เช้าวันต่อมาร่างสูงที่เผลอหลับบนพื้นเขารู้สึกตัวก่อนจะขยับตัวนวดบริเวณลำคอตัวเองเพราะความเมื่อยล้า เมื่อเริ่มดีขึ้นก็มีเสียงใครคนหนึ่งลอยผ่านมา

"คุณคิมครับ" ทันทีที่ได้ยินเสียงคนที่นั่งสงบอยู่บนพื้นจึงเงยหน้าขึ้นไปมองตามต้นเสียง

"ธัน มึงเข้าห้องมาได้ยังไง" ธันเป็นคนที่รับใช้คุณคิมโดยตรง เรียกว่ามือขวาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะไปไหนเขามักจะไปด้วยเสมอ

"คุณคิมละเมอไปเดินเปิดให้ผมครับ"

"ถามจริง" ธันพยักหน้าเบา ร่างสูงรีบยืนขึ้นพลางส่ายหัวให้การกระทำของตัวเองถึงจะไม่รู้ว่าลูกน้องคนนี้มันพูดจริงหรือเปล่าก็ตาม

"คุณคิมจะไปไหนหรอครับ"

"ทำเรื่องขายคอนโด"

"จะขายคอนโดนแล้วกลับไปอยู่คฤหาสน์หรอครับ"

"มึงอยู่กับกูมาทั้งชีวิตแล้ว ไม่รู้หรอว่ากูเกลียดที่นั่นมากแค่ไหน กูจะย้ายกลับไปทำไม"

"นั่นน่ะสิครับ ผมก็สงสัยเหมือนกัน ไม่อยู่ที่นี่แล้วคุณคิมจะไปอยู่ที่ไหนครับ"

"ที่อื่นไง" คุณคิมพูดพลางเดินไปเก็บของที่จำเป็นใส่เข้ากระเป๋าอย่างลวกๆ ธันที่เห็นแบบนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยเขาจัดการ

 

ทันทีที่ใบไผ่กลับมาเปิดร้านก็มีคนเข้าร้านมาอย่างไม่ขาดสายเนื่องด้วยความบริการดีของร้าน ใบไผ่เป็นคนที่สนใจคนรอบข้างมากรวมถึงลูกค้าเขาพยายามมองโลกในแง่บวก จนทำให้เป็นที่รักของใครหลายคน

"ยายครับเดี๋ยวผมออกไปซื้ออะไรมากินสักหน่อย ฝากร้านด้วยนะเดี๋ยวผมกลับมา" หญิงชราที่กำลังนั่งจัดช่อดอกไม้อยู่พยักหน้าหงึกๆ เป็นการตอบรับ

คนตัวเล็กเดินดุ่มๆ ไปซื้อลูกชิ้นเจ้าโปรดรอคิวเพียงไม่นานขากลับดันเจอเด็กอันธพาลกำลังหาเรื่องคนไร้ทางสู้คนหนึ่ง เด็กพวกนี้เป็นอะไรกันถึงชอบรังแกคนไม่มีทางสู้นัก

จู่ๆ เด็กผู้ชายที่กำลังโดนกลั่นแกล้งนั้นวิ่งเข้ามาหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือจากใบไผ่ จะว่าไปเขาก็ไม่ใช่คนไร้น้ำใจและใสซื่อเกินกว่าจะยอมทนอยู่ในอำนาจใคร เมื่อเห็นคนต้องการความช่วยเหลือก็อดไม่ได้ที่จะให้ความช่วยเหลือ

"พี่ช่วยผมด้วย" ผู้ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาพร้อมดึงเสื้อใบไผ่เบาๆ มือเขาทั้งสั่นและมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

"ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ ไสหัวไปซะ" อีกฝ่ายเอ่ยไล่ด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร

"ฝากถือลูกชิ้นหน่อย" คนตัวเล็กพูดพลางยื่นถุงพลาสติกขนาดเล็กให้คนที่อายุน้อยกว่าโดยไม่มองหน้าคนรับเลยสักนิด

"พูดจาดีๆ หน่อย อย่างน้อยพี่ก็แก่กว่านายหลายปี" คนตัวเล็กพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“ใช่ ก็นี่มันเรื่องของเด็กพี่อย่ามายุ่ง”

