เช้าวันที่ฟ้ายังคงมืดสลัวมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่กำลังจะลาขอบฟ้าไป คนตัวเล็กที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายค่อยๆ ลุกขึ้นมานอนรับลมหน้าระเบียง

“ใบไผ่..” เสียงนุ่มเรียกชื่อของเขาเขาจึงละสายตาหันตามเสียง

ใบไผ่เบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะคุณคิมดันซนปีนขึ้นบันไดที่วางไว้ด้านล่าง คุณคิมโผล่มาเพียงครึ่งตัวแสงจันทร์ที่สาดส่องมาทำให้เห็นใบหน้าไม่ค่อยชัดนัก แต่ใบไผ่มั่นใจจว่าคือคุณคิม

“ผมเอง...” คิมหันต์พูดใบไผ่จึงตบหน้าอกตัวเองเบาๆ เพื่อดึงสติกลับมา

“ประตูก็มีคุณปีนขึ้นมาทำไม อันตราย” ใบไผ่พูดไม่ทันขาดคำคิมหันต์ก็เสียการทรงตัวจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“คุณ!!!” ใบไผ่ร้องออกมาด้วยความร้อนรนและรีบวิ่งลงไปหาคุณคิมด้านล่างทันที

คุณคิมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บขณะที่คนตัวเล็กรีบพยุงตัวคุณคิมเข้าไปนั่งพักภายในร้าน ทันทีเห็นบาดแผลคุณคิมเขาจึงเอ่ย

“นั่งพักก่อนผมจะไปเอาของมาทำแผลให้” ใบไผ่พูดพลางวิ่งไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลให้คิมหันต์

“ผมจะทำแผลสดให้ก่อนแล้วจะพาคุณไปหาหมอ”

“แค่นี้เองคุณไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่ได้คุณตกลงมาจากชั้นสองเลยนะ อย่าเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ อีกดีนะเนี่ยที่แขนขาไม่หักซะก่อน”

“ก็ผมเห็นคุณนอนเดินออกมานอนหน้าบ้านผมเลยอยากแกล้งปีนขึ้นทักทายแต่ผิดพลาดนิดหน่อย”

“คุณเห็นผมตั้งแต่เดินออกมาเลยหรอ”

“ผมคิดถึงคุณเลยมาหาคุณที่บ้านแต่ไม่อยากรบกวนในขณะเดียวกันคุณก็เดินออกมาพอดี”

“.....”

“เงียบทำไม” ใบไผ่ทำแผลไปพลางหน้าแดงขึ้นมาเขาจะรู้ไหมนะว่าคำที่เขาบอกว่าคิดถึงมันทำให้คนที่ได้ยินใจสั่นแค่ไหน

“ทำแผลเสร็จแล้วครับ อย่าลืมไปหาหมอนะ” ใบไผ่เลือกตัดบทสนทนา

“ไม่ไป” คิมหันต์ต้องไม่ยอมตามที่เขาคิดจริงๆ ก่อนที่คิมจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ถ้าคุณไปส่งผมก็จะยอมไปแต่โดยดี”

“ทำไมต้องให้ผมไปด้วยโทรเรียกคนขับรถคุณมาสิ” คนตัวเล็กพูดขึ้นไม่ใช่เขาไม่อยากพาไปแต่งานเขาเยอะมากจนไม่สามารถไปได้ต่างหาก

“ก็ถ้าคุณไปกับผมด้วยผมก็จะมีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้น”

“คุณคิม” ใบไผ่พูดก่อนจะเงียบไปสักพักเพื่อคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองจะพูด “คุณกำลังจีบผมอยู่หรอ”

คิมหันต์ได้ยินแบบนั้นก็หันมาจ้องตาใบไผ่พลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “รู้ตัวแล้วสินะ ตายจริง”

“.....” คนตัวเล็กกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอ ในขณะที่คนตัวสูงกว่าลุกขึ้นยืนเมื่อยืนเทียบกับอีกฝ่ายใบไผ่ค่อยๆ ถอยหลังจนชนฝาผนังก่อนที่คุณคิมจะแอบกระซิบข้างหูอีกฝ่ายในขณะที่มือยันผนังไว้อยู่

“ถ้าคุณอนุญาตผมจะจีบแต่ถ้าไม่อนุญาตผมจะไม่บังคับใจคุณ” ใบไผ่ตั้งใจจะเลิกยุ่งกับคิมหันต์แท้ๆ แม้เขาจะแอบใจเต้นแรงกับคิมหันต์มากแค่ไหน แต่เขากลัวว่าคุณคิมจะผิดหวังในตัวเขา

