วันต่อมาใบไผ่เลือกจะปิดร้านหนึ่งวันเพื่อไปทำธุรกรรมที่ธนาคารหลังจากเสร็จแล้วคนตัวเล็กจึงเลือกเดินหาของมารับประทานรองท้องก่อนจะกลับไปร้านตัวเอง

หน้าจอมือถือเด้งขึ้นเผยชื่อคุณคิมหันต์ส่งข้อความมา เนื่องจากเขาไปหาใบไผ่ที่ร้านแต่ก็ไม่เจอ หลังจากใบไผ่บอกไปว่าอยู่ที่ไหนคิมหันต์จึงอาสามารับเขา คนตัวเล็กจึงตัดสินใจเดินเข้าไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวสั่งมาทานเพื่อฆ่าเวลารออีกฝ่าย

ไม่นานรถคันหรูก็จอดเทียบท่า หลังจากโดนคุณคิมโทรตามคนตัวเล็กก็รีบเดินไปหาอีกฝ่ายเพราะไม่อยากให้เขารอ

“จะไปที่ไหนอีกไหม” ร่างสูงเอ่ยถามขณะกำลังเคลื่อนตัวรถออกไป

“กลับร้านเลย”

“ไม่มีที่คุณอยากไปที่อื่นหรอ”

“ไม่มีแล้วครับ”

“แล้วกินอะไรมาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ เมื่อกี้นี้เอง”

“งานเป็นยังไงบ้าง โอเคแล้วใช่ไหม” หลังจากที่คุณคิมรัวคำถามมาใบไผ่จึงถามกลับบ้าง

“โอเคแล้ว กว่าจะโอเคก็เหนื่อยมากๆ แต่ผมก็มีส่วนผิดที่ไม่ตรวจสอบเอกสารให้ดี”

“อย่างน้อยมันก็ผ่านไปแล้ว” ใบไผ่พูดขึ้นมาคิมหันต์ยิ้มเบาๆ ให้กับคำพูดนั้น

ร่างสูงขับรถไปเรื่อยๆ และเพื่อจะทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดเขาจึงเริ่มถามคำถามกับอีกฝ่ายอีกครั้ง

“คุณขายดอกไม้หลายชนิดคุณชอบดอกอะไรมากที่สุดหรอ”

“ผมชอบที่สุดคงจะเป็น...กุหลาบขาว”

“กุหลาบขาว? ทำไมถึงล่ะ”

“มันดูสงบ สะอาด และเหมาะกับผม คุณว่าไหมล่ะ” ใบไผ่พูดพลางจ้องหน้าคิมหันต์ คิมหันต์ยิ้มพลางเอ่ย “เหมาะกับคุณจริงๆ”

 

 

“คุณคิมช่วงนี้คุณไม่ต้องมาหาผมบ่อยก็ได้ กลัวจะกระทบกับงานของคุณ”

“ถ้าเรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมเคลียร์งานเรียบร้อยแล้วก่อนจะมาเจอคุณ”

“ดีแล้วครับ” ใบไผ่พูดในขณะที่กำลังมองไปนอกหน้าต่างรถ คิมหันต์หันไปมองหน้าใบไผ่สลับกับมองทางเพราะเขารู้สึกได้ว่าใบไผ่เงียบแปลกๆ

“นายไปทำอะไรธนาคารหรอ”

“ผมเอาเงินไปเข้าธนาคารครับ”

“ทีหลังจะไปไหนมาไหนบอกฉันได้เสมอนะ ไม่ต้องเกรงใจฉันจะไปส่งนายเอง”

“ผมไม่ได้ไปไหนมาไหนบ่อยสักหน่อย ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถ้าผมหลงทางผมจะโทรหาคุณคนแรก” ใบไผ่พูด

คิมหันต์หัวเราะออกมาในขณะที่กำลังเลี้ยวเข้าซอยร้านใบไผ่พอดี เขามองไปยังร้านใบไผ่มีควันออกมาจากตรงนั้นและมีผู้คนมุงเต็มไปหมดเลย

