11 ตอน คำถามที่ 10 ; ถ้าเกิดว่าเราจะให้ของขวัญตัวเองได้แค่อย่างเดียว ไม่จำกัดเงิน ไม่จำกัดว่าต้องเป็นของที่มีอยู่จริงหรือเปล่า เธอคิดว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญกับตัวเองงั้นเหรอ
โดย ณาลิ
คำถามที่ 10
ถ้าเกิดว่าเราจะให้ของขวัญตัวเองได้แค่อย่างเดียว ไม่จำกัดเงิน ไม่จำกัดว่าต้องเป็นของที่มีอยู่จริงหรือเปล่า เธอคิดว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญกับตัวเองงั้นเหรอ
-
-เธอ-
ถ้าฉันจะต้องให้ของขวัญตัวเองสักอย่าง ฉันไม่แน่ใจว่าเราควรจะคิดไปถึงอนาคตไกลขนาดไหน พอฉันพูดเองว่ามันไม่ได้จำกัดแค่ของที่มีอยู่จริงด้วย ก็ยิ่งยากกันไปใหญ่
แล้วก็พูดถึงแค่ของที่อยากได้ตอนนี้อาจจะเป็นนิยายเล่มใหม่ล่ะมั้งนะ เพราะว่าเล่มที่อ่านอยู่มันกำลังจะจบแล้วน่ะ แถมยังดูท่าจะค้างซะด้วย พอเป็นอย่างนี้ก็เลยอยากจะอ่านเล่มต่อไว ๆ ถึงคุณนักเขียนเขาจะยังเขียนไม่จบก็เถอะ
แต่ถ้าจะตัดสินใจว่าเอาหนังสือเป็นของขวัญให้ตัวเองดีกว่า การตัดสินใจอย่างนั้นโดยทันทีอาจจะเร็วไปหน่อย
ถึงมันจะเป็นของที่อยากได้ตอนนี้ แต่ถ้าสามารถให้อะไรที่ดูเหนือจินตนาการกับตัวเองได้ก็ควรจะต้องคิดให้ดี ๆ ก่อน ฉันจะขอมันด้วยความคิดชั่ววูบเลยไม่ได้
พอต้องมาคิดว่าอะไรกันนะที่เป็นความ-ปรารถนาสูงสุดของชีวิต เรื่องพวกนี้มันก็ออกจะ น่าอายอยู่นะ ฉันพูดจาเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่มันก็ น่าอายจริง ๆ นั่นแหละ
ถามตัวฉันในตอนนี้ละก็ ของที่ต้องการที่สุดก็อาจจะเป็นการได้นอนอ่านหนังสือเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรล่ะมั้ง ไม่ต้องทำงานบ้าน ไม่ต้องทำการบ้าน ไม่ต้องอ่านหนังสือเรียน แล้วก็ไม่ต้องไปโรงเรียน
ถ้าทำอะไรแบบนั้นได้ก็คงดี
ว่าอย่างง่าย ๆ สิ่งที่ฉันขอก็คือเวลาว่างแหละ
พวกผู้ใหญ่อาจจะคิดว่าเด็กอย่างพวกเรามีเวลาว่างเยอะแยะจะตาย จะเอาไปทำอะไรอีก แต่พวกเขาไม่ได้เข้าใจหรอกนะว่าการเรียนหนังสือที่โรงเรียนไม่ใช่เวลาว่าง การต้องทำการบ้านหลังเลิกเรียนก็ไม่ใช่เวลาว่าง ถึงจะมีมากกว่าพวกเขาก็จริง แต่ยังไงมันก็น้อยลงกว่าตอนที่อายุน้อยกว่านี้ชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ
