เช้าวันต่อมาร่างสูงลืมตาขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ ก่อนจะเหลือบไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ที่กำลังนอนหลับสนิท มุมปากคนตัวสูงกว่ายกสูงขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู

คิมหันต์ใช้นิ้วสะกิดอีกคน ใบไผ่งัวเงียเล็กน้อยพลางขยับหนีมือหนา ไม่วายก็ยังปลุกอีกคนต่อไป “คุณ ตื่นได้แล้วไม่เปิดร้านหรอ” คิมหันต์กระซิบเบาๆ แต่ทำให้คนตัวเล็กเบิกตาโพล่งรีบยกตัวขึ้นมา แต่ดันเผลอเตะคุณคิมจนนอนหงายกับพื้น

“.....” ใบไผ่อึ้งไปสักพักก่อนจะถามขึ้นมา “เป็นอะไรไหมครับ” คิมหันต์พยุงตัวเองก่อนจะมองหน้าอีกคนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะมึนงง

แต่จู่ๆ ใบไผ่ก็เผลอหลุดขำออกมา “ผะผมขอโทษ แต่มันอดขำไม่ได้”

“เหมือนตั้งใจเลยนะครับ” คนตัวสูงพูดขึ้นหลังจากเห็นอีกคนหัวเราะออกมาไม่หยุด

“อะ ลุกขึ้นมาเถอะครับ” เหมือนว่าอีกคนเพิ่งคิดได้เข้าพูดพลางยื่นมือให้อีกคนจับ

“เมื่อคืนผมเมาหนักหรอ” คิมหันต์ถามขึ้นทันทีที่กำลังลุกขึ้น

“อือ ผมไม่อยากให้คุณขับรถกลับเองมันอันตราย”

“ผมอยากนอนกับคุณพอดี”

“......” คนตัวเล็กไม่พูดตอบพลางอมยิ้มก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่อง “คุณอยากกินอะไรไหม”

“ผมไม่หิว”

“งั้นเดี๋ยวผมทำกาแฟให้ ผมไปเปิดร้านก่อนถ้าคุณอยากลงก็ลงไปได้เลย” ใบหน้าเรียวพยักหน้าเล็กน้อย คนตัวเล็กรีบดุ่มลงไปด้านล่างเพื่อเดร้านตามปกติด้านคุณคิมที่เกิดความสงสัยทันทีที่เห็นระเบียงด้านนอก

มันดูน่าค้นหายังไงไม่รู้

ริมฝีเท้าสูงโปร่งสาวเท้าออกไปยังระเบียง ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าทำให้รู้สึกสงบขึ้นมาในทันที

“อากาศดีจัง” ร่างสูงเอ่ยขณะยืนพิงระเบียงรับลมหนาวในตอนเช้า ก่อนจะแอบเดินไปนอนบนเก้าอี้ที่วางไว้และหลับตาลงไปโดยสัญชาติญาณ ไม่นานก็เผลอหลับไป

 

หลังจากเปิดร้านได้ไม่นาน คนอายุน้อยกว่าที่แสนจะคุ้นเคยเดินเข้ามาในร้าน

“มาพอดีเลย ฝากหน้าร้านหน่อยได้ไหมพี่ไปชงกาแฟแปปนึง” คนอายุน้อยกว่าพยักหน้าพลางเดินไปนั่งเฝ้าเคาน์เตอร์

“พี่ไผ่มีแขกหรอ ผมเห็นรองเท้าใครก็ไม่รู้วางอยู่”

“อือ ลุงนายไง”

“หะ มาแต่เช้าเลยหรอ”

“มานอนนี่ต่างหาก” ใบไผ่พูดเสียงเบาๆ สุดแต่อีกฝ่ายก็ยังคงได้ยินอยู่ดี

“มะมานอนที่นี่หรอ แล้วลุงอยู่ไหนล่ะ”

“นั่นสิ ทำไมยังไม่ลงมาอีก” ใบไผ่พูดพลางมองขึ้นไปด้านบนอีกฝ่ายควรลงมาแล้วสิ มัวทำอะไรอยู่

“ผมไปตามให้ไหม”

“เดี๋ยวคงลงมาเองแหละ” ใบไผ่พูดพลางก้มหน้าก้มตาทำกาแฟต่อ

“แล้วลูกค้าประจำของพี่ทำไมถึงขึ้นไปอยู่ชั้นสองนะ” เตถามขึ้นราวกับกำลังจับผิด

“......”

“พี่สองคนเป็นอะไรกันหรอ..”