“ว่าไงครับ” ร่างสูงเอ่ยถามอีกครั้ง

“คุณคิมผมคิดว่าคุณอาจแค่หลง..” คิมไม่ปล่อยให้ใบไผ่พูดต่อเพราะเขารู้ดีว่าใบไผ่อยากจะพูดอะไร เขาเกยคางอีกฝ่ายขึ้นพลางเอ่ย

“ผมไม่ได้ชอบใครง่ายๆ นะคุณ ผมรู้ตัวดีว่ากำลังจะทำอะไรอยู่” ใบไผ่ไม่ตอบอะไรเขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะดึงมือที่คิมหันต์ยันกำแพงไว้ออกและเดินเก็บอุปกรณ์ทำแผลที่เขาวางทิ้งเอาไว้

“คุณอย่านิ่งเงียบใส่ผมสิ”

“ผมไม่ได้ปฏิเสธ ผมแค่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง”

“แค่อย่ารังเกียจผมก็พอ”

“ผมควรเป็นคนพูดคำนั้นมากกว่า” ใบไผ่พูดขึ้นและเดินเอาอุปกรณ์ทำแผลไปไว้ที่เดิมและเดินกลับมาหาคิมหันต์ดึงคิมหันต์ไปนั่งเก้าอี้ที่เดิม

“ผมยืนได้”

“อย่าดื้อหน่า ผมจะไปหาอะไรมาให้กิน”

“ไม่ต้องหรอกคุณแค่เห็นหน้าคุณผมก็อิ่มแล้ว”

“คุณนี่” ใบไผ่พูดเสียงดุก่อนจะเดินใบหยิบน้ำเทใส่แก้วมาให้คิมหันต์รองท้อง

“ใบไผ่ผมมีเรื่องอยากจะขอคุณ แต่ผมคิดว่าแค่ขออย่างเดียวมันจะดูไม่ดีมาเล่นเกมกันดีกว่า”

“เกม?”

“ใช่ ผมจะโยนเหรียญถ้าออกหัวผมจะเป็นคนขอแต่ถ้าออกก้อยผมจะให้คุณขอผมได้หนึ่งเรื่อง” คิมหันต์พูดพร้อมล้วงเหรียญขึ้นมาโยน เหรียญเด้งขึ้นและลงมากลิ้งวนๆ อยู่สักพักคิมหันต์จึงเอามือไปปิดไว้เป็นตัวตัดสินชะตา

“คุณเลือกอะไร”

“ก้อยอยู่แล้วผมต้องชนะ”

“ออกหัวแน่นอนเพราะที่ผมเคยโยนมามีแค่สองเปอร์เซ็นต์เท่านั้นแหละที่จะเป็นก้อย”

“ขี้โกงอะ” สิ้นคำพูดของใบไผ่คิมหันต์จึงค่อยๆ เปิดมือตัวเองออกเผยให้เห็นหน้าเหรียญ

“ออกก้อย..”

“ฟ้ายังมีตา ผมบอกแล้วไงคุณแพ้ผมแล้วแพ้สองเปอร์เซ็นต์นั่นด้วย” ใบไผ่พูด

“ก็ได้ คุณอยากขออะไรว่ามา” คิมเอ่ยพร้อมยอมรับแต่โดยดี “ขอแล้วคุณจะทำให้ทุกอย่างเลยหรอ” คนตัวเล็กถามคิมหันต์พยักหน้า

“ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกไว้คิดออกจะขอนะ”

“ถ้าคิดไม่ออกก็ให้ผมขอแทนสิ”

“แพ้ก็เงียบไปคุณคุณยืนยันจะเล่นเกมเองนะ” สุดท้ายคิมหันต์ก็ต้องยอมเพราะคนที่ตั้งเงื่อนไขคือตัวเขาเอง

“รู้งี้น่าจะเลือกก้อย” คิมหันต์บ่นพึมพำขึ้นมา

“เลิกคิดได้แล้ว”

“แล้วงานศพพ่อคุณเป็นไงบ้าง ผมตั้งใจจะไปไว้ศพพ่อคุณแต่คุณไม่ได้บอกว่าจัดที่ไหนผมเลยไม่ได้ไป”

“ผมลืมบออกคุณไปเลย งั้นไปกับผม”

“เอาเป็นตอนเย็น หลังปิดร้านได้ไหม”

“ได้สิ ผมจะรอ”

“ไม่เป็นไรคุณแค่บอกมาว่าจัดที่ไหนก็พอ คุณต้องไปดูแลที่งานนิ”

