2 ตอน ตอนที่ 2
โดย ชูเบล
หลังจากเหตุการณ์ร้ายแรงผ่านไปคิมถูกนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป ส่วนใบไผ่นอนเฝ้าคิมหันต์อยู่อย่างนั้นเขาเพียงหวังว่าหากครอบครัวคุณคิมมาเมื่อไหร่ เขาจะได้ไป แต่กลับกันครอบครัวของคุณคิมไม่มีใครมาเยี่ยมเขาเลยสักคน
"ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้กับคุณกันนะ" ครอบครัวของคุณคิมทันทีที่รับรู้กลับเลือกที่จะทำงานต่อไปและฝากให้ใบไผ่ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ในชีวิตพวกเขาดูแลลูกชายของพวกเขาแทน
มือเรียวหยิบผ้าเปียกน้ำผสมน้ำอุ่นขึ้นมาพลางเช็ดตัวให้อีกฝ่ายเพื่อลดอุณหภูมิเสร็จเรียบร้อยจึงวางผ้าไปบนหน้าผากอีกคน ก่อนจะจัดการนำน้ำที่เหลือไปทิ้งไม่นานคิมหันต์ก็ลืมตาขึ้นม่านตาขยับพยายามปรับสายตาเพื่อให้ตัวเองมองเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น
"ไม่ต้องถามว่าที่นี่ที่ไหนนะครับ ผมไม่ตอบ" คุณคิมถอนหายใจใส่ใบไผ่ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
"ค่อยๆ ครับ" คนตัวเล็กกว่าพูดพลางช่วยพยุงอีกคนเอาไว้
"คนที่ทำให้ผมรอดชีวิตคือคุณสินะ" คุณคิมพูดขึ้นมา
"เสียใจหรอครับที่ยังมีชีวิตอยู่" ไผ่ถามขึ้นเพราะสีหน้าคิมหันต์ดูไม่ดีใจเลยสักนิด
"เคยได้ยินไหมว่าช่วงเวลาสุดท้ายที่คนเรากำลังจะสิ้นลมหายใจมันจะทำให้เรารู้ค่าของการมีชีวิตอยู่มากขึ้น"คิมหันต์พูด พอเจอเข้ากลับตัวเองจริงๆ เขาก็รู้สึกเข็ดไม่กล้าที่จะทำมันอีกแล้ว
"คุณจะสื่ออะไร"
"ตอนที่ผมดิ้นอยู่บนนั้นผมทรมานและผมอยากกลับไปใช้ชีวิต จนคุณเปิดประตูมาช่วยผม มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมได้โอกาสในการใช้ชีวิตอีกครั้งแล้ว และคนที่ให้สิทธิ์นั้นแก่ผมคือคุณ ขอบคุณนะ"
"นี่ มันไม่ควรทำตั้งแต่แรกไหม ถ้าผมไปช่วยไม่ทันอะจะเป็นยังไง" คนตัวเล็กพูดพลางตีเข้าที่อกแกร่งไปหนึ่งป้าป
"อะ...นี่คุณดุผมหรอ” คนตัวสูงร้องออกมาเพราะโดนตีเข้าโดยไม่ลืมที่จะถามย้อนไปหาอีกคน
“ก็.. เปล่าสักหน่อย คุณหายดีแล้วใช่ไหมอย่าไปทำอะไรแบบนั้นอีกล่ะ ผมขอตัวกลับร้านก่อน”
"จะทิ้งผมไว้คนเดียวหรอ"
"อือ"
"ว่าแต่ คุณรู้จักชื่อผมแล้วคุณน่ะชื่ออะไรหรอ"
"ไม่บอกครับ แล้วคุณน่ะจำเอาไว้นะครับ ใครที่ดึงดันเข้ามาอยู่ในชีวิตคุณแต่ทำให้คุณทุกข์เนี่ย ตัดๆ มันไปเถอะครับ หัดเด็ดขาดกับชีวิตบ้าง อย่าไปแคร์คนที่เขาไม่แคร์คุณ" คนตัวเล็กเล็กพูดเชิงบ่นแต่มันทำให้อีกคนคิดได้