“สงสัยเรื่องของฉันอยู่หรอ” คิมหันต์ตะโกนถามขณะกำลังเดินลงมาชั้นล่าง เขาได้ยินเสียงพูดกันข้างล่างเลยตื่นขึ้นมาหวังว่าจะช่วยใบไผ่ต้อนรับลูกค้า แต่ไหงเป็นไอเด็กกวนตีนนี้ไปเสียได้

“มาแล้วหรอลุง”

“มึงนี่!”

“อย่าทะเลาะกับเด็กสิคุณ” ใบไผ่พูดพลางเดินไปลากคุณคิมมานั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหาร

“กาแฟของคุณ” คนตัวเล็กวางแก้วกาแฟไว้ด้านหน้าคุณคิมพลางเอ่ยถาม “คุณทำอะไรอยู่ด้านบนน่ะนานสองนาน”

“ผมออกไปนอกระเบียงเผลอหลับไปครู่หนึ่งได้ยินเสียงคนคุยกันจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา”

“ผมก็ชอบไปนอนพักบ่อยๆ ตอนเช้าๆ บรรยากาศดีมากๆ เลย”

“ดีมากจริงๆ แต่ผมต้องไปทำงานแล้วล่ะ”

“จะกลับแล้วหรอครับ...”

“อือ ไว้ผมจะมาใหม่นะ”

“ถ้าอยากดื่มก็มาดื่มกับผมอีกได้นะ”

“คุณนี่น่ะ” คนตัวสูงกว่าลุกขึ้นพลางขยี้ผมอีกคนด้วยความเอ็นดู พลางเดินออกไปโดยไม่ลืมส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้เด็กหนุ่มที่ยืนมองอยู่ทุกการกระทำ

“พี่ไผ่เก็บอาการหน่อย”

“อะไร อย่าพูดมาก”

“พี่นี่มองง่ายจริงๆ” เตเอ่ย ใบไผ่เหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้านี้ไม่พูดอะไรเพราะจะทำงานต่อ แต่ไม่วายคุณคิมดันเข้ามาอยู่ในสมองเขาทั้งวันจนไม่เป็นอันจะทำงานกันเลยทีเดียว

 

หลังจากที่เขาขับรถออกมาจากร้านใบไผ่ คิมหันต์จึงรีบตรงไปที่คฤหาสน์ เขาตั้งใจจะไปหาแม่ตัวเองก่อนจะไปจัดการงานศพพ่อเป็นลำดับต่อไป ทันทีที่เดินเข้ามาภายในบ้านก็เจอแม่ตัวเองกำลังหาเครื่องประดับมาใส่

“ไม่คิดว่าแกจะมาหาฉันก่อน” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขณะกำลังเลือกเครื่องประดับ เพราะเขาจัดงานที่โบสถ์จึงคิดว่าคิมหันต์จะไปที่นั่นทีเดียว

“ผมแค่อยากมาคุยกับแม่ก่อน”

“มีอะไรล่ะ”

“เรื่องที่พ่อตายอย่าคิดมากล่ะ พ่อคงอยากเจอแม่มาตลอดเลยยื้อชีวิตตัวเองไว้”

“แกเป็นห่วงฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”

“แม่แข็งนอกอ่อนใน ผมรู้นะว่าแม่รู้สึกไง เพราะแม่รู้ว่าผมจะหาพ่อเจอแม่เลยส่งคนไปสะกดรอยตามผม”

“.......”

“แม่เคยถูกกีดกันในความรัก เมื่อรู้ว่าผมชอบผู้ชายแม่ก็เลยหาคู่ที่เป็นผู้ชายให้ผมแต่ก็บังคับให้ผมชอบคนที่แม่หามาให้ แม่ครับ ผมจะไม่ยอมใช้ชีวิตแบบแม่หรอกนะ” หญิงวัยกลางคนชะงักเล็กน้อยก่อนจะหยุดทุกการกระทำแล้วเอ่ยตอบกลับลูกชายตัวเองไป

“แล้วฉันเคยขอให้แกมาใช้ชีวิตแบบฉันหรือไง ถ้าฉันต้องการแบบนั้นแกคงไม่มีชีวิตที่อิสระแบบนี้หรอก”

“ในเมื่อแม่คิดว่าผมมีชีวิตที่อิสระงั้นก็ควรให้ผมมีอิสระแบบนั้นจริงๆ สักที”

“แกต้องการอะไร”

“เลิกส่งคนมาสะกดรอยตามผม”

“ฉัน....”

