคำ”

“ไปคุยกับแม่ก่อนเถอะครับ” ใบไผ่พูด

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับแม่นิ”

“อย่าปล่อยให้แม่รอนานสิครับ” ใบไผ่พูดก่อนพลางดันหลังคิมหันต์ให้ออกจากร้าน

“งั้นไว้ผมจะแวะมาหาคุณนะ” ใบไผ่พยักหน้าคิมจึงเดินขึ้นรถและขับรถออกไป ใบไผ่ได้แต่มองจนสุดสายตาก็เข้าร้านมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที

 

 

“แม่มีอะไรจะพูดไหมครับ” คิมหันต์พูดขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดในรถ

“แกอยากให้ฉันพูดอะไรล่ะ”

“ผมอยากให้แม่เปิดใจยอมรับใบไผ่”

“ฉันพร้อมจะจัดงานแต่งให้แกเลยด้วยซ้ำ”

“มะแม่ พูดจริงหรอครับ”

“เขากล้าบอกว่าชอบแกต่อหน้าฉัน แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นคนใจร้ายอะไรขนาดนั้น” แม่ของคิมพูดพลางมองออกไปนอกรถ แท้จริงแล้วเขาไม่ได้อยากบังคับฝืนใจลูกเขาเพียงอยากให้ลูกได้มีครอบครัวมีคนที่รักและพร้อมจะดูแลลูกชายของเขาในยามที่เขาไม่อยู่แล้ว

“ใบไผ่เขาพูดว่าชอบผมหรอครับ”

“ใช่ อย่าบอกนะพวกแกยังไม่ได้เป็นแฟนกันหรอ”

“ผมเคยแค่บอกชอบใบไผ่แต่ใบไผ่ไม่เคยบอกกับผมตรงๆ เลย” คิมหันต์พูดขึ้น

“แม่ครับ เดี๋ยวผมไปส่งแม่ที่บ้านนะครับ” “ผมอยากจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าใบไผ่คือคนรักของผม”

“โดยที่พวกแกยังไม่ได้เป็นแฟนกันเนี่ยนะ”

“ไม่ได้เป็นเพราะผมไม่เคยขอต่างหาก และผมเชื่อว่าถ้าแม่ได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของใบไผ่แม่จะต้องตกหลุมรักใบไผ่แน่นอนครับ” คิมหันต์พูดและยิ้มอย่างภาคภูมิใจคุณแม่ของเขาเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

ตั้งแต่เด็กจนโตคิมหันต์ไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาให้แม่เห็นเลยสักครั้งและเมื่อเขาเห็นว่าคิมหันต์มีความสุขขนาดนี้เขาก็มีความสุขไปด้วยถึงแม้ว่าในใจของเขาไม่ได้เปิดรับใบไผ่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงอย่างนั้นเขาก็หวังว่าตัวเองจะไม่มีอคติต่อผู้ชายคนนั้นและยอมรับเขาในฐานะลูกอีกคนหนึ่ง

“แวะกินข้าวกันก่อนไหม” แม่ของคิมถามขึ้น

“ไม่ดีกว่าครับผมมีงานต้องไปทำต่อ”

“แค่กินข้าวเองเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานแค่ไหนแล้วนะ” แม่ของคิมพูดราวกับกำลังน้อยใจอยู่

“ก็ได้ครับ แต่ผมมีเวลาไม่นานนะ” คิมหันต์ยอมตอบตกลงในที่สุด เขาเองก็โหยหามันเหมือนกันเพราะครั้งล่าสุดที่กินข้าวด้วยกันเขาจำได้ว่าเขาทะเลาะกับแม่ตัวเอง เป็นเรื่องราวใหญ่โต

เขาเองก็ได้แต่หวังว่าสักวันความสัมพันธ์ระหว่างแม่จะดีขึ้นบ้าง หรือบางทีใบไผ่อาจช่วยให้แม่เข้าใจเขามากขึ้นก็ได้

“คิมเลือกร้านเองเถอะ”

“ครับ” คิมหันต์ตอบตกลงก่อนจะขับรถยังร้านที่ตัวเองคิดไว้ในใจ เป็นร้านที่ดีที่สุดที่เขาเคยมากินและเขาก็หวังว่าแม่จะชอบมันเช่นกัน...