“ถามหน่อย รังแกเพื่อนนี่สนุกมากหรอ” เขาถามขึ้นแต่ไม่มีใครตอบกลับใบไผ่จึงพูด “ถ้าอยากลองดีก็เข้ามา”

อีกฝ่ายที่มพร้อมกับไม้หน้าสามเดินเข้ามาหาใบไผ่อย่างไม่ลังเลเขาคิดว่าตัวเองคงคิดผิดไป จึงรีบแกสถานการณ์อย่างทันท่วงที

“เดี๋ยวก่อน ถ้าตีพี่เนี่ยพวกนายได้กลายเป็นศพแน่ๆ” แมวตัวเล็กขู่ฟ่อแต่พอทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วสงสัยและหยุดชะงักได้

“อะไรของพี่”

“ก็พี่เป็นแฟนกับมาเฟียมียากูซ่าที่รวมมือกันอีกสิบกว่าแก๊ง ถ้าเกิดพี่เป็นอะไรไปพวกนายตายแน่”

“นี่คำของผู้ใหญ่ที่ใช้ขู่เด็กอ๋อ” หัวหน้าอันธพาลน้อยพูดก่อนจะแอบขำให้กับความเซ่อซ่าอีกคน

“อุ้บ...” อีกฝ่ายทรุดลงเพราะแรงเตะของอีกคนเข้ามาที่เป้าเขาอย่างจัง

“เห้ยพี่มึงเตะไข่ลูกพี่กูมึงไม่ตายดีแน่!!” เพื่อนอีกคนของเขาพูดพลางใช้ไม้หน้าสามชี้ไปหาใบไผ่

“แข่งวิ่งกันปะ” ใบไผ่พูดพลางยื่นมือไปจับมือคนที่อายุน้อยกว่า “วิ่ง!!” หลังจากส่งสัญญาณคนตัวเล็กรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็วไม่ลืมจูงมืออีกคนมาด้วย คนอายุน้อยกว่าวิ่งตามมาอย่างงงๆ

แต่ทันใดนั้นเขาก็โดนฉุดจากแรงของใครบางคนจนตัวปลิวรู้ตัวอีกทีก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนที่เขาแสนจะคุ้นเคยซะแล้ว อีกมือหนึ่งปล่อยมือจากคนอายุน้อยกว่าเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้

“คุณคิม!!” ไผ่ตกใจที่ตนเองดันเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดคุณคิม

“นายไปทะเลาะกับเด็กทำไม”

“เปล่าสักหน่อย ผมปกป้องเด็กคนนี้อยู่นะ” ใบไผ่พูดพลางชี้ไปยังเด็กผู้ชายที่เขาพามาด้วยทั้งสองคนหันไปมองก็พบว่าเด็กผู้ชายคนนั้นล้มลงไปกับพื้นนั่งโอดโอยโดยไม่มีใครสนใจ

“ผมกำลังจะถามอยู่พอดีเลยครับ ลงไปนั่งกับพื้นทำไม” ธันเอ่ย

“ลงมานั่งกับผีอะสิ พี่อะปล่อยมือผม ผมเลยล้มเอาก้นลงเนี่ย เจ็บฉิบหาย” เด็กคนนั้นโวยวายขึ้นมา

“พะพี่ขอโทษ” คนตัวเล็กพูดพลางยื่นมือให้คนอายุน้อยกว่าจับเพื่อลุกขึ้นสีหน้าเขาบึ้งตึงเล็กน้อยเพราะเจ็บซะเหลือเกิน

“น่าจะหนีพ้นแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ นายก็หัดสู้คนหน่อยพวกนั้นจะได้ไม่มาแกล้งนายอีก”

“ทีพี่ยังวิ่งหนีเลย”

“เอ้ามันไม่เหมือนกันสักหน่อย” ไผ่แย่งถุงลูกชิ้นของตัวเองคืนมาก่อนจะแยกเขี้ยวใส่แล้วเดินจากทั้งสองคนไป

“น่ารักจัง” คนตัวสองยืนจ้องคนตัวเล็กพลางอมยิ้มอย่างเขินอาย

“อะไรของพี่”

“ไม่ได้พูดกับมึง” เขาเปลี่ยนอารมณ์ทันทีที่ได้คุยกับเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ที่มาที่ไปคนนี้

 

 