ถ้าเราจะคิดว่าเวลาว่างเท่าที่มีนี่พอแล้ว พอโตขึ้นก็ต้องรู้สึกแบบนั้นอีกอย่างช่วยไม่ได้งั้นเหรอ เพราะเป็นภาระที่เติบโตเพิ่มตามอายุ ของแบบนั้น ฉันไม่อยากจะยอมรับนักหรอก
ถึงหนึ่งวันจะมียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากัน แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่ใช้เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงได้คุ้มค่าหมดน่ะ
อย่างเราก็ต้องเสียเวลาช่วงเช้าที่ไม่ได้ทำอะไรไปกับการเข้าแถวง่วง ๆ งง ๆ แถมตอนเย็นก็ต้องรอคุณพ่อคุณแม่มารับอยู่ที่โรงเรียนก็นาน เวลาที่อาจจะได้อ่านหนังสือนิยายสบายใจก็ต้องมานั่งแกร่วรอกับที่ ของแบบนี้ มันไม่เรียกว่าเวลาว่างหรอก
หรืออย่างเพื่อนร่วมชั้นบางคนที่ต้องช่วยที่บ้านทำงาน ของแบบนี้น่ะ ตรงไหนกันที่เป็นเวลาว่าง อะไรพวกนั้น มันก็แค่สิ่งที่พวกผู้ใหญ่คิดเอาเองนี่นาว่าตัวเองเหนื่อยอยู่คนเดียวน่ะ
ฉันไม่ได้จะบอกว่าพวกเขาไม่เหนื่อยหรอกนะ
มันก็แค่ตอนนี้ ตัวฉันยังอยู่แบบนี้ คิดว่าเวลาว่างที่ฉันมีมันไม่พอ ฉันเองก็เหนื่อยกับภาระแบบ เด็ก ๆ อยู่เหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าเวลาที่น้อยกว่าของพวกเขามันพอแล้วหรืออะไรสักหน่อย
ไม่ว่าจะใครก็เหนื่อยแล้วก็อยากจะมีเวลาพักผ่อนด้วยกันทั้งนั้นนี่นา ไม่เห็นต้องแข่งหรือเกทับกันสักหน่อย ถึงมันจะยากจนอดไม่ได้ก็เถอะนะ
นั่นแหละน้า กลายเป็นว่า ฉันบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องไปแล้วสิ
กลับมาเข้าเรื่อง จนถึงตอนนี้เธออาจจะคิดว่า ฉันอยากจะขอเวลาว่างก็ได้ แต่คำว่าเวลาว่างนั่นก็ออกจะเข้าใจยากไปสักหน่อย มันกว้างเกินไปน่ะ แล้วถึงจะเป็นเวลาว่าง แต่ถ้าเรายังมีปีศาจที่เรียกว่าปัญหาวิ่งตามหลังอยู่ ยังไงก็คงจะไม่ได้เป็นเวลาว่างที่น่าพอใจสักเท่าไรหรอก สุดท้ายฉันเลยคิดว่ามันอาจจะเป็นเจ้านี่
ฉันอยากจะขอให้ตัวเองมีเวลาพอให้หายใจหายคอบ้างในทุก ๆ วันหรือทุกครั้งที่มีปัญหาน่ะ
คิดว่าการได้มีเวลาแบบนี้น่าจะช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นล่ะมั้งนะ เวลาหายใจหายคอที่มากพอจะอ่านหนังสือที่อยากอ่าน หรือจะสั้นแค่ห้าหรือสิบนาทีก็ได้ทั้งนั้น ถ้ามันช่วยให้ได้หลับตาแล้วหายใจเข้าลึก ๆ สักหน่อย ต่อให้ปัญหาตรงหน้าจะเป็นอะไรก็คงจะผ่านไปจนได้แหละ