“เมื่อกี้ผมมาไม่เห็นมีอะไรเลย” คิมหันต์พูดพลางจอดรถเว้นระยะห่างจากร้านใบไผ่ ใบไผ่ลุกลี้ลุกลนและรีบวิ่งลงจากรถเขาวิ่งฝ่าฝูงชนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับร้านตัวเอง ร่างเล็กทรุดลงกับพื้นเขายกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองด้วยความตกใจเพราะสวนหลังร้านของเขากำลังถูกไฟไหม้

“พี่ไผ่!” เตวิ่งเข้ามาหาใบไผ่เนื้อตัวมอมแมมเพราะเขากำลังช่วยดับไฟที่ร้านใบไผ่ให้เท่าที่ช่วยได้

“เต...”

“ไม่ต้องห่วงนะรถดับเพลิงกำลังมา” เตพูดก่อนจะวิ่งไปตักน้ำมาราดกองไฟที่กำลังลุกโชน ใบไผ่ตั้งสติได้เขาจึงรีบไปช่วยเตทันทีคุณคิมหันต์ก็เช่นกัน คนที่อยู่แถวนั้นต่างก็มาช่วยกันจนสุดกำลัง

ไม่นานรถดับเพลิงก็มาถึงใช้เวลาไม่นานก็สามารถดับไฟได้โชคดีที่ภายในตัวบ้านไม่เป็นอะไรมากมีแค่ส่วนที่เชื่อมกับสวนที่เสียหายคิมหันต์จึงพาใบไผ่ไปนั่งพักแถวๆ นั้น

เตเดินเอาน้ำมาให้คนตัวเล็กเขาก็รับมาแต่เขาซึมจนไม่อยากกินหรือดื่มอะไรจนคิมหันต์ต้องมากอดปลอบเขากอดใบไผ่เอาไว้ใบไผ่ตอบรับกอดนั้นก่อนจะแอบร้องไห้ออกมาไม่ให้ใครได้ยินเสียง

คิมหันต์ปล่อยให้ใบไผ่ร้องออกมาจนถึงที่สุดจนดีขึ้นคิมหันต์จึงจัดการคุยกับตำรวจและถามหาสาเหตุที่ไฟไหม้ร้านใบไผ่จนได้รู้มาว่าร้านใบไผ่ไหม้เพราะไฟฟ้าลัดวงจร ชาวบ้านได้ยินเสียงระเบิดก่อนจะเกิดเหตุไฟไหม้

คิมหันต์ตัดสินพาใบไผ่ไปนอนที่คอนโดก่อนพรุ่งนี้ค่อยให้ใบไผ่มาเช็กดูความเสียหาย คิมหันต์คิดว่าวันนี้ใบไผ่คงไม่ไหวแล้ว

 

“คุณคืนนี้ไปนอนคอนโดผมนะ”

“ผมนอนที่นี่ได้คุณห้องนอนยังไม่ไหม้สักหน่อย” ใบไผ่พูด

“ไม่ได้ ถ้าเกิดไฟลุกมาอีกจะทำยังไง อย่าปฏิเสธผมเลย”

สุดท้ายใบไผ่ยอมตอบตกลงเพราะไม่อยากให้คิมหันต์เป็นห่วง คิมหันต์จึงพาใบไผ่ไปพักที่คอนโดตัวเอง ระหว่างทางใบไผ่ก็เงียบซึมทั้งทางจนคิมหันต์ต้องชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถอึดอัด

แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนใบไผ่มากเช่นกันสุดท้ายเขาก็เลยปล่อยให้ใบไผ่ได้พักผ่อนตามอัธยาศัย จนมาถึงคอนโด

“เชิญครับ” คิมหันต์พูดพลางเปิดประตูห้องให้คนตัวเล็กเดินเข้าไปทันทีใบไผ่เดินเข้าไป คิมหันต์จึงไปเตรียมผ้าให้ใบไผ่และที่นอน

“คุณพักผ่อนตามสบายนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะดีขึ้น”

“ขอบคุณนะครับ ไม่ได้คุณคงแย่แน่ๆ” ใบไผ่พูด

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พักผ่อนเถอะ” คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะเดินตามคิมหันต์ไปยังห้องที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ตัวเอง