"ไผ่ไปไหนมาน่ะ หน้าตาบึ้งตึงเชียว" เพื่อนสนิทของคนตัวเล็กที่บังเอิญมาเจอใบไผ่พูดขึ้น

"เบสกินลูกชิ้นไหม" คนตัวเล็กถามตามมารยาท

"ไม่อะมึงกินไปเหอะ"

"ขอบใจ ต่อให้มึงกินด้วยกูก็ไม่ให้หรอกกก" คนตัวเล็กยิ้มอย่างสะใจที่ได้แกล้งเพื่อน

"เอ้า ไอนี่"

"ไปนอนเล่นที่ร้านไหมมึง วันนี้คนไม่เยอะ"

"แหมมม หลอกกูให้ไปช่วยขายของอะดิ ร้านมึงคนเคยเข้าน้อยซะที่ไหน"

"เปล่าสักหน่อย"

“ไม่ต้องเลย ไปก่อนละมีธุระ” เบสพูดพลางโบกมือลา

“จู่ๆก็มีธุระเฉยเลย” ไผ่พึมพำกับตัวเอง

 

คิมหันต์ขายคอนโดที่นั่นทิ้งเพราะอยากย้ายไปอยู่อีกที่หนึ่งเขาตัดสินไปเยี่ยมพ่อที่นอนติดเตียงที่โรงพยาบาลในวันนั้น เขาใช้เงินทั้งหมดที่มีเพื่อรักษาพ่อให้อาการดีขึ้น แต่มันคงเป็นเพียงฝันการที่พ่อจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมหมอบอกว่าโอกาสเป็นไปได้ยาก

แต่หมอก็ยังบอกจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษา

"ย่าครับพ่อเป็นยังไงบ้างครับ" คนตัวสูงเอ่ยถามคุณย่าที่มักจะมาเฝ้าคุณพ่อเป็นประจำ จะให้ทิ้งไปไหนล่ะลูกชายตัวเองนี่แต่การต้องมานอนเฝ้าลูกไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยจริงๆ

ทั้งสภาพจิตใจที่ต้องแบกรับ ใครบ้างอยากจะให้ลูกชายตัวเองมีอันเป็นไปก่อนตัวเอง

"ยังคุยไม่ได้เหมือนเดิม แต่กินข้าวอะไรได้เยอะขึ้นแล้ว"

"งั้นผมขอเข้าไปเยี่ยมหน่อยนะครับ"

"คิมลูกย่าว่าจะย้ายพ่อลูกกลับไปอยู่ที่บ้านดีกว่า อยู่ที่นี่ค่าใช้จ่ายมันเยอะมันลำบาก แล้วอีกอย่างย่าก็ไม่ค่อยสะดวกมาโรงพยาบาลเท่าไหร่"

"งั้นเอาแบบนี้ไหมครับคุณย่า คุณย่าให้พ่อกลับไปอยู่ที่บ้านผมจะจ้างพยาบาลส่วนตัวให้ส่วนค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะครับ"

"ย่าว่าไม่ถึงกับต้องจ้างพยาบาลส่วนตัวหรอก ย่าดูแลเองได้"

"ย่าอย่าเกรงใจผมเลยผมยินดีช่วยนี่พ่อผมนะครับ ไม่ต้องกังวลงั้นฝากย่าจัดการเรื่องย้ายออกหน่อยนะครับผมขอเข้าไปเยี่ยมพ่อก่อน" หลังจากคุยกันเสร็จแล้วคิมหันต์จึงเข้าไปเยี่ยมพ่อ พ่อของเขายิ้มด้วยความดีใจในขณะเดียวกันก็มีพยายาบาลนำอาหารเข้ามาให้

"พ่อหิวไหมครับ" คนที่นอนอยู่บนเตียงพยายามพยักหน้า

"งั้นวันนี้ผมจะป้อนข้าวให้พ่อเองครับ" ร่างสูงพยายามยิ้มให้ได้มากที่สุดเผื่อจะทำให้พ่อตัวเองมีความสุขได้บ้าง ถึงแม้ในใจของเขาจะเศร้าแค่ไหนก็ตาม

 

 

"ทั้งหมด 250 ครับ"

"นี่ค่ะ"

"ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับ"

"ดอกไม้ของคุณคิมยังอยู่นี่แฮะแหวนก็ด้วย..." หลังจากลูกค้าออกไปเขาหันมองช่อดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ก่อนจะหยิบกล่องแหวนออกมาจากดอกไม้