"นี่จะปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวจริงหรอ" เขาพูดตามหลังอีกคนไปแต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะหันกลับมาตอบอะไรเขาเลย
คิมหันต์นอนลงมือเกยหน้าผากพลางย้อนคิดถึงเรื่องเมื่อวาน เขาคงทำให้คนเดือดร้อนไม่ใช่น้อย หนึ่งในนั้นคงเป็นคนที่อยู่ใกล้เขาตั้งแต่เมื่อกี้
เจ้าของดอกไม้ที่เขาไม่เคยแม้จะทำความรู้จักเราเป็นแค่คู่ค้ากันก็เท่านั้น แล้วทำไมเขาถึงมาดูแลตัวเองแบบนี้ล่ะ ทำไมต้องสนใจกันด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา คิมหันต์ได้แต่นอนคิดอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
"ยายครับผมกลับมาแล้ว" คนตัวเล็กเอ่ยทันทีที่ก้าวขาเข้าในบ้าน
"เราเป็นยังไงบ้าง"
"เป็นห่วงผมหรอครับ ผมไม่เป็นไรหรอกหน่า"
"ก็คุณคิมมีเราคอยดูแล แต่เราไม่มีใครดูแลนิ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีก" คุณยายพูดพร้อมใช้มือค่อยๆ เกลี่ยผมของไผ่
"ผมไม่เป็นไรหรอครับ ผมแข็งแรงจะตาย"
"อดหลับอดนอนติดกันนานๆ มันเกิดผลเสียระยะยาวได้นะรู้ไหม"
"รู้แล้วๆๆ ผมไม่คุยกับคุณยายแล้ว" ไผ่ผละกอดจากคุณยายก่อนจะเดินขึ้นห้องไปแบบดื้อๆ
"ดื้อตั้งแต่เด็กยันโตจริงๆ เด็กคนนี้" คุณยายพูดพรึมพรำกับตัวเอง
กริ๊ง
"สวัสดีครับ" คุณคิมเดินเข้าร้านมาและทักทายคุณยายทันทีที่เห็นคุณยาย
"เป็นไงบ้าง หายดีแล้วใช่ไหม" คุณยายถามขึ้นตามมารยาท
"คงรู้หมดแล้วสินะครับ"
"ไม่เชิงหรอก ยายรู้จากไผ่น่ะ "
"งั้นหรอครับ คือผมมีเรื่องจะขอหนึ่งเรื่อง” เขากดเสียงลงต่ำก่อนที่จู่ๆ จะเผลอตะโกนออกมา
"ยายครับ! ผมขออยู่ที่นี่ชั่วคราวได้ไหมครับ"
"ไม่ได้!!" ใบไผ่เดินลงมายังชั้นล่างเขาแย้งขึ้นมาในทันที
"อยู่คอนโดเลย ผมไม่มีเวลามาดูแลคุณหรอกนะ" ทันทีที่ใบไผ่พูดแบบนั้นสีหน้าคิมหันต์ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นผมจะแวะมาหาคุณบ่อยๆ”
“แล้วคุณจะมาหาผมทำไมเนี่ย” คนตัวเล็กกอดอกเผยหน้าไม่ค่อยดีนักออกมา
“ขอให้ผมได้รู้จักคุณมากกว่านี้ จะได้ไหม”
“.......” ใบไผ่เงียบเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคิมหันต์ถึงพูดแบบนี้ เขาจะเอ่ยถามต่อแต่คิมหันต์ดันขอตัวและเดินออกจากร้านไปเสียก่อนทำให้เขาไม่รู้อะไรเลย
อยากเป็นเพื่อนกับเราหรือยังไง
