9 ตอน ตอนที่ 9
โดย ชูเบล
เช้าวันที่ฟ้ายังคงมืดสลัวมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่กำลังจะลาขอบฟ้าไป คนตัวเล็กที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายค่อยๆ ลุกขึ้นมานอนรับลมหน้าระเบียง
“ใบไผ่..” เสียงนุ่มเรียกชื่อของเขาเขาจึงละสายตาหันตามเสียง
ใบไผ่เบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะคุณคิมดันซนปีนขึ้นบันไดที่วางไว้ด้านล่าง คุณคิมโผล่มาเพียงครึ่งตัวแสงจันทร์ที่สาดส่องมาทำให้เห็นใบหน้าไม่ค่อยชัดนัก แต่ใบไผ่มั่นใจจว่าคือคุณคิม
“ผมเอง...” คิมหันต์พูดใบไผ่จึงตบหน้าอกตัวเองเบาๆ เพื่อดึงสติกลับมา
“ประตูก็มีคุณปีนขึ้นมาทำไม อันตราย” ใบไผ่พูดไม่ทันขาดคำคิมหันต์ก็เสียการทรงตัวจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น
“คุณ!!!” ใบไผ่ร้องออกมาด้วยความร้อนรนและรีบวิ่งลงไปหาคุณคิมด้านล่างทันที
คุณคิมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บขณะที่คนตัวเล็กรีบพยุงตัวคุณคิมเข้าไปนั่งพักภายในร้าน ทันทีเห็นบาดแผลคุณคิมเขาจึงเอ่ย
“นั่งพักก่อนผมจะไปเอาของมาทำแผลให้” ใบไผ่พูดพลางวิ่งไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลให้คิมหันต์
“ผมจะทำแผลสดให้ก่อนแล้วจะพาคุณไปหาหมอ”
“แค่นี้เองคุณไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่ได้คุณตกลงมาจากชั้นสองเลยนะ อย่าเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ อีกดีนะเนี่ยที่แขนขาไม่หักซะก่อน”
“ก็ผมเห็นคุณนอนเดินออกมานอนหน้าบ้านผมเลยอยากแกล้งปีนขึ้นทักทายแต่ผิดพลาดนิดหน่อย”
“คุณเห็นผมตั้งแต่เดินออกมาเลยหรอ”
“ผมคิดถึงคุณเลยมาหาคุณที่บ้านแต่ไม่อยากรบกวนในขณะเดียวกันคุณก็เดินออกมาพอดี”
“.....”
“เงียบทำไม” ใบไผ่ทำแผลไปพลางหน้าแดงขึ้นมาเขาจะรู้ไหมนะว่าคำที่เขาบอกว่าคิดถึงมันทำให้คนที่ได้ยินใจสั่นแค่ไหน
“ทำแผลเสร็จแล้วครับ อย่าลืมไปหาหมอนะ” ใบไผ่เลือกตัดบทสนทนา
“ไม่ไป” คิมหันต์ต้องไม่ยอมตามที่เขาคิดจริงๆ ก่อนที่คิมจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ถ้าคุณไปส่งผมก็จะยอมไปแต่โดยดี”
“ทำไมต้องให้ผมไปด้วยโทรเรียกคนขับรถคุณมาสิ” คนตัวเล็กพูดขึ้นไม่ใช่เขาไม่อยากพาไปแต่งานเขาเยอะมากจนไม่สามารถไปได้ต่างหาก
“ก็ถ้าคุณไปกับผมด้วยผมก็จะมีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้น”
“คุณคิม” ใบไผ่พูดก่อนจะเงียบไปสักพักเพื่อคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองจะพูด “คุณกำลังจีบผมอยู่หรอ”
คิมหันต์ได้ยินแบบนั้นก็หันมาจ้องตาใบไผ่พลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “รู้ตัวแล้วสินะ ตายจริง”
“.....” คนตัวเล็กกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอ ในขณะที่คนตัวสูงกว่าลุกขึ้นยืนเมื่อยืนเทียบกับอีกฝ่ายใบไผ่ค่อยๆ ถอยหลังจนชนฝาผนังก่อนที่คุณคิมจะแอบกระซิบข้างหูอีกฝ่ายในขณะที่มือยันผนังไว้อยู่
“ถ้าคุณอนุญาตผมจะจีบแต่ถ้าไม่อนุญาตผมจะไม่บังคับใจคุณ” ใบไผ่ตั้งใจจะเลิกยุ่งกับคิมหันต์แท้ๆ แม้เขาจะแอบใจเต้นแรงกับคิมหันต์มากแค่ไหน แต่เขากลัวว่าคุณคิมจะผิดหวังในตัวเขา