"พี่!" ใบไผ่ที่กำลังจะเปิดกล่องแหวนโดยพลการนั้นสะดุ้งทันทีเพราะกลัวเจ้าของกล่องจะมาเห็นเข้า

"จำผมได้ไหม "

"อือ มีอะไรล่ะ"

"เมื่อกี้ผมเสียมารยาทไป ยังไงก็อยากมาขอบคุณพี่สักครั้ง"

"ไม่เป็นไร" เขาตอบเสียงห้วน “พี่จะทำงานแล้วนายควรกลับบ้านไปได้แล้วนะ”

“ผมชื่อเตพี่ชื่ออะไรหรอ”

“ใบไผ่น่ะ”

“แล้วพี่อยู่กับใคร..” เขาถามขึ้นเพราะไม่เห็นใครคนอื่นนอกจากใบไผ่ในร้านเลย

“อยู่กับยาย แต่ยายชอบอยู่หลังร้านมากกว่า”

“งั้นผมจะมาช่วยพี่ทุกเย็น” เด็กหนุ่มพูดขึ้น

“ไม่ต้อง นายจะมาทำไมตั้งใจเรียนไปเถอะ”

“เอาหน่าพี่ จ้างผมก็ได้” เตยืนกรานที่จะมาทำงานที่นี่ให้จนได้

“ก็ได้ แต่ก็เมื่อแม่นายอนุญาตก็แล้วกัน”

“ไม่เอาดิ อย่าบอกแม่นะ” เตร้องขอแต่มีรึคนอย่างใบไผ่จะยอม

“แบบนั้นก็ไม่ต้องทำ”

“เออๆ ก็ได้” เด็กหนุ่มตอบกลับหน้าบึ้งแต่ก็ยอมโทรหาแม่ให้ใบไผ่แต่โดยดี เขาอยากทำงานที่นี่เพียงหวังว่าจะไม่เงียบเหงาก็แค่นั้น

 

"ธัน เดี๋ยวแวะบริษัทด้วยนะ" ร่างสูงพูดกับคนขับรถในขณะที่ไม่ยอมละสายตาจากไอแพดเลย งานของเขายุ่งมากจริงๆ ทำให้เขาเลิกคิดเรื่องที่กวนใจอยู่ก่อนหน้านี้ไปสักพัก

"วันนี้มีพนักงานใหม่เข้ามาด้วยนายจะเข้าไปดูไหมครับ"

"ไม่อะ สั่งแค่ประชุมด่วนก็พอ ฉันมีเรื่องต้องประชุม"

"รับทราบครับ" ธันพูดจบก็มุ่งรถตรงไปยังบริษัททันทีโดยไม่ลืมต่อสายหาเลขาในบริษัทให้นัดประชุมด่วน

"นายครับ คือ.."

"มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาตะกุกตะกักอยู่ได้" คนที่ได้ฟังอย่างคิมโมโหขึ้นมาเพราะลูกน้องตัวเองเอาแต่พูดจาตะกุกตะกักไม่รู้ความ

"คือก่อนหน้านี้คุณนายสั่งผมว่าถ้าไม่พาคุณคิมกลับบ้านไปเขาจะไล่ผมออก"

"กูก็จะไล่มึงออกถ้ามึงพากูไปที่บ้านหลังนั้น"

"แต่คุณคิม.." คนขับรถพูดพลางถอดสีหน้าเหนื่อยใจ นี่เขาต้องอยู่ในจุดศูนย์กลางความประสาทแดกของแม่ลูกสองคนนี้ไปถึงเมื่อไหร่

"ไม่ต้องพูด ขับรถต่อไป"

"ทำไมต้องมาลงที่ผมเนี่ย" เขาบ่นพึมพำขึ้นมาไม่ได้ตั้งใจให้เจ้านายได้ยินแต่เจ้านายเขาดันได้ยินอย่างชัดเจนซะงั้น

"อย่าบ่น" ธันเงียบไม่ตอบอะไร เมื่อไหร่สองแม่ลูกจะดีกันสักที แบบนั้นมันทำให้คนที่อยู่ใกล้ปวดหัว ต่างคนต่างดื้อไม่มีใครยอมฟังใครดูก็รู้ว่าสายเลือดเดียวกันแน่นอน