“งั้นขอไลน์ไว้หน่อยจะได้ติดต่อกัน” คิมหันต์พูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ใบไผ่ ใบไผ่จึงรับไปพิมพ์ข้อมูลติดต่อของตัวเองและยื่นมันกลับให้เจ้าของโทรศัพท์

“ว่าแต่คุณมาตั้งแต่เช้าได้นอนหรือยัง” ใบไผ่ถามขึ้น

“ผมนอนไม่หลับเลยมาคุณ”

“ถ้าแบบนั้นไปนอนงีบในห้องผมก่อนไหม”

“ผมว่าผมนอนชมบรรยากาศตรงระเบียงดีกว่า”

“งั้นคุณขึ้นไปก่อนเลย” คนตัวเล็กกล่าวอนุญาต อีกฝ่ายค่อยๆ เดินขึ้นไปชั้นบนพลางงีบบนเก้าอี้ตัวเดิมและมองพวกดอกไม้ที่ใบไผ่ปลูกเอาไว้เต็มไปหมด

“เพราะของพวกนี้มันเลยทำให้ฉันสบายใจทุกครั้งที่มาบ้านนาย และเพราะนาย..”

“พูดกับใครหรอ” ใบไผ่ทวงถามทันทีที่เห็นคิมหันต์กำลังมองดอกไม้ไปพูดไป

“ถืออะไรมาน่ะ”

ใบไผ่ชูของในมือขึ้นมา “ก็แค่เครื่องดื่มเย็นๆ”

“มาดื่มด้วยกันสิ” ใบไผ่เดินเอาของไปวางไว้บนโต๊ะคิมหันต์จึงเดินตามไปนั่งข้างใบไผ่

“คุณนอนไปเถอะ เดี๋ยวผมแกะให้” คนตัวเล็กเอ๋ยก่อนที่คิมหันต์จะทำตามคำสั่งนอนต่อโดยไม่พูดอะไร

“ผมมาที่นี่ได้บ่อยแค่ไหน” คิมหันต์ถามในขณะที่กำลังหลับตาอยู่

“ก็มาได้บ่อยเท่าที่คุณต้องการ”

“เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันเนอะ วันนั้นผมยังจำได้ที่ผมขอยายคุณอยู่บ้านหลังนี้ยายคุณหน้าเหวอเลย”

“คุณอะแกล้งยายผม ดีนะผมลงมาปฏิเสธทัน ไม่อย่างนั้นป่านนี้คุณคงเข้ามาอยู่ในบ้านแล้วจริงๆ” ใบไผ่พูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

“ตอนนี้ผมก็อยากอยู่ที่นี่นะ”

“อย่ามา เดี๋ยวคุณหลอกให้ผมเซ้งร้านผมจะทำยังไง”

“คุณเห็นผมใจร้ายขนาดนั้นเลยหรอ” คิมหันต์พูดพลางลืมตามาจ้องหน้าใบไผ่

“ใช่” ใบไผ่พูดด้วยน้ำเสียงหนักเน้นทำให้คิมหันต์ถอนหายใจและนอนหันหลังให้ใบไผ่

“งอนผมหรอ” ใบไผ่ถามแต่คิมหันต์ไม่ตอบอะไร

“นอนพักเถอะคุณ พักผ่อนซะ” คิมหันหน้ามาหาใบไผ่ที่กำลังพูดและจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

“จะไปแล้วหรอ”

“อือ ไปเตรียมตัวเปิดร้าน”

“ถ้าแบบนั้นผมขอรบกวนสักแปปนึงนะ”

“ตามสบายเลยครับ เครื่องดื่มพวกนี้ดื่มได้เลยนะครับถ้าหิว” คนตัวเล็กเดินลงไปยังชั้นล่างในขณะที่คนที่นอนอยู่แอบมองตามหลังอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

ใบไผ่เดินลงไปยังชั้นล่างและมีคนอายุน้อยกว่าเข้ามาช่วยเขาในตอนเช้าเป็นประจำทุกวัน ใบไผ่ชักจะเกรงใจแต่อีกฝ่ายบอกว่าเขาเต็มใจมากๆ การได้มาอยู่เป็นเพื่อนใบไผ่เป็นงานของเขาอย่างหนึ่งเหมือนกัน

ทุกวันนี้เตเล่าให้ใบไผ่ฟังว่าเขาไม่โดนเพื่อนแกล้งอีกแล้วเขาเลือกที่จะต่อสู้กับคนพวกนั้น และเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาดีใจที่ตัวเองกล้าลุกขึ้นสู้แต่ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมเผชิญกับเรื่องพวกนี้อยู่เสมอ

เขาเพียงแค่อยากแข็งแกร่งมากกว่าเดิม เพียงเท่านั้น