4 ตอน ตอนที่ 4
โดย ชูเบล
หลังจากเริ่มงานประชุมเขาจึงแจ้งข่าวด่วนให้คนในบริษัทรับทราบรวมถึงถามความคิดเห็นจากหัวหน้าฝ่ายต่างที่มาเข้าร่วมงานประชุมในครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างโต้เถียงกันโดยมีคุณคิมเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจ
ไม่นานการประชุมก็จบลงทุกคนทำความเคารพคุณคิมพลางทยอยเดินออกจากห้องประชุมไปแต่เขาดันสังเกตกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาไม่ยอมเดินจากห้องไปเสียที
“คุณคิมคะ” จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาสีหน้าเขาไม่ค่อยดีนัก
“มีเรื่องอะไรล่ะ”
“สนใจดูดวงไหมคะ” ร่างสูงคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น จะว่าไปเขาไม่คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด
“เธออยู่ฝ่ายไหน”
“หนูเป็นพนักงานใหม่”
“งั้นก็กลับไปทำงานซะ ฉันไม่ว่างมาคุยกับเธอ” คิมหันต์ดุพลางลุกขึ้นยืนอย่างสง่าเพื่อเตรียมตัวกลับห้องทำงานของตัวเอง
“แต่หนูอยากเตือนคุณคิมมีเคราะห์ร้าย...”
“เวรกรรมมันห้ามได้ที่ไหนล่ะ อย่าคุยเรื่องแบบนี้กับฉันอีก” ร่างสูงเอ่ยขณะกำลังจะเปิดประตูแต่ประตูดันเปิดออกเพราะแรงอีกฝ่ายที่อยู่ด้านนอกเสียก่อน
“คุณคิมอยู่นี่เอง ผมมีเรื่องจะขอร้องครับ” ธันเอ่ย
"อะไร?" เรียวคิ้วถูกขมวดเข้าหากันลำคอเอียงเล็กน้อยด้วยความสงสัย
"คุณคิมครับ" ธันพพนมมือพลางคุกเข่าลง “กลับไปหาคุณนายเถอะครับไม่อย่างนั้นผมตายแน่ๆ” ธันขอร้องคุณคิมเพราะเขาโดนคุณนายกดดันมาว่าจะไล่เขาออก
"เว่อร์เกินไปมึงอะ เจ้านายมึงคือกู"
"แต่นายครับ.."
"ลุกขึ้น วันนี้พากูไปที่ที่หนึ่งก่อน"
"ที่ไหนครับ?"
"อย่าถามมากรีบไปเตรียมรถ เดี๋ยวกูตามไป"
"รับทราบครับ" ธันรีบออกไปทันทีตามคำสั่ง
"เรื่องพวกนั้นน่ะ..เคราะห์ร้ายอะไรกันฉันเคยโชคดีเมื่อไหร่กัน" ร่างสูงเอ่ยกับตัวเอง ใช่สิตั้งแต่เกิดมาเขาก็รู้สึกว่ามีแต่โชคร้ายถาโถม ถ้าจะมีเรื่องดีบ้างไม่กี่วันก็มลายหายไป
คนตัวสูงใช้ความคิดเรื่อยเอยก่อนจะนึกคิดถึงคนที่ตัวเองกำลังจะไปหาอยู่ทำให้เขาหุบยิ้มไม่ได้เลย
"วันนี้ผมต้องรู้จักชื่อคุณให้ได้..."
"ยายครับวันนี้ไม่ได้ทำอาหารหรอครับ" "ยายครับ.." คนตัวเล็กตะโกนเรียกยายแต่ไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด
"ยายครับ เป็นอะไรรึเปล่า..."