“ว่าไงครับ” ร่างสูงเอ่ยถามอีกครั้ง
“คุณคิมผมคิดว่าคุณอาจแค่หลง..” คิมไม่ปล่อยให้ใบไผ่พูดต่อเพราะเขารู้ดีว่าใบไผ่อยากจะพูดอะไร เขาเกยคางอีกฝ่ายขึ้นพลางเอ่ย
“ผมไม่ได้ชอบใครง่ายๆ นะคุณ ผมรู้ตัวดีว่ากำลังจะทำอะไรอยู่” ใบไผ่ไม่ตอบอะไรเขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะดึงมือที่คิมหันต์ยันกำแพงไว้ออกและเดินเก็บอุปกรณ์ทำแผลที่เขาวางทิ้งเอาไว้
“คุณอย่านิ่งเงียบใส่ผมสิ”
“ผมไม่ได้ปฏิเสธ ผมแค่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง”
“แค่อย่ารังเกียจผมก็พอ”
“ผมควรเป็นคนพูดคำนั้นมากกว่า” ใบไผ่พูดขึ้นและเดินเอาอุปกรณ์ทำแผลไปไว้ที่เดิมและเดินกลับมาหาคิมหันต์ดึงคิมหันต์ไปนั่งเก้าอี้ที่เดิม
“ผมยืนได้”
“อย่าดื้อหน่า ผมจะไปหาอะไรมาให้กิน”
“ไม่ต้องหรอกคุณแค่เห็นหน้าคุณผมก็อิ่มแล้ว”
“คุณนี่” ใบไผ่พูดเสียงดุก่อนจะเดินใบหยิบน้ำเทใส่แก้วมาให้คิมหันต์รองท้อง
“ใบไผ่ผมมีเรื่องอยากจะขอคุณ แต่ผมคิดว่าแค่ขออย่างเดียวมันจะดูไม่ดีมาเล่นเกมกันดีกว่า”
“เกม?”
“ใช่ ผมจะโยนเหรียญถ้าออกหัวผมจะเป็นคนขอแต่ถ้าออกก้อยผมจะให้คุณขอผมได้หนึ่งเรื่อง” คิมหันต์พูดพร้อมล้วงเหรียญขึ้นมาโยน เหรียญเด้งขึ้นและลงมากลิ้งวนๆ อยู่สักพักคิมหันต์จึงเอามือไปปิดไว้เป็นตัวตัดสินชะตา
“คุณเลือกอะไร”
“ก้อยอยู่แล้วผมต้องชนะ”
“ออกหัวแน่นอนเพราะที่ผมเคยโยนมามีแค่สองเปอร์เซ็นต์เท่านั้นแหละที่จะเป็นก้อย”
“ขี้โกงอะ” สิ้นคำพูดของใบไผ่คิมหันต์จึงค่อยๆ เปิดมือตัวเองออกเผยให้เห็นหน้าเหรียญ
“ออกก้อย..”
“ฟ้ายังมีตา ผมบอกแล้วไงคุณแพ้ผมแล้วแพ้สองเปอร์เซ็นต์นั่นด้วย” ใบไผ่พูด
“ก็ได้ คุณอยากขออะไรว่ามา” คิมเอ่ยพร้อมยอมรับแต่โดยดี “ขอแล้วคุณจะทำให้ทุกอย่างเลยหรอ” คนตัวเล็กถามคิมหันต์พยักหน้า
“ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกไว้คิดออกจะขอนะ”
“ถ้าคิดไม่ออกก็ให้ผมขอแทนสิ”
“แพ้ก็เงียบไปคุณคุณยืนยันจะเล่นเกมเองนะ” สุดท้ายคิมหันต์ก็ต้องยอมเพราะคนที่ตั้งเงื่อนไขคือตัวเขาเอง
“รู้งี้น่าจะเลือกก้อย” คิมหันต์บ่นพึมพำขึ้นมา
“เลิกคิดได้แล้ว”
“แล้วงานศพพ่อคุณเป็นไงบ้าง ผมตั้งใจจะไปไว้ศพพ่อคุณแต่คุณไม่ได้บอกว่าจัดที่ไหนผมเลยไม่ได้ไป”
“ผมลืมบออกคุณไปเลย งั้นไปกับผม”
“เอาเป็นตอนเย็น หลังปิดร้านได้ไหม”
“ได้สิ ผมจะรอ”
“ไม่เป็นไรคุณแค่บอกมาว่าจัดที่ไหนก็พอ คุณต้องไปดูแลที่งานนิ”
“งั้นขอไลน์ไว้หน่อยจะได้ติดต่อกัน” คิมหันต์พูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ใบไผ่ ใบไผ่จึงรับไปพิมพ์ข้อมูลติดต่อของตัวเองและยื่นมันกลับให้เจ้าของโทรศัพท์
“ว่าแต่คุณมาตั้งแต่เช้าได้นอนหรือยัง” ใบไผ่ถามขึ้น
“ผมนอนไม่หลับเลยมาคุณ”
“ถ้าแบบนั้นไปนอนงีบในห้องผมก่อนไหม”
“ผมว่าผมนอนชมบรรยากาศตรงระเบียงดีกว่า”
“งั้นคุณขึ้นไปก่อนเลย” คนตัวเล็กกล่าวอนุญาต อีกฝ่ายค่อยๆ เดินขึ้นไปชั้นบนพลางงีบบนเก้าอี้ตัวเดิมและมองพวกดอกไม้ที่ใบไผ่ปลูกเอาไว้เต็มไปหมด
“เพราะของพวกนี้มันเลยทำให้ฉันสบายใจทุกครั้งที่มาบ้านนาย และเพราะนาย..”