“ผมรู้ว่ายังมีคนคอยสะกดรอยตามผมอยู่ พอเถอะครับแม่ผมอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระสักที”

“ฉันก็ตั้งใจจะเลิกจ้างแล้ว ไม่ต้องห่วง” หญิงวัยกลางคุณลุกขึ้นหลังจากจัดการแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปนอกบ้านเพื่อมุ่งหน้ายังสถานที่จัดงานศพของสามีตัวเอง ส่วนคิมหันต์ก็นั่งรถคันเดียวกับแม่เพราะเขากลัวว่าแม่จะรู้สึกโดดเดี่ยว

 

 

ร้านใบไผ่จวบจนใกล้จะปิดร้านเพื่อนสนิทของเขาก็มาหาพอดีเพื่อชวนเพื่อนคนสนิทไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง ช่วงนี้ใบไผ่ทำงานหนักมากเบสจึงเป็นห่วง

“มีอะไรหรอ” ใบไผ่เอ่ยถามทันทีที่เห็นเบสเดินเข้ามาในร้าน

“ก็พรุ่งนี้อยากชวนแกไปพักผ่อนสักหน่อย”

“คงไม่ได้อะแกฉันปิดร้านมานานแล้ว ขอขายของบ้าง” ใบไผ่พูดขึ้นพลางเดินจัดของในร้านก่อนจะเตรียมตัวปิดร้าน

“แค่สองวัน ไม่ได้เลยหรอ”

“ไม่ได้จริงๆ” ใบไผ่พูดย้ำเบสจึงถอนหายใจบ่งบอกว่าเขาผิดหวัง

“เอาไว้ให้เงินหมุนเวียนได้คล่องมือก่อนค่อยไปเที่ยวด้วยนะ”

“ก็ได้ มีอะไรให้ช่วยบ้าง”

“ไม่ต้อง นั่งเฉยๆ ไป” เบสลุกขึ้นมาช่วยจัดแจกันให้ใบไผ่โดยไม่สนใจคำที่เขาพูด

“มีอะไรจะถาม” ใบไผ่พูดขึ้นมา “แกมีแฟนหรือยัง”

“ก็นึกว่าอะไร แกมีแฟนก่อนสิฉันถึงจะมี”

“งั้นก็เตรียมตัวขึ้นคานเหอะ”

“จู่ๆ ก็ถามทำไม แกมีแฟนหรอ”

“บ้า ก็เห็นช่วงนี้หายเงียบคิดว่ามีแฟนไม่บอกฉันซะอีก” เบสเดินเข้าเกาะไหล่ใบไผ่ก่อนจะเอ่ย “ก็ว่าจะแวะมาบ่อยๆ แต่แวะมาทีไรมีสุดหล่ออยู่ในร้านทุกทีเลยไม่เดินเข้ามา”

ใบไผ่ได้ยินแบบนั้นก็หันหน้ามาหาเบสด้วยความตกใจจึงถามขึ้นมา “แกเห็นด้วยหรอ”

“ฉันจะมาชวนแกไปเที่ยวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่เห็นแกกินเหล้ากับผู้ชายคนนั้นอยู่”

“......”

“เป็นอะไรกันอะ”

“เขาแค่มีเรื่องเครียดเฉยๆ เลยนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนเขา” ใบไผ่พูดแต่เบสแสดงสีหน้าเหมือนไม่เชื่อใบไผ่จึงพูดต่อ “พ่อเขาเสียแล้ว ฉันอยากปลอบใจเขาในฐานะคนที่เคยสูญเสียมาก่อน”

“ไม่ต้องเร่งรีบ ค่อยๆ ถามหัวใจตัวเองไป”

“ถะถามอะไรกันเล่า”

“รู้ไหมว่าตอนนี้หัวใจแกอะ ดังออกมาจนฉันได้ยินเลยนะ”

“เกินไปมาก” ใบไผ่พูดพลางยัดดอกไม้ใส่ปากเบส

“จะคอยดูแล้วกัน” เบสพูดก่อนจะถือดอกไม้ที่ใบไผ่ยัดใส่ปากเขาออกไปจากร้านด้วย

หลังจากเพื่อนสนิทตัวเองเดินออกไปอย่างงงๆ ร่างเล็กจึงรีบเข้านอนด้วยความเหนื่อยล้า ไม่วายหันไปมองที่นอนข้างๆ ที่ว่างเปล่าอย่างหวนคิดถึง นี่เขาเป็นอะไรไป

“โลภมากนะใบไผ่ เขามานอนด้วยแค่คืนเดียวก็โหยหาเขาซะแล้ว” ใบไผ่พูดก่อนจะข่มตานอนจนผล็อยหลับไปในที่สุด