คฤหาสน์หรูหลังหนึ่งเป็นคฤหาสน์ประจำตระกูลร่างสูง เขาเดินเข้ามาในบ้านไม่กล่าวทักทายใครเลยแม้ว่าวันนี้จะมีคนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารมากหน้ามากตาผิดปกติ ตาเรียวเหลือบมองแม่ของตัวเองที่มองเขาราวกับจะกินอย่างไงอย่างนั้น
"วันนี้วันรวมญาติหรอครับทำไมมากันพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว" คิมเอ่ยราวกับประชดประชัน ใช่สิเขาไม่ชอบคนเยอะๆ เอาเสียเลย
"นี่ แกยังมีหน้าจะมาพูดอีก" แม่ของคิมพูดขึ้นมา "นั่งลง" คิมเดินไปนั่งตามคำสั่งคุณแม่ไม่ตอบโต้อะไรกลับ เพราะไม่อยากราดน้ำมันใส่ไฟให้มันหนักมากกว่าเดิม
"แกไม่ตายก็ดี ไปขอโทษหนูซิงด้วย แม่ไม่อยากผิดใจกับแม่หนูซิง"
"แต่แม่!!!" เขาถึงกับอึ้งคำที่ออกมาจากปากมารดาของตัวเอง มีบ้างไหมที่เคยคิดละอายใจกับคำพูดแย่ๆ ของตัวเอง
"อย่าเถียง สั่งให้ทำอะไรก็ทำ" "ยกอาหารมาเสิร์ฟเลย" แม่ของคิมหันไปพูดกับแม่บ้าน
"ถ้าผมไม่ไปขอโทษล่ะ แม่จะทำยังไง" คิมพูดเชิงลองเชิง
"ฉันจะตัดแม่ตัดลูกกับแก"
"ดีครับ ผมขอลาออกจากการเป็นลูกแม่" คิมหวังว่ากลับมาคราวนี้จะได้ยินคนเป็นแม่พูดดีกับเขาบ้าง แต่ไม่เลย
แม่ไม่เคยทำเหมือนแม่คนอื่นเขาตั้งแต่หย่าร้างกับพ่อก็ทำเหมือนตัวเขาผิดที่เกิดมา เป็นเพราะแม่กับพ่อเขาต่างหากที่มีเขา เขาเคยขอให้เกิดเขามาหรือไง
"ยายครับตรงนี้มันโล่งไปผมจะปลูกอะไรดี" ไผ่พูดขึ้นมาพลางชี้ไปยังพื้นที่ที่ว่างเปล่า
"กุหลาบไหม"
"เยอะไปแล้วครับ" "จริงสิคุณยายผมขอเลี้ยงสัตว์ได้ไหม"
"แต่สวนมันจะเละเอาน่ะสิ"
"แค่แมวตัวเดียว นะครับคุณยาย"
"ยายเคยห้ามอะไรเราได้ไหมล่ะ"
"เย้ๆๆ พรุ่งนี้ปิดร้านไปซื้อแมวกันครับ" ยายพยักหน้าเบาๆ ส่วนใบไผ่วิ่งไปกอดยายด้วยความดีใจเพราะเขาอยากเลี้ยงแมวมานานแล้ว
มันทั้งช่วยเป็นที่พึ่งทางจิตใจ ทำให้เราหายจากความเศร้าได้อีกด้วย แต่ทว่าต้องเลือกดีๆ ซะละ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นนรกแทน
คิมหันต์กลับมาถึงคอนโดเขาพยายามนอนแต่นอนไม่หลับ ตอนนี้มีเรื่องที่เขาต้องคิมเต็มไปหมดไม่รู้จะทำยังไงดี
คิมมองโทรศัพท์ที่แจ้งเตือนสายเรียกเข้า หน้าจอแสดงชื่อแม่ของเขา คุณนายโทรมาหลายสายแต่คิมหันต์ก็ไม่คิดจะรับสายเลย เพราะหากรับไปก็ทะเลาะกันอีกแน่ๆๆ
เขาตัดสินใจตัดสายมารดาของตัวเองทิ้งพลางปิดเครื่องและพยายามข่มตาตัวเองให้หลับจนในที่สุดก็ผล็อยหลับไป