"ยายลุกขึ้นไม่ไหว" หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงพลางเข้าไปประคองร่างยายให้พิงกับหัวเตียง
"ไปโรงพยาบาลไหมครับ"
"ไม่เป็นไรๆ ยายไหว"
กริ๊งงงง
"รีบไปขายของก่อนเถอะนะมีลูกค้ามาแล้ว" คนตัวเล็กเม้มปากพลางมองออกไปด้านนอกสลับกับมองหน้ายายตัวเองอย่างลังเล
"ไปขายของก่อนเถอะ ยายไม่เป็นไรจริงๆ" คนตัวเล็กขอตัวเดินออกมาดวงตาเรียวมองหน้าลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านอย่างสงสัยเพราะไม่ใช่ใครแต่เป็นคุณคิมอีกแล้ว
"ทำอะไรอยู่นานจัง" คนมาใหม่ในนามลูกค้าเอ่ยถาม
"แล้วคุณจะซื้ออะไรล่ะ"
"ยังไม่ได้คิดมาเลย"
"ก็ไม่ต้องซื้อ" คนตัวเล็กจิ๊ปากพลางพูด
"ไล่ผมหรอ"
"เปล่าสักหน่อย.." "เออนี่ ช่อดอกไม้กับแหวนของคุณผมเก็บมันไว้ได้" มือเรียวเอื้อมไปหยิบช่อดอกไม้พลางยื่นให้คิมหันต์ จากคนที่ร่าเริงเมื่อครู่กลับเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีที่เห็นช่อดอกไม้นั่น
"ทิ้งไปเถอะคุณ" คิมพูดขึ้นมา
"อย่างน้อยแหวนวงนี้ก็ยังมีค่าอยู่..."
"มันจะมีค่ายังไงเมื่อคนที่ผมอยากจะให้เขา เขาไม่ได้อยากได้มันด้วยซ้ำ"
"คุณเก็บมันไว้ให้คนใหม่ก็ได้นิ"
"คนใหม่ก็ต้องซื้อชิ้นใหม่ถึงจะดี.."
"แต่คุณทำใจเร็วมากคุณเก่งมากเลยนะ รู้ไหม"
"ผมดูเป็นแบบนั้นหรอ? คุณรู้อะไรไหม ผมใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกล้าพูดคำคำนั้นออกมา"
"คุณหมายถึง..."
"เขานอกใจผมมาหลายเดือนแต่ผมน่ะแกล้งทำเป็นไม่รู้ วันนั้นผมโกหกเขาไปว่าผมไปดูงานต่างจังหวัดผมจะได้เข้าไปเซอร์ไพรส์และขอเขาแต่งงาน แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น ผมดันเห็นภาพที่ผมไม่อยากเห็น"
"แปลว่าผมพูดผิดสินะ ก็จริงคนเราจะลืมคนที่รักมานานชั่วข้ามคืนได้ยังไง"
“ใช่แล้วล่ะ”
"งั้นช่อดอกไม้นี้ผมจะเอาไปจัดการเอง" ใบไผ่พูดขึ้น
"คุณบอกชื่อผมได้ไหม ผมอยากสนิทกับคุณจริงๆ นะ" ใบไผ่เม้มปากพลางคิดว่าควรจะบอกเขาดีหรือไม่
"ผมบอกก็ได้ ใบไผ่..นั่นแหละชื่อของผม" ร่างสูงที่ได้ยินก็แทบจะกระโดดเขายิ้มออกมาอย่างดีใจจนคนที่มองอย่างใบไผ่ดันเผลอยิ้มตามเสียได้
"น่ารักดีนะครับ" ทันทีที่คิมหันต์พูดคำนั้นออกมาบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นความเงียบพวกเขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นอยู่ และจ้องตากันโดยไม่กะพริบสักนิดเหมือนกำลังติดอยู่ในภวังค์...