“พูดกับใครหรอ” ใบไผ่ทวงถามทันทีที่เห็นคิมหันต์กำลังมองดอกไม้ไปพูดไป
“ถืออะไรมาน่ะ”
ใบไผ่ชูของในมือขึ้นมา “ก็แค่เครื่องดื่มเย็นๆ”
“มาดื่มด้วยกันสิ” ใบไผ่เดินเอาของไปวางไว้บนโต๊ะคิมหันต์จึงเดินตามไปนั่งข้างใบไผ่
“คุณนอนไปเถอะ เดี๋ยวผมแกะให้” คนตัวเล็กเอ๋ยก่อนที่คิมหันต์จะทำตามคำสั่งนอนต่อโดยไม่พูดอะไร
“ผมมาที่นี่ได้บ่อยแค่ไหน” คิมหันต์ถามในขณะที่กำลังหลับตาอยู่
“ก็มาได้บ่อยเท่าที่คุณต้องการ”
“เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันเนอะ วันนั้นผมยังจำได้ที่ผมขอยายคุณอยู่บ้านหลังนี้ยายคุณหน้าเหวอเลย”
“คุณอะแกล้งยายผม ดีนะผมลงมาปฏิเสธทัน ไม่อย่างนั้นป่านนี้คุณคงเข้ามาอยู่ในบ้านแล้วจริงๆ” ใบไผ่พูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
“ตอนนี้ผมก็อยากอยู่ที่นี่นะ”
“อย่ามา เดี๋ยวคุณหลอกให้ผมเซ้งร้านผมจะทำยังไง”
“คุณเห็นผมใจร้ายขนาดนั้นเลยหรอ” คิมหันต์พูดพลางลืมตามาจ้องหน้าใบไผ่
“ใช่” ใบไผ่พูดด้วยน้ำเสียงหนักเน้นทำให้คิมหันต์ถอนหายใจและนอนหันหลังให้ใบไผ่
“งอนผมหรอ” ใบไผ่ถามแต่คิมหันต์ไม่ตอบอะไร
“นอนพักเถอะคุณ พักผ่อนซะ” คิมหันหน้ามาหาใบไผ่ที่กำลังพูดและจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
“จะไปแล้วหรอ”
“อือ ไปเตรียมตัวเปิดร้าน”
“ถ้าแบบนั้นผมขอรบกวนสักแปปนึงนะ”
“ตามสบายเลยครับ เครื่องดื่มพวกนี้ดื่มได้เลยนะครับถ้าหิว” คนตัวเล็กเดินลงไปยังชั้นล่างในขณะที่คนที่นอนอยู่แอบมองตามหลังอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
ใบไผ่เดินลงไปยังชั้นล่างและมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาช่วยเขาในตอนเช้าเป็นประจำทุกวัน ใบไผ่ชักจะเกรงใจแต่อีกฝ่ายบอกว่าเขาเต็มใจมากๆ การได้มาอยู่เป็นเพื่อนใบไผ่เป็นงานของเขาอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ทุกวันนี้เตเล่าให้ใบไผ่ฟังว่าเขาไม่โดนเพื่อนแกล้งอีกแล้วเขาเลือกที่จะต่อสู้กับคนพวกนั้น และเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาดีใจที่ตัวเองกล้าลุกขึ้นสู้แต่ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมเผชิญกับเรื่องพวกนี้อยู่เสมอ
เขาเพียงแค่อยากแข็งแกร่งมากกว่าเดิม เพียงเท่านั้น