ฉันคิดถึงอะไรแบบนั้นแหละ
อ๋า แล้วก็ของขวัญที่จะให้เธอ
ของแบบนี้ตอบยากเหมือนกันนะ พอหลับตานึกแล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าเธอชอบเจ้าตุ๊กตายัดนุ่นที่ฉันให้ไปตอนต้นปีหรือเปล่า
ของขวัญน่ะ เวลาเราให้ก็เพราะอยากจะให้คนที่รับมีความสุขใช่ไหมล่ะ ฉันเองก็อยากจะให้เธอโดยที่ยังคิดเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น ถ้ามาหลับตานึกดูตอนนี้ ของที่เธอเหมือนจะสนใจอยู่คงจะเป็นพวกต้นไม้ใช่ไหมนะ ถ้าเกิดฉันให้ของขวัญเป็นต้นไม้เล็ก ๆ สักต้น เธออาจจะดีใจได้ก็ได้ แต่มันก็อาจจะแค่ตอนนี้
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้อะไรที่มันจะคงอยู่ไปอีกแสนนานหรือว่าตลอดไปกับเธออยู่หรอก แต่ว่ามันไม่ได้ทำงานอย่างนั้นนี่นะ มันคงไม่มีอะไรที่เราอยากได้ตอนนี้แล้วจะคิดว่าจำเป็นต้องมีมันไปตลอดหรอก
เพราะว่าพอมีแล้วก็จะคุ้นเคยกับมันไปเอง สักพักหนึ่งเราอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยอยากได้มาก่อน โลกของเราทำงานแบบนั้นแหละ
เธอไม่ต้องการอะไรเป็นพิเศษหรอก ฉันคิดว่านะ เพราะเธอเป็นคนที่สดใสแล้วก็พลังเหลือขนาดนั้น ไม่ว่าอะไร เธอก็จะทำด้วยตัวเองจนได้ตลอดแหละ แล้วฉันก็จะคอยดูอยู่เอง
โอเค ฉันพูดไปซะยาวยืด ทั้งหมดก็เพื่อที่จะบอกกับเธอว่า ถ้าเป็นตอนนี้ ฉันคงให้ของขวัญกับเธอได้เป็นต้นกระบองเพชรสักต้น แล้วก็คำพูดที่จะบอกว่า ของขวัญปีหน้า ฉันก็จะทำให้ดีกว่านี้นะ เท่านั้นแหละ
คิดว่าน่ะนะ
ก็เราฉลองวันเกิดด้วยกันมาสามสี่ปีแล้วนี่ มันคือทั้งหมดที่ฉันบอกได้แล้วล่ะ
-ฉัน-
อุหวา อะไรกันเนี่ย คำถามรอบนี้น่ารักจัง น่ารักสุดยอด!!
ฮ่า ๆ ไม่คิดเลยนะว่าเธอที่ยิ้มไม่ค่อยเก่งจะถามคำถามที่น่ารักสุด ๆ แบบนี้กับเขาด้วย แต่ก็ไม่แปลกใจหรอก เพราะว่าเธอคือคนที่คอยให้ของขวัญกับฉันอย่างตั้งใจมาตลอดทุกปีนี่นา!
แต่ว่านอกจากเรื่องที่มาว่ามันน่ารักน่ะ ก็เป็นคำถามที่น่าสนุกดีนี่นา แต่รอบนี้ฉันมีคำตอบที่ชัดสุด ๆ อยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว เจ๋งใช่ไหมล่ะ
ก่อนอื่น ฉันจะตอบก่อนว่าฉันอยากจะให้อะไรเป็นของขวัญกับเธอ!