กริ๊งงงงงง
"พี่!" ทั้งคู่หลุดออกจากภวังค์ทันทีที่ได้ยินเสียงของผู้มาเยือนใหม่อย่างเต
"มีลูกค้าหรอ"
"วันนี้ไม่มีอะไรให้ช่วย กลับบ้านไปเถอะค่อยมาพรุ่งนี้"
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมอยู่เฝ้าร้านเป็นเพื่อน" เตพูดก่อนจะวิ่งเข้าไปยืนข้างใบไผ่
"ทำไมมึงมาอยู่นี่" คิมหันต์พูด
"ต่อไปนี้น้องจะมาช่วยงานผมที่ร้านน่ะครับ"
"สวัสดีครับลุง"
"ไอนี่เรียกไผ่พี่เรียกกูลุง กูก็พี่มึงนะเว้ย"
"นี่คุณใจเย็นๆ สิ อย่าพูดหยาบใส่เด็กมัน"
"ก็คุณดูมันดิ" "ช่างมัน ผมไปก่อนดีกว่า" พูดพลางสาวเท้าออกจากร้านอย่างรวดเร็ว
"ไว้เจอกันใหม่ครับลุงงงง" เตตะโกนตามหลังไปคิมหันต์หันมาทำหน้าดุใส่เตก่อนจะเดินขึ้นรถไป "ลุงเขาดูไม่ชอบขี้หน้าผมแฮะ"
"เราก็อย่าไปกวนเขาสิ"
"ก็ลุงเขาน่าหมั่นไส้"
"เอ้อ เรามาก็ดีแล้ว ฝากโทรตามรถพยาบาลให้หน่อยได้ไหมยายไม่สบายลุกขึ้นไม่ไหวเลย"
"ได้ๆ ครับ" เตได้ยินแบบนั้นจึงรีบต่อสายหาโรงพยาบาลให้ใบไผ่ทันที
"นายเป็นอะไรครับหน้าหงิกหน้างอเชียว" ธันเอ่ยถามเจ้านายตนเองที่นั่งเงียบไม่ยอมพูดยอมจา
"ก็เจอเด็กกวนตีน น่ารำคาญฉิบหายไปอยู่ใกล้คนน่ารักแบบนั้นมีแต่จะสร้างความรำคาญ" คิมพูดพลางหลุดยิ้มออกมา
"คนน่ารักที่ว่า นี่ใครหรอครับ"
"...."
"นายครับ?"
"ไอธัน กูลืมชื่อเขา..."
"หาาาาา" ลูกน้องคนโปรดอ้าปากค้างนี่เจ้านายของเขาความสั้นไปหรือเปล่าเนี่ย
"ฉิบหาย.."
"นายลองสวดมนต์ไหมครับเผื่อคิดได้"
"สวดให้แม่มึงดิ" คนตัวโตถึงกับต้องกุมขมับเพราะเขาดันลืมชื่อคนที่เพิ่งถามมาได้ไม่ถึงชั่วโมงเสียยจนได้
คนตัวเล็กนำยายตัวเองส่งโรงพยาบาลเมื่อมาถึงก็ต้องพบกับข่าวร้ายเพราะยายป่วยด้วยโรคชราที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
"ไผ่ มานี่หน่อย" ไผ่ได้ยินแบบนั้นจึงรีบเข้าไปหายายและจับมือยายไว้
"สัญญากับยาได้ไหมว่าต่อไปนี้หนูจะมีความสุข"
"ยายอย่าพูดเหมือนคำสั่งเสียได้ไหมครับ"
"ชีวิตคนเราน่ะไม่แน่นอนหรอกนะ ร้านดอกไม้ทำต่อไปนะไผ่ ดูแลมันให้ดีที่สุด ถ้าไม่มียาย..."
"ยายอย่าพูดแบบนี้สิครับ" ยายได้ยินแบบนั้นจึงยิ้มออกมาทันที
"ยายไม่เป็นอะไรจริงๆ หลานรักยาย ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย หาคนมาดูแลด้วยยิ่งดีเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปอีกอย่าทำให้ยายเป็นห่วง.." ฟังจบใบไผ่รีบพุ่งเข้ากอดยายทันทีที่ยายพูดจบยายจึงลูบหลังไผ่ช้าๆ
"ยายพักผ่อนเถอะครับผมขอออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อน" ใบไผ่ลุกขึ้นก่อนจะวิ่งออกไปสงบสติอารมณ์ของตัวเองตรงระเบียงเพื่อจัดการความคิดที่กำลังตีกันอยู่ในสมองของตัวเองและเพื่อจะให้ยายได้พักผ่อนด้วย