ฉันคิดว่าเธอชอบสมุดเล่มใหญ่ ๆ ที่ฉันให้ไปเมื่อคราวก่อน ตอนวันเกิดปีก่อนใช่ไหมล่ะ เธอยังใช้มันอยู่เลยนี่นา ฉันคิดว่ายังไงเธอก็เหมาะกับมันมาก ๆ จริง ๆ นะ ทั้งหนังสือแล้วก็สมุดเลย
แต่ว่านะ
ถ้าฉันจะให้ของขวัญอะไรกับเธอได้ละก็ ฉันจะให้เป็นความรู้สึกชอบหรือว่าอยากที่จะทำอะไรสักอย่างไปตลอดนั่นแหละ
ฉันรู้นะ หมายถึง รู้สึกได้ว่าเธออยากจะลองทำดูใช่ไหมล่ะ
ไอ้การลองเขียนเรื่องอะไรสักอย่างด้วยตัวเองน่ะ เพราะฉะนั้นของที่ฉันอยากจะให้ก็เลยเป็นความรู้สึกแบบนั้น เพราะถ้าเธอเริ่มทำละก็ คนที่มุ่งมั่นสุด ๆ แบบเธอจะต้องทำจนสำเร็จได้อยู่แล้ว แต่เจ้าของพวกนี้ก็จะช่วยให้เหนื่อยน้อยลง มันเลยจำเป็นสุด ๆ
ฉันที่เป็นเพื่อนเธอมาตลอดรู้นะว่าเธอชอบ แล้วก็อยากจะพยายามกับมันขนาดไหน
เพราะฉะนั้นถึงอยากจะให้ความชอบแล้วก็ความรู้สึกอยากจะลงมือสักทีกับเธอยังไงล่ะ
ฉันจะรอเป็นแฟนหนังสือของเธอนะ คำพูดแบบนี้จะใช้ได้หรือเปล่านะ แต่มันอาจจะคล้าย ๆ ของขวัญที่ฉันให้เธอในตอนนี้ได้ล่ะมั้ง
เธออาจจะไม่อยากได้มันก็ได้ แต่ฉันก็จะยัดใส่มืออยู่ดี เพราะฉะนั้นรับไปซะ!
ฮ่า ๆ แต่ฉันพูดจริง ๆ นะ จากใจเลยแหละ
แล้วก็คำถามอีกข้อ
ของขวัญที่ฉันจะให้ตัวเองใช่ไหม
ฉันคิดว่า ฉันอยากได้เครื่องลบความทรงจำแหละ พอเขียนแบบนี้ลงไป เธอก็อาจจะงง แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นของที่ดี แล้วก็เหมาะที่สุดแล้วล่ะมั้งนะ
เพราะว่าเราลืมเรื่องที่รู้ไปแล้วไม่ได้หรอก ฉันคิดว่าอย่างนั้นน่ะนะ
แบบว่า ถึงจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร แต่คนเราพอรู้ความจริงสักอย่างที่ไม่ควรรู้ไปแล้ว ก็จะกลับไปเป็นคนเดิมก่อนที่จะไม่รู้ไม่ได้หรอก มันยากนะ ต่อให้จะพยายามยังไง มันก็คงจะไม่ลืมไปง่าย ๆ หรอก
ก็เลยคิดว่า ถ้ามีเจ้านี่มาอยู่ในมือละก็ หลาย ๆ อย่างอาจจะง่ายยิ่งขึ้นก็ได้
ฉันดูหนังที่เป็นเจ้าหน้าที่อะไรสักอย่างที่ต้องมาจับเอเลี่ยนกับพี่ชายแหละ พอเห็นว่ามีเครื่องมืออย่างการมองจ้องไปตรงแสงแล้วจะอะไรไม่ได้แล้วก็อดคิดว่าอยากมีบ้างจังน้าไม่ได้เลย
มันดูเท่ใช่ไหมล่ะ
เท่สุด ๆ ไปเลย
-
โอเค!
ตาฉันแล้วสินะ
อืม...คำถามรอบนี้เป็นอันนี้ก็แล้วกัน
ถ้าเธอจะต้องกินอะไรสักอย่างไปตลอดชีวิตแค่อย่างเดียว เธอจะเลือกอะไรอย่างงั้นเหรอ
ฉันไม่ได้ตะกละหรืออะไรหรอกนะ มันก็แค่ท้องหิวขึ้นมา เพราะได้กลิ่นกับข้าวของคุณแม่พอดีน่ะ
เหมือนว่าวันนี้จะเป็นซุปไก่ อร่อยแน่เลย!
แหะ ๆ เอาเป็นว่าฉันจะรออ่านนะ!
#ถ้าวันนึงเธอหยิบมันมาอ่านอีกทีคงดีนะ